คืนนั้นหลังจากมี่ฮวาเข้านอน ซีจงจวินย่องเดินไปรอบบ้าน
เขาได้กลิ่นแขกของภรรยาชัดเจนที่สุดก็คือที่ห้องชมสวน เดาว่าคงพามานั่งตากลมชมทิวทัศน์
"นายท่านขอรับ"
ชิงเหลียงกับซวนเฟยเอ่ยเรียกซีจงจวินซึ่งนั่งทับตรงตำแหน่งที่แขกของมี่ฮวานั่งเมื่อกลางวัน
ราวกับจะกลบกลิ่นของเขาคนนั้น...
"แขกของมี่ฮวา.. เป็นใครหรือ"
น้ำเสียงคนถามสั่นเล็กน้อย สัตว์อสูรทั้งสองรับรู้ได้ถึงอารมณ์อ่อนไหวของเขา
เพราะเจ้าตัวรู้แต่แรกว่ากลิ่นนี้.. ไม่ใช่ของสตรี
จมูกเขาทำงานดีเกินไป สมองรับรู้และจำได้ว่ามันมาจากเครื่องหอมที่นิยมใช้ในหมู่เซียนบุรุษ
"เป็นเซียนหนุ่มนามว่าอวี้เวินฉิงขอรับ"
ได้ยินชื่อนั้นหัวใจเกิดแตกร้าวลึก ดั่งรอยแยกหุบเหวอเวจี
"อวี้เวินฉิง..อย่างนั้นหรือ" น้ำเสียงที่รอดไรฟันออกมาฟังดูขุ่นมัวตามอารมณ์คนพูด
อวี้เวินฉิงผู้นี้ ซีจงจวินจำได้ดีว่าเขาเป็นใคร
เทพอสูรทั้งสี่จำเป็นต้องรู้รายชื่อเทพและมารที่มาเยือนเขาสวรรค์ทุกห้าพันปี และต้องจำให้ได้เพื่อเวลาทำความเคารพจะได้เรียกถูกคน
เขาคือหนึ่งในเซียนผู้ให้แสงแก่แดนอุดร รูปร่างหน้าตานั้นซีจงจวินไม่ได้ใส่ใจมองนัก แต่เท่าที่รู้คือมีรูปกายงาม เป็นที่ต้องตาในหมู่สตรี
"เขามาทำอะไร"
ได้ยินคำถาม ซวนเฟยกับชิงเหลียงลอบมองตากันเหงื่อตก
หากนายท่านรู้บทสนทนาของนายหญิงกับแขกผู้นั้นแล้วจะเป็นอย่างไรกัน
"เขา.. มานั่งจิบชาเท่านั้นขอรับ"
ซวนเฟยบอกสั้นๆ ในหัวพยายามคิดหาข้อแก้ต่างสารพัด
จิบชา...
ต้องมาจิบไกลถึงชายแดนประจิม ทั้งที่ตัวเองถูกลงโทษให้ไปอยู่แดนบูรพาอันเป็นพิภพมนุษย์เลยอย่างนั้นหรือ
อีกทั้ง ..อวี้เวินฉิงผู้นี้ถูกห้ามไม่ให้ขึ้นมาจากโลกมนุษย์ถึงห้าพันปี
หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงๆจะกล้าขัดคำสั่งมหาเทพหรือ!
"บอกความจริงมา!"
ซีจงจวินขึ้นเสียงเล็กน้อย แต่ก็ฟังดูน่ากลัวมากแล้วสำหรับเด็กทั้งสอง
ซวนเฟยกับชิงเหลียงได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนาย รู้สึกราวอากาศรอบกายหนักอึ้ง
"เขามาหานายหญิง กินขนมจิบชา พูดคุยกันอยู่สองชั่วยามขอรับ ก่อนกลับท่านอวี้เวินฉิงมอบของที่เรียกว่าตราประจำตระกูลให้นายหญิง... และนายหญิงมอบผ้าเช็ดหน้าที่พึ่งปักเสร็จให้เขาไปขอรับ" ชิงเหลียงชี้แจง
"ข้าได้ยินท่านอวี้เวินฉิงพูดว่า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นให้นำของที่เขาให้มาใช้ขอรับ ส่วนผ้าเช็ดหน้า..นายหญิงให้ไปซับเหงื่อเท่านั้นขอรับ" ซวนเฟยแถลงไข
ฟังแล้วในอกรู้สึกราวกับมีผู้ใดเอาไฟมาสุมจนร้อนรุ่มไปหมด ยิ่งคำขยายว่าพวกเขาให้ของดูต่างหน้ากันทำไมนั้น ราวกับเหมือนมีคนเอาน้ำมันราดบนกองไฟซ้ำไปอีกรอบ
ดวงตาสีทองวาวโรจน์ มือกำมัดแน่นแต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงระบายเอากับพื้นระเบียงไม้
ปัง!
แค่กำปั้นทุบครั้งเดียว พื้นไม้แข็งแรงก็เป็นรูโหว่ กำลังมหาศาลของเทพอสูรเป็นสิ่งที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว
ชิงเหลียงและซวนเฟยได้แต่ยืนลอบกลืนน้ำลายขาสั่น
"เขาจับมือถือแขนกันด้วยใช่หรือไม่"
ถามเพราะ.. ซีจงจวินได้กลิ่นชายผู้นั้นติดอยู่บนตัวมี่ฮวาเล็กน้อย
"..มีสองสามครั้งขอรับ"
"ยามนางคุยกับเขา หัวเราะอย่างมีความสุขด้วยใช่หรือไม่"
"..ใช่ขอรับ"
"นางคงยิ้มกว้างเสียจนเซียนผู้นั้นมองแล้วต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย ..ใช่หรือไม่"
"ใช่..ขอรับนายท่าน"
"บังอาจ!"
ปัง!!
เสียงตวาดกับเสียงทุบพื้นจนเป็นรูดังตามมาอีกหน ทำให้เด็กที่ยืนข้างหลังต้องกอดกันตัวสั่น
ยิ่งเล่า เด็กน้อยทั้งสองก็ยิ่งรู้สึกราวกับเจ้านายของพวกมันจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด
ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโทสะ แต่ความจริงเหล่านั้นช่างโหดร้าย
ซีจงจวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พยายามอดกลั้นความรู้สึกในกายไม่ให้ไปเผลอลงกับคนรับใช้ มือข้างหนึ่งโบกไล่พวกมันไป และเด็กทั้งสองไม่รอช้า ได้รับสัญญาณแล้วก็รีบหายออกไปจากตรงนั้นทันที
เขากำลังโมโห.. โมโหมากจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้
โกรธ.. อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
เพราะเพียงนางคุยกับชายอื่น จับมือ กินขนม สนทนาหวานชื่น
ซีจงจวินรู้ความหมายของคำว่าหึงหวงแล้ว และเข้าใจสิ่งที่ตงหลิงจวินเคยบอกไว้ว่ารักมากก็หึงมาก และยิ่งหึงมากก็ยิ่งโหดมาก
อวี้เวินฉิงมันเป็นใครกัน! กล้ามาสนิทสนมกับมี่ฮวาเช่นนี้ได้อย่างไร!!
ซีจงจวินนึกอยากบุกไปโลกมนุษย์ กระชากคออวี้เวินฉิงมาสำเร็จโทษเสียให้สิ้นเสี้ยนหนาม
กระนั้น มันก็เป็นเพียงความคิด เพราะเทพอสูรเช่นเขาทำงานรับใช้องค์มหาเทพ จะต่อสู้ทำสงครามได้ก็ต้องภายใต้คำสั่งมหาเทพ ไม่อาจตัดสินใจลงมือโดยพลการได้
หรือเขาควรจะไปรายงานองค์มหาเทพว่าอวี้เวินฉิงขึ้นมายังแผ่นดินใหญ่ดี?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็จะได้อำนาจในการสำเร็จโทษ ด้วยการเอาดาบทั้งหกพุ่งทะลวงร่างอวี้เวินฉิงจนแหลกไม่เหลือแม้แต่ซากเนื้อ
ซีจงจวินรีบยันกายลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องยืนค้างเมื่อมีอีกเสียงแล่นเข้ามาในหัว
หากมี่ฮวารู้ว่าเขาทำให้อวี้เวินฉิงถูกลงโทษ เขาคงโดนนางโกรธมากแน่ และอาจไม่ให้อภัยเขาด้วย
ใบหูของซีจงจวินลู่ลง ดวงตาไร้แวว หดหู่เต็มประดา ถามตัวเองว่าทำอย่างไรให้สามารถรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้
ป้ายประจำตระกูลนั้น เขาไม่มีเพราะไม่มีบิดามารดาบรรพบุรุษ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาก็อยู่คนเดียวมาตลอด
ส่วนผ้าเช็ดหน้า..นึกแล้วก็อิจฉาอวี้เวินฉิงนัก เพราะตัวเองเป็นสามีแต่กลับไม่เคยได้รับแม้แต่เศษผ้าผืนเล็กๆจากภรรยาเลย
นอกจากนี้ นางยังตั้งใจปักให้ด้วย...
เขาต้องเป็นที่รักของนางขนาดไหนกัน...
สุดท้าย เทพอสูรทำได้เพียงกลับมานั่งมองดวงจันทร์สีทองอร่ามบนระเบียงเงียบๆ
ค่ำคืนสวยงามเช่นนี้ หากมีโอกาสก็อยากจะลองชมดวงดาวร่วมกับภรรยาดูสักหน
แต่นางคงไม่อยากหรอก...
บุรุษอัปลักษณ์เช่นซีจงจวินคงมีแต่ต้องอยู่อย่างเดียวดายไปจนถึงวันที่ดวงจิตแตกสลาย กายากลายเป็นผงเถ้า
...
ซีจงจวินออกมาทำงานด้วยสภาพเหนื่อยอ่อนในเช้าวันใหม่
ถุงใต้ตาคล้ำย่นกับการยืนปรือตาตลอดทั้งวันทำให้ตงหลิงจวินต้องสะกิดไหล่ปลุกเป็นระยะๆ
"เมื่อคืนเจ้าอดนอนหรือซีจง"
คำถามนั้นปลิวหายไปกับสายลมพัด ซีจงจวินเหม่อลอยเกินกว่าจะรับรู้
"เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ได้ ทะเลาะกับเมียมาหรือ"
คราวนี้ซีจงจวินหันมามองหน้าตงหลิงจวินช้าๆดูเซื่องซึม
"พี่ตงหลิงว่าอะไรนะขอรับ" การตอบกลับด้วยคำถามทำให้ตงหลิงเริ่มปวดหัว
อาการเช่นนี้ ซีจงจวินทะเลาะกับเมียมาแน่ เพราะรอบตัวเขาแผ่ไอรังสีแปลกประหลาดดูมืดหม่นราวซากผีดิบ
"ซีจง เจ้าลางานกลับไปพักสักหน่อยดีหรือไม่ ข้าเฝ้าที่นี่คนเดียวได้นะ"
"...ขอบคุณพี่ตงหลิง แต่ข้าไม่เป็นไรขอรับ"
ซีจงจวินส่ายหน้าปฏิเสธแบบมึนๆ ทำให้ตงหลิงจวินต้องถอนหายใจยาว
"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า"
ซีจงจวินเป็นผู้เคร่งครัดกับตัวเองเสียจนบางทีก็ตึงเกินไป คงเพราะไม่อยากทำสิ่งใดบกพร่องกระมัง
เมื่อก่อนก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไรหรอก แต่เดี๋ยวนี้ชักจะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆไป เหมือนพลังของซีจงจวินจะลดลง
แม้จะเล็กน้อยมากจนแทบสังเกตไม่เห็น แต่ตงหลิงจวินสัมผัสได้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว
"พักผ่อนให้มากหน่อยนะซีจง"
"ขอรับ ขอบคุณพี่ตงหลิงที่เป็นห่วง"
"เอาเถิด ชีวิตคู่ก็เป็นเช่นนี้แหละ มีทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง เรื่องธรรมดา"
ซีจงจวินฟังไม่ค่อยจะเข้าหัวเท่าไร่นัก สมองมึนจนยากจะรับสารได้ ทำเพียงพยักหน้าตอบรับไปเงียบๆเท่านั้น
ที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดมากเรื่องของอวี้เวินฉิงกับมี่ฮวา
สารพัดภาพเหตุการณ์เลวร้ายผุดขึ้นในหัว ทำเอาระแวงจนไม่อาจข่มตาหลับแม้แต่เค่อเดียว รู้ตัวอีกทีดวงตะวันก็มาเยือนเสียแล้ว
ซีจงจวินเริ่มกลัวว่าหากวันหนึ่งมี่ฮวาเกลียดเขามากจนทนไม่ไหว จะหนีไปกับอวี้เวินฉิง
เขาเริ่มคิดอยากอยู่บ้านตลอดเวลา คอยเฝ้าภรรยาไว้ไม่ให้พบใครได้อีก แต่ในความเป็นจริงไม่อาจทำได้
ตกเย็น ซีจงจวินกลับบ้านรับใช้มี่ฮวาเหมือนเดิม
เพียงแต่วันนี้หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เขาตรงเข้านอนเลย ข้าวปลากินไม่ไหว น้ำท่าก็ไม่อาบ ล้มตัวลงบนเตียงทั้งที่ชุดเกราะเหล็กหนักอึ้งก็ยังไม่ได้ถอดออกด้วยซ้ำ
ส่วนมี่ฮวา นางกินข้าวอาบน้ำตามปกติ
แปลกใจไม่น้อยที่เหตุใดวันนี้ถึงไม่เห็นซีจงจวินมานั่งกวนใจ มีเพียงชิงเหลียงกับซวนเฟยที่คอยรับใช้ข้างกายเท่านั้น
นางอยากถามว่าเขาหายไปไหน แต่เมื่อคิดไปว่าตนกำลังให้ความสนใจชายผู้นั้นอยู่ ริมฝีปากอิ่มก็งับลง ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
หรือว่าซีจงจวินจะเริ่มเคืองขึ้นมา เลยประชดด้วยการหนีหน้าเสีย
หากเป็นเช่นนั้น.. ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาคอยนั่งเกร็งเวลาอยู่ด้วย
อยากหนีก็หนีไป หนีไปให้นานๆเลย เพราะข้าไม่ง้อเจ้าให้เสียเวลาหรอก!
...
เช้ามืด ซีจงจวินตื่นขึ้นมาจัดการตัวเองอย่างไม่ค่อยสดชื่นนัก
ทั้งหิว ทั้งเหม็นตัวจนทนไม่ไหว ต้องรีบหาอะไรใส่ท้องแล้วออกไปอาบน้ำ ทั้งที่เวลานี้น้ำในน้ำตกหนาวอย่างกับธารน้ำแข็ง
ซีจงจวินไม่ได้สังเกตเลยว่าหมู่นี้ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ
เพราะไม่ได้ดูแลมันดีๆ นอกจากนี้ยังไร้แรงใจจะใช้ชีวิต
แต่เอาเถิด ยังไม่เหนื่อยเสียหน่อย..
ไม่เหนื่อยจริงๆ..
ไม่ได้กำลังเสียใจด้วย..
ขอแค่มีมี่ฮวาอยู่ เท่านี้ก็ดีแล้ว..
ซีจงจวินบอกตัวเองเช่นนั้น และฝังหัวว่าเขาจะทำหน้าที่สามีและคนรักที่ดีต่อไปให้ถึงที่สุด
หลังจากชำระร่างกายจนคิดว่าสะอาดดี ไร้กลิ่นเหม็นสกปรกแล้ว ชายหนุ่มกลับถึงบ้าน ทำกิจวัตรประจำเหมือนอย่างเคย
เพียงแต่วันนี้ เขาจะขอไปทำงานสายขึ้นสักหน่อย เพราะเมื่อวานไม่ได้พบหน้ามี่ฮวาเลยทั้งวัน
แค่วันเดียว ซีจงจวินก็แทบขาดใจ..
ดวงตะวันเคลื่อนขึ้น ถึงเวลาที่นายหญิงของบ้านจะตื่นมารับวัน
อาบน้ำชำระกายด้วยน้ำอุ่นสบายเสร็จก็มาแต่งเนื้อแต่งตัว ออกมากินข้าว
แต่เท้าขาวเรียวต้องหยุดชะงักเมื่อเปิดประตูห้องมาแล้วเจอเข้ากับร่างเทพอสูรแมงป่อง
สายตาที่ซีจงจวินมองมา นางเข้าใจได้ทันทีว่าเขาคงนั่งรอใจจดใจจ่อมาพักใหญ่แล้ว
มี่ฮวาทำเมิน เดินมานั่งตักอาหารกินตามปกติ โดยที่สายตาของซีจงจวินยังคงจดจ้องมาที่ใบหน้าจิ้มลิ้มแต้มสีอ่อนๆของภรรยารัก
มานั่งกินข้าวด้วยเช่นนี้.. แสดงว่าเขาไม่ได้คิดหนีหน้าสินะ
หรือไม่ก็คงมีอะไรจะพูดด้วย
แต่เหตุใดถึงไม่พูดเล่า.. เอาแต่จ้องจนตัวจะทะลุอยู่แล้ว นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือไร
"จะจ้องอีกนานหรือไม่"
คำของมี่ฮวาไม่ได้เข้าหัวสักนิด ซีจงจวินยังคงนั่งส่งสายตาหวานเยิ้มอยู่เช่นเดิม
"หยุดจ้องข้าสักที น่ารำคาญ"
คนฟังกะพริบตาสองสามครั้งแล้วไม่ยอมหันไปมองทางอื่น เพียงพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
"ข้ามองได้สองครั้ง นี่นับเป็นหนึ่งครั้ง"
ซีจงจวินนับมาอย่างดีได้สิบคำถ้วน มี่ฮวากัดฟันกรอด ไม่พอใจที่ถูกยอกย้อนเอาเงื่อนไขที่นางเป็นคนตั้งมาใช้เช่นนี้
"ข้าอุตส่าห์ปรานีเจ้ายังกล้ามาเรียกร้องอยากให้ข้าเปลี่ยนจากมองสองครั้งเป็นอย่ามาให้เห็นหน้าอีกหรือไม่"
คราวนี้คำขู่ใช้ได้ผล ซีจงจวินยอมหลบสายตา ตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ
..เหตุใดสามีอย่างข้าถึงไม่มีสิทธิ์ในตัวภรรยาเลย..
"ขอมองอีกนิดไม่ได้หรือ"
สุดท้าย อีกสิบคำต่อมาก็ถูกเอื้อนเอ่ย เป็นคำถาม และคำตอบที่ได้กลับมานั้นชัดเจนหนักแน่นว่า
"ข้าไม่อนุญาต"
ดวงตาไร้ประกายเหม่อมองพื้น ริมฝีปากไม่ขยับเขยื้อน ราวสิ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องกลายเป็นเพียงรูปสลักหินก้อนหนึ่ง
"ข้าอยากมอง.."
ซีจงจวินยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมของเขา ราวกับไม่ได้ฟังสิ่งที่มี่ฮวาพูด
ความรำคาญเริ่มกลายเป็นความหงุดหงิด มี่ฮวาวางตะเกียบกระแทกโต๊ะ ตวัดดวงตากลมสวยที่ยามนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจมาที่ซีจงจวิน
สุดท้าย.. เทพอสูรก็ต้องหลบตา ไม่เงยขึ้นมาหานางอีก
"เก็บสายตาน่ารังเกียจของเจ้าไว้มองสิ่งอื่นเสีย มันทำให้ข้าอยากอาเจียนแต่เช้า"
ซีจงจวินฟังคำว่านั้นแล้วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนัก
กับบุรุษอื่นยังมองกันหวานเชื่อมได้ แล้วเหตุใดข้าถึงทำบ้างไม่ได้เล่า...
หรือมันเป็นเพราะ... เพราะเป็นตัวข้าผู้เดียวที่ไม่มีสิทธิ์ เช่นนั้นใช่หรือไม่
"รีบกินให้มันเสร็จๆแล้วไสหัวไปทำงานสักที"
วาจาเฉือนใจนั้นทำให้ซีจงจวินจำต้องวางอาหารตรงหน้าแล้วลุกออกไป ทั้งที่มีข้าวตกถึงท้องเพียงคำเดียว
ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่กับนางให้นานขึ้น แต่ในความเป็นจริง ชายหนุ่มกลับไม่อาจฝืนทำได้
นางไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะนางเกลียดเขา เรื่องนั้นซีจงจวินรู้ดี
แต่อย่างน้อยข้าก็เป็นสามีนางไม่ใช่หรือ..
เป็นคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หาใช่หนอนแมลงสกปรกน่ารังเกียจ..
หรือแท้จริงแล้วในสายตามี่ฮวา ข้าไร้ค่าเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ยิ่งคิด.. ความเจ็บปวดก็ยิ่งหยั่งราก ฝังลึกลงในหัวใจ.. เกินจะเยียวยาได้แล้ว
ค่ำคืนหวนกลับมาอีกครา..อสูรรับใช้ทั้งสองรับหน้าที่ทำอาหารและงานบ้านทั้งหมด ส่วนซีจงจวินเก็บตัวหลังจากกลับถึงบ้าน ไม่ยอมออกจากห้องที่ความหดหู่ฝังอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ "นายท่านขอรับ" เสียงชิงเหลียงเอ่ยเบาๆตรงหน้าห้อง พร้อมกับเลื่อนประตูเปิดเข้ามา ในมือมีถาดสำรับง่ายๆซึ่งเหลือไม่มากแล้ว"นายท่านกินอะไ..""ข้าไม่หิว เอาออกไป" ซีจงจวินพูดตัดบท ชิงเหลียงได้แต่ยืนนิ่งมองถาดในมือสลับกับคนบนเตียง"แต่นายท่านไม่กินอะไรมาหลายวันแล้ว ข้าน้อยคิดว่าสมควรกินสักนิดนะขอรับ""ข้าไม่อยากกิน" ซีจงจวินพูดเสียงเข้มขึ้น ต่อให้ถูกเอามายัดเยียดถึงปากก็ไม่ยอมกินหรอกสุดท้ายชิงเหลียงจึงต้องเอาออกไป พอดีกับที่มี่ฮวาเดินออกมาจากห้องน้ำ"เจ้าเอาถาดข้าวมาทำอะไรตรงนี้"เสียงหวานเอ่ยถามไม่ไกลจากหน้าห้องของซีจงจวิน ทำให้หูของคนประสาทรับเสียงดีกระดิกเล็กน้อย"ข้าน้อยเห็นว่านายท่านยังไม่กินอะไรเลยจัดมาให้ขอรับ และช่วงนี้นายท่านก็กินน้อย เกรงจะทำให้ป่วยได้ขอรับ"เจ้าครึ่งงูดูเป็นห่วงเอามากๆ ไม่เสียแรงที่ซีจงจวินช่วยเหลือมันเอาไว้เมื่อสามร้อยปีก่อน"นายหญิงขอรับ นายท่านอาจจะกำลังไม่สบายอยู่ก็ได้ ข้าน้อยว่านายหญิงลองเข้าไป
เช้าวันรุ่งขึ้นชิงเหลียงกับซวนเฟยเข้ามาช่วยซีจงจวินใส่เสื้อผ้า และบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร เพราะพวกมันเรียนรู้การทำจากเจ้านายแล้วเมื่อเห็นว่านายท่านไปทำงานเรียบร้อย อสูรรับใช้ทั้งสองวิ่งเข้าครัวทำอาหารนิดหน่อย ยกสำรับมาให้มี่ฮวา"นายหญิงขอรับ นี่พวกข้าน้อยเองขอรับ" ซวนเฟยเรียกคนในห้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ"นายท่านไปทำงานแล้วขอรับ เปิดประตูให้พวกข้าน้อยเถิดขอรับ" ชิงเหลียงเอ่ยบ้าง หลังจากนั้นต้องรอเกือบหนึ่งก้านธูปกว่าบานประตูถึงจะถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อยใบหน้านางไม่สดใสเอาเสียเลย ดูก็รู้ว่ามัวแต่หวาดระแวงจนไม่ได้นอน"สำรับนี้พวกข้าน้อยทำกันเอง นายหญิงกินเข้าไปหน่อยเถิดขอรับ"ถาดอาหารที่มีข้าวและกับสามอย่างถูกยื่นมาตรงหน้า ทั้งสองกะว่าหลังจากกินเสร็จก็จะค่อยๆพูดตะล่อมให้นายหญิงใจอ่อนลง ยอมปรับความเข้าใจกับนายท่านแต่มี่ฮวาไม่รับ เพียงมองไปยังเจ้าครึ่งนกสายตาครุ่นคิด"ซวนเฟย เจ้าบินได้หรือไม่""ได้ขอรับ" ซวนเฟยตอบด้วยสีหน้างงงวย เหตุใดนายหญิงถึงถามเช่นนั้น"เอานี่ไปส่งที่วังของข้าที่แผ่นดินอุดร"มี่ฮวายื่นกระบอกใส่จดหมายทำจากไม้เนื้อดีลงรักฝังทองเป็นลวดลายสวยงามมาให้ "บอกคน
ที่วังของชุนหรงเซิน เหล่าพี่สาวแตกตื่นกันใหญ่เมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กมายืนอยู่ในตำหนักกลาง"เกิดอะไรขึ้นมี่ฮวา ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนกลับมาแบบนี้" ฉาฮวาวิ่งเข้ามาจับแขนน้องด้วยความเป็นห่วง"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""เจ้าดูไม่สดใสเลย"สองแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ยถาม"ซีจงจวินทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่" จวี๋ฮวาตามพี่สาวคนอื่นๆเข้ามายืนรุมล้อมมี่ฮวา สารพัดคำถูกถามจนเลือกตอบไม่ถูก"ใจเย็นก่อนลูกๆ" เสียงบุรุษหนึ่งเดียวในตำหนักเอ่ย คือบิดาของพวกนางทั้งหมดชุนหรงเซินมองมี่ฮวาสายตาเรียบนิ่ง เดินมานั่งลงตรงโต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งผายมือชวนให้ลูกๆทุกคนนั่งลงด้วย"เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงหนีมาเช่นนี้"มี่ฮวาเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเริ่มเปิดปาก"ลูกทนอยู่กับเจ้านั่นต่อไม่ได้แล้วท่านพ่อ"พี่สาวทั้งเจ็ดหันมองหน้ากัน พวกนางต่างคิดว่าเทพอสูรองค์นั้นต้องกระทำการโหดร้าย ย่ำยีจิตใจมี่ฮวาจนไม่เหลือชิ้นดี"เขาทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว!" ไป่เหอลุกว่าเสียงดัง แต่ก็โดนสายตาดุๆของพ่อจ้องมาทำให้ต้องเก็บกิริยา"เหตุใดถึงทนต่อไม่ได้""เพราะลูกเกลียดเขาตั้งแต่ยังไม่แต่ง ท่านพ่อก็ร
คืนนั้นหลังจากพวกพี่สาวมานั่งคุยเล่นกับมี่ฮวาและพึ่งงีบไปได้ไม่นาน บิดามารดาก็เข้ามาพบอีก"มี่เอ๋อร์ เรื่องหย่านั่นพ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ" ชุนหรงเซินเข้ามานั่งข้างๆ ฮูหยินเองก็จับมือนางลูบหัวเบาๆ"ลูกลองกลับไปคุยกับซีจงจวินก่อนดีหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องอาศัยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย""แต่ลูกเกลียดเขา แค่พูดเกินยี่สิบคำลูกก็ไม่อยากฟังแล้วเจ้าค่ะ""มี่เอ๋อร์ เจ้าเอาแต่ใจมากไปหรือไม่ จะเกลียดชังผู้ใดก็ต้องมีเหตุผลกว่านี้สิลูก" ฮูหยินเอ่ย มี่ฮวาฟังแล้วหน้าง้ำทำแง่งอน"เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แล้วยังดูรักลูกมากด้วย ทำไมถึงเกลียดเขานักล่ะ"ฮูหยินถามอย่างจริงจังทำให้มี่ฮวาเงียบไป กลับมานั่งคิดว่าอะไรเป็นเหตุให้เกลียดถึงเพียงนั้น...คำตอบคือ นางก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่เพียงว่าหัวใจนางสั่งให้ไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ..อคติเหล่านั้นทำให้นางตั้งแง่อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความเป็นธรรมให้ซีจงจวินเลย...ทุกครั้งที่มองซีจงจวิน มี่ฮวารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก็มีเพียงคำสั่งว่าให้เกลียดเขาจนถึงที่สุดเท่านั้นทำไมกันนะ..."ลูกแค่ไม่อยากอยู่กับเขาเจ้
บ่ายคล้อย ทุกคนกลับถึงเรือนของซีจงจวิน ชิงเลียงออกมาต้อนรับอย่างดีใจแต่มี่ฮวาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงหันมองเทพอสูรแวบหนึ่งเขา..ตอนนี้ยังไม่กล้าสบตานาง แต่ก็ยังคอยเดินตามไม่ห่างคนรับใช้จากวังขนหีบนับสิบใบลงมา นำเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นก็เป็นหน้าที่ซีจงจวินที่เป็นคนจัดของกลับเข้าที่ตั้งแต่เข้ามา ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ซีจงจวินเพียงทำนู่นทำนี่ในบ้านไปเงียบๆ ส่วนมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งพักผ่อน ครู่หนึ่งเขานำขนมกับน้ำชามาวางให้เผื่อนางหิวหญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเขานั่งเฝ้าตรงมุมห้องก็เกิดสงสัยขึ้นมา"วันนี้ไม่ทำงานหรือ"ได้ยินคำถาม ซีจงจวินเงยมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากรีบพูดเกินยี่สิบคำ"ทำไมถึงไม่ไปทำงาน""ข้าไม่อยากไป" เขาเอ่ยเสียงเบากว่าลมพัดไม่อยากไปเพราะกลัวว่าถ้าคลาดสายตา นางจะหนีอีกอยากเฝ้าอยู่เช่นนี้ทั้งวัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งมี่ฮวาเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้ซีจงจวินชักจะเอาแต่ใจเกินไปหรือไม่ คิดจะหยุดก็หยุดเลยเช่นนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรหรือแต่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้เริ่มทำตามแผนที่พี่สาวแนะนำมา.."ตามใจเจ้า อยู่บ้านบ้างก็ดีวันนี้จะได้กินข้าวกันเร็วหน่อย""หิวมาก
รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืนทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นหญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำมี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต"อืม..."ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูงท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..
จากวันผ่านไปกลายเป็นเดือน ทั้งคู่ยังอยู่กันอย่าง..ไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่นัก"ทำไมกลับช้านัก ข้าหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"มี่ฮวาแกล้งเดินตึงตังพูดขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินเหมือนคนโมโหหิว ทั้งที่จริงๆเขาก็กลับเวลาประมาณนี้ทุกวัน"รอเดี๋ยวนะ" ฝ่ายเทพอสูรเห็นภรรยาทำหน้าเหมือนจะกินหัวเขาให้ได้ก็รีบตรงเข้าครัวเลย ไม่แม้แต่จะถอดเอาชุดเกราะออกผ่านไปเกือบสามก้านธูปซีจงจวินเร่งยกกับข้าวหกอย่างขึ้นโต๊ะ ล้วนมีแต่ของที่ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน มี่ฮวานั่งคีบผักกับเต้าหู้กินสองสามคำ ขณะที่ตะเกียบกำลังจะจิ้มลงไปบนปลานึ่งสมุนไพรตรงกลางโต๊ะมือก็หยุดชะงักเสียก่อน"ข้าไม่อยากกินปลา" นางโยนตะเกียบ ทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ"ท่านอยากกินอะไร" เห็นภรรยาไม่อยากกินซีจงจวินก็ไม่ขัด กลับถามเพื่อจะหามาทำให้ใหม่"เนื้อวัวย่าง"คนฟังได้ยินแล้วกะพริบตาปริบๆ ค่ำมืดเช่นนี้จะให้เขาไปล้มวัวจากที่ไหนมาให้กันหญิงสาวเห็นอาการของอีกฝ่ายที่ดูลำบากใจเล็กน้อยก็แสร้งทำเสียงหงอยเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเศร้าเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ"แต่เวลานี้คงหามาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นไม่ข้าเอาก็ได้"ท่าทางภรรยาตอนนี้ดูน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม
ก่อนหน้านั้น..ซวนเฟยกับชิงเหลียงง่วนกับการทำงานบ้านจนลืมดูนายหญิงของพวกมันกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่จะยกขนมกับน้ำชามาให้ และพบว่านายหญิงไม่อยู่ในห้องชมสวนเสียแล้วทั้งสองวิ่งหารอบบ้านก็ไม่เจอ สังหรณ์ใจไม่ดีจึงเดินออกมานอกบ้าน"ซวนเฟย! ซวนเฟย!!"ชิงเหลียงตะโกนเสียงหลงทำเอาคนถูกเรียกต้องรีบวิ่งเข้าไป จนเห็นของบางสิ่งตกอยู่บนพื้น"ปิ่นนี่มันของนายหญิงนี่!!"ทั้งสองหน้าซีดเผือด เห็นพื้นด้านในป่าเป็นรอยลากยาว รู้แล้วว่าเจ้านายกำลังมีภัยปีกสีเทากระพือเร็วรี่พาร่างเล็กทะยานขึ้นฟ้าไปหานายท่านของมันที่หน้าบันไดขึ้นเขาสรรค์ทันที พร้อมกันนั้นหางงูสีฟ้าเหลือบเขียวเลื้อยตามรอยลากไปโดยเร็ว เผื่อจะเข้าไปช่วยนายหญิงได้ทันเวลาที่หน้าเขาสวรรค์ ซีจงจวินยืนเฝ้าบันไดอย่างสง่าผ่าเผยช่างดูน่าเกรงขามยิ่ง"นายท่านขอรับ!!!"เสียงหนึ่งดังอยู่เหนือหัว มองไปเห็นร่างอสูรรับใช้ครึ่งนกร่อนลงมายืนตรงหน้าด้วยสภาพเหงื่อผุดทั่วตัวเขาสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว.."นายหญิงหายไปขอรับ!! ข้าพบของสิ่งนี้ตกอยู่ที่ทางเข้าป่าพร้อมกับรอยแปลกๆบนพื้นขอรับ!!"ซวนเฟยยื่นปิ่นปักผมทองให้ซีจงจวินดู สายตาดุดันพลันวาวโรจน์ทันทีเขาทิ้ง
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส