ค่ำคืนหวนกลับมาอีกครา..
อสูรรับใช้ทั้งสองรับหน้าที่ทำอาหารและงานบ้านทั้งหมด ส่วนซีจงจวินเก็บตัวหลังจากกลับถึงบ้าน ไม่ยอมออกจากห้องที่ความหดหู่ฝังอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ
"นายท่านขอรับ" เสียงชิงเหลียงเอ่ยเบาๆตรงหน้าห้อง พร้อมกับเลื่อนประตูเปิดเข้ามา ในมือมีถาดสำรับง่ายๆซึ่งเหลือไม่มากแล้ว
"นายท่านกินอะไ.."
"ข้าไม่หิว เอาออกไป" ซีจงจวินพูดตัดบท ชิงเหลียงได้แต่ยืนนิ่งมองถาดในมือสลับกับคนบนเตียง
"แต่นายท่านไม่กินอะไรมาหลายวันแล้ว ข้าน้อยคิดว่าสมควรกินสักนิดนะขอรับ"
"ข้าไม่อยากกิน" ซีจงจวินพูดเสียงเข้มขึ้น ต่อให้ถูกเอามายัดเยียดถึงปากก็ไม่ยอมกินหรอก
สุดท้ายชิงเหลียงจึงต้องเอาออกไป พอดีกับที่มี่ฮวาเดินออกมาจากห้องน้ำ
"เจ้าเอาถาดข้าวมาทำอะไรตรงนี้"
เสียงหวานเอ่ยถามไม่ไกลจากหน้าห้องของซีจงจวิน ทำให้หูของคนประสาทรับเสียงดีกระดิกเล็กน้อย
"ข้าน้อยเห็นว่านายท่านยังไม่กินอะไรเลยจัดมาให้ขอรับ และช่วงนี้นายท่านก็กินน้อย เกรงจะทำให้ป่วยได้ขอรับ"
เจ้าครึ่งงูดูเป็นห่วงเอามากๆ ไม่เสียแรงที่ซีจงจวินช่วยเหลือมันเอาไว้เมื่อสามร้อยปีก่อน
"นายหญิงขอรับ นายท่านอาจจะกำลังไม่สบายอยู่ก็ได้ ข้าน้อยว่านายหญิงลองเข้าไปคุยหน่อยดีหรือไม่ขอรับ"
คราวนี้เจ้าครึ่งนกเอ่ยบ้าง มันเองก็เป็นห่วงเจ้านายไม่แพ้กัน
ในความเงียบงันนั้น ซีจงจวินกำลังนั่งรอฟังคำตอบใจเต้นลุ้นระทึก
อยากให้นางเป็นห่วงเขาบ้างเหลือเกิน...
ในทางกลับกัน คนถูกขอร้องกลอกตาอย่างระอา คิดว่าคนในห้องกำลังเรียกร้องความสนใจ
เรื่องอะไรนางจะยอมตกหลุมพรางโง่ๆนี่กัน..
"แล้วข้าห้ามไม่ให้กินเมื่อไหร่เล่า ต่อให้อดข้าวจนป่วยตายมันก็เรื่องของเจ้านั่น หาใช่ธุระกงการของข้า"
มี่ฮวาตอบน้ำเสียงเย็นชา เดาว่าสีหน้านางก็คงไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเช่นกัน
เสียงที่ลอดประตูเข้ามา เขาได้ยินชัดเจนทุกคำ และมันทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทุกข์ตรม
ซีจงจวินนั่งเงียบ เงียบจนราวกับคนหัวใจไม่เต้น
กำลังคาดหวังสิ่งใดอยู่กัน..
ความรักจากนางหรือ..
อย่าว่าแต่มีใจ แค่ทำให้เลิกเกลียดยังยากเลย..
ซีจงจวินนอนนิ่ง รู้สึกราวกับมีใครเอาค้อนเหล็กมาทุบหัวใจเขาให้แตก
รักข้างเดียวให้ความรู้สึกเช่นนี้เอง..
ไม่มีความหวังหลงเหลือให้เทพอสูรอัปลักษณ์ผู้นี้เลยใช่หรือไม่
เทพอสูรผล็อยหลับไปอย่างอ่อนล้า กระนั้นเมื่อใจป่วยกายก็ป่วยตาม กลางดึกซีจงจวินสะดุ้งตื่นจนไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ รู้เพียงว่าพึ่งเข้ายามโฉ่ว อีกหลายชั่วยามกว่าจะถึงเวลาทำงาน
พอจะนอนต่อสมองก็เอาแต่คิด..จนสุดท้ายต้องลุกขึ้นมานั่ง
ความมืดทำให้เขาฟุ้งซ่านเกินกว่าจะข่มตาหลับ ซีจงจวินเสกให้ตะเกียงหัวเตียงสว่างขึ้น มองไปรอบตัวไม่พบใครเลย..
ริมฝีปากเผยยิ้มบางๆ ราวกับพยายามกลบฝังซากความเสียหายของใจเอาไว้ลึกๆ
เขากำลังบอกตัวเองให้ปล่อยความเศร้านี้ไปเสีย
อุตส่าห์แต่งกับนาง ได้นางมาครองแล้ว จะต้องมีความสุขให้ถึงที่สุดสิ..
เมื่อย้ำกับตัวเองเช่นนั้นแล้ว ซีจงจวินนึกจินตนาการไปว่ามี่ฮวารักเขา
..และก็เป็นนางที่กำลังมอบค่ำคืนสุดหฤหรรษ์ให้ ทั้งที่ความจริงมีเพียงตัวเขาที่เฝ้าฝันหาความสุขยามรัตติกาลผู้เดียว
"มี่ฮวา.."
...
ในห้องนอนอีกห้อง หญิงสาวนอนขดตัวเล็กน้อยเพราะลมหนาวที่พัดเข้ามา
นางกำลังเดินทางอยู่ในห้วงฝัน..
ในความฝันนั้น.. มีใครบางคนกำลังจูงมือนางให้เดินตามไปเรื่อยๆ ไม่เห็นใบหน้าเขาเหมือนเคยแต่สิ่งที่ทำให้จำเขาได้แม่นคงเป็นบรรยากาศอันคุ้นชิน
รอบกายมีฝนตกปรอยๆ ทำให้สายลมที่พัดถูกผิวยิ่งเยียบเย็น
เขาคนนั้นสละเสื้อคลุมของตัวเองให้มี่ฮวา โอบกอดกระชับกายเข้าใกล้ให้ได้รับไออุ่น
"มี่ฮวา..."
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเขา.. แต่มันเบามาก เบาจนใจคนฟังกลัว
หากตื่นขึ้นมาแล้วลืมเสียงนี้ไป นางคงต้องเสียใจมากแน่
"มี่ฮวา.."
มี่ฮวาสะดุ้งสุดตัว สมองมึนงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคล้ายเรียกชื่อนางจากที่ไกลๆ
มองไปรอบห้องไม่มีใครเลย มีเพียงเสียงนั้นที่ไม่เหมือนกับในฝันลอยผ่านผนังเข้ามา
คิดว่าอาจจะเป็นวิญญาณร้ายเหมือนเมื่อคราวก่อน หญิงสาวจึงรีบผุดลุกวิ่งไปที่หน้าประตู และยิ่งใจไม่ดีเพราะเปิดออกไปไม่พบใครเลย
ในความมืด ซวนเฟยกับชิงเหลียงที่ควรจะนอนอยู่ตรงนี้หายตัวไปไหนกัน?
"มี่ฮวา.."
เสียงนั้นทำให้ต้องสะดุ้งสุดตัว ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจ ในตอนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อนั้นสมองก็สั่งการพาเท้าเล็กวิ่งไปยังอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกล
อย่างน้อย หากเกิดอะไรขึ้น ซีจงจวินจะต้องปกป้องนาง...
ฉับพลันมือเรียวเลื่อนเปิดประตูห้องของเขา
!!!!
"อ่าาา..."
พอดีกับที่ซีจงจวินถึงอีกฟากฝั่งของห้วงอารมณ์
ภาพตรงหน้ามี่ฮวาช่างดูน่าพรั่นพรึงเกินกว่าคนเห็นจะประคองสติเอาไว้ได้
เทพอสูรเจ้าของห้องกำลังนั่งคร่อมอยู่บนม้วนผ้านวมหนา มือข้างหนึ่งกำแกนกายที่ปลายยอดพึ่งปล่อยน้ำกามเหนียวออกมาเสียเต็มมือ
ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อมองไปรอบกายเขาเต็มไปด้วยคราบเปรอะเปื้อน ราวนั่งแช่อยู่ในบ่อน้ำรัก..
ซีจงจวินหอบหนัก หลังสติกลับคืนมา มองไปที่ประตูห้องและตกใจเช่นกัน
"มี่ฮวา!"
เขาเรียกชื่อนาง.. ทำให้รู้แล้วว่าเสียงที่ได้ยินหาใช่เสียงผู้บุกรุกยามวิกาล แต่เป็นเสียงของเทพอสูรองค์นั้นที่ใช้นางในจินตนาการทำเรื่องเสื่อมทรามโสมม
ฉับพลันทั้งความโกรธและความอายผสมปนเป ดวงหน้าหวานขึ้นสี เรียวปากงามสั่นเล็กน้อย
"เจ้ามันวิปริต!!"
นางชี้หน้าซีจงจวิน เนื้อตัวสั่นเทิ้มด้วยแรงโทสะ ส่วนอีกคนที่อึ้งค้างอยู่ก็รีบเสกผ้าขึ้นมาพันปิดกายท่อนล่างก่อนลุกมาหา
"มี่ฮวา.. ฟังข้าก่อนนะ"
มือซึ่งยังเลอะคราบสกปรกยื่นเข้ามาใกล้ มี่ฮวาถลึงตาจ้อง กระถดตัวถอยหนีสุดชีวิต
"อย่าเข้ามานะ!!" นางแผดเสียงออกคำสั่ง ทำให้ซีจงจวินต้องหยุดชะงัก
"เจ้ามันอสูรต่ำช้าหน้าไม่อาย!! กล้าดีอย่างไรมาใช้ข้าทำเรื่องบัดสี!!!"
"มี่ฮวาข้าขอโทษ.. ข้า.."
"ไม่ต้องมาขอโทษ!! เพราะข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าอีก! ตอนแรกข้าคิดว่าอาจจะพออยู่ที่นี่ได้ แต่วันนี้เจ้าทำให้ข้าหมดความอดทนแล้ว!!"
ซีจงจวินปากสั่นพูดอะไรไม่ออก ส่ายหน้ารัวเพราะไม่อยากได้ยินถ้อยคำต่อจากนั้น
"ข้าจะหย่ากับเจ้า! ต่อจากนี้เราไม่ต้องมาเจอกันอีก!!"
ได้ยินคำว่าหย่าซีจงจวินราวคนเสียสติ รีบวิ่งเข้ามาจับแขนรั้งภรรยาไว้ทันที
"ไม่นะมี่ฮวา ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว"
เขาพูดคำเดิมซ้ำๆ นางก็พยายามสะบัดแขนออกอย่างแรง ขยะแขยงมือเหล่านั้นจนทำหน้าเหยเก แต่มือของอีกฝ่ายกลับยิ่งจับแน่นขึ้น
"ปล่อยข้า!!"
"หากปล่อยแล้วท่านจะวิ่งหนีข้าไปอีกใช่หรือไม่ ข้าไม่หย่า ถึงอย่างไรก็ไม่หย่า"
คราวนี้ซีจงจวินดึงตัวมี่ฮวาเข้ามาสวมกอดเอาไว้ ปากบอกแต่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้นางไป
"ข้าสั่งให้ปล่อย!!!"
"ให้ข้าทำอะไรก็ได้ไถ่โทษแต่อย่าหนีข้าไปเลย อยู่กับข้าเถอะนะมี่ฮวา"
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าซีจงจวินพูดจาไม่รู้เรื่อง มี่ฮวาบันดาลโทสะเอื้อมคว้าเอาแจกันใบเล็กแถวนั้นมาฟาดใส่อย่างแรงจนมันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
แต่สิ่งที่แตกละเอียดกว่า ..คือความรู้สึกของซีจงจวิน
เศษกระเบื้องแหลมปักอยู่แถวข้างขมับ กายเนื้อหยาบไม่ได้มีเลือดไหลออกมามาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บ
เทพอสูรอึ้งไป สบโอกาสตอนคลายอ้อมกอด หญิงสาวหันหลังวิ่งไม่คิดชีวิต
"มี่ฮวา!!"
ซีจงจวินก็วิ่งตาม ทั้งยังตะโกนเรียกสุดเสียง พยายามจะให้นางกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง
มี่ฮวาเข้าห้องได้ก็รีบเอาไม้มาขัดลงกลอนทันที
"มี่ฮวาได้โปรดให้อภัยข้าเถิด"
เสียงนั้นสั่นเครือยามเอ่ยเรียกนางที่หน้าห้อง แต่มี่ฮวาไม่คิดจะฟังอีก นางลากตู้หัวเตียงมากั้นประตูไว้ กันไม่ให้คนข้างนอกพังเข้ามาได้
แล้วตัวเองก็ถอยออกมาห่างๆ ในใจนึกระแวงไปหมด
ชายผู้นั้น กล้าเอาข้าไปกระทำย่ำยีในความคิดอย่างไม่อายฟ้าดินได้อย่างไร!
น่าเกลียด! น่าขยะแขยง! ไร้ศีลธรรมสิ้นดี!
มี่ฮวานึกถึงใบหน้าหื่นกระหายแสนโรคจิตของเทพอสูรแล้วขนลุกเกรียวทั้งร่าง หากวันหนึ่งเขาไม่นึกทำแค่นั้นเล่า..
หากเขาขืนใจนางขึ้นมาจริงๆ นางทนไม่ได้แน่
ต้องรีบหาทางเอาตัวรอด ให้หลุดออกจากกรงสกปรกนี่ให้ได้!
สุดท้ายมี่ฮวาเปิดลิ้นชักหยิบกระดาษขึ้นมา จรดปลายพู่กันเปื้อนหมึกลงไปบนนั้น
..ขณะเดียวกัน ซีจงจวินนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องอีกฝั่ง
เลือดสีแดงสดจากขมับไหลยาวหยดลงพื้น ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง มือขยำผ้าพันกายเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปน ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ
...จบสิ้นแล้ว...
ทุกสิ่งที่ทำมาทั้งหมดพังทลายลงเพราะนางมาเห็นช่วงเวลาที่เขากำลังมีความสุขที่สุด
และเป็นตอนที่เขาทำตัวน่าเกลียดที่สุดเช่นกัน...
ทั้งสันดาน ทั้งสัญชาตญาณดิบ ทุกอย่างถูกเผยหมดเปลือก และนางรับมันไม่ได้...
ซีจงจวินเจ็บใจจนต้องระบายออกด้วยการเอากำปั้นทุบพื้นดังปัง! พื้นไม้เนื้อดีแตกเป็นหลุมใหญ่ เขานั่งนิ่งจมอยู่ที่เดิม ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
"ข้าขอโทษ"
เสียงที่เอ่ยดังพอจะให้คนข้างในได้ยิน
แต่ได้ยินแล้วอย่างไร หากนางไม่รับฟัง มันก็เป็นเพียงเสียงหนึ่งที่ไร้ความหมายเท่านั้นเอง..
ชิงเหลียงกับซวนเฟยได้แต่ยืนมองสถานการณ์อย่างปวดใจ
นายทั้งสองมีเรื่องกันอีกแล้ว..หนักเสียด้วย
บ้านไม่ใช่สถานที่อันอบอุ่น อบอวลด้วยไอรักอย่างที่พวกมันเคยเข้าใจ
สัตว์อสูรรู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรเช่นกัน เพราะพวกมันได้ยินเสียงของซีจงจวินมาหลายคืนแล้ว
และคิดว่าคงเสียมารยาทหากจะนั่งฟัง เลยหลบไปอยู่หลังบ้านกัน รอให้เสียงนั้นเงียบไปแต่ไม่นึกว่านายหญิงผู้หลับลึกทุกคืนจะตื่นขึ้นมาเสียเฉยๆ
"เห้อ.." พวกมันลอบมองแล้วถอนหายใจเบาๆ เท้าเล็กก้าวเดินพร้อมกับหางงูเลื้อยเข้าไปหาผู้เป็นนาย
"นายท่านสงบใจลงก่อนนะขอรับ" ซวนเฟยเอ่ย เอื้อมมือจับแขนซีจงจวิน
"ข้าน้อยคิดว่านายท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดขอรับ" ชิงเหลียงจับมือข้างหนึ่งไว้เช่นกัน
ซีจงจวินก้มหน้าลง ไร้ซึ่งคำตอบรับ เขารู้สึกสมเพชตัวเองนักที่ต้องมาเป็นเช่นนี้
"พรุ่งนี้เช้าพวกข้าน้อยจะเกลี้ยกล่อมนายหญิงให้ขอรับ นายท่านใจเย็นลงสักนิดนะขอรับ"
"ใช่ขอรับ พวกข้าน้อยจะช่วยสุดความสามารถ นายท่านไม่ต้องห่วงนะขอรับ"
แล้วมันสองตัวก็พยายามฉุดร่างไร้สติให้ลุกขึ้น จูงให้เดินตามมา ก่อนจะหาผ้าชุบน้ำเช็ดชำระกายให้เขาในห้องนอน
ซีจงจวินสมองตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ลมหายใจตีบตันแผ่วเสียจนเหมือนไม่หายใจ...
********
ยามโฉ่ว คือเวลา 1.00 น. ถึง 3.00 น.
เช้าวันรุ่งขึ้นชิงเหลียงกับซวนเฟยเข้ามาช่วยซีจงจวินใส่เสื้อผ้า และบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร เพราะพวกมันเรียนรู้การทำจากเจ้านายแล้วเมื่อเห็นว่านายท่านไปทำงานเรียบร้อย อสูรรับใช้ทั้งสองวิ่งเข้าครัวทำอาหารนิดหน่อย ยกสำรับมาให้มี่ฮวา"นายหญิงขอรับ นี่พวกข้าน้อยเองขอรับ" ซวนเฟยเรียกคนในห้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ"นายท่านไปทำงานแล้วขอรับ เปิดประตูให้พวกข้าน้อยเถิดขอรับ" ชิงเหลียงเอ่ยบ้าง หลังจากนั้นต้องรอเกือบหนึ่งก้านธูปกว่าบานประตูถึงจะถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อยใบหน้านางไม่สดใสเอาเสียเลย ดูก็รู้ว่ามัวแต่หวาดระแวงจนไม่ได้นอน"สำรับนี้พวกข้าน้อยทำกันเอง นายหญิงกินเข้าไปหน่อยเถิดขอรับ"ถาดอาหารที่มีข้าวและกับสามอย่างถูกยื่นมาตรงหน้า ทั้งสองกะว่าหลังจากกินเสร็จก็จะค่อยๆพูดตะล่อมให้นายหญิงใจอ่อนลง ยอมปรับความเข้าใจกับนายท่านแต่มี่ฮวาไม่รับ เพียงมองไปยังเจ้าครึ่งนกสายตาครุ่นคิด"ซวนเฟย เจ้าบินได้หรือไม่""ได้ขอรับ" ซวนเฟยตอบด้วยสีหน้างงงวย เหตุใดนายหญิงถึงถามเช่นนั้น"เอานี่ไปส่งที่วังของข้าที่แผ่นดินอุดร"มี่ฮวายื่นกระบอกใส่จดหมายทำจากไม้เนื้อดีลงรักฝังทองเป็นลวดลายสวยงามมาให้ "บอกคน
ที่วังของชุนหรงเซิน เหล่าพี่สาวแตกตื่นกันใหญ่เมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กมายืนอยู่ในตำหนักกลาง"เกิดอะไรขึ้นมี่ฮวา ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนกลับมาแบบนี้" ฉาฮวาวิ่งเข้ามาจับแขนน้องด้วยความเป็นห่วง"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""เจ้าดูไม่สดใสเลย"สองแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ยถาม"ซีจงจวินทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่" จวี๋ฮวาตามพี่สาวคนอื่นๆเข้ามายืนรุมล้อมมี่ฮวา สารพัดคำถูกถามจนเลือกตอบไม่ถูก"ใจเย็นก่อนลูกๆ" เสียงบุรุษหนึ่งเดียวในตำหนักเอ่ย คือบิดาของพวกนางทั้งหมดชุนหรงเซินมองมี่ฮวาสายตาเรียบนิ่ง เดินมานั่งลงตรงโต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งผายมือชวนให้ลูกๆทุกคนนั่งลงด้วย"เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงหนีมาเช่นนี้"มี่ฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเริ่มเปิดปาก"ลูกทนอยู่กับเจ้านั่นต่อไม่ได้แล้วท่านพ่อ"พี่สาวทั้งเจ็ดหันมองหน้ากัน พวกนางต่างคิดว่าเทพอสูรองค์นั้นต้องกระทำการโหดร้าย ย่ำยีจิตใจมี่ฮวาจนไม่เหลือชิ้นดี"เขาทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว!" ไป่เหอลุกว่าเสียงดัง แต่ก็โดนสายตาดุๆของพ่อจ้องมาทำให้ต้องเก็บกิริยา"เหตุใดถึงทนต่อไม่ได้""เพราะลูกเกลียดเขาตั้งแต่ยังไม่แต่ง ท่านพ่อก็ร
คืนนั้นหลังจากพวกพี่สาวมานั่งคุยเล่นกับมี่ฮวาและพึ่งงีบไปได้ไม่นาน บิดามารดาก็เข้ามาพบอีก"มี่เอ๋อร์ เรื่องหย่านั่นพ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ" ชุนหรงเซินเข้ามานั่งข้างๆ ฮูหยินเองก็จับมือนางลูบหัวเบาๆ"ลูกลองกลับไปคุยกับซีจงจวินก่อนดีหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องอาศัยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย""แต่ลูกเกลียดเขา แค่พูดเกินยี่สิบคำลูกก็ไม่อยากฟังแล้วเจ้าค่ะ""มี่เอ๋อร์ เจ้าเอาแต่ใจมากไปหรือไม่ จะเกลียดชังผู้ใดก็ต้องมีเหตุผลกว่านี้สิลูก" ฮูหยินเอ่ย มี่ฮวาฟังแล้วหน้าง้ำทำแง่งอน"เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แล้วยังดูรักลูกมากด้วย ทำไมถึงเกลียดเขานักล่ะ"ฮูหยินถามอย่างจริงจังทำให้มี่ฮวาเงียบไป กลับมานั่งคิดว่าอะไรเป็นเหตุให้เกลียดถึงเพียงนั้น...คำตอบคือ นางก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่เพียงว่าหัวใจนางสั่งให้ไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ..อคติเหล่านั้นทำให้นางตั้งแง่อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความเป็นธรรมให้ซีจงจวินเลย...ทุกครั้งที่มองซีจงจวิน มี่ฮวารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก็มีเพียงคำสั่งว่าให้เกลียดเขาจนถึงที่สุดเท่านั้นทำไมกันนะ..."ลูกแค่ไม่อยากอยู่กับเขาเจ้
บ่ายคล้อย ทุกคนกลับถึงเรือนของซีจงจวิน ชิงเลียงออกมาต้อนรับอย่างดีใจแต่มี่ฮวาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงหันมองเทพอสูรแวบหนึ่งเขา..ตอนนี้ยังไม่กล้าสบตานาง แต่ก็ยังคอยเดินตามไม่ห่างคนรับใช้จากวังขนหีบนับสิบใบลงมา นำเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ซีจงจวินที่เป็นคนจัดของกลับเข้าที่ตั้งแต่เข้ามา ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ซีจงจวินเพียงทำนู่นทำนี่ในบ้านไปเงียบๆ ส่วนมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งพักผ่อน ครู่หนึ่งเขานำขนมกับน้ำชามาวางให้เผื่อนางหิวหญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเขานั่งเฝ้าตรงมุมห้องก็เกิดสงสัยขึ้นมา"วันนี้ไม่ทำงานหรือ"ได้ยินคำถาม ซีจงจวินเงยมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรีบพูดเกินยี่สิบคำ"ทำไมถึงไม่ไปทำงาน""ข้าไม่อยากไป" เขาเอ่ยเสียงเบากว่าลมพัดไม่อยากไปเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตา นางจะหนีอีกอยากเฝ้าอยู่เช่นนี้ทั้งวัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งมี่ฮวาเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ซีจงจวินชักจะเอาแต่ใจเกินไปหรือไม่ คิดจะหยุดก็หยุดเลยเช่นนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรหรือแต่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้เริ่มทำตามแผนที่พี่สาวแนะนำมา.."ตามใจเจ้า อยู่บ้านบ้างก็ดีวันนี้จะได้กินข้าวกันเร็วหน่อย""หิวมาก
รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืนทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นหญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำมี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต"อืม..."ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูงท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..
จากวันผ่านไปกลายเป็นเดือน ทั้งคู่ยังอยู่กันอย่าง..ไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่นัก"ทำไมกลับช้านัก ข้าหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"มี่ฮวาแกล้งเดินตึงตังพูดขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินเหมือนคนโมโหหิว ทั้งที่จริงๆเขาก็กลับเวลาประมาณนี้ทุกวัน"รอเดี๋ยวนะ" ฝ่ายเทพอสูรเห็นภรรยาทำหน้าเหมือนจะกินหัวเขาให้ได้ก็รีบตรงเข้าครัวเลย ไม่แม้แต่จะถอดเอาชุดเกราะออกผ่านไปเกือบสามก้านธูปซีจงจวินเร่งยกกับข้าวหกอย่างขึ้นโต๊ะ ล้วนมีแต่ของที่ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน มี่ฮวานั่งคีบผักกับเต้าหู้กินสองสามคำ ขณะที่ตะเกียบกำลังจะจิ้มลงไปบนปลานึ่งสมุนไพรตรงกลางโต๊ะมือก็หยุดชะงักเสียก่อน"ข้าไม่อยากกินปลา" นางโยนตะเกียบ ทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ"ท่านอยากกินอะไร" เห็นภรรยาไม่อยากกินซีจงจวินก็ไม่ขัด กลับถามเพื่อจะหามาทำให้ใหม่"เนื้อวัวย่าง"คนฟังได้ยินแล้วกะพริบตาปริบๆ ค่ำมืดเช่นนี้จะให้เขาไปล้มวัวจากที่ไหนมาให้กันหญิงสาวเห็นอาการของอีกฝ่ายที่ดูลำบากใจเล็กน้อยก็แสร้งทำเสียงหงอยเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเศร้าเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ"แต่เวลานี้คงหามาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นไม่ข้าเอาก็ได้"ท่าทางภรรยาตอนนี้ดูน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม
ก่อนหน้านั้น..ซวนเฟยกับชิงเหลียงง่วนกับการทำงานบ้านจนลืมดูนายหญิงของพวกมันกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่จะยกขนมกับน้ำชามาให้ และพบว่านายหญิงไม่อยู่ในห้องชมสวนเสียแล้วทั้งสองวิ่งหารอบบ้านก็ไม่เจอ สังหรณ์ใจไม่ดีจึงเดินออกมานอกบ้าน"ซวนเฟย! ซวนเฟย!!"ชิงเหลียงตะโกนเสียงหลงทำเอาคนถูกเรียกต้องรีบวิ่งเข้าไป จนเห็นของบางสิ่งตกอยู่บนพื้น"ปิ่นนี่มันของนายหญิงนี่!!"ทั้งสองหน้าซีดเผือด เห็นพื้นด้านในป่าเป็นรอยลากยาว รู้แล้วว่าเจ้านายกำลังมีภัยปีกสีเทากระพือเร็วรี่พาร่างเล็กทะยานขึ้นฟ้าไปหานายท่านของมันที่หน้าบันไดขึ้นเขาสรรค์ทันที พร้อมกันนั้นหางงูสีฟ้าเหลือบเขียวเลื้อยตามรอยลากไปโดยเร็ว เผื่อจะเข้าไปช่วยนายหญิงได้ทันเวลาที่หน้าเขาสวรรค์ ซีจงจวินยืนเฝ้าบันไดอย่างสง่าผ่าเผยช่างดูน่าเกรงขามยิ่ง"นายท่านขอรับ!!!"เสียงหนึ่งดังอยู่เหนือหัว มองไปเห็นร่างอสูรรับใช้ครึ่งนกร่อนลงมายืนตรงหน้าด้วยสภาพเหงื่อผุดทั่วตัวเขาสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว.."นายหญิงหายไปขอรับ!! ข้าพบของสิ่งนี้ตกอยู่ที่ทางเข้าป่าพร้อมกับรอยแปลกๆบนพื้นขอรับ!!"ซวนเฟยยื่นปิ่นปักผมทองให้ซีจงจวินดู สายตาดุดันพลันวาวโรจน์ทันทีเขาทิ้ง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา วันทั้งวันมี่ฮวาไม่ได้ลุกไปไหนเลยเพราะมีซีจงจวินทำหน้าที่เป็นมือเป็นเท้าให้ อยากได้อะไรเขาลุกไปหามาประเคนทั้งหมดหลังจากสั่งให้อสูรรับใช้ป้อนข้าว เช็ดตัว ทำแผลให้ภรรยาแล้วเขาก็กลับเข้ามานั่งเฝ้าตรงมุมห้องตามเดิมมี่ฮวานั่งอ่านหนังสือไปเพลินๆ ไม่น่าเชื่อว่าการมีเขาอยู่ร่วมห้องไม่ได้น่ารำคาญเท่าเมื่อก่อน"พรุ่งนี้เจ้าไปทำงานได้แล้วนะ"นางเอ่ยบอก แม้ตอนแรกดวงตายังไม่ละจากตัวหนังสือแต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรทำให้ต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายสีหน้าเขาเรียบตึง ทว่ามองตาแล้วรู้ทันทีว่าในใจกำลังประท้วงอย่างกับเซียนน้อยงอแงไม่อยากไปสำนักฝึกตน...อายุจะแสนปีแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไปได้"จะไม่ไปทำงานจริงๆหรือ"นางถาม ซีจงจวินก็ส่ายหน้าตอบแล้วพูดเสียงอ่อน ช้อนดวงตาสื่อความหมายเดียวกับคำนั้น"ข้าเป็นห่วง"เป็นเหตุผลที่ต่อให้ใจแข็งอย่างไรก็อ่อนยวบได้ง่ายดาย คนฟังถึงกับต้องถอนหายใจยาว"เจ้าเพิ่มการคุ้มกันรอบบ้านแทนไม่ดีกว่าหรือ""ข้าทำแล้ว""ถ้าทำแล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอก"ได้ยินนางบอกเขาก็เงียบไป ครู่ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"ข้าอยากอยู่ข้างท่าน"คำพูดนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกท
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ
ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า
สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต
หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน