ซีจงจวินมาทำงานตอนเช้าและกลับตอนค่ำเหมือนเคย แต่วันนี้ก่อนปลีกตัวจากเหล่าสหาย ตงหลิงจวินก็กวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ
"เอ้า เอานี่ไป" ตงหลิงจวินยัดหนังสือเล่มหนึ่งใส่มือซีจงจวิน
"นี่คือหนังสืออะไรหรือขอรับ"
หลังจากยื่นให้ ตงหลิงจวินก็มีสีหน้ากระดี๊กระด๊าราวกับเป็นคนได้รับเสียเอง พยักพเยิดให้คนทำหน้าไม่เข้าใจรีบเปิดดู
!!!!
ดวงตาเทพอสูรแมงป่องเบิกกว้างทันทีเมื่อภาพด้านในฉายออกมาให้เห็น
มันคือ..ภาพการร่วมรัก!
เมื่อเปิดไล่ไปทีละหน้าก็พบว่าในนี้มีแต่ฉากร่วมรักเต็มไปหมด ทั้งภาพทั้งคำอธิบายชัดเจนแจ่มแจ้ง!!
หลายท่าหลายทางดูพิสดารทว่าอัศจรรย์นัก ช่างดึดดูดสายตาน่าลองทำตามยิ่ง
"เขาเรียกว่าตำราวังวสันต์"
ตงหลิงจวินกลั้นหัวเราะกับท่าทางของซีจงจวินที่ไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนในชีวิต
"..ตำรา..วังวสันต์?" ซีจงจวินทวนคำโดยที่ดวงตายังคงจดจ้องภาพการร่วมรักน่าอภิรมย์ค้างอยู่เช่นนั้น
"ใช่ เป็นของที่มีขายในโลกมนุษย์"
คราวนี้ซีจงจวินหันมาขมวดคิ้วมองตงหลิงจวินที่ยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิก "พี่ตงหลิงมีได้อย่างไรขอรับ"
"จะยากอะไร เมียข้าไปหาซื้อมาไว้เต็มบ้าน"
"ภรรยา..ของท่าน!?" พอได้ยินดังนั้น คนฟังถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
"ก็ใช่น่ะสิ เจ้าก็รู้ว่านางเป็นกระต่าย กระต่ายน่ะชอบเรื่องแบบนี้ที่สุด ไม่อย่างนั้นข้าจะมีลูกเป็นคอกๆได้อย่างไร"
ซีจงจวินกะพริบสองสามที ของแบบนี้สตรีซื้อได้ด้วยหรือ?
"รีบเอากลับไปดูที่บ้านเจ้าไป เมียข้าบอกว่าเล่มนี้เด็ดที่สุดแล้ว ท่าพวกนี้ใช้ไม่กี่ครั้งก็ติดลูกเป็นเข่ง เชื่อข้า แล้วนางจะติดใจ"
ตงหลิงจวินรับประกัน รีบงับหนังสือในมือซีจงจวิน แล้วไล่ให้เขากลับบ้านไปหาภรรยาเร็วๆ
"รีบไปพาเซียนนารีของเจ้าขึ้นสวรรค์ได้แล้ว"
"แต่นางไม่มีธุระบนสวรรค์นะขอรับ"
"ข้าไม่ได้หมายถึงสวรรค์จริงๆสักหน่อย" ตงหลิงจวินกุมขมับกับความซื่อบื้อของบุรุษหน้าตาย "เอาเป็นว่าหากอยากเห็นสวรรค์ก็รีบกลับบ้านไปเสีย"
ก่อนจากกันก็ยังไม่วายหันมาส่งยิ้มทะเล้นให้อีกหนึ่งหน ทำเอาอีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูกทีเดียว
...ตำราเล่มนี้ทำให้ได้ลูกเป็นเข่งเชียวหรือ
หากมีลูกด้วยกันแล้วจะยิ่งผูกพันกันมากขึ้นใช่หรือไม่...
ซีจงจวินนึกถึงภาพบรรยากาศที่มีเด็กตัวเล็กวิ่งเล่นล้อมหน้าล้อมหลัง พูดคุยเจื้อยแจ้ว หัวเราะร่าเริงในบรรยากาศครึกครื้นดังเช่นครอบครัวของเหล่าสหายที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว
...แม้จะไม่คุ้นชินแต่มันต้องดีมากแน่
ชักอยากจะทดสอบอานุภาพของหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเสียแล้ว
ซีจงจวินกำลังอารมณ์ดี แต่เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้ากลับเศร้าหมองลงทันตา
ลืมไปว่ามี่ฮวาไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้มากกว่าระยะสิบฉื่อ เป็นเช่นนี้จะมีลูกได้อย่างไร..
ในที่สุด ซีจงจวินกลับบ้านทำมื้อเย็น ระหว่างกินข้าวก็นั่งแอบมองภรรยาอยู่ไกลๆหนหนึ่ง
เพียงหนเดียวเท่านั้น...
เขาอยากจะพูดกับนางสักคำ นางจะอนุญาตหรือไม่นะ
"มี่ฮวา" เสียงเรียกทุ้มเข้มไม่ได้ทำให้คนถูกเรียกหันมามอง ราวกับนางไม่ได้ยิน
"มี่ฮ.."
"มีอะไรก็รีบพูด ได้ยินเสียงเจ้าแล้วข้าไม่อยากอาหาร"
แค่คำพูดไม่กี่คำก็สั่นสะเทือนจิตใจของซีจงจวินมากมายราวเกิดแผ่นดินไหวข้างในอก ทั้งที่แค่อยากคุยกันให้มากขึ้นเท่านั้นเอง..
"อร่อยหรือไม่"
สุดท้ายซีจงจวินก็เลือกถามประโยคสั้นๆธรรมดา ด้วยกลัวว่าพูดยาวกว่านี้แล้วภรรยาจะพาลไม่กินไปเสียดื้อๆ
"หากบอกว่าไม่อร่อย เจ้าจะไปทำให้ข้าใหม่รึ"
"...ถ้าท่านอยากกินเพิ่ม ข้าจะ.."
"กว่าเจ้าจะทำจานใหม่เสร็จ ข้าก็หมดอารมณ์จะกินแล้ว"
ได้การประชดประชันมาแทนคำตอบ ซีจงจวินก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ
"ไปเตรียมน้ำไป ข้าเหนียวตัวจะแย่แล้ว"
ได้ยินคำสั่ง ข้าวที่ยังไม่หมดถ้วยในมือก็ต้องถูกวางลง
ช่างมันเถิด... กินเท่านี้ก็ได้...
ซีจงจวินไม่รู้เลยว่าระยะนี้ร่างกายเขาเริ่มซูบโทรม และไม่คิดจะสนใจด้วย
เตรียมน้ำเสร็จก็กลับมาเก็บสำรับ สังเกตว่าเจ้าชิงเหลียงไม่อยู่แล้ว ปล่อยให้ซวนเฟยมาช่วยอยู่คนเดียว
"ชิงเหลียงหายไปไหน" เขาหันไปถามเจ้าครึ่งนกที่พยายามใช้ปีกของมันพยุงจานไม่ให้ร่วงหล่น
"นายหญิงให้ชิงเหลียงเข้าไปในห้องอาบน้ำด้วยขอรับ"
เพล้ง!!
ฟังเพียงเท่านั้น จานในมือซีจงจวินหล่นแตกกระจายทั่วพื้น
"นายท่าน! เป็นอะไรไปขอรับ!?"
ซวนเฟยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ซีจงจวินไม่สนใจอีกแล้ว เขาก้าวเข้ามาเร็วๆ เท้าเหยียบเศษจานเต็มๆแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บสักนิด
"ทำไมมี่ฮวาถึงให้มันเข้าไป"
ซวนเฟยเริ่มตัวสั่นเมื่อเห็นว่าใต้ฝ่าเท้าของผู้เป็นนายมีเลือดสดไหลเจิ่ง
ใบหน้าที่ดูดุอยู่แล้ว บัดนี้ดูเหี้ยมเกรียมราวอสูรร้ายจ้องจะกลืนเหยื่อลงท้องทั้งเป็น
"ตอบมา!"
"นายหญิงแค่ให้เข้าไปรับใช้เท่านั้นขอรับ พวกเราไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆขอรับ"
..พวกเรา?
"เจ้าก็เคยเข้าไปหรือ"
"ขอรับ.. ข้าน้อยเข้าไปถูหลังและผสมน้ำมันหอมในอ่างให้นายหญิงเมื่อเย็นวานขอรับ"
ซีจงจวินยืนนิ่ง สติเขาหลุดหายไปไกลแสนไกล
"นายท่าน เลือดไหลใหญ่แล้วนะขอรับ"
เสียงของซวนเฟยไม่ได้เข้าหูเลยสักนิด
คนรับใช้ที่เป็นสัตว์อสูรสองตัวนี้ แค่มาอยู่ที่นี่ไม่นานก็ได้รับความไว้ใจตั้งมาก
แต่ทำไมเขาที่เป็นสามี.. กลับไม่เคยเข้าใกล้นางได้เลย
ซีจงจวินกัดฟันกรอด มือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่แขนปูดโปน
ตอนนั้นเองมี่ฮวาอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาพอดี และต้องตกใจมากเมื่อเห็นซีจงจวินทำหน้าตาราวกับยักษ์มาร ส่วนซวนเฟยตัวน้อยยืนร้องไห้ตัวสั่น
"เจ้าจะทำอะไรซวนเฟยน่ะ!?"
เสียงนางเรียกสติทั้งสอง ชายหนุ่มเงยหน้ามองภรรยาที่เดินเข้ามาจูงมือเด็กรับใช้ออกมาให้ห่าง
นางเป็นห่วงมันขนาดนี้เชียวหรือ...
"ไม่ใช่นะขอรับนายหญิง นายท่านแค่ทำจานตกแตก ข้าตกใจที่ท่านเหยียบมันเข้าจนเลือดไหลขอรับ" ซวนเฟยเอ่ยแก้ต่างให้ซีจงจวิน ก่อนชี้ลงไปยังฝ่าเท้าของผู้เป็นนาย
มี่ฮวามอง เห็นพื้นไม้เปื้อนเลือดเต็มไปหมดก็มีสายตาขุ่นเคืองกว่าเก่า
"สะเพร่า!"
นางว่ามาคำเดียว ดั่งศรเกาทันฑ์นับพันดอกพุ่งปักร่างไม่ให้ขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว
..สะเพร่าหรือ..?
"เจ้าทำจานแตกมากขนาดนี้ คราวหลังบ้านนี้ไม่ต้องใช้ใบไม้ห่อข้าวกินหรือ!?"
ขนาดจานข้าวยังได้รับความเป็นห่วงมากกว่าตัวเขาเสียอีก
เช่นนี้..ไม่สมควรให้น้อยใจได้หรือ...
แต่ต่อให้เสียใจ น้อยใจอย่างไร คนพูดกลับไม่อาจเปิดเผยได้ ด้วยเกรงจะทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตกว่าเดิม
ยอมๆไปจะได้จบลงด้วยดี..
"ขออภัย"
"เจ้าขอโทษข้ามากี่ครั้งแล้ว เคยนับบ้างหรือไม่"
ซีจงจวินตอบไม่ได้ ทำได้เพียงส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ
"คำขอโทษของเจ้าไม่มีความหมายหรอก ถ้าเจ้าจะใช้มันบ่อยขนาดนี้"
เชิดหน้าว่าจบ นางก็หันหลังสะบัดชายอาภรณ์เดินกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ปล่อยให้ซวนเฟยและชิงเหลียงเข้าไปช่วยซีจงจวินทำความสะอาด
ในสายตานาง เด็กสองตัวนั้นคือบ่าว และชายผู้นั้นคือหัวหน้าบ่าว หาใช่สามี...
ซีจงจวินหลบไปนั่งทำแผลเงียบๆคนเดียวส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงได้แต่ส่งสายตาให้กัน ก่อนเก็บเศษจานเศษแก้วแล้วเช็ดคราบเลือด
พวกมันมองว่าขนาดครอบครัวสัตว์อสูรในป่าที่เคยอาศัยอยู่ยังอบอุ่นกว่านี้มากนัก...
..ค่ำคืน..
มี่ฮวาหลับไปแล้ว แต่ซีจงจวินยังไม่นอน
ความเครียดผสมกับความเสียใจทำให้ต้องหาที่ระบายอารมณ์ เพื่อให้เขาผ่อนคลายขึ้น
ตำราวังวสันต์ถูกเปิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทีละหน้า
ใช้เวลาอยู่ค่อนคืนกว่าซีจงจวินจะอ่านจบ และเมื่ออ่านจบ สมองก็ไม่อาจหยุดขบคิดได้
ภาพความสุขสมในนั้น ปลุกกำหนัดให้ตื่นขึ้นอย่างไม่อาจละเว้น
ซีจงจวินเลือกท่าในหนังสืออย่างตื่นเต้น คิดไปว่ามีมี่ฮวาเป็นคนสนองความใคร่นี้ร่วมกัน
"อ่าา..มี่ฮวา..."
เสียงเรียกหาด้วยความพิศวาส ขณะเอาแก่นกายท่อนยักษ์กดทับผ้าห่มหนาที่ม้วนให้ยาวคล้ายรูปร่างคน
อวัยวะแข็งร้อนถูไปมากับความนุ่มนิ่มของผ้า แรกเริ่มจากช้า ไม่นานเปลี่ยนเป็นกระชั้นถี่
"มี่ฮวา..มี่ฮวา.."
เรียวปากเขาชื่นชอบที่จะได้เรียกชื่อภรรยามากๆ พร้อมทั้งส่งเสียงคำรามเมื่อแตะถึงห้วงอารมณ์เสียวซ่าน
มือชักรูดที่แท่งหินข้างหนึ่ง ข้างที่เหลือลูบไล้ม้วนผ้า ยกขึ้นมากอดรัดแนบกาย ลิ้นร้อนยาวไล่เลียมันราวกับจะทำให้เปียกทุกอณู
"อ่าาา..."
สัมผัสผสมกับจินตนาการล้ำเลิศของบุรุษ ทำให้ซีจงจวินถึงฝั่งฝันดั่งใจ ทว่าอารมณ์เขายังค้างคา เมื่อลองท่าแรกไปแล้ว ท่าที่สอง สาม สี่ และห้าก็ตามมาติดๆ
หนังสือภาพวังวสันต์ถูกกางอยู่กลางเตียงซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำคาวขาวหนืด ซีจงจวินไม่อาจหยุดเสียงสั่งในหัวของตัวเองได้
เมื่อคิดว่าทำจนพอแล้ว ก็หยิบม้วนผ้าห่มขึ้นมาเพ่งพินิจ คิดเสียว่านี่คือร่างของภรรยาคนงาม
"มี่ฮวา..ข้ามีความสุขเหลือเกิน"
ราวคนสติฟั่นเฟือน ชายหนุ่มคุยกับนางในห้วงความคิดแล้วแย้มยิ้มพอใจเมื่อได้ยินคำตอบในสมองบอกว่า นางก็มีความสุขเช่นกัน..
ในความเป็นจริงแล้ว มี่ฮวาไม่อาจมารับรู้มุมเช่นนี้ของเทพอสูรได้
และหากรู้ ซีจงจวินเดาไม่ออกเลยว่าสีหน้านางจะเป็นแบบไหน...
รู้แต่ว่าต้องไม่พอใจมากแน่ แค่ขนาดเขาเห็นนางเปลือยร่างจะแช่น้ำวันนั้น ยังโดนโกรธเสียมากมาย
"ข้าทำสิ่งใดผิดหรือ"
"..."
"หากข้าคัดคัมภีร์ขอโทษท่านสักพันม้วน.. ท่านจะหายโกรธหรือไม่"
เขาถามผ้าห่มผืนนั้น และมันไม่ตอบเหมือนเคย
"เราเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรือ ทำไมเราถึงห่างเหินกันขนาดนี้"
"..."
"ข้าต้องทำอย่างไรท่านถึงจะยอมรับ"
ในห้องนี้ไม่มีเสียง ไม่มีคำตอบ ไม่มีความเข้าใจ
ไม่มี..ความสุข
เช่นนี้คือความเศร้าหรือเปล่า...
เศร้าเพราะนางที่รักไม่อยากแม้แต่จะชายตาแล แม้แต่สัมผัสตัวสักนิดก็ไม่เคย
เศร้า.. เพราะเพียงรับรู้ถึงการมีตัวตนก็ถูกรังเกียจ ถูกมองอย่างขยะแขยง
เศร้า..เพราะภรรยาแสนรัก.. ไม่รักตอบ
ซีจงจวินอยากได้ความรัก...
แม้กายอยู่ใกล้ แต่ใจนางอยู่ไหนกัน...
"ข้ารักท่านนะ"
"..."
"รักข้าบ้าง.. สักนิดได้หรือไม่"
"..."
หลังจากถามไป สมองของซีจงจวินก็สั่งให้เขายิ้มออกมาเสียเฉยๆ
รอยยิ้มบางนั้นมาจากการบอกกับตัวเองว่า ..สักวันก็จะได้รักตอบ
..ขอแค่รออีกหน่อย..
อดทน..รออีกไม่นานหรอก..
นางจะต้องใจอ่อนกับความพยายามที่เขามี และความรักที่เขาทุ่มเทมอบให้
...อย่าพึ่งหมดหวังเลย แค่นี้เขาทนได้...
แล้วซีจงจวินก็ย่องออกไปอาบน้ำชำระกายที่น้ำตก รวมถึงซักผ้าปูที่นอนและผ้าห่มกลางดึก
เขาจะไม่คิดถึงเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นวันนี้อีก เพื่อให้ตัวเองได้สู้ต่อ
และหากมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น เขาก็จะทำใจเย็นเข้าไว้ เพื่อมาระบายอารมณ์คนเดียวในตอนกลางคืน
อย่างน้อย.. ก็พอจะทดแทนความรู้สึกที่เสียไปได้บ้าง
คืนวันผันเปลี่ยน มี่ฮวากับซีจงจวินอาศัยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาแต่แก่นแท้ในความสัมพันธ์กลับไม่พัฒนาไปไหนเลย..มีเพียงเทพอสูรที่จงรักชนิดยอมตายถวายหัว ไม่รู้เพราะเหตุนั้นหรือเปล่ามี่ฮวาที่ถูกตามใจตลอดถึงเคยตัวเช่นนี้หญิงสาวนั่งเล่นอยู่ในห้องชมสวนเหมือนอย่างเคย กำลังปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นสีแดงสดใสปลายยามอู่ ผ้าเช็ดหน้าแสนสวยก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย"นายหญิงขอรับ มีคนมาขอพบขอรับ"เสียงของซวนเฟยเรียกสายตาจากผู้เป็นนายให้หันไปมองอย่างสงสัย"ใครหรือ""เขาบอกว่าชื่ออวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้น ดวงตากลมเบิกกว้างทันทีท่านอวี้เวินฉิงมาได้อย่างไรกัน?"ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" มี่ฮวารีบลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้า เดินออกไปรับแขกยังหน้าเรือนที่หน้าประตูมีร่างชายผู้หนึ่งยืนตัวตรงสง่า สายตาจ้องมองมาที่นางสื่อความคิดถึงเสียมากมายจนไม่อาจปิดกั้น"มี่ฮวา"บุรุษรูปงามที่แสนคุ้นเคยเรียกชื่อนางอย่างยินดี รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าดูราวกับเขามีความสุขเหลือเกิน"คารวะท่านอวี้เวินฉิง" มี่ฮวาเอ่ย ทำความเคารพพร้อมส่งยิ้มให้เช่นกันอวี้เวินฉิงน้ำตารื้นเมื่อมองสาวงามตรงหน้า ก่อนเดินเข้ามาจับมือนุ่มกุมไว้"มี่ฮวา..
คืนนั้นหลังจากมี่ฮวาเข้านอน ซีจงจวินย่องเดินไปรอบบ้านเขาได้กลิ่นแขกของภรรยาชัดเจนที่สุดก็คือที่ห้องชมสวน เดาว่าคงพามานั่งตากลมชมทิวทัศน์"นายท่านขอรับ"ชิงเหลียงกับซวนเฟยเอ่ยเรียกซีจงจวินซึ่งนั่งทับตรงตำแหน่งที่แขกของมี่ฮวานั่งเมื่อกลางวันราวกับจะกลบกลิ่นของเขาคนนั้น..."แขกของมี่ฮวา.. เป็นใครหรือ"น้ำเสียงคนถามสั่นเล็กน้อย สัตว์อสูรทั้งสองรับรู้ได้ถึงอารมณ์อ่อนไหวของเขาเพราะเจ้าตัวรู้แต่แรกว่ากลิ่นนี้.. ไม่ใช่ของสตรีจมูกเขาทำงานดีเกินไป สมองรับรู้และจำได้ว่ามันมาจากเครื่องหอมที่นิยมใช้ในหมู่เซียนบุรุษ"เป็นเซียนหนุ่มนามว่าอวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้นหัวใจเกิดแตกร้าวลึก ดั่งรอยแยกหุบเหวอเวจี"อวี้เวินฉิง..อย่างนั้นหรือ" น้ำเสียงที่รอดไรฟันออกมาฟังดูขุ่นมัวตามอารมณ์คนพูดอวี้เวินฉิงผู้นี้ ซีจงจวินจำได้ดีว่าเขาเป็นใครเทพอสูรทั้งสี่จำเป็นต้องรู้รายชื่อเทพและมารที่มาเยือนเขาสวรรค์ทุกห้าพันปี และต้องจำให้ได้เพื่อเวลาทำความเคารพจะได้เรียกถูกคนเขาคือหนึ่งในเซียนผู้ให้แสงแก่แดนอุดร รูปร่างหน้าตานั้นซีจงจวินไม่ได้ใส่ใจมองนัก แต่เท่าที่รู้คือมีรูปกายงาม เป็นที่ต้องตาในหมู่สตรี"เขามาท
ค่ำคืนหวนกลับมาอีกครา..อสูรรับใช้ทั้งสองรับหน้าที่ทำอาหารและงานบ้านทั้งหมด ส่วนซีจงจวินเก็บตัวหลังจากกลับถึงบ้าน ไม่ยอมออกจากห้องที่ความหดหู่ฝังอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ "นายท่านขอรับ" เสียงชิงเหลียงเอ่ยเบาๆตรงหน้าห้อง พร้อมกับเลื่อนประตูเปิดเข้ามา ในมือมีถาดสำรับง่ายๆซึ่งเหลือไม่มากแล้ว"นายท่านกินอะไ..""ข้าไม่หิว เอาออกไป" ซีจงจวินพูดตัดบท ชิงเหลียงได้แต่ยืนนิ่งมองถาดในมือสลับกับคนบนเตียง"แต่นายท่านไม่กินอะไรมาหลายวันแล้ว ข้าน้อยคิดว่าสมควรกินสักนิดนะขอรับ""ข้าไม่อยากกิน" ซีจงจวินพูดเสียงเข้มขึ้น ต่อให้ถูกเอามายัดเยียดถึงปากก็ไม่ยอมกินหรอกสุดท้ายชิงเหลียงจึงต้องเอาออกไป พอดีกับที่มี่ฮวาเดินออกมาจากห้องน้ำ"เจ้าเอาถาดข้าวมาทำอะไรตรงนี้"เสียงหวานเอ่ยถามไม่ไกลจากหน้าห้องของซีจงจวิน ทำให้หูของคนประสาทรับเสียงดีกระดิกเล็กน้อย"ข้าน้อยเห็นว่านายท่านยังไม่กินอะไรเลยจัดมาให้ขอรับ และช่วงนี้นายท่านก็กินน้อย เกรงจะทำให้ป่วยได้ขอรับ"เจ้าครึ่งงูดูเป็นห่วงเอามากๆ ไม่เสียแรงที่ซีจงจวินช่วยเหลือมันเอาไว้เมื่อสามร้อยปีก่อน"นายหญิงขอรับ นายท่านอาจจะกำลังไม่สบายอยู่ก็ได้ ข้าน้อยว่านายหญิงลองเข้าไป
เช้าวันรุ่งขึ้นชิงเหลียงกับซวนเฟยเข้ามาช่วยซีจงจวินใส่เสื้อผ้า และบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร เพราะพวกมันเรียนรู้การทำจากเจ้านายแล้วเมื่อเห็นว่านายท่านไปทำงานเรียบร้อย อสูรรับใช้ทั้งสองวิ่งเข้าครัวทำอาหารนิดหน่อย ยกสำรับมาให้มี่ฮวา"นายหญิงขอรับ นี่พวกข้าน้อยเองขอรับ" ซวนเฟยเรียกคนในห้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ"นายท่านไปทำงานแล้วขอรับ เปิดประตูให้พวกข้าน้อยเถิดขอรับ" ชิงเหลียงเอ่ยบ้าง หลังจากนั้นต้องรอเกือบหนึ่งก้านธูปกว่าบานประตูถึงจะถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อยใบหน้านางไม่สดใสเอาเสียเลย ดูก็รู้ว่ามัวแต่หวาดระแวงจนไม่ได้นอน"สำรับนี้พวกข้าน้อยทำกันเอง นายหญิงกินเข้าไปหน่อยเถิดขอรับ"ถาดอาหารที่มีข้าวและกับสามอย่างถูกยื่นมาตรงหน้า ทั้งสองกะว่าหลังจากกินเสร็จก็จะค่อยๆพูดตะล่อมให้นายหญิงใจอ่อนลง ยอมปรับความเข้าใจกับนายท่านแต่มี่ฮวาไม่รับ เพียงมองไปยังเจ้าครึ่งนกสายตาครุ่นคิด"ซวนเฟย เจ้าบินได้หรือไม่""ได้ขอรับ" ซวนเฟยตอบด้วยสีหน้างงงวย เหตุใดนายหญิงถึงถามเช่นนั้น"เอานี่ไปส่งที่วังของข้าที่แผ่นดินอุดร"มี่ฮวายื่นกระบอกใส่จดหมายทำจากไม้เนื้อดีลงรักฝังทองเป็นลวดลายสวยงามมาให้ "บอกคน
ที่วังของชุนหรงเซิน เหล่าพี่สาวแตกตื่นกันใหญ่เมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กมายืนอยู่ในตำหนักกลาง"เกิดอะไรขึ้นมี่ฮวา ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนกลับมาแบบนี้" ฉาฮวาวิ่งเข้ามาจับแขนน้องด้วยความเป็นห่วง"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""เจ้าดูไม่สดใสเลย"สองแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ยถาม"ซีจงจวินทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่" จวี๋ฮวาตามพี่สาวคนอื่นๆเข้ามายืนรุมล้อมมี่ฮวา สารพัดคำถูกถามจนเลือกตอบไม่ถูก"ใจเย็นก่อนลูกๆ" เสียงบุรุษหนึ่งเดียวในตำหนักเอ่ย คือบิดาของพวกนางทั้งหมดชุนหรงเซินมองมี่ฮวาสายตาเรียบนิ่ง เดินมานั่งลงตรงโต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งผายมือชวนให้ลูกๆทุกคนนั่งลงด้วย"เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงหนีมาเช่นนี้"มี่ฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเริ่มเปิดปาก"ลูกทนอยู่กับเจ้านั่นต่อไม่ได้แล้วท่านพ่อ"พี่สาวทั้งเจ็ดหันมองหน้ากัน พวกนางต่างคิดว่าเทพอสูรองค์นั้นต้องกระทำการโหดร้าย ย่ำยีจิตใจมี่ฮวาจนไม่เหลือชิ้นดี"เขาทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว!" ไป่เหอลุกว่าเสียงดัง แต่ก็โดนสายตาดุๆของพ่อจ้องมาทำให้ต้องเก็บกิริยา"เหตุใดถึงทนต่อไม่ได้""เพราะลูกเกลียดเขาตั้งแต่ยังไม่แต่ง ท่านพ่อก็ร
คืนนั้นหลังจากพวกพี่สาวมานั่งคุยเล่นกับมี่ฮวาและพึ่งงีบไปได้ไม่นาน บิดามารดาก็เข้ามาพบอีก"มี่เอ๋อร์ เรื่องหย่านั่นพ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ" ชุนหรงเซินเข้ามานั่งข้างๆ ฮูหยินเองก็จับมือนางลูบหัวเบาๆ"ลูกลองกลับไปคุยกับซีจงจวินก่อนดีหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องอาศัยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย""แต่ลูกเกลียดเขา แค่พูดเกินยี่สิบคำลูกก็ไม่อยากฟังแล้วเจ้าค่ะ""มี่เอ๋อร์ เจ้าเอาแต่ใจมากไปหรือไม่ จะเกลียดชังผู้ใดก็ต้องมีเหตุผลกว่านี้สิลูก" ฮูหยินเอ่ย มี่ฮวาฟังแล้วหน้าง้ำทำแง่งอน"เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แล้วยังดูรักลูกมากด้วย ทำไมถึงเกลียดเขานักล่ะ"ฮูหยินถามอย่างจริงจังทำให้มี่ฮวาเงียบไป กลับมานั่งคิดว่าอะไรเป็นเหตุให้เกลียดถึงเพียงนั้น...คำตอบคือ นางก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่เพียงว่าหัวใจนางสั่งให้ไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ..อคติเหล่านั้นทำให้นางตั้งแง่อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความเป็นธรรมให้ซีจงจวินเลย...ทุกครั้งที่มองซีจงจวิน มี่ฮวารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก็มีเพียงคำสั่งว่าให้เกลียดเขาจนถึงที่สุดเท่านั้นทำไมกันนะ..."ลูกแค่ไม่อยากอยู่กับเขาเจ้
บ่ายคล้อย ทุกคนกลับถึงเรือนของซีจงจวิน ชิงเลียงออกมาต้อนรับอย่างดีใจแต่มี่ฮวาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงหันมองเทพอสูรแวบหนึ่งเขา..ตอนนี้ยังไม่กล้าสบตานาง แต่ก็ยังคอยเดินตามไม่ห่างคนรับใช้จากวังขนหีบนับสิบใบลงมา นำเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ซีจงจวินที่เป็นคนจัดของกลับเข้าที่ตั้งแต่เข้ามา ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ซีจงจวินเพียงทำนู่นทำนี่ในบ้านไปเงียบๆ ส่วนมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งพักผ่อน ครู่หนึ่งเขานำขนมกับน้ำชามาวางให้เผื่อนางหิวหญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเขานั่งเฝ้าตรงมุมห้องก็เกิดสงสัยขึ้นมา"วันนี้ไม่ทำงานหรือ"ได้ยินคำถาม ซีจงจวินเงยมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรีบพูดเกินยี่สิบคำ"ทำไมถึงไม่ไปทำงาน""ข้าไม่อยากไป" เขาเอ่ยเสียงเบากว่าลมพัดไม่อยากไปเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตา นางจะหนีอีกอยากเฝ้าอยู่เช่นนี้ทั้งวัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งมี่ฮวาเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ซีจงจวินชักจะเอาแต่ใจเกินไปหรือไม่ คิดจะหยุดก็หยุดเลยเช่นนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรหรือแต่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้เริ่มทำตามแผนที่พี่สาวแนะนำมา.."ตามใจเจ้า อยู่บ้านบ้างก็ดีวันนี้จะได้กินข้าวกันเร็วหน่อย""หิวมาก
รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืนทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นหญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำมี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต"อืม..."ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูงท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส