ที่วังของชุนหรงเซิน เหล่าพี่สาวแตกตื่นกันใหญ่เมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กมายืนอยู่ในตำหนักกลาง
"เกิดอะไรขึ้นมี่ฮวา ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนกลับมาแบบนี้" ฉาฮวาวิ่งเข้ามาจับแขนน้องด้วยความเป็นห่วง
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
"เจ้าดูไม่สดใสเลย"
สองแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ยถาม
"ซีจงจวินทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่" จวี๋ฮวาตามพี่สาวคนอื่นๆเข้ามายืนรุมล้อมมี่ฮวา สารพัดคำถูกถามจนเลือกตอบไม่ถูก
"ใจเย็นก่อนลูกๆ" เสียงบุรุษหนึ่งเดียวในตำหนักเอ่ย คือบิดาของพวกนางทั้งหมด
ชุนหรงเซินมองมี่ฮวาสายตาเรียบนิ่ง เดินมานั่งลงตรงโต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งผายมือชวนให้ลูกๆทุกคนนั่งลงด้วย
"เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงหนีมาเช่นนี้"
มี่ฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเริ่มเปิดปาก
"ลูกทนอยู่กับเจ้านั่นต่อไม่ได้แล้วท่านพ่อ"
พี่สาวทั้งเจ็ดหันมองหน้ากัน พวกนางต่างคิดว่าเทพอสูรองค์นั้นต้องกระทำการโหดร้าย ย่ำยีจิตใจมี่ฮวาจนไม่เหลือชิ้นดี
"เขาทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว!" ไป่เหอลุกว่าเสียงดัง แต่ก็โดนสายตาดุๆของพ่อจ้องมาทำให้ต้องเก็บกิริยา
"เหตุใดถึงทนต่อไม่ได้"
"เพราะลูกเกลียดเขาตั้งแต่ยังไม่แต่ง ท่านพ่อก็รู้นี่เจ้าคะ นับวันเขายิ่งทำตัวน่ารำคาญ ลูกเบื่อขี้หน้าจนเกินทนแล้ว ลูกอยากหย่าเจ้าค่ะ"
"มี่เอ๋อร์ ตั้งแต่ฟังมาพ่อยังไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่ลูกเบื่อกับรำคาญคืออะไร"
ได้ยินเท่านั้นมี่ฮวาก็ขึ้นเสียงไม่พอใจ คิดว่าพ่อเข้าข้างซีจงจวิน
"ก็เขาเป็นคนไม่ดี! เจ้าเล่ห์ใช้กลลวงท่านพ่อให้ยกลูกสาวให้ เช่นนั้นจะให้ลูกชอบเขา ทนอยู่กับเขาได้อย่างไรเจ้าคะ"
"มี่เอ๋อร์ ซีจงจวินไม่เคยใช้กลอุบายหลอกพ่อ ที่พ่อให้ลูกแต่งกับเขาเพราะเห็นว่าเขาดีจริงๆ"
มี่ฮวากระตุกยิ้มค้างเมื่อโดนคำว่าคนดีกระแทกหน้าเข้าอย่างจัง
คนดีที่ไหนจะวิปริตวิปลาสขนาดนั้นกัน!
"หากดีจริงเขาคงไม่พยามยามขืนใจลูกหรอกเจ้าค่ะ"
นางใส่ความสามีเห็นๆ แต่ใครจะรู้เล่า คืนนั้นไม่มีผู้ใดอยู่นอกจากนางกับเขา
หลังจากได้ยินคำว่าขืนใจ ทุกคนก็ดูจะตะลึงไม่น้อย..
"นี่ตั้งแต่แต่งกันมาเกือบครึ่งปียังไม่เคยร่วมหอกันอีกหรือ"
..?
"ท่านพ่อจะให้ข้าร่วมหอกับมันได้อย่างไรเจ้าคะ แค่อยู่ใกล้ข้าก็แทบอาเจียนแล้ว"
ฮูหยินเอามือปิดปากกับคำที่นางว่าสามี แม้จะไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานของลูกสาว แต่การได้ยินเช่นนั้นก็ยังไม่ค่อยชอบใจนัก
"เหตุใดถึงว่าซีจงจวินเช่นนั้นล่ะมี่ฮวา อย่างไรเขาก็เป็นสามีของลูกนะ"
"ลูกไม่คิดจะนับตัวอะไรแบบนั้นเป็นสามีเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกเกลียดคนเสแสร้ง ทำตัวน่าสงสารขอความเห็นใจ"
"เขาทำอะไรให้เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ"
พี่เหลียนฮวาถาม มี่ฮวาก็ระบายลมหายใจก่อนเล่าถึงเหตุการณ์แต่ละวันที่นางต้องเจอ
"ก็ชอบตีหน้าเศร้าเรียกร้องความสนใจ แกล้งทำเป็นบอกว่าจะไม่ทำอะไรข้าทั้งที่จริงๆเป็นพวกหื่นกาม จิตทราม น่ารังเกียจ"
พี่สาวฟังแล้วมองหน้ากัน ตอนนี้พวกนางสงสัยเหลือเกินว่าระหว่างที่อยู่บ้านซีจงจวิน นางเจออะไรมา
"ท่านพ่อท่านแม่ คืนนี้ขอลูกนอนที่นี่นะเจ้าคะ ลูกไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว และพรุ่งนี้ลูกจะหย่ากับเขาด้วย"
นางพูดความตั้งใจอย่างตรงไปตรงมา ชุนหรงเซินกับฮูหยินได้แต่หันมองหน้ากันแล้วส่ายหัว
หากหย่ากับซีจงจวินคราวนี้ คงกลายเป็นข่าวใหญ่อีกแน่ แต่งไม่ถึงครึ่งปีก็ทนกันไม่ได้
ถึงมี่ฮวาจะเป็นคนขอหย่า แต่ก็ย่อมต้องมีคำลือแปลกๆเกี่ยวกับนางแพร่กระจายไปทั่วอีก และอาจจะหนักกว่าคราวก่อนด้วย
"ตรองให้ดีกว่านี้หน่อยเถิดมี่เอ๋อร์ ถือว่าพ่อขอร้อง"
"ลูกตรองแล้วเจ้าค่ะ"
พูดจบมี่ฮวาลุกขึ้น ขอตัวลากลับไปนอนที่ตำหนักเก่าของนาง
...
พี่สาวทั้งเจ็ดนั่งเล่นกันอยู่ในสวน นี่พึ่งจะหัวค่ำ พวกนางไม่รีบกลับตำหนักจึงออกมารับลมกันด้านนอก
"ซีจงจวินผู้นั้นเป็นคนแบบไหนกัน" เหมยกุยเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยความสงสัย
"ข้าเริ่มคิดว่าหากดีจริงตามที่ท่านพ่อว่า มี่ฮวาจะถึงขั้นทนไม่ได้เลยเชียวหรือ" จวี๋ฮวาเอ่ยบ้าง
"ซีจงจวินอาจจะเป็นพวกบ้าตัณหาอย่างที่มี่ฮวาพูดจริงๆก็ได้ อัปลักษณ์ถึงเพียงนั้น นางจะกลัวก็ไม่แปลก" ไป่เหอจินตนาการแล้วทำท่าขนลุก
"ไม่จริงนะขอรับ!!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังวงสนทนาของเหล่าเซียนสตรี พวกนางหันไปมองก็พบว่ามันเป็นเสียงของเจ้าสัตว์อสูรครึ่งนก
"เจ้าเป็นใคร แล้วเข้ามาได้อย่างไร" เหมยกุยพี่คนโตถามเด็กน้อยที่ยืนเท้าเอวคัดค้านกับคำที่พวกนางพูด
"ข้าน้อยมีนามว่าซวนเฟย เป็นอสูรรับใช้ของนายท่านซีจงจวินและนายหญิงมี่ฮวาขอรับ ข้าน้อยแอบตามมา แล้วก็เข้ามาตรงที่ไม่มีใครอยู่เฝ้าขอรับ"
ซวนเฟยแนะนำตัว ก่อนใช้ความหาญกล้าทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปกลางวง แก้มป่องน้อยๆกับดวงตากลมๆแสดงอาการประท้วงทำให้ดูไม่น่ากลัวสักนิด
"พวกท่านกำลังกล่าวถึงนายท่านในทางที่ผิดนะขอรับ นายท่านไม่เคยล่วงเกินนายหญิงเลย ยอมทำตามใจนายหญิงตลอด ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าเลยขอรับ"
พวกนางฟังคำบอกเล่าจากปากพยานแล้วหันมองหน้ากันงงๆ
"เรื่องจริงหรือเจ้านกน้อย" เหลียนฮวาถาม
"ข้าสาบานได้ว่าเป็นจริงทุกคำขอรับ นายท่านทุ่มเทมากเพื่อให้นายหญิงหันมารักท่านบ้าง นายหญิงบอกห้ามพูด นายท่านก็ไม่พูด บอกห้ามมอง นายท่านก็ไม่มอง ไล่ให้ไป นายท่านก็ยอมไป ไม่เคยบกพร่องในหน้าที่แม้สักครั้งเดียวขอรับ"
ฟังจบเหล่าสาวงามต่างก็อึ้งกับความจริงเหล่านั้น นี่เขายอมขนาดนี้เชียวหรือ
แล้วมี่ฮวาเกลียดซีจงจวินด้วยเหตุใดเล่า...
"แล้วเจ้ามาพูดเรื่องนี้กับเราทำไม นายของเจ้าสั่งให้มาหรือ" ไป่เหอดูท่าจะยังไม่ไว้ใจ เขาอาจถูกซีจงจวินส่งมาก็ได้
"ข้าน้อยมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมให้นายหญิงยอมกลับไปขอรับ นายท่านพึ่งเลิกงาน หากกลับมาไม่เจอนายหญิงต้องเสียใจมากแน่ขอรับ"
ซวนเฟยยืนยันทุกสิ่งด้วยความจริง ไม่มีใครส่งมันมาทั้งนั้น
"อย่างไรเสียวันนี้ข้าน้อยก็ต้องทำให้นายหญิงใจอ่อนให้ได้ขอรับ ข้าน้อยไม่อยากเห็นนายท่านอดข้าวจนป่วย แล้วก็ไม่อยากให้นายหญิงมองนายท่านไม่ดีเช่นนั้นอีก ข้าน้อยขอตัวนะขอรับ"
มันหมุนตัวทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนี้ แต่ก็ถูกมือเรียวของสองแฝดไป๋หลันและหวงหลันคว้าเอาไว้
"ข้าชอบความซื่อตรงของเจ้าจริงๆนกน้อย ในเมื่อเจ้าพยายามถึงขนาดนั้น ข้าก็จะช่วยอีกแรง ดีหรือไม่"
"และข้าคิดว่าหากเจ้าเข้าไปพูด มี่ฮวาคงไม่ยอมฟังหรอก เปลี่ยนเป็นไว้ใจให้พวกข้าเข้าไปพูดให้ดีกว่า"
พวกนางว่า ก่อนชักชวนให้พี่น้องที่เหลือไปช่วยกันกล่อมมี่ฮวา
สุดท้ายสาวงามทั้งหมดก็มาหยุดยืนหน้าตำหนักของน้องคนสุดท้อง โดยให้ซวนเฟยคอยอยู่ด้านนอก
ตลอดทางที่มาพวกนางถามไถ่ซวนเฟยถึงชีวิตที่นู่น มันก็บอกไปตามจริงจนเกือบหมด
พวกนางเข้าใจแล้ว ซีจงจวินไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาแค่ยอมมี่ฮวามากจนไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงเท่านั้น
เช่นนั้น ก็ต้องพยายามหาวิธีที่จะทำให้มี่ฮวาเข้าใจจิตใจของสามี และใกล้ชิดกันมากขึ้น
บางทีวิธีนั้น.. อาจจะได้ผลดีก็ได้
...
ทางฝั่งซีจงจวิน เขาตามมาถึงวังของเทพพฤกษาจนได้ และขณะที่จะบุกเข้าไปก็มีเทพระดับล่างสององค์เข้ามาขวางไว้
"ถอยไป!"
น้ำเสียงดุดันบ่งบอกอารมณ์ชัดเจน ทำให้ยามทั้งสองที่กั้นทางเข้าไว้สั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องตั้งใจทำหน้าที่ต่อ
"ท่านมี่ฮวาสั่งว่าห้ามท่านเทพอสูรซีจงจวินเข้าด้านในขอรับ"
ซีจงจวินขี้เกียจคุยให้เสียเวลา พุ่งเข้าสับก้านคอทั้งสองคนตรงหน้าจนสลบภายในพริบตา
ทางสะดวก เขาเข้าไปเจรจากับชุนหรงเซินทันที
ที่ตำหนักกลาง ชุนหรงเซินกับฮูหยินยังคงนั่งกลุ้มใจกับเรื่องของมี่ฮวา คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อกันดี
หากไม่ยอมให้หย่า มี่ฮวาก็ต้องอาละวาดบ้านแตก หรือไม่ก็ตรอมใจตายในที่สุด
แต่หากให้หย่ากันไปทั้งที่พึ่งแต่งไม่ถึงครึ่งปีเช่นนี้ ซีจงจวินจะเสียศักดิ์ศรีมาก และหากเขารู้สึกคับแค้นจนถึงกับยกทัพมาบุกเอาตัวภรรยาถึงที่นี่คงไม่ดีแน่
"เอาอย่างไรดีเจ้าคะ"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันฮูหยิน สถานการณ์ไม่ดีเอาเสียเลย"
ทั้งสองนั่งกุมขมับกันท่ามกลางความเครียด จนมีคนใช้มารายงานว่าซีจงจวินมารอพบก็ถึงกับหน้าซีด
ด้วยพลังของเทพอสูรเจ้าสงคราม ยามเมื่อโทสะขวางตาแล้ว วังนี้ต้องพังราบเป็นหน้ากลองแน่
มี่ฮวากำลังจะนำหายนะมาสู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ...
ร่างกายใหญ่โตเดินเข้ามาท่าทางสุขุมแต่แฝงไว้ด้วยไอรังสีอำมหิตทำให้เจ้าของวังทั้งสองต้องลอบกลืนน้ำลายเสียงเบา
"ในเมื่อมาแล้ว นั่งคุยกันหน่อยดีหรือไม่ซีจงจวิน"
ชุนหรงเซินชวนลูกเขยนั่ง แต่เทพอสูรกลับหยุดนิ่งก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งชุนหรงเซินและฮูหยิน
"ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องท่านทั้งสอง ได้โปรดอย่าให้ข้ากับมี่ฮวาต้องหย่ากันเลยนะขอรับ"
เห็นแบบนี้ทั้งสองยิ่งตกใจกว่าเดิม เพราะตอนแรกคิดว่าซีจงจวินจะมาขู่ แต่เปล่าเลย เขากลับมาก้มหัวขอร้องเสียนี่
"ลุกขึ้นก่อนซีจงจวิน ข้ากับฮูหยินยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย"
ได้ยินพ่อตาบอก ซีจงจวินก็ดูจะมีความหวังมากขึ้น
"ขอบคุณท่านชุนหรงเซินและฮูหยิน"
"เรียกท่านพ่อกับท่านแม่ก็ได้"
คราวนี้เป็นฮูหยินเอ่ยบ้าง ตอนแรกนางไม่ได้ชอบลูกเขยคนนี้นักแต่ดูจากท่าทางแล้วเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร ทั้งยังถือเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็ไม่รู้จะทำปั้นปึ่งให้หมางใจกันไปด้วยเหตุใด
"ขอบคุณท่านพ่อกับท่านแม่" ซีจงจวินยิ้มรับดีใจ รู้สึกเหมือนได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
ติดอยู่ก็ตรงที่ตัวภรรยาของเขาคนเดียวเท่านั้น
"หากให้ว่ากันตามตรง เราไม่คิดอยากให้พวกเจ้าหย่ากันเพราะชื่อเสียงของนางคงป่นปี้ ข้าและฮูหยินต้องช้ำใจมากแน่"
ดูจะไม่ใช่แค่ชุนหรงเซินที่ต้องช้ำใจ เพราะท่าทางของซีจงจวินที่พวกเขาเห็นวันนี้บ่งบอกว่าทุกข์ใจมากขนาดไหน
ทั้งสองสังเกตว่าใบหน้าลูกเขยโทรมลงไปกว่าตอนวันแต่งงานมาก รอบตาคล้ำคล้ายอดนอนมาร้อยปี ร่างกายผ่ายผอมซูบตอบจนเห็นกระดูกชัด
..นี่พวกเขายัดเยียดลูกสาวให้แต่งเข้าไปทรมานซีจงจวินหรือเปล่า
"ไม่ต้องมาพูดกับข้ามากหรอก รีบไปง้อมี่ฮวาเถอะ ไม่รู้ป่านนี้ร่างใบหย่าแล้วหรือยัง"
"ข้าก็อยากทำเช่นนั้นขอรับ แต่เกรงว่าจะพูดกันไม่รู้เรื่องเสียก่อน จึงมาขอร้องท่านทั้งสองให้ฝากสารจากข้าไปถึงนางขอรับ"
"เช่นนั้นคืนนี้ก็ค้างอยู่ที่นี่แล้วกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"
"ขอบคุณท่านพ่อและท่านแม่ขอรับ"
ชุนหรงเซินหันไปสั่งคนรับใช้ให้เตรียมห้องไว้ให้ลูกเขยเขา คนรับใช้จึงนำทางซีจงจวินออกไปยังตำหนักที่อยู่ไม่ไกลกับตำหนักของมี่ฮวามากนัก
"เราไปกันเถิดฮูหยิน"
"เจ้าค่ะท่านพี่"
คืนนั้นหลังจากพวกพี่สาวมานั่งคุยเล่นกับมี่ฮวาและพึ่งงีบไปได้ไม่นาน บิดามารดาก็เข้ามาพบอีก"มี่เอ๋อร์ เรื่องหย่านั่นพ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ" ชุนหรงเซินเข้ามานั่งข้างๆ ฮูหยินเองก็จับมือนางลูบหัวเบาๆ"ลูกลองกลับไปคุยกับซีจงจวินก่อนดีหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องอาศัยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย""แต่ลูกเกลียดเขา แค่พูดเกินยี่สิบคำลูกก็ไม่อยากฟังแล้วเจ้าค่ะ""มี่เอ๋อร์ เจ้าเอาแต่ใจมากไปหรือไม่ จะเกลียดชังผู้ใดก็ต้องมีเหตุผลกว่านี้สิลูก" ฮูหยินเอ่ย มี่ฮวาฟังแล้วหน้าง้ำทำแง่งอน"เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แล้วยังดูรักลูกมากด้วย ทำไมถึงเกลียดเขานักล่ะ"ฮูหยินถามอย่างจริงจังทำให้มี่ฮวาเงียบไป กลับมานั่งคิดว่าอะไรเป็นเหตุให้เกลียดถึงเพียงนั้น...คำตอบคือ นางก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่เพียงว่าหัวใจนางสั่งให้ไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ..อคติเหล่านั้นทำให้นางตั้งแง่อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความเป็นธรรมให้ซีจงจวินเลย...ทุกครั้งที่มองซีจงจวิน มี่ฮวารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก็มีเพียงคำสั่งว่าให้เกลียดเขาจนถึงที่สุดเท่านั้นทำไมกันนะ..."ลูกแค่ไม่อยากอยู่กับเขาเจ้
บ่ายคล้อย ทุกคนกลับถึงเรือนของซีจงจวิน ชิงเลียงออกมาต้อนรับอย่างดีใจแต่มี่ฮวาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงหันมองเทพอสูรแวบหนึ่งเขา..ตอนนี้ยังไม่กล้าสบตานาง แต่ก็ยังคอยเดินตามไม่ห่างคนรับใช้จากวังขนหีบนับสิบใบลงมา นำเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ซีจงจวินที่เป็นคนจัดของกลับเข้าที่ตั้งแต่เข้ามา ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ซีจงจวินเพียงทำนู่นทำนี่ในบ้านไปเงียบๆ ส่วนมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งพักผ่อน ครู่หนึ่งเขานำขนมกับน้ำชามาวางให้เผื่อนางหิวหญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเขานั่งเฝ้าตรงมุมห้องก็เกิดสงสัยขึ้นมา"วันนี้ไม่ทำงานหรือ"ได้ยินคำถาม ซีจงจวินเงยมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรีบพูดเกินยี่สิบคำ"ทำไมถึงไม่ไปทำงาน""ข้าไม่อยากไป" เขาเอ่ยเสียงเบากว่าลมพัดไม่อยากไปเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตา นางจะหนีอีกอยากเฝ้าอยู่เช่นนี้ทั้งวัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งมี่ฮวาเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ซีจงจวินชักจะเอาแต่ใจเกินไปหรือไม่ คิดจะหยุดก็หยุดเลยเช่นนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรหรือแต่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้เริ่มทำตามแผนที่พี่สาวแนะนำมา.."ตามใจเจ้า อยู่บ้านบ้างก็ดีวันนี้จะได้กินข้าวกันเร็วหน่อย""หิวมาก
รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืนทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นหญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำมี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต"อืม..."ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูงท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..
จากวันผ่านไปกลายเป็นเดือน ทั้งคู่ยังอยู่กันอย่าง..ไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่นัก"ทำไมกลับช้านัก ข้าหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"มี่ฮวาแกล้งเดินตึงตังพูดขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินเหมือนคนโมโหหิว ทั้งที่จริงๆเขาก็กลับเวลาประมาณนี้ทุกวัน"รอเดี๋ยวนะ" ฝ่ายเทพอสูรเห็นภรรยาทำหน้าเหมือนจะกินหัวเขาให้ได้ก็รีบตรงเข้าครัวเลย ไม่แม้แต่จะถอดเอาชุดเกราะออกผ่านไปเกือบสามก้านธูปซีจงจวินเร่งยกกับข้าวหกอย่างขึ้นโต๊ะ ล้วนมีแต่ของที่ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน มี่ฮวานั่งคีบผักกับเต้าหู้กินสองสามคำ ขณะที่ตะเกียบกำลังจะจิ้มลงไปบนปลานึ่งสมุนไพรตรงกลางโต๊ะมือก็หยุดชะงักเสียก่อน"ข้าไม่อยากกินปลา" นางโยนตะเกียบ ทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ"ท่านอยากกินอะไร" เห็นภรรยาไม่อยากกินซีจงจวินก็ไม่ขัด กลับถามเพื่อจะหามาทำให้ใหม่"เนื้อวัวย่าง"คนฟังได้ยินแล้วกะพริบตาปริบๆ ค่ำมืดเช่นนี้จะให้เขาไปล้มวัวจากที่ไหนมาให้กันหญิงสาวเห็นอาการของอีกฝ่ายที่ดูลำบากใจเล็กน้อยก็แสร้งทำเสียงหงอยเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเศร้าเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ"แต่เวลานี้คงหามาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นไม่ข้าเอาก็ได้"ท่าทางภรรยาตอนนี้ดูน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม
ก่อนหน้านั้น..ซวนเฟยกับชิงเหลียงง่วนกับการทำงานบ้านจนลืมดูนายหญิงของพวกมันกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่จะยกขนมกับน้ำชามาให้ และพบว่านายหญิงไม่อยู่ในห้องชมสวนเสียแล้วทั้งสองวิ่งหารอบบ้านก็ไม่เจอ สังหรณ์ใจไม่ดีจึงเดินออกมานอกบ้าน"ซวนเฟย! ซวนเฟย!!"ชิงเหลียงตะโกนเสียงหลงทำเอาคนถูกเรียกต้องรีบวิ่งเข้าไป จนเห็นของบางสิ่งตกอยู่บนพื้น"ปิ่นนี่มันของนายหญิงนี่!!"ทั้งสองหน้าซีดเผือด เห็นพื้นด้านในป่าเป็นรอยลากยาว รู้แล้วว่าเจ้านายกำลังมีภัยปีกสีเทากระพือเร็วรี่พาร่างเล็กทะยานขึ้นฟ้าไปหานายท่านของมันที่หน้าบันไดขึ้นเขาสรรค์ทันที พร้อมกันนั้นหางงูสีฟ้าเหลือบเขียวเลื้อยตามรอยลากไปโดยเร็ว เผื่อจะเข้าไปช่วยนายหญิงได้ทันเวลาที่หน้าเขาสวรรค์ ซีจงจวินยืนเฝ้าบันไดอย่างสง่าผ่าเผยช่างดูน่าเกรงขามยิ่ง"นายท่านขอรับ!!!"เสียงหนึ่งดังอยู่เหนือหัว มองไปเห็นร่างอสูรรับใช้ครึ่งนกร่อนลงมายืนตรงหน้าด้วยสภาพเหงื่อผุดทั่วตัวเขาสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว.."นายหญิงหายไปขอรับ!! ข้าพบของสิ่งนี้ตกอยู่ที่ทางเข้าป่าพร้อมกับรอยแปลกๆบนพื้นขอรับ!!"ซวนเฟยยื่นปิ่นปักผมทองให้ซีจงจวินดู สายตาดุดันพลันวาวโรจน์ทันทีเขาทิ้ง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา วันทั้งวันมี่ฮวาไม่ได้ลุกไปไหนเลยเพราะมีซีจงจวินทำหน้าที่เป็นมือเป็นเท้าให้ อยากได้อะไรเขาลุกไปหามาประเคนทั้งหมดหลังจากสั่งให้อสูรรับใช้ป้อนข้าว เช็ดตัว ทำแผลให้ภรรยาแล้วเขาก็กลับเข้ามานั่งเฝ้าตรงมุมห้องตามเดิมมี่ฮวานั่งอ่านหนังสือไปเพลินๆ ไม่น่าเชื่อว่าการมีเขาอยู่ร่วมห้องไม่ได้น่ารำคาญเท่าเมื่อก่อน"พรุ่งนี้เจ้าไปทำงานได้แล้วนะ"นางเอ่ยบอก แม้ตอนแรกดวงตายังไม่ละจากตัวหนังสือแต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรทำให้ต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายสีหน้าเขาเรียบตึง ทว่ามองตาแล้วรู้ทันทีว่าในใจกำลังประท้วงอย่างกับเซียนน้อยงอแงไม่อยากไปสำนักฝึกตน...อายุจะแสนปีแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไปได้"จะไม่ไปทำงานจริงๆหรือ"นางถาม ซีจงจวินก็ส่ายหน้าตอบแล้วพูดเสียงอ่อน ช้อนดวงตาสื่อความหมายเดียวกับคำนั้น"ข้าเป็นห่วง"เป็นเหตุผลที่ต่อให้ใจแข็งอย่างไรก็อ่อนยวบได้ง่ายดาย คนฟังถึงกับต้องถอนหายใจยาว"เจ้าเพิ่มการคุ้มกันรอบบ้านแทนไม่ดีกว่าหรือ""ข้าทำแล้ว""ถ้าทำแล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอก"ได้ยินนางบอกเขาก็เงียบไป ครู่ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"ข้าอยากอยู่ข้างท่าน"คำพูดนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกท
อากาศด้านนอกเริ่มเย็นลง ใบไม้ปลิวร่วงยามลมพัด มี่ฮวานั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมายนี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย การต้องอยู่แต่ในบ้านแบบนี้มันน่าเบื่อมากเหมือนกัน"มี่ฮวา"เสียงคนที่มุมห้องเรียกหา เมื่อหันมาก็พบว่าเขายกสำรับเย็นจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วสีหน้าเหงาๆ กับการนั่งกินข้างไม่พูดไม่จาของนางนั้นซีจงจวินสังเกตได้"ท่านเบื่ออาหารหรือไม่"ได้ยินคำถามมี่ฮวาก็ส่ายหน้า เห็นเช่นนั้นคนเป็นสามีก็พลอยไม่เจริญอาหารตาม"ท่านเป็นอะไรไปหรือ มีอะไรที่ข้าทำให้ไม่พอใจหรือเปล่า""เปล่าเลย ข้าแค่รู้สึกเบื่อนิดหน่อย คงเพราะอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน แล้วก็ไม่ได้เจอใครตั้งนานแล้ว"เห็นภรรยาทำหน้าหงอยลงอีกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจ อยากช่วยหาทางออกให้"ท่านอยากไปเที่ยวตลาดแดนเทพหรือไม่ ข้าจะ.."ซีจงจวินกำลังจะเสนอความคิดแต่ต้องรีบงับปากลงก่อน เพราะนางเคยบอกว่าเขาเป็นภาระถ้ามีเขาอยู่เกรงจะทำให้หมดสนุกเอา.."พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปส่งตอนเช้าและตอนเย็นจะไปรับ ให้ซวนเฟยกับชิงเหลียงไปช่วยท่านถือของด้วยจะได้สะดวกขึ้น"นี่น่าจะเป็นทางที่ดีกว่า.."ไม่เป็นไรหรอก ข้าถือเองได้""ท่านแรงน้อย ถือของหนักพะรุงพะรังคน
ซีจงจวินมารับมี่ฮวาตรงตามเวลานัดแล้วก็พากลับบ้าน เตรียมอาหาร จัดของให้นางเหมือนปกติซวนเฟยกับชิงเหลียงดูจะอิดโรยกันมาก หลังจากทำงานเสร็จแล้วพวกมันก็ขอตัวไปพักเลย และคาดว่าคงไม่มีแรงลุกจนกว่าจะฟ้าสางม่านสีดำโรยตัวลงจากท้องฟ้า ในยามที่ควรจะเข้านอนมี่ฮวาอาบน้ำเสร็จไม่ได้กลับเข้าห้องทันทีนางอาศัยตอนที่ซีจงจวินไปอาบน้ำเข้าไปในห้องเขา จุดกำยานแล้ววางโถไว้ให้บนโต๊ะข้างหัวเตียงมี่ฮวาไม่มีความกล้าพอจะยื่นให้เขาตรงๆ เลยคิดว่าทำแบบนี้ให้เขาประหลาดใจเล่นน่าจะดีกว่าเมื่อนางกลับเข้าห้องไปแล้ว ซีจงจวินเดินออกมาจากห้องน้ำดับไฟทุกดวงในบ้านจนมืดสนิท เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปแต่เพียงบานประตูแง้มเปิดเล็กน้อย จมูกที่ประสาทรับกลิ่นดีเยี่ยมก็เริ่มทำงานเขาไม่รู้ว่ากลิ่นที่อยู่ในห้องเป็นกลิ่นอะไร แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็เดินเข้ามาถึงเตียงเสียแล้วร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม เลือดสูบฉีดแรงจนผิวเป็นสีแดงเข้ม เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมไหลเป็นสายธารทั้งที่อากาศเย็นสบายมันร้อนไปหมด.. ร้อนจนเขาเผลอถอดเสื้อผ้าออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัวแท่งเนื้อกลางกายเริ่มตอบสนอง มันตั้งชูชัน แข็งเกร็งคล้ายอยากได้รับการปลดปล่ยเต็
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส