ที่วังของชุนหรงเซิน เหล่าพี่สาวแตกตื่นกันใหญ่เมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กมายืนอยู่ในตำหนักกลาง
"เกิดอะไรขึ้นมี่ฮวา ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนกลับมาแบบนี้" ฉาฮวาวิ่งเข้ามาจับแขนน้องด้วยความเป็นห่วง
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
"เจ้าดูไม่สดใสเลย"
สองแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ยถาม
"ซีจงจวินทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่" จวี๋ฮวาตามพี่สาวคนอื่นๆเข้ามายืนรุมล้อมมี่ฮวา สารพัดคำถูกถามจนเลือกตอบไม่ถูก
"ใจเย็นก่อนลูกๆ" เสียงบุรุษหนึ่งเดียวในตำหนักเอ่ย คือบิดาของพวกนางทั้งหมด
ชุนหรงเซินมองมี่ฮวาสายตาเรียบนิ่ง เดินมานั่งลงตรงโต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งผายมือชวนให้ลูกๆทุกคนนั่งลงด้วย
"เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงหนีมาเช่นนี้"
มี่ฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเริ่มเปิดปาก
"ลูกทนอยู่กับเจ้านั่นต่อไม่ได้แล้วท่านพ่อ"
พี่สาวทั้งเจ็ดหันมองหน้ากัน พวกนางต่างคิดว่าเทพอสูรองค์นั้นต้องกระทำการโหดร้าย ย่ำยีจิตใจมี่ฮวาจนไม่เหลือชิ้นดี
"เขาทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว!" ไป่เหอลุกว่าเสียงดัง แต่ก็โดนสายตาดุๆของพ่อจ้องมาทำให้ต้องเก็บกิริยา
"เหตุใดถึงทนต่อไม่ได้"
"เพราะลูกเกลียดเขาตั้งแต่ยังไม่แต่ง ท่านพ่อก็รู้นี่เจ้าคะ นับวันเขายิ่งทำตัวน่ารำคาญ ลูกเบื่อขี้หน้าจนเกินทนแล้ว ลูกอยากหย่าเจ้าค่ะ"
"มี่เอ๋อร์ ตั้งแต่ฟังมาพ่อยังไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่ลูกเบื่อกับรำคาญคืออะไร"
ได้ยินเท่านั้นมี่ฮวาก็ขึ้นเสียงไม่พอใจ คิดว่าพ่อเข้าข้างซีจงจวิน
"ก็เขาเป็นคนไม่ดี! เจ้าเล่ห์ใช้กลลวงท่านพ่อให้ยกลูกสาวให้ เช่นนั้นจะให้ลูกชอบเขา ทนอยู่กับเขาได้อย่างไรเจ้าคะ"
"มี่เอ๋อร์ ซีจงจวินไม่เคยใช้กลอุบายหลอกพ่อ ที่พ่อให้ลูกแต่งกับเขาเพราะเห็นว่าเขาดีจริงๆ"
มี่ฮวากระตุกยิ้มค้างเมื่อโดนคำว่าคนดีกระแทกหน้าเข้าอย่างจัง
คนดีที่ไหนจะวิปริตวิปลาสขนาดนั้นกัน!
"หากดีจริงเขาคงไม่พยามยามขืนใจลูกหรอกเจ้าค่ะ"
นางใส่ความสามีเห็นๆ แต่ใครจะรู้เล่า คืนนั้นไม่มีผู้ใดอยู่นอกจากนางกับเขา
หลังจากได้ยินคำว่าขืนใจ ทุกคนก็ดูจะตะลึงไม่น้อย..
"นี่ตั้งแต่แต่งกันมาเกือบครึ่งปียังไม่เคยร่วมหอกันอีกหรือ"
..?
"ท่านพ่อจะให้ข้าร่วมหอกับมันได้อย่างไรเจ้าคะ แค่อยู่ใกล้ข้าก็แทบอาเจียนแล้ว"
ฮูหยินเอามือปิดปากกับคำที่นางว่าสามี แม้จะไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานของลูกสาว แต่การได้ยินเช่นนั้นก็ยังไม่ค่อยชอบใจนัก
"เหตุใดถึงว่าซีจงจวินเช่นนั้นล่ะมี่ฮวา อย่างไรเขาก็เป็นสามีของลูกนะ"
"ลูกไม่คิดจะนับตัวอะไรแบบนั้นเป็นสามีเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกเกลียดคนเสแสร้ง ทำตัวน่าสงสารขอความเห็นใจ"
"เขาทำอะไรให้เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ"
พี่เหลียนฮวาถาม มี่ฮวาก็ระบายลมหายใจก่อนเล่าถึงเหตุการณ์แต่ละวันที่นางต้องเจอ
"ก็ชอบตีหน้าเศร้าเรียกร้องความสนใจ แกล้งทำเป็นบอกว่าจะไม่ทำอะไรข้าทั้งที่จริงๆเป็นพวกหื่นกาม จิตทราม น่ารังเกียจ"
พี่สาวฟังแล้วมองหน้ากัน ตอนนี้พวกนางสงสัยเหลือเกินว่าระหว่างที่อยู่บ้านซีจงจวิน นางเจออะไรมา
"ท่านพ่อท่านแม่ คืนนี้ขอลูกนอนที่นี่นะเจ้าคะ ลูกไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว และพรุ่งนี้ลูกจะหย่ากับเขาด้วย"
นางพูดความตั้งใจอย่างตรงไปตรงมา ชุนหรงเซินกับฮูหยินได้แต่หันมองหน้ากันแล้วส่ายหัว
หากหย่ากับซีจงจวินคราวนี้ คงกลายเป็นข่าวใหญ่อีกแน่ แต่งไม่ถึงครึ่งปีก็ทนกันไม่ได้
ถึงมี่ฮวาจะเป็นคนขอหย่า แต่ก็ย่อมต้องมีคำลือแปลกๆเกี่ยวกับนางแพร่กระจายไปทั่วอีก และอาจจะหนักกว่าคราวก่อนด้วย
"ตรองให้ดีกว่านี้หน่อยเถิดมี่เอ๋อร์ ถือว่าพ่อขอร้อง"
"ลูกตรองแล้วเจ้าค่ะ"
พูดจบมี่ฮวาลุกขึ้น ขอตัวลากลับไปนอนที่ตำหนักเก่าของนาง
...
พี่สาวทั้งเจ็ดนั่งเล่นกันอยู่ในสวน นี่พึ่งจะหัวค่ำ พวกนางไม่รีบกลับตำหนักจึงออกมารับลมกันด้านนอก
"ซีจงจวินผู้นั้นเป็นคนแบบไหนกัน" เหมยกุยเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยความสงสัย
"ข้าเริ่มคิดว่าหากดีจริงตามที่ท่านพ่อว่า มี่ฮวาจะถึงขั้นทนไม่ได้เลยเชียวหรือ" จวี๋ฮวาเอ่ยบ้าง
"ซีจงจวินอาจจะเป็นพวกบ้าตัณหาอย่างที่มี่ฮวาพูดจริงๆก็ได้ อัปลักษณ์ถึงเพียงนั้น นางจะกลัวก็ไม่แปลก" ไป่เหอจินตนาการแล้วทำท่าขนลุก
"ไม่จริงนะขอรับ!!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังวงสนทนาของเหล่าเซียนสตรี พวกนางหันไปมองก็พบว่ามันเป็นเสียงของเจ้าสัตว์อสูรครึ่งนก
"เจ้าเป็นใคร แล้วเข้ามาได้อย่างไร" เหมยกุยพี่คนโตถามเด็กน้อยที่ยืนเท้าเอวคัดค้านกับคำที่พวกนางพูด
"ข้าน้อยมีนามว่าซวนเฟย เป็นอสูรรับใช้ของนายท่านซีจงจวินและนายหญิงมี่ฮวาขอรับ ข้าน้อยแอบตามมา แล้วก็เข้ามาตรงที่ไม่มีใครอยู่เฝ้าขอรับ"
ซวนเฟยแนะนำตัว ก่อนใช้ความหาญกล้าทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปกลางวง แก้มป่องน้อยๆกับดวงตากลมๆแสดงอาการประท้วงทำให้ดูไม่น่ากลัวสักนิด
"พวกท่านกำลังกล่าวถึงนายท่านในทางที่ผิดนะขอรับ นายท่านไม่เคยล่วงเกินนายหญิงเลย ยอมทำตามใจนายหญิงตลอด ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าเลยขอรับ"
พวกนางฟังคำบอกเล่าจากปากพยานแล้วหันมองหน้ากันงงๆ
"เรื่องจริงหรือเจ้านกน้อย" เหลียนฮวาถาม
"ข้าสาบานได้ว่าเป็นจริงทุกคำขอรับ นายท่านทุ่มเทมากเพื่อให้นายหญิงหันมารักท่านบ้าง นายหญิงบอกห้ามพูด นายท่านก็ไม่พูด บอกห้ามมอง นายท่านก็ไม่มอง ไล่ให้ไป นายท่านก็ยอมไป ไม่เคยบกพร่องในหน้าที่แม้สักครั้งเดียวขอรับ"
ฟังจบเหล่าสาวงามต่างก็อึ้งกับความจริงเหล่านั้น นี่เขายอมขนาดนี้เชียวหรือ
แล้วมี่ฮวาเกลียดซีจงจวินด้วยเหตุใดเล่า...
"แล้วเจ้ามาพูดเรื่องนี้กับเราทำไม นายของเจ้าสั่งให้มาหรือ" ไป่เหอดูท่าจะยังไม่ไว้ใจ เขาอาจถูกซีจงจวินส่งมาก็ได้
"ข้าน้อยมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมให้นายหญิงยอมกลับไปขอรับ นายท่านพึ่งเลิกงาน หากกลับมาไม่เจอนายหญิงต้องเสียใจมากแน่ขอรับ"
ซวนเฟยยืนยันทุกสิ่งด้วยความจริง ไม่มีใครส่งมันมาทั้งนั้น
"อย่างไรเสียวันนี้ข้าน้อยก็ต้องทำให้นายหญิงใจอ่อนให้ได้ขอรับ ข้าน้อยไม่อยากเห็นนายท่านอดข้าวจนป่วย แล้วก็ไม่อยากให้นายหญิงมองนายท่านไม่ดีเช่นนั้นอีก ข้าน้อยขอตัวนะขอรับ"
มันหมุนตัวทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนี้ แต่ก็ถูกมือเรียวของสองแฝดไป๋หลันและหวงหลันคว้าเอาไว้
"ข้าชอบความซื่อตรงของเจ้าจริงๆนกน้อย ในเมื่อเจ้าพยายามถึงขนาดนั้น ข้าก็จะช่วยอีกแรง ดีหรือไม่"
"และข้าคิดว่าหากเจ้าเข้าไปพูด มี่ฮวาคงไม่ยอมฟังหรอก เปลี่ยนเป็นไว้ใจให้พวกข้าเข้าไปพูดให้ดีกว่า"
พวกนางว่า ก่อนชักชวนให้พี่น้องที่เหลือไปช่วยกันกล่อมมี่ฮวา
สุดท้ายสาวงามทั้งหมดก็มาหยุดยืนหน้าตำหนักของน้องคนสุดท้อง โดยให้ซวนเฟยคอยอยู่ด้านนอก
ตลอดทางที่มาพวกนางถามไถ่ซวนเฟยถึงชีวิตที่นู่น มันก็บอกไปตามจริงจนเกือบหมด
พวกนางเข้าใจแล้ว ซีจงจวินไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาแค่ยอมมี่ฮวามากจนไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงเท่านั้น
เช่นนั้น ก็ต้องพยายามหาวิธีที่จะทำให้มี่ฮวาเข้าใจจิตใจของสามี และใกล้ชิดกันมากขึ้น
บางทีวิธีนั้น.. อาจจะได้ผลดีก็ได้
...
ทางฝั่งซีจงจวิน เขาตามมาถึงวังของเทพพฤกษาจนได้ และขณะที่จะบุกเข้าไปก็มีเทพระดับล่างสององค์เข้ามาขวางไว้
"ถอยไป!"
น้ำเสียงดุดันบ่งบอกอารมณ์ชัดเจน ทำให้ยามทั้งสองที่กั้นทางเข้าไว้สั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องตั้งใจทำหน้าที่ต่อ
"ท่านมี่ฮวาสั่งว่าห้ามท่านเทพอสูรซีจงจวินเข้าด้านในขอรับ"
ซีจงจวินขี้เกียจคุยให้เสียเวลา พุ่งเข้าสับก้านคอทั้งสองคนตรงหน้าจนสลบภายในพริบตา
ทางสะดวก เขาเข้าไปเจรจากับชุนหรงเซินทันที
ที่ตำหนักกลาง ชุนหรงเซินกับฮูหยินยังคงนั่งกลุ้มใจกับเรื่องของมี่ฮวา คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อกันดี
หากไม่ยอมให้หย่า มี่ฮวาก็ต้องอาละวาดบ้านแตก หรือไม่ก็ตรอมใจตายในที่สุด
แต่หากให้หย่ากันไปทั้งที่พึ่งแต่งไม่ถึงครึ่งปีเช่นนี้ ซีจงจวินจะเสียศักดิ์ศรีมาก และหากเขารู้สึกคับแค้นจนถึงกับยกทัพมาบุกเอาตัวภรรยาถึงที่นี่คงไม่ดีแน่
"เอาอย่างไรดีเจ้าคะ"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันฮูหยิน สถานการณ์ไม่ดีเอาเสียเลย"
ทั้งสองนั่งกุมขมับกันท่ามกลางความเครียด จนมีคนใช้มารายงานว่าซีจงจวินมารอพบก็ถึงกับหน้าซีด
ด้วยพลังของเทพอสูรเจ้าสงคราม ยามเมื่อโทสะขวางตาแล้ว วังนี้ต้องพังราบเป็นหน้ากลองแน่
มี่ฮวากำลังจะนำหายนะมาสู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ...
ร่างกายใหญ่โตเดินเข้ามาท่าทางสุขุมแต่แฝงไว้ด้วยไอรังสีอำมหิตทำให้เจ้าของวังทั้งสองต้องลอบกลืนน้ำลายเสียงเบา
"ในเมื่อมาแล้ว นั่งคุยกันหน่อยดีหรือไม่ซีจงจวิน"
ชุนหรงเซินชวนลูกเขยนั่ง แต่เทพอสูรกลับหยุดนิ่งก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งชุนหรงเซินและฮูหยิน
"ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องท่านทั้งสอง ได้โปรดอย่าให้ข้ากับมี่ฮวาต้องหย่ากันเลยนะขอรับ"
เห็นแบบนี้ทั้งสองยิ่งตกใจกว่าเดิม เพราะตอนแรกคิดว่าซีจงจวินจะมาขู่ แต่เปล่าเลย เขากลับมาก้มหัวขอร้องเสียนี่
"ลุกขึ้นก่อนซีจงจวิน ข้ากับฮูหยินยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย"
ได้ยินพ่อตาบอก ซีจงจวินก็ดูจะมีความหวังมากขึ้น
"ขอบคุณท่านชุนหรงเซินและฮูหยิน"
"เรียกท่านพ่อกับท่านแม่ก็ได้"
คราวนี้เป็นฮูหยินเอ่ยบ้าง ตอนแรกนางไม่ได้ชอบลูกเขยคนนี้นักแต่ดูจากท่าทางแล้วเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร ทั้งยังถือเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็ไม่รู้จะทำปั้นปึ่งให้หมางใจกันไปด้วยเหตุใด
"ขอบคุณท่านพ่อกับท่านแม่" ซีจงจวินยิ้มรับดีใจ รู้สึกเหมือนได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
ติดอยู่ก็ตรงที่ตัวภรรยาของเขาคนเดียวเท่านั้น
"หากให้ว่ากันตามตรง เราไม่คิดอยากให้พวกเจ้าหย่ากันเพราะชื่อเสียงของนางคงป่นปี้ ข้าและฮูหยินต้องช้ำใจมากแน่"
ดูจะไม่ใช่แค่ชุนหรงเซินที่ต้องช้ำใจ เพราะท่าทางของซีจงจวินที่พวกเขาเห็นวันนี้บ่งบอกว่าทุกข์ใจมากขนาดไหน
ทั้งสองสังเกตว่าใบหน้าลูกเขยโทรมลงไปกว่าตอนวันแต่งงานมาก รอบตาคล้ำคล้ายอดนอนมาร้อยปี ร่างกายผ่ายผอมซูบตอบจนเห็นกระดูกชัด
..นี่พวกเขายัดเยียดลูกสาวให้แต่งเข้าไปทรมานซีจงจวินหรือเปล่า
"ไม่ต้องมาพูดกับข้ามากหรอก รีบไปง้อมี่ฮวาเถอะ ไม่รู้ป่านนี้ร่างใบหย่าแล้วหรือยัง"
"ข้าก็อยากทำเช่นนั้นขอรับ แต่เกรงว่าจะพูดกันไม่รู้เรื่องเสียก่อน จึงมาขอร้องท่านทั้งสองให้ฝากสารจากข้าไปถึงนางขอรับ"
"เช่นนั้นคืนนี้ก็ค้างอยู่ที่นี่แล้วกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"
"ขอบคุณท่านพ่อและท่านแม่ขอรับ"
ชุนหรงเซินหันไปสั่งคนรับใช้ให้เตรียมห้องไว้ให้ลูกเขยเขา คนรับใช้จึงนำทางซีจงจวินออกไปยังตำหนักที่อยู่ไม่ไกลกับตำหนักของมี่ฮวามากนัก
"เราไปกันเถิดฮูหยิน"
"เจ้าค่ะท่านพี่"
คืนนั้นหลังจากพวกพี่สาวมานั่งคุยเล่นกับมี่ฮวาและพึ่งงีบไปได้ไม่นาน บิดามารดาก็เข้ามาพบอีก"มี่เอ๋อร์ เรื่องหย่านั่นพ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ" ชุนหรงเซินเข้ามานั่งข้างๆ ฮูหยินเองก็จับมือนางลูบหัวเบาๆ"ลูกลองกลับไปคุยกับซีจงจวินก่อนดีหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องอาศัยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย""แต่ลูกเกลียดเขา แค่พูดเกินยี่สิบคำลูกก็ไม่อยากฟังแล้วเจ้าค่ะ""มี่เอ๋อร์ เจ้าเอาแต่ใจมากไปหรือไม่ จะเกลียดชังผู้ใดก็ต้องมีเหตุผลกว่านี้สิลูก" ฮูหยินเอ่ย มี่ฮวาฟังแล้วหน้าง้ำทำแง่งอน"เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แล้วยังดูรักลูกมากด้วย ทำไมถึงเกลียดเขานักล่ะ"ฮูหยินถามอย่างจริงจังทำให้มี่ฮวาเงียบไป กลับมานั่งคิดว่าอะไรเป็นเหตุให้เกลียดถึงเพียงนั้น...คำตอบคือ นางก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่เพียงว่าหัวใจนางสั่งให้ไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ..อคติเหล่านั้นทำให้นางตั้งแง่อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความเป็นธรรมให้ซีจงจวินเลย...ทุกครั้งที่มองซีจงจวิน มี่ฮวารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก็มีเพียงคำสั่งว่าให้เกลียดเขาจนถึงที่สุดเท่านั้นทำไมกันนะ..."ลูกแค่ไม่อยากอยู่กับเขาเจ้
บ่ายคล้อย ทุกคนกลับถึงเรือนของซีจงจวิน ชิงเลียงออกมาต้อนรับอย่างดีใจแต่มี่ฮวาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงหันมองเทพอสูรแวบหนึ่งเขา..ตอนนี้ยังไม่กล้าสบตานาง แต่ก็ยังคอยเดินตามไม่ห่างคนรับใช้จากวังขนหีบนับสิบใบลงมา นำเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ซีจงจวินที่เป็นคนจัดของกลับเข้าที่ตั้งแต่เข้ามา ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ซีจงจวินเพียงทำนู่นทำนี่ในบ้านไปเงียบๆ ส่วนมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งพักผ่อน ครู่หนึ่งเขานำขนมกับน้ำชามาวางให้เผื่อนางหิวหญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเขานั่งเฝ้าตรงมุมห้องก็เกิดสงสัยขึ้นมา"วันนี้ไม่ทำงานหรือ"ได้ยินคำถาม ซีจงจวินเงยมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรีบพูดเกินยี่สิบคำ"ทำไมถึงไม่ไปทำงาน""ข้าไม่อยากไป" เขาเอ่ยเสียงเบากว่าลมพัดไม่อยากไปเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตา นางจะหนีอีกอยากเฝ้าอยู่เช่นนี้ทั้งวัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งมี่ฮวาเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ซีจงจวินชักจะเอาแต่ใจเกินไปหรือไม่ คิดจะหยุดก็หยุดเลยเช่นนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรหรือแต่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้เริ่มทำตามแผนที่พี่สาวแนะนำมา.."ตามใจเจ้า อยู่บ้านบ้างก็ดีวันนี้จะได้กินข้าวกันเร็วหน่อย""หิวมาก
รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืนทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นหญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำมี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต"อืม..."ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูงท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..
จากวันผ่านไปกลายเป็นเดือน ทั้งคู่ยังอยู่กันอย่าง..ไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่นัก"ทำไมกลับช้านัก ข้าหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"มี่ฮวาแกล้งเดินตึงตังพูดขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินเหมือนคนโมโหหิว ทั้งที่จริงๆเขาก็กลับเวลาประมาณนี้ทุกวัน"รอเดี๋ยวนะ" ฝ่ายเทพอสูรเห็นภรรยาทำหน้าเหมือนจะกินหัวเขาให้ได้ก็รีบตรงเข้าครัวเลย ไม่แม้แต่จะถอดเอาชุดเกราะออกผ่านไปเกือบสามก้านธูปซีจงจวินเร่งยกกับข้าวหกอย่างขึ้นโต๊ะ ล้วนมีแต่ของที่ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน มี่ฮวานั่งคีบผักกับเต้าหู้กินสองสามคำ ขณะที่ตะเกียบกำลังจะจิ้มลงไปบนปลานึ่งสมุนไพรตรงกลางโต๊ะมือก็หยุดชะงักเสียก่อน"ข้าไม่อยากกินปลา" นางโยนตะเกียบ ทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ"ท่านอยากกินอะไร" เห็นภรรยาไม่อยากกินซีจงจวินก็ไม่ขัด กลับถามเพื่อจะหามาทำให้ใหม่"เนื้อวัวย่าง"คนฟังได้ยินแล้วกะพริบตาปริบๆ ค่ำมืดเช่นนี้จะให้เขาไปล้มวัวจากที่ไหนมาให้กันหญิงสาวเห็นอาการของอีกฝ่ายที่ดูลำบากใจเล็กน้อยก็แสร้งทำเสียงหงอยเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเศร้าเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ"แต่เวลานี้คงหามาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นไม่ข้าเอาก็ได้"ท่าทางภรรยาตอนนี้ดูน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม
ก่อนหน้านั้น..ซวนเฟยกับชิงเหลียงง่วนกับการทำงานบ้านจนลืมดูนายหญิงของพวกมันกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่จะยกขนมกับน้ำชามาให้ และพบว่านายหญิงไม่อยู่ในห้องชมสวนเสียแล้วทั้งสองวิ่งหารอบบ้านก็ไม่เจอ สังหรณ์ใจไม่ดีจึงเดินออกมานอกบ้าน"ซวนเฟย! ซวนเฟย!!"ชิงเหลียงตะโกนเสียงหลงทำเอาคนถูกเรียกต้องรีบวิ่งเข้าไป จนเห็นของบางสิ่งตกอยู่บนพื้น"ปิ่นนี่มันของนายหญิงนี่!!"ทั้งสองหน้าซีดเผือด เห็นพื้นด้านในป่าเป็นรอยลากยาว รู้แล้วว่าเจ้านายกำลังมีภัยปีกสีเทากระพือเร็วรี่พาร่างเล็กทะยานขึ้นฟ้าไปหานายท่านของมันที่หน้าบันไดขึ้นเขาสรรค์ทันที พร้อมกันนั้นหางงูสีฟ้าเหลือบเขียวเลื้อยตามรอยลากไปโดยเร็ว เผื่อจะเข้าไปช่วยนายหญิงได้ทันเวลาที่หน้าเขาสวรรค์ ซีจงจวินยืนเฝ้าบันไดอย่างสง่าผ่าเผยช่างดูน่าเกรงขามยิ่ง"นายท่านขอรับ!!!"เสียงหนึ่งดังอยู่เหนือหัว มองไปเห็นร่างอสูรรับใช้ครึ่งนกร่อนลงมายืนตรงหน้าด้วยสภาพเหงื่อผุดทั่วตัวเขาสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว.."นายหญิงหายไปขอรับ!! ข้าพบของสิ่งนี้ตกอยู่ที่ทางเข้าป่าพร้อมกับรอยแปลกๆบนพื้นขอรับ!!"ซวนเฟยยื่นปิ่นปักผมทองให้ซีจงจวินดู สายตาดุดันพลันวาวโรจน์ทันทีเขาทิ้ง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา วันทั้งวันมี่ฮวาไม่ได้ลุกไปไหนเลยเพราะมีซีจงจวินทำหน้าที่เป็นมือเป็นเท้าให้ อยากได้อะไรเขาลุกไปหามาประเคนทั้งหมดหลังจากสั่งให้อสูรรับใช้ป้อนข้าว เช็ดตัว ทำแผลให้ภรรยาแล้วเขาก็กลับเข้ามานั่งเฝ้าตรงมุมห้องตามเดิมมี่ฮวานั่งอ่านหนังสือไปเพลินๆ ไม่น่าเชื่อว่าการมีเขาอยู่ร่วมห้องไม่ได้น่ารำคาญเท่าเมื่อก่อน"พรุ่งนี้เจ้าไปทำงานได้แล้วนะ"นางเอ่ยบอก แม้ตอนแรกดวงตายังไม่ละจากตัวหนังสือแต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรทำให้ต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายสีหน้าเขาเรียบตึง ทว่ามองตาแล้วรู้ทันทีว่าในใจกำลังประท้วงอย่างกับเซียนน้อยงอแงไม่อยากไปสำนักฝึกตน...อายุจะแสนปีแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไปได้"จะไม่ไปทำงานจริงๆหรือ"นางถาม ซีจงจวินก็ส่ายหน้าตอบแล้วพูดเสียงอ่อน ช้อนดวงตาสื่อความหมายเดียวกับคำนั้น"ข้าเป็นห่วง"เป็นเหตุผลที่ต่อให้ใจแข็งอย่างไรก็อ่อนยวบได้ง่ายดาย คนฟังถึงกับต้องถอนหายใจยาว"เจ้าเพิ่มการคุ้มกันรอบบ้านแทนไม่ดีกว่าหรือ""ข้าทำแล้ว""ถ้าทำแล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอก"ได้ยินนางบอกเขาก็เงียบไป ครู่ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"ข้าอยากอยู่ข้างท่าน"คำพูดนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกท
อากาศด้านนอกเริ่มเย็นลง ใบไม้ปลิวร่วงยามลมพัด มี่ฮวานั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมายนี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย การต้องอยู่แต่ในบ้านแบบนี้มันน่าเบื่อมากเหมือนกัน"มี่ฮวา"เสียงคนที่มุมห้องเรียกหา เมื่อหันมาก็พบว่าเขายกสำรับเย็นจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วสีหน้าเหงาๆ กับการนั่งกินข้างไม่พูดไม่จาของนางนั้นซีจงจวินสังเกตได้"ท่านเบื่ออาหารหรือไม่"ได้ยินคำถามมี่ฮวาก็ส่ายหน้า เห็นเช่นนั้นคนเป็นสามีก็พลอยไม่เจริญอาหารตาม"ท่านเป็นอะไรไปหรือ มีอะไรที่ข้าทำให้ไม่พอใจหรือเปล่า""เปล่าเลย ข้าแค่รู้สึกเบื่อนิดหน่อย คงเพราะอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน แล้วก็ไม่ได้เจอใครตั้งนานแล้ว"เห็นภรรยาทำหน้าหงอยลงอีกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจ อยากช่วยหาทางออกให้"ท่านอยากไปเที่ยวตลาดแดนเทพหรือไม่ ข้าจะ.."ซีจงจวินกำลังจะเสนอความคิดแต่ต้องรีบงับปากลงก่อน เพราะนางเคยบอกว่าเขาเป็นภาระถ้ามีเขาอยู่เกรงจะทำให้หมดสนุกเอา.."พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปส่งตอนเช้าและตอนเย็นจะไปรับ ให้ซวนเฟยกับชิงเหลียงไปช่วยท่านถือของด้วยจะได้สะดวกขึ้น"นี่น่าจะเป็นทางที่ดีกว่า.."ไม่เป็นไรหรอก ข้าถือเองได้""ท่านแรงน้อย ถือของหนักพะรุงพะรังคน
ซีจงจวินมารับมี่ฮวาตรงตามเวลานัดแล้วก็พากลับบ้าน เตรียมอาหาร จัดของให้นางเหมือนปกติซวนเฟยกับชิงเหลียงดูจะอิดโรยกันมาก หลังจากทำงานเสร็จแล้วพวกมันก็ขอตัวไปพักเลย และคาดว่าคงไม่มีแรงลุกจนกว่าจะฟ้าสางม่านสีดำโรยตัวลงจากท้องฟ้า ในยามที่ควรจะเข้านอนมี่ฮวาอาบน้ำเสร็จไม่ได้กลับเข้าห้องทันทีนางอาศัยตอนที่ซีจงจวินไปอาบน้ำเข้าไปในห้องเขา จุดกำยานแล้ววางโถไว้ให้บนโต๊ะข้างหัวเตียงมี่ฮวาไม่มีความกล้าพอจะยื่นให้เขาตรงๆ เลยคิดว่าทำแบบนี้ให้เขาประหลาดใจเล่นน่าจะดีกว่าเมื่อนางกลับเข้าห้องไปแล้ว ซีจงจวินเดินออกมาจากห้องน้ำดับไฟทุกดวงในบ้านจนมืดสนิท เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปแต่เพียงบานประตูแง้มเปิดเล็กน้อย จมูกที่ประสาทรับกลิ่นดีเยี่ยมก็เริ่มทำงานเขาไม่รู้ว่ากลิ่นที่อยู่ในห้องเป็นกลิ่นอะไร แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็เดินเข้ามาถึงเตียงเสียแล้วร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม เลือดสูบฉีดแรงจนผิวเป็นสีแดงเข้ม เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมไหลเป็นสายธารทั้งที่อากาศเย็นสบายมันร้อนไปหมด.. ร้อนจนเขาเผลอถอดเสื้อผ้าออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัวแท่งเนื้อกลางกายเริ่มตอบสนอง มันตั้งชูชัน แข็งเกร็งคล้ายอยากได้รับการปลดปล่ยเต็
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ
ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า
สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต
หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน