บ่ายคล้อย ทุกคนกลับถึงเรือนของซีจงจวิน ชิงเลียงออกมาต้อนรับอย่างดีใจแต่มี่ฮวาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงหันมองเทพอสูรแวบหนึ่ง
เขา..ตอนนี้ยังไม่กล้าสบตานาง แต่ก็ยังคอยเดินตามไม่ห่าง
คนรับใช้จากวังขนหีบนับสิบใบลงมา นำเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ซีจงจวินที่เป็นคนจัดของกลับเข้าที่
ตั้งแต่เข้ามา ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ซีจงจวินเพียงทำนู่นทำนี่ในบ้านไปเงียบๆ ส่วนมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งพักผ่อน ครู่หนึ่งเขานำขนมกับน้ำชามาวางให้เผื่อนางหิว
หญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเขานั่งเฝ้าตรงมุมห้องก็เกิดสงสัยขึ้นมา
"วันนี้ไม่ทำงานหรือ"
ได้ยินคำถาม ซีจงจวินเงยมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรีบพูดเกินยี่สิบคำ
"ทำไมถึงไม่ไปทำงาน"
"ข้าไม่อยากไป" เขาเอ่ยเสียงเบากว่าลมพัด
ไม่อยากไปเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตา นางจะหนีอีก
อยากเฝ้าอยู่เช่นนี้ทั้งวัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทิ้ง
มี่ฮวาเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ซีจงจวินชักจะเอาแต่ใจเกินไปหรือไม่ คิดจะหยุดก็หยุดเลยเช่นนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรหรือ
แต่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้เริ่มทำตามแผนที่พี่สาวแนะนำมา..
"ตามใจเจ้า อยู่บ้านบ้างก็ดีวันนี้จะได้กินข้าวกันเร็วหน่อย"
"หิวมากหรือ"
ซีจงจวินสังเกตว่าขนมกับน้ำชาที่พึ่งยกมาให้เริ่มพร่องลงไป หากนางบอกว่าหิวมากเขาก็จะเข้าครัวทำอาหาร
มี่ฮวาเดาออกว่าซีจงจวินคิดจะทำอะไรต่อ จึงวางขนมแล้วมองหน้าคุยกับเขา
"ข้ายังไม่หิวมาก เพียงคิดว่าเย็นนี้อยากกินอาหารเร็วขึ้นหน่อย เป็นการฉลองที่กลับมาอยู่ที่นี่"
ว่าแล้วทำเป็นมองออกไปที่สวนด้านนอก เห็นว่าท้องฟ้าใสลมโกรกเย็นสบาย "ท้องฟ้าคืนนี้น่าจะปรอดโปร่ง ข้าอยากร่ำสุราชมจันทร์ในห้องนี้ เจ้าว่าอย่างไร"
ซีจงจวินถูกถามก็แปลกใจเล็กน้อย เหตุใดวันนี้ภรรยาเขาถึงอารมณ์ดีนัก
แต่เมื่อมองตานางแล้ว ความดีใจผุดขึ้น บดบังความสงสัยจนมิด ซีจงจวินระบายยิ้มเอ่ยเสียงนุ่ม
"ท่านอยากดื่มกี่ไห ข้าจะไปเอามาให้"
"เช่นนั้นยกมาสักห้าไหเป็นอย่างไร"
"ห้าไห!?" คล้ายหูฝาด ซีจงจวินไม่รู้มาก่อนว่ามี่ฮวาคอแข็งขนาดนั้น
"ใช่ หรือเจ้ามีปัญหา" นางถาม แน่นอนว่าซีจงจวินส่ายหน้า ใครจะกล้าขัดใจภรรยารักที่พึ่งคืนดีกันได้เล่า
คนถูกตามใจกระตุกยิ้ม แววตานางมีความหมายบางอย่างที่ซีจงจวินไม่ค่อยเข้าใจนักซ่อนอยู่
เย็นนั้นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มทอแสงสีอ่อนจนกระทั่งเคลื่อนตัวลงหลบหลังหุบเขา อาหารมากมายก็ถูกนำมาตั้งตรงหน้า
ซีจงจวินยกจานที่สิบขึ้นโต๊ะ ด้านซ้ายมีเจ้าชิงเลียงรินน้ำชา ด้านขวามีเจ้าซวนเฟยตักข้าวให้
เสร็จแล้วเทพอสูรย้ายตัวเองไปนั่งที่ประจำตรงมุมห้อง เห็นมี่ฮวากินมากขึ้นก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย
ระหว่างที่กำลังตักข้าวเข้าปาก สายตาไปสบเข้ากับลูกแก้วหยกกลมบนดวงหน้าหวานเข้า ทำเอาเคลิ้มไปชั่วครู่
"นี่"
เสียงเรียกทำเอาคนมองสะดุ้งเล็กน้อย สติกลับคืนมาและเขารีบหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเคยชิน
แต่นางไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่อง กลับส่งยิ้มบางมาให้แทน "วันนี้เรามากินข้าวร่วมโต๊ะกันสักครั้งดีหรือไม่"
หูซีจงจวินกระดิกเบาๆ รีบหันขวับมองหญิงสาวตรงนั้นดวงตาเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ
นางเริ่มเปิดใจให้แล้วใช่หรือไม่...
ไม่รอช้า เทพอสูรเขยิบมานั่งฝั่งตรงข้ามทันที ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เสียแล้ว
"แกะปูให้ข้า"
ได้ยินเสียงหวานสั่ง ซีจงจวินคิดว่าเป็นการอ้อนจึงไม่ลังเลที่จะทำให้เลยสักนิด มือสองข้างตั้งใจแกะปู กุ้ง เลาะก้างปลาออก ใส่จานจนกองพะเนินเพราะกลัวนางไม่อิ่ม มี่ฮวาก็ตักกินไปไม่ว่าอะไร
เมื่ออิ่มหนำแล้ว สำรับถูกยกออกไป แทนที่ด้วยสุราสวรรค์ห้าไหและจานกับแกล้ม บ่าวรับใช้ทั้งสองถูกไล่ให้ไปพักผ่อน เหลือเพียงคู่สามีภรรยานั่งชมจันทร์กันในห้อง
ซีจงจวินรินสุราลงจอกให้ภรรยาก่อน ค่อยยื่นส่งให้
"เจ้าไม่คิดจะดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยหรือ"
ซีจงจวินได้ยินคำถามก็รีบส่ายหน้า ไม่ตอบรับคำชวน
เขารู้ว่าตัวเองคออ่อนขนาดไหน อีกทั้งน้ำเมานี้ทำให้ขาดสติยั้งคิด หากเผลอทำตัวเสียมารยาทจะโดนนางโกรธเอา
แต่มี่ฮวาไม่คิดเช่นนั้น มุมปากขยับยกทั้งที่ดวงตาไม่ยิ้มตาม
"เจ้าให้ข้าดื่มคนเดียวเช่นนี้ หรือมีแผนสกปรกอยู่ในใจ"
นางแสร้งทำเป็นกล่าวน้ำเสียงเรียบ รู้ว่าซีจงจวินจะต้องปฏิเสธคำกล่าวหานั้นด้วยการส่ายหน้าอีกเช่นเคย
"หากเจ้าบริสุทธิ์ใจจริงก็ร่ำสุราเป็นเพื่อนข้าสิ แล้วข้าจะเชื่อ" มี่ฮวาเอ่ยพร้อมกับรินน้ำจากไหลงจอกส่งให้
ซีจงจวินตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย กระดกดื่มรวดเดียว เมื่อวางจอกลงมี่ฮวาก็รินเพิ่มให้อีก
นางจะมอมเหล้าซีจงจวิน...
แผนการนี้ถูกคิดขึ้นโดยเหล่าพี่สาวนางเมื่อคืนตอนที่พวกนางเข้ามาคุย...
มี่ฮวาระบายกับพวกพี่ๆ อย่างไม่ปิดบัง นางบอกว่าไม่ไว้ใจซีจงจวิน ไม่รู้ว่าที่ยอมนางขนาดนี้เพราะวางแผนอะไรไว้หรือไม่
พวกพี่สาวจึงเสนอให้มอมเหล้าเขาเสีย เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สติเลือนหาย สันดานเดิมจะถูกเผยออกมาให้เห็นอย่างง่ายดาย พร้อมกับความในใจทั้งหมด
คืนนี้มี่ฮวาจึงทำตามแผน..
เมื่อซีจงจวินเมา นางจะทำให้เขาเผยธาตุแท้ออกมาจนหมดเปลือกและหากเขาคิดจะทำอะไรรุ่มร่าม นางจะชักมีดสั้นที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อออกมาป้องกันตัวทันที
ตอนนี้..เมรัยจอกที่สองไหลลงคอซีจงจวินไปเรียบร้อย
เขานั่งนิ่งไป สังเกตได้ว่าสองข้างแก้มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นนิดหน่อย
"สุรานี้รสชาติดีนัก เจ้าว่าเช่นนั้นไหม"
มี่ฮวาทำเป็นพูด ขณะรินจอกที่สามเพิ่ม ซีจงจวินพยายามประคองสติยกจอกขึ้นมากระดกอีก
"อ่า..." อยู่ดีๆก็พยักหน้าตอบ ส่งเสียงในลำคอแล้วยิ้มออกมา
"รู้สึกอย่างไรบ้าง"
มี่ฮวาถามเพราะเห็นว่าซีจงจวินเริ่มทำตาปรือ ศีรษะโยกคลอน พักหนึ่งกว่าจะยอมเปิดปากพูดออกมา
"..ดี..."
คนได้รับคำตอบกะพริบตาสองสามครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าเพียงสามจอกก็เมาเสียแล้ว
คออ่อนขนาดนี้เชียวหรือ...
ขนาดนางเป็นเซียนสตรี ยังดื่มได้มากสุดตั้งสองไหเลย
"นี่เจ้าเริ่มเมาแล้วหรือ"
"..."
เขาไม่ตอบ แต่ท่าทางที่นั่งตัวตรงไม่ได้ ต้องโอนไปเอนมาน้อยๆนั่นก็พอจะชัดเจนแล้ว
กระนั้นมี่ฮวาก็ยังไม่ไว้ใจมากนัก จึงรินสุราส่งให้อีกแล้วเขาก็รับไปดื่มง่ายๆ ไม่ว่าอะไร
"เมา...."
จู่ๆก็ตอบออกมาเองเสียเฉยๆ เช่นนี้คงไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว
มี่ฮวายิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่างานนี้ช่างง่ายดาย ไม่ต้องเปลืองตัวลงแรงอะไรมากเลย
"หากข้าถามอะไรเจ้า จากนี้จงตอบมาตามความจริง ตกลงไหม"
ราวพูดกับอากาศ ซีจงจวินเหมือนได้ยินแต่สมองมึนจนคิดคำตอบไม่ทัน ได้แต่รับสุราจอกที่ห้ามาดื่มต่อ
"เจ้าคิดอย่างไรกับข้า แต่งกับข้าเพราะอะไร"
ถามเสร็จก็ต้องอดทนรอ เริ่มรู้ว่าอีกฝ่ายต้องใช้เวลาประมวลผลนานขึ้นก่อนตอบ
"..."
แต่นี่นางรอมาเกือบหนึ่งก้านธูปแล้ว ซีจงจวินก็ยังนั่งเงียบอยู่ นางจึงขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆเอานิ้วจิ้มที่ต้นแขนขวาบนอยู่สองสามที
"นี่ ตอบข้าได้หรือยัง"
ได้ยินเสียงพูดอยู่ใกล้หู ซีจงจวินคว่ำหน้าลง กะพริบตาถี่ๆแล้วหันมองช้าๆ
พอสิ่งที่เห็นเป็นใบหน้าของมี่ฮวา เขาก็ยิ้มกว้างจนตาปิด
มือข้างหนึ่งหยิบเอาไหสุรายกขึ้นกรอกปากราวน้ำเปล่า นั่นทำให้คนนั่งข้างๆถึงกับตะลึงลุกขึ้นมาคว้าข้อมือห้ามไว้
"เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะ" นางเริ่มขึ้นเสียง ความอดทนที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งลดลงไปอีก
"...รัก.."
รัก..?
มี่ฮวาได้ยินคำนั้นเสียงเบา ราวกับคนพูดกำลังละเมอท่าทางสะลึมสะลือ
"...มี่ฮวา...."
เขาเอ่ยชื่อนาง ต่อจากคำว่ารัก..
นั่นหมายความว่าเขาจะพูดว่ารักนางใช่หรือไม่
"....รักกกก...."
ซีจงจวินลากเสียงยาวขึ้น มี่ฮวายอมปล่อยมือจากข้อมือหนาที่จับอยู่เมื่อครู่
ไม่ทันคิดอะไรต่อ ไหสุราถูกยกขึ้นอีกรอบ คราวนี้มี่ฮวาไม่รอให้เขาดื่มมากไปกว่านี้เพราะเกรงว่าจะเมาจนหลับเสียก่อน เลยแย่งมาถือไว้เอง
ซีจงจวินอยู่ในอาการมึนงง เห็นไหสุราถูกแย่งไปก็เอื้อมคว้าจะเอากลับมา จังหวะที่โน้มตัวไปร่างยักษ์เกิดเสียสมดุลจึงทำให้ล้มทับมี่ฮวาโดยไม่ตั้งใจ
ตุบ!
หญิงสาวโดนความหนักของร่างใหญ่โถมทับจนต้องนอนแนบกายติดพื้น ซ้ำยังขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียวก็ยิ่งตกใจ
"เจ้า! ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!"
ไหสุราสีขาวใบนั้นกลิ้งไปบนพื้น แต่ไม่มีน้ำสีอ่อนใสไหลออกมาเพราะมันหมดแล้ว
มี่ฮวาหายใจหอบ เพราะตัวซีจงจวินหนักมากอยู่ และเขากดทับตัวนางไว้เช่นนี้มันยิ่งทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นไปอีก แม้กัดฟันพยายามดันตัวลุกขึ้นก็ไม่เป็นผล
ตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งที่ข้างใบหูหยุดทุกความคิดฟุ้งซ่านในหัว รวมถึงทำให้นางหยุดดิ้นด้วย
"มี่ฮวา...."
เจ้าของชื่อหันมองช้าๆ เห็นว่าใบหน้าของซีจงจวินอยู่ใกล้มากจนปลายจมูกชิดกัน
ดวงตาของเขายามนี้ ดูอ่อนหวานและอ่อนไหว
ทั้งที่เมื่อก่อนมันมักจะดูน่ากลัวเสมอ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดบัดนี้มันถึงได้น่ามองนัก
"รัก...."
"ข้ารู้แล้ว"
นางตอบรับเสียงแผ่วลง นั่นทำให้ใบหน้าสีแดงเข้มของคนเมาดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านรัก.....ไหม.." เขาถามตาปรือลง พูดเบาราวกระซิบ
"ไม่ ข้าเกลียดเจ้า เกลียดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด"
มี่ฮวายังคงตอบตามความรู้สึกจริงๆที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่ชั่วขณะจิตเดียว
ซีจงจวินได้ยินชัดเจน สีหน้าเขายังดูเหมือนเดิม แต่ใบหูนิ่มที่มีขนอ่อนสั้นๆขึ้นเล็กน้อยคล้ายหูวัวกลับลู่ลง
อาการแบบนี้หมายความว่ากำลังเสียใจใช่หรือไม่...
...คงเพราะเขาไม่อยากได้ยินคำนั้นอีก
คนถูกทับถอนหายใจยาวเมื่อเห็นสายตาซึมๆที่ฉายออกมาชัดเจน
"เจ้าแต่งกับข้าเพราะรักแค่นั้นเองหรือ"
มี่ฮวาตัดสินใจถามต่อ อีกฝ่ายก็ยอมเปิดปากพูดตามต้องการ
"..รัก..."
แต่มันเป็นคำที่มี่ฮวาได้ยินมารอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ จนเริ่มรำคาญที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง
"ข้าได้ยินแล้ว ตอบให้มันตรงคำถามบ้างได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าหวังสิ่งใดจากการแต่งงานกับข้า"
ซีจงจวินมองดวงหน้างามหวานหยด แม้ริมฝีปากอมยิ้มแต่แววตาเศร้าสร้อย
"....รัก.."
"นี่เจ้าพูดเป็นอยู่คำเดียวหรือ!?" คนรำคาญนึกอยากจะตีเขานัก "หยุดพูดคำว่ารัก แล้วตอบคำอื่นมาสักที"
นางพยายามสงบใจลง รู้ว่าการถูกคนเมายั่วโมโหทางที่ดีที่สุดคือต้องไม่โมโหตอบ แต่บางครั้งก็เหลืออดเหมือนกัน
"นอกจากความรัก เจ้าหวังอะไรอีก"
ซีจงจวินนิ่งไป เหมือนเขาพยายามครุ่นคิดพักหนึ่ง
เป็นพักใหญ่ๆ กว่าจะตอบออกมาได้
"ห้าม....จับ..."
มี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ สิ่งที่เขาพูดมันเหมือนไม่ใช่การตอบคำถามเลยสักนิด
"...ห้ามพูด....มอง....ด้วย..."
คำเหล่านั้นเหมือนเป็นการทวนเงื่อนไขที่มี่ฮวาเคยวางไว้
"ข้าจำได้ และตอนนี้เจ้าก็กำลังฝ่าฝืนทุกข้อเลย"
แม้ไม่ได้ตำหนิอะไร แต่ก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่ยังเห็นซีจงจวินทำหน้าจ๋อยไม่เปลี่ยน
"....ทำไม..."
"ทำไมอะไรของเจ้า"
มี่ฮวาไม่เข้าใจ และเริ่มจะหงุดหงิดที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง ปะติดปะต่ออะไรไม่ได้เช่นนี้
ซีจงจวินไม่ตอบ นานจนมี่ฮวาหมดความอดทนต้องยอมหยุดถามแล้วสั่งเขาอีกครั้ง
"ข้าไม่อยากรู้อะไรแล้ว เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าจะหายใจไม่ออกตายแล้ว"
ได้ยินคำว่าตาย ซีจงจวินเหมือนจะพึ่งรู้สึกตัวว่าเขานอนทับมี่ฮวาอยู่ ร่างยักษ์เคลื่อนขยับออกช้าๆ มี่ฮวารีบยันกายคลานออกมาแต่มือข้างหนึ่งก็ยังถูกจับเอาไว้
"ปล่อยข้า"
ซีจงจวินได้ยินคำสั่งแต่ไม่ปล่อย เพียงเหม่อมองมือเล็กไล่ขึ้นไปถึงต้นแขนและใบหน้า
สายตาเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ มันสลับกลับไปกลับมา เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ เดาไม่ออกว่าข้างในรู้สึกเช่นไร
"...ทำไม...."
"เพราะข้าไม่อยากให้เจ้ามาโดนตัว ข้ารังเกียจ"
".....ทำไม.."
เทพอสูรพร่ำเพ้อถามกลับซ้ำๆอยู่คำเดียว เขาเป็นอะไรมากหรือไม่
สุดท้าย มี่ฮวายอมแพ้เพราะซีจงจวินกุมมือนางแน่น
ขอแค่ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรมากกว่านี้ก็ยังพอทนไหว
"มี่ฮวา..."
"มีอะไร"
"มี่ฮวา...."
"ข้าอยู่นี่"
จะเรียกทำไมนักหนากัน ก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย
"อย่าทิ้ง....ข้า.."
คล้ายคำสั่ง แต่มันคือการวิงวอนเสียงแผ่วและคนพูดเริ่มน้ำตาปริ่มเล็กน้อย
ดวงตาสีทองหม่นคู่นั้นกำลังสั่นคลอนหัวใจอันแข็งกระด้าง กระนั้นคนมีมาดก็ยังเลือกที่จะตอบแบบไม่ให้คนฟังได้ใจนัก
"ข้า..ไม่รับปาก"
ซีจงจวินมองค้าง แม้จะตาปรือเหมือนง่วงมาก ก็ยังฝืนอยากจะมองอยู่เช่นนั้น
"มี่..ฮวา..."
"อะไรอีก"
"....รัก...."
ได้ยินแล้วมี่ฮวาได้แต่ระบายลมหายใจส่ายหน้า เหนื่อยจะซักต่อ
"อืม ข้าเข้าใจแล้ว เจ้านอนเถิด"
พอบอกให้นอน ซีจงจวินก็พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนฉุดแขนคนตัวเล็กกว่าให้ล้มลงทับร่างเขา
!!
นางเบิกตาโพลงทันที พยายามดันตัวชายหนุ่มออกแต่ไม่ทันเพราะมือทั้งหกข้างเข้าพันเกี่ยวกอดเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"นี่เจ้า! ปล่อยข้านะ!!!"
มี่ฮวากัดฟัน พยายามล้วงมือหยิบเอามีดสั้นที่ซ่อนไว้ออกมา แต่เมื่อสบตากับซีจงจวินอีกหนมือเรียวก็ต้องหยุดชะงัก
ที่ข้างดวงตาของเขา.. ยังมีรอยแผลที่นางเอาแจกันฟาดลงไปอยู่เลย
เขาคงเจ็บอยู่เหมือนกัน เพราะผิวหนังส่วนนี้มันค่อนข้างบาง
ในที่สุดเปลือกตาสีแดงค่อยๆปิดลง ซีจงจวินกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา โดยยังมีมี่ฮวาอยู่ในอ้อมกอด...
รัตติกาลผันเลยไปกี่ชั่วยามไม่อาจนับ มือยังกระหวัดรัดไว้ เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวไม่รู้สึกรังเกียจมัน
ทั้งที่เมื่อออกจะเกลียดกลัวความประหลาดพิสดารนี้แท้ๆ
เหตุใดตอนนี้...กลับรู้สึกอุ่นข้างใน ชอบมือใหญ่ที่มีมากถึงหกข้างนี่กัน
รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืนทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นหญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำมี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต"อืม..."ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูงท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..
จากวันผ่านไปกลายเป็นเดือน ทั้งคู่ยังอยู่กันอย่าง..ไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่นัก"ทำไมกลับช้านัก ข้าหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"มี่ฮวาแกล้งเดินตึงตังพูดขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินเหมือนคนโมโหหิว ทั้งที่จริงๆเขาก็กลับเวลาประมาณนี้ทุกวัน"รอเดี๋ยวนะ" ฝ่ายเทพอสูรเห็นภรรยาทำหน้าเหมือนจะกินหัวเขาให้ได้ก็รีบตรงเข้าครัวเลย ไม่แม้แต่จะถอดเอาชุดเกราะออกผ่านไปเกือบสามก้านธูปซีจงจวินเร่งยกกับข้าวหกอย่างขึ้นโต๊ะ ล้วนมีแต่ของที่ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน มี่ฮวานั่งคีบผักกับเต้าหู้กินสองสามคำ ขณะที่ตะเกียบกำลังจะจิ้มลงไปบนปลานึ่งสมุนไพรตรงกลางโต๊ะมือก็หยุดชะงักเสียก่อน"ข้าไม่อยากกินปลา" นางโยนตะเกียบ ทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ"ท่านอยากกินอะไร" เห็นภรรยาไม่อยากกินซีจงจวินก็ไม่ขัด กลับถามเพื่อจะหามาทำให้ใหม่"เนื้อวัวย่าง"คนฟังได้ยินแล้วกะพริบตาปริบๆ ค่ำมืดเช่นนี้จะให้เขาไปล้มวัวจากที่ไหนมาให้กันหญิงสาวเห็นอาการของอีกฝ่ายที่ดูลำบากใจเล็กน้อยก็แสร้งทำเสียงหงอยเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเศร้าเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ"แต่เวลานี้คงหามาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นไม่ข้าเอาก็ได้"ท่าทางภรรยาตอนนี้ดูน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม
ก่อนหน้านั้น..ซวนเฟยกับชิงเหลียงง่วนกับการทำงานบ้านจนลืมดูนายหญิงของพวกมันกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่จะยกขนมกับน้ำชามาให้ และพบว่านายหญิงไม่อยู่ในห้องชมสวนเสียแล้วทั้งสองวิ่งหารอบบ้านก็ไม่เจอ สังหรณ์ใจไม่ดีจึงเดินออกมานอกบ้าน"ซวนเฟย! ซวนเฟย!!"ชิงเหลียงตะโกนเสียงหลงทำเอาคนถูกเรียกต้องรีบวิ่งเข้าไป จนเห็นของบางสิ่งตกอยู่บนพื้น"ปิ่นนี่มันของนายหญิงนี่!!"ทั้งสองหน้าซีดเผือด เห็นพื้นด้านในป่าเป็นรอยลากยาว รู้แล้วว่าเจ้านายกำลังมีภัยปีกสีเทากระพือเร็วรี่พาร่างเล็กทะยานขึ้นฟ้าไปหานายท่านของมันที่หน้าบันไดขึ้นเขาสรรค์ทันที พร้อมกันนั้นหางงูสีฟ้าเหลือบเขียวเลื้อยตามรอยลากไปโดยเร็ว เผื่อจะเข้าไปช่วยนายหญิงได้ทันเวลาที่หน้าเขาสวรรค์ ซีจงจวินยืนเฝ้าบันไดอย่างสง่าผ่าเผยช่างดูน่าเกรงขามยิ่ง"นายท่านขอรับ!!!"เสียงหนึ่งดังอยู่เหนือหัว มองไปเห็นร่างอสูรรับใช้ครึ่งนกร่อนลงมายืนตรงหน้าด้วยสภาพเหงื่อผุดทั่วตัวเขาสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว.."นายหญิงหายไปขอรับ!! ข้าพบของสิ่งนี้ตกอยู่ที่ทางเข้าป่าพร้อมกับรอยแปลกๆบนพื้นขอรับ!!"ซวนเฟยยื่นปิ่นปักผมทองให้ซีจงจวินดู สายตาดุดันพลันวาวโรจน์ทันทีเขาทิ้ง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา วันทั้งวันมี่ฮวาไม่ได้ลุกไปไหนเลยเพราะมีซีจงจวินทำหน้าที่เป็นมือเป็นเท้าให้ อยากได้อะไรเขาลุกไปหามาประเคนทั้งหมดหลังจากสั่งให้อสูรรับใช้ป้อนข้าว เช็ดตัว ทำแผลให้ภรรยาแล้วเขาก็กลับเข้ามานั่งเฝ้าตรงมุมห้องตามเดิมมี่ฮวานั่งอ่านหนังสือไปเพลินๆ ไม่น่าเชื่อว่าการมีเขาอยู่ร่วมห้องไม่ได้น่ารำคาญเท่าเมื่อก่อน"พรุ่งนี้เจ้าไปทำงานได้แล้วนะ"นางเอ่ยบอก แม้ตอนแรกดวงตายังไม่ละจากตัวหนังสือแต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรทำให้ต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายสีหน้าเขาเรียบตึง ทว่ามองตาแล้วรู้ทันทีว่าในใจกำลังประท้วงอย่างกับเซียนน้อยงอแงไม่อยากไปสำนักฝึกตน...อายุจะแสนปีแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไปได้"จะไม่ไปทำงานจริงๆหรือ"นางถาม ซีจงจวินก็ส่ายหน้าตอบแล้วพูดเสียงอ่อน ช้อนดวงตาสื่อความหมายเดียวกับคำนั้น"ข้าเป็นห่วง"เป็นเหตุผลที่ต่อให้ใจแข็งอย่างไรก็อ่อนยวบได้ง่ายดาย คนฟังถึงกับต้องถอนหายใจยาว"เจ้าเพิ่มการคุ้มกันรอบบ้านแทนไม่ดีกว่าหรือ""ข้าทำแล้ว""ถ้าทำแล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอก"ได้ยินนางบอกเขาก็เงียบไป ครู่ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"ข้าอยากอยู่ข้างท่าน"คำพูดนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกท
อากาศด้านนอกเริ่มเย็นลง ใบไม้ปลิวร่วงยามลมพัด มี่ฮวานั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมายนี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย การต้องอยู่แต่ในบ้านแบบนี้มันน่าเบื่อมากเหมือนกัน"มี่ฮวา"เสียงคนที่มุมห้องเรียกหา เมื่อหันมาก็พบว่าเขายกสำรับเย็นจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วสีหน้าเหงาๆ กับการนั่งกินข้างไม่พูดไม่จาของนางนั้นซีจงจวินสังเกตได้"ท่านเบื่ออาหารหรือไม่"ได้ยินคำถามมี่ฮวาก็ส่ายหน้า เห็นเช่นนั้นคนเป็นสามีก็พลอยไม่เจริญอาหารตาม"ท่านเป็นอะไรไปหรือ มีอะไรที่ข้าทำให้ไม่พอใจหรือเปล่า""เปล่าเลย ข้าแค่รู้สึกเบื่อนิดหน่อย คงเพราะอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน แล้วก็ไม่ได้เจอใครตั้งนานแล้ว"เห็นภรรยาทำหน้าหงอยลงอีกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจ อยากช่วยหาทางออกให้"ท่านอยากไปเที่ยวตลาดแดนเทพหรือไม่ ข้าจะ.."ซีจงจวินกำลังจะเสนอความคิดแต่ต้องรีบงับปากลงก่อน เพราะนางเคยบอกว่าเขาเป็นภาระถ้ามีเขาอยู่เกรงจะทำให้หมดสนุกเอา.."พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปส่งตอนเช้าและตอนเย็นจะไปรับ ให้ซวนเฟยกับชิงเหลียงไปช่วยท่านถือของด้วยจะได้สะดวกขึ้น"นี่น่าจะเป็นทางที่ดีกว่า.."ไม่เป็นไรหรอก ข้าถือเองได้""ท่านแรงน้อย ถือของหนักพะรุงพะรังคน
ซีจงจวินมารับมี่ฮวาตรงตามเวลานัดแล้วก็พากลับบ้าน เตรียมอาหาร จัดของให้นางเหมือนปกติซวนเฟยกับชิงเหลียงดูจะอิดโรยกันมาก หลังจากทำงานเสร็จแล้วพวกมันก็ขอตัวไปพักเลย และคาดว่าคงไม่มีแรงลุกจนกว่าจะฟ้าสางม่านสีดำโรยตัวลงจากท้องฟ้า ในยามที่ควรจะเข้านอนมี่ฮวาอาบน้ำเสร็จไม่ได้กลับเข้าห้องทันทีนางอาศัยตอนที่ซีจงจวินไปอาบน้ำเข้าไปในห้องเขา จุดกำยานแล้ววางโถไว้ให้บนโต๊ะข้างหัวเตียงมี่ฮวาไม่มีความกล้าพอจะยื่นให้เขาตรงๆ เลยคิดว่าทำแบบนี้ให้เขาประหลาดใจเล่นน่าจะดีกว่าเมื่อนางกลับเข้าห้องไปแล้ว ซีจงจวินเดินออกมาจากห้องน้ำดับไฟทุกดวงในบ้านจนมืดสนิท เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปแต่เพียงบานประตูแง้มเปิดเล็กน้อย จมูกที่ประสาทรับกลิ่นดีเยี่ยมก็เริ่มทำงานเขาไม่รู้ว่ากลิ่นที่อยู่ในห้องเป็นกลิ่นอะไร แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็เดินเข้ามาถึงเตียงเสียแล้วร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม เลือดสูบฉีดแรงจนผิวเป็นสีแดงเข้ม เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมไหลเป็นสายธารทั้งที่อากาศเย็นสบายมันร้อนไปหมด.. ร้อนจนเขาเผลอถอดเสื้อผ้าออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัวแท่งเนื้อกลางกายเริ่มตอบสนอง มันตั้งชูชัน แข็งเกร็งคล้ายอยากได้รับการปลดปล่ยเต็
มี่ฮวาตัดสินใจเดินมานั่งที่เตียง มือเล็กเอื้อมสัมผัสเบาๆที่หัวไหล่คนบนพื้นซึ่งยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย"หันมาเถิด" นางเอ่ยแต่ซีจงจวินส่ายหน้าปฏิเสธเขาจะกล้าให้นางเห็นความน่ารังเกียจของตัวเองได้อย่างไร หากนางรับไม่ได้เกิดวิ่งหนีออกไปตอนนี้ ซีจงจวินคงไม่เหลือแรงจะวิ่งตามแล้ว"หันมาเถิดซีจงจวิน"เสียงมี่ฮวาเข้มขึ้น ซีจงจวินก็ยิ่งปฏิเสธคำสั่งนั้น นั่งห่อตัวจนเส้นผมสีดำยาวสยายลงมาปรกหน้าสุดท้ายนางทำอะไรไม่ได้ จึงเลือกที่จะลุกแล้วเดินอ้อมมานั่งหันหน้าเข้าหาเขาเอง มือเล็กจับสองข้างแก้มเทพอสูรให้เงยขึ้นยอมสบตาตรงๆราวกับภาพในคืนที่นางตัดสินใจหนีกลับบ้านไหลกลับเข้ามาในหัว..ตอนนั้นแววตานางฉายความหวาดกลัว ขณะที่แววตาเขาสะท้อนความสิ้นหวังและตอนนี้ ความสิ้นหวังยิ่งเพิ่มพูน ดึงจิตวิญญาณให้จมดิ่งลึกลง..."ท่านไม่หย่ากับข้าได้ไหม"สีหน้าเขายามวิงวอน ดูราวกับเด็กน้อยที่ในใจมีแต่รอยแผล ริมฝีปากสั่นคล้ายดูลังเลที่จะพูดต่อเรื่องที่นางเกลียดเขาขยะแขยงเขานั้น ซีจงจวินกำลังพยายามทำใจเพราะรู้ว่าไม่มีทางถูกรักได้..แต่อย่างน้อยขอให้นางไม่ทิ้งกันเท่านั้น ซีจงจวินคิดว่าน่าจะพอทำให้ยอมรับได้เร็วขึ้น"ข้าขอร้อง
หญิงสาวนั่งมองต้นไม้ไร้ใบในสารทฤดู ที่มุมเสาห่างออกไปสิบฉื่อมีเทพอสูรม่อยลับไม่รู้เรื่องเพราะมีลมเย็นพัดโกรกซีจงจวินเพลียจนไปทำงานไม่ไหว ทั้งวันเขาเอาแต่นอนอยู่ในห้องชมสวน ส่วนมี่ฮวา นางได้แต่นั่งทำใจให้สงบแม้จะมีภาพเหตุการณ์เมื่อคืนค้างอยู่ในหัวก็ตามนางไม่เข้าใจตัวเองว่าหมู่นี้เป็นอะไร..เมื่อคืนตอนจะถูกขืนใจ นางโกรธจริงแต่เมื่อเห็นเขาร่ำร้องขอความเมตตาสงสารหัวใจก็เกิดไร้กำลังต้านขึ้นมาเสียอย่างนั้นกระทั่งตอนนี้นางก็ยังนั่งมองเขาอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ทั้งที่เมื่อก่อนไม่คิดอยากจะชายหางตาไปทางเขาสักนิดหัวใจ...เป็นอะไรไปมันเริ่มอ่อนแอ พ่ายแพ้ให้บุรุษอัปลักษณ์เสียแล้วหรือ...มี่ฮวาไม่อยากจะยอมรับจึงต้องพาตัวเองออกจากห้องชมสวน ขณะเดินผ่านห้องนอนซีจงจวินเห็นประตูแง้มอยู่ก็นึกขึ้นได้หญิงสาวชะโงกหน้าไปเห็นโถกำยานเมื่อคืนที่ถูกโยนออกนอกหน้าต่างยังนอนอยู่บนพื้นหญ้าด้านนอก จึงเรียกเด็กรับใช้ให้เอามันออกไปทิ้งไกลๆเสียนึกแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมา ไม่ได้โกรธเทพอสูรแต่เป็นเพื่อนตัวดีที่แกล้งกันได้ กลับไปแดนอุดรอีกเมื่อใดจะไปโวยให้ถึงห้องนอนเจียวถงเลยมองไปรอบห้องภาพต่างๆเมื่อคืนผุดขึ้นอีกครั้ง หาก
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ
ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า
สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต
หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน