แชร์

บทที่ 15 十五

ผู้เขียน: PinkyPaw
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-07 10:14:25

เช้าวันถัดมา หลังจากซีจงจวินออกไปทำงานได้สักพักมี่ฮวาเริ่มเดินสำรวจรอบบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ที่บิดาให้ไว้มาเพาะ

แต่ก่อนอื่นต้องแก้ดินเสียก่อน เพราะมันแห้งจนไม่สามารถปลูกอะไรได้

เพียงวาดแขนหนเดียว พื้นดินก็ชุ่มชื้นขึ้น เมล็ดพืชถูกหว่านวาง งอกเงยออกดอกเบ่งบาน

นางให้ต้นเหมยกับดอกโบตั๋นขึ้นตรงห้องที่มีประตูเปิดออกมาชมสวน สร้างเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสวยงาม

การจัดสวนสร้างความเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบค่ำเสียแล้ว เมื่องานเสร็จนางไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งรอซีจงจวินกลับบ้าน

ยามนี้พระอาทิตย์ได้จากท้องฟ้าไปนานแล้ว..

การรอคอยทำให้เกิดโทสะเพราะมันเลยเวลามาตั้งหนึ่งชั่วยาม เทพอสูรก็ยังไม่ยอมกลับมารับใช้นางสักที

จนเข้ายามซวี ประตูหน้าบ้านถึงเปิดออก

ซีจงจวินกลับถึงบ้านในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้าที่นัก ที่แขนซ้ายมีแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์อสูรฝากไว้ เลือดไหลซึมไม่มาก

มี่ฮวารู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงเดินกอดอกเชิดหน้าหมายจะเข้ามาหาเรื่องแต่พอเห็นสภาพซีจงจวินที่เหมือนพึ่งไปรบ สมองก็ตื้อไปครู่หนึ่งเสียอย่างนั้น

"ไปไหนมา"

"ข้าไปทำงานไถ่โทษมา"

ฟังแล้วมี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำงานไถ่โทษทำไม เขาไปทำอะไรผิดมาหรือ

"ทำไมถึงต้องไปทำ"

"เพราะข้าไปทำงานสายทุกวัน เลยถูกลงโทษ"

เพราะว่าซีจงจวินทำผิดฐานละเลยหน้าที่ องค์มหาเทพจึงส่งให้เขาไปจัดการสัตว์อสูรที่พลัดถิ่นเหมือนเดิม

หากมองย้อนกลับไป.. เห็นได้ชัดเจนว่าเหตุที่ทำให้ซีจงจวินไปทำงานสายคือภรรยาของเขา

"เจ้าจะหาว่าข้าเป็นคนทำให้ไปทำงานสายอย่างนั้นสิ?"

"เปล่า.."

ซีจงจวินเงียบไป นับคำแล้วก็นึกได้ว่าวันนี้เขาพูดครบยี่สิบคำพอดี

..แต่จะทำอย่างไรดี ในเมื่อยังคุยกับนางไม่รู้เรื่องเลย

"ข้าไม่ได้ขอร้องให้เจ้าอยู่รอสักหน่อย หน้าที่เจ้าคือเตรียมของไว้ให้ข้าแค่นั้น ที่เจ้ามานั่งรอข้าตื่นมากินข้าวทุกวันนี่มันก็เพื่อสนองความต้องการของตัวเจ้าเอง!!"

ซีจงจวินเงียบเพราะเอ่ยแย้งไม่ได้ อธิบายก็ยิ่งไม่ได้ ทำได้แต่ยืนฟังมี่ฮวาระบายโทสะอย่างเกรี้ยวกราด

"หากเจ้าจะมาพูดเพื่อให้ข้าตื่นเช้าขึ้น หรือเตรียมตัวเองละก็ฝันต่อไปเถิด! จากนี้ไปทำอะไรเสร็จก็ไปให้พ้นหน้าข้า ตื่นมาเห็นเจ้าตอนเช้าแล้วข้าปวดหัว!"

ว่าจบนางก็เดินสะบัดผ้าคลุมกลับเข้าไป ไม่ลืมหันมาสั่งคนที่ยืนทื่อตรงหน้าประตู

"ไปเตรียมน้ำร้อนให้ข้าได้แล้ว ส่วนข้าวเย็นข้าไม่มีอารมณ์จะกิน!"

ซีจงจวินก้มหน้าทำตามที่ภรรยาสั่งแต่โดยดีเหมือนเคย และในเมื่อนางไม่กินมื้อเย็น เขาก็จะไม่ทำอาหาร

ต่อให้หิวแค่ไหนเขาก็จะไม่ทำ คิดว่าหากนางเห็นเขากินแต่ไม่ทำให้นางกินบ้าง คงทำให้โมโหกว่าเดิม

...

ตกดึก.. ด้านนอกนั้นเมฆฝนหนาก่อตัวแน่นผืนฟ้า จนหยาดน้ำเย็นฉ่ำเริ่มหล่นลงมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า

ในความมืดมิด มี่ฮวาอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นกลับมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท

ราวกับเสียงหัวเราะของสตรี..

เปลือกตาเปิดสะลึมสะลือ ก่อนเบิกโพลงเมื่อหันมาเห็นว่าข้างกายมีร่างหนึ่งนอนจ้องตาไม่กะพริบ

มันคือตัวอะไรนางมองไม่ชัด เห็นแค่ลูกตาสีขาวที่มีเส้นเลือดแดงฉานปูดโปน ข้างหนึ่งถลนห้อยลงมาจากเบ้า กับฟันยาวสีอมเหลืองกำลังแสยะยิ้มกว้างจนเห็นครบทุกซี่

!!!!!

ไม่ทันจะได้ส่งเสียงกรีดร้อง กรงเล็บของมันก็รีบพุ่งมาปิดปากและจมูกนางไว้ ไม่อาจหายใจได้...

"อย่าดิ้นสิ"

เจ้าตัวประหลาดเอ่ยเสียงแหลมเบาราวกระซิบ มี่ฮวาพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผล

รู้สึกราวกับร่างถูกตรวนล่ามเอาไว้...

เสียงของนางเล่า หายไปไหนเสียแล้ว...

"ตัวเจ้าหอม.. หอมมาก...."

มันขยับเข้ามาใกล้ สูดเอากลิ่นกายที่แก้มนวลนุ่ม มี่ฮวาหวาดกลัวจนน้ำตารื้น

"อื้อ!!" นางสะดุ้งเมื่อกรงเล็บอีกข้างของมันจิกเข้าที่ศีรษะแล้วกระชากผมอย่างแรง

ในเสี้ยวลมหายใจที่สติไม่เหลืออีกแล้ว มี่ฮวาคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย

นางหายใจไม่ได้ ราวกับจิตจะแตกสลายในไม่ช้า...

โครม!!!!!

ในความมืดนั้น จู่ๆก็เกิดเสียงคล้ายมีอะไรตวัดสายลมให้พัดไหวรุนแรง เหวี่ยงเอาร่างตัวประหลาดลอยหวือออกจากเตียง กระแทกลงที่พื้นกลางห้อง

มี่ฮวากลับมาหายใจได้อีกครั้ง นางสำลักสองสามที มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก

ฉับพลันลูกไฟสีฟ้าดวงเล็กปรากฏขึ้นรอบห้อง คนที่มาช่วยไว้จะเป็นใครไปได้หากไม่ใช่ซีจงจวิน..สามีของนาง

เทพอสูรกำลังเผชิญหน้าอยู่กับตัวอะไรสักอย่างที่รูปร่างเหมือนสัตว์ประหลาด ท่อนบนเป็นสตรี ท่อนล่างเป็นตะขาบยักษ์

คนบนเตียงสั่นผวา และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังกลัวมันก็ยิ่งหัวเราะดัง

วิญญาณร้ายตนนี้คงหลุดออกจากนรกมาได้หลายวันแล้วถึงได้มีกำลังมาก และที่ร่างกายเปลี่ยนไปคงเพราะมันล่าสัตว์อสูรเป็นแหล่งสูบพลัง

แต่ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของซีจงจวินเองก็น่ากลัวไม่แพ้กัน เขายืนขบเขี้ยวจ้องเขม็งในมือทั้งหกกำดาบแน่น หมายจะสับวิญญาณร้ายตรงหน้าให้ไม่เหลือชิ้นดี

เมื่อเตรียมจะบุก ลูกไฟสีฟ้าที่ล้อมอยู่รอบห้องก็พุ่งเข้าใส่มี่ฮวาอย่างเร็ว แต่ซีจงจวินไวกว่า เพียงตวัดดาบหนเดียวลูกไฟก็หายวับไป ทั้งห้องกลับสู่ความมืดมิดอีกครั้ง

ขณะที่ดวงตาใช้งานไม่ได้ มี่ฮวาได้ยินเสียงฟันดาบ เสียงปะทะกัน เสียงต่อสู้โรมรัน และเสียงร้องของวิญญาณอาฆาต

จนสุดท้ายเกิดเสียงโครมครามดังสนั่น ผนังห้องเปิดไปทั้งแผ่น และร่างสตรีครึ่งตะขาบนั้นกระเด็นออกไปตรงกลางสวนที่มีต้นอ่อนดอกไม้ขึ้นอยู่

"อั่ก!!"

ร่างปีศาจตะขาบมีบาดแผลไม่น้อย ซีจงจวินวิ่งเข้าไปหมายจะฟันคอให้ขาดกระเด็น

ทว่า.. เมื่อถูกน้ำฝนชโลมกาย ขาก็เกิดไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แม้แต่เจ้าของร่างก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมจู่ๆถึงเจ็บอก หลอดลมตีบตันหายใจลำบากนัก...

ศัตรูสังเกตความผิดปกตินั้นได้ มันอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวช้าลง ตวัดหางฟาดใส่เขาปลิวไปอีกทาง ก่อนพุ่งเข้าตะลุมบอน เล่นเอาซีจงจวินสะบักสะบอมไปทั้งร่าง

ตอนนี้เสื้อผ้าของซีจงจวินขาดวิ่นราวผ้าขี้ริ้ว ผิวเนื้อสีแดงอ่อนเปราะเปื้อนของเหลวสีคล้ำเกือบทั่วตัว

พอมองไปรอบๆพบว่าห้องนอนมี่ฮวาก็ไม่ต่างจากสมรภูมิรบ ข้าวของตกแตกกระจาย ตู้และชั้นพังเสียหาย ผนังห้องยับเยินมีแต่รอยเลือดสาดกระเซ็น

ใต้สายฝนไร้แสงจันทร์ ทั้งสองปะทะกันจนดินด้านนอกเละเทะไปหมด 

"ข้าพึ่งรู้ว่าแท้จริงเทพอสูรมีพลังเท่านี้เอง"

มันเอ่ยยั่วก่อนใช้หางฟาดที่หลังจนซีจงจวินล้มหน้าคว่ำกับพื้นเกิดรอยกรีดผิวหนังเป็นทางยาว

"ไหนไอ้พวกที่อยู่ในนรกมันบอกว่าเจ้าเก่งกาจนักหนา ไหนมันบอกว่าแค่สบตายังเหมือนจะดับสูญอีกครั้ง หึ! เห็นทีคงเป็นเพียงคำคุยโวเสียแล้ว"

สตรีครึ่งตะขาบหัวเราะ แผลสดที่โดนน้ำเพิ่มความปวดแสบ แม้กัดฟันลุกขึ้นเผชิญหน้าอีกครั้ง แต่กลับเริ่มตาลายหูอื้อ

หากเป็นปกติเขาต้องจัดการมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว..

เหตุใดหนนี้เขาถึงได้อ่อนแอ ทำท่าเหมือนจะพ่ายแพ้เช่นนี้..

คงเป็นเพราะเพลียเกินไป จากการกินน้อย นอนน้อย ทำงานหนัก อีกทั้งก่อนหน้านี้ร่างกายก็เต็มไปด้วยแผลอยู่แล้ว การต่อสู้จึงลำบากมากขึ้นเป็นเท่าตัว

..มันเป็นเพราะสาเหตุเล็กน้อยเพียงเท่านั้น..จริงๆหรือ

เมื่อปีศาจร้ายเห็นว่าซีจงจวินใกล้สิ้นฤทธิ์ มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายกลับมาที่มี่ฮวาซึ่งนั่งอึ้งอยู่ในห้องแทน

"มอบวิญญาณให้ข้า!!"

ชั่วลมหายใจเดียว ร้อยขาตะขาบพาร่างน่าสยดสยองทะยานเข้าถึงตัวมี่ฮวา ปากมันอ้ากว้าง ฟันซี่ยาวง้างเตรียมกัดลงไปยังกายเนื้ออ่อนบาง ฉีกกระชากกลืนลงคอ

!!!!!

คนถูกปองร้ายหลับตาปี๋ ประสาทรับรู้เดียวที่ทำงานอยู่คือหูทั้งสองข้าง

และ..เสียงที่ดังอยู่ไม่ไกลฟังคล้ายของแหลมทิ่มแทงกายเนื้อ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนเลย

เพียงเสี้ยวลมหายใจต่อมานางได้ยินเสียงคล้ายอะไรบางอย่างฉีกขาดอย่างรุนแรง ทำให้ต้องเปิดตาดูช้าๆอีกครั้ง

และภาพที่เห็นก็คือ ซีจงจวิน...

ร่างของเทพอสูรยักษ์บดบังทุกสิ่ง ใบหน้ามีหยดน้ำฝนเกาะพราวอยู่ห่างไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชุ่น ลมหายใจถี่ร้อนราวควันไฟ

ดวงตาสีดำดั่งรัตติกาลขับให้ม่านตาสีดวงจันทร์ดูสว่างไสว ยามจ้องสบใกล้ๆจะเห็นความหมายมากมายที่เจ้าของไร้ปากเสียงสื่อออกมา

ไม่รู้ด้วยเหตุใดมี่ฮวาถึงไม่กล้ามองนานนัก จนสุดท้ายต้องหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา

ทว่า..

หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบ เมื่อเห็นแขนซ้ายท่อนกลางหายไป เหลือเพียงสายธารโลหิตสีแดงฉานไหลบ่าเต็มพื้น

สติที่ดับหายพลันหวนคืน มองไปด้านหลังซีจงจวินพบว่าแขนข้างนั้นคาอยู่กับฟันซี่ยาวของวิญญาณอาฆาต

ภาพนั้นทำให้นางสั่นจนร้องไม่ออก...

ซีจงจวินกระอั่กเลือดเล็กน้อย กระเด็นมาโดนหน้ามี่ฮวา มือข้างหนึ่งจึงถือวิสาสะปาดออกให้ ด้วยกลัวนางรังเกียจกลิ่นเหม็นคาว

"รอก่อนนะ ข้าจะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้" เขากระซิบบอกเสียงแผ่ว

กายใหญ่รีบลุกแล้วหันกลับไปสู้กับปีศาจครึ่งตะขาบต่อโดยฉีกเอาเสื้อที่ขาดพันแผลห้ามเลือดไว้ก่อนเขวี้ยงดาบทั้งหกเข้าเสียบตลอดลำตัวของมันตรึงเอาไว้กับพื้น ไอสังหารเย็นเยียบแผ่กระจายทั่วห้อง

เพราะปีศาจตนนี้จะฆ่าภรรยาเขา..

มันจะทำให้นางตายจากเขาไป..

ต้องกำจัด!!

"แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าสิ่งที่เคยได้ยินเป็นเพียงคำคุยหรือไม่!"

ในห้องนี้น้ำฝนสาดเข้ามาไม่ถึง เทพอสูรรู้สึกเหมือนได้รับพลังกลับคืน มือหนึ่งไล่ขว้างดาบเสียบแทง มือที่เหลือจัดการแหกอกศัตรูควักเครื่องใน ตัดคอเปิดกระโหลกคว้านสมองมันอย่างทารุณ

"กรี๊ดดดดดดด!!!!!!"

เพราะเคยตายมาแล้วรอบหนึ่ง วิญญาณจึงไม่มีโอกาสให้ตายหนีความเจ็บได้อีกไม่ว่าจะถูกทรมานเท่าไหร่ก็ตาม

แววตาเทพอสูรไม่ใช่แบบเดียวกับที่ใช้มองภรรยารัก แต่เป็นแววตาของฆาตกรจิตผิดปกติที่สนุกสนานยามเห็นความทรมาน ยิ่งเสียงโหยหวนที่มันเปล่งออกมานั้น ราวกับของหวานชั้นดีหลังจานหลัก

ซีจงจวินเสียแขนไปข้างหนึ่ง แรงกายหายไปเกินครึ่ง แต่แรงใจกลับคืนมาเต็มสูบเพราะวันนี้เขาได้สัมผัสตัวภรรยาเป็นครั้งแรกหลังแต่งงาน

ถึงจะเป็นการปาดเลือดของตนออกจากใบหน้า แต่นางก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร

นี่สินะที่เรียกว่า..ดีใจ

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เหลือแรงต้านแล้ว ซีจงจวินเสกยันต์สะกดวิญญาณขึ้นมาหลายแผ่น สาดเข้าใส่จนมันร้องโอดโอยปวดแสบปวดร้อน

เขาร่ายบทสวดสั้นๆ ก่อนจะแปะแผ่นสุดท้ายกลางหน้าผากมัน แล้วร่างตะขาบพร้อมทั้งเครื่องในและหยดเลือดก็ปลิวออกจากเขตเรือน ลอยลงเหวปรโลก ทางเดียวกับที่มันใช้ปีนขึ้นมา

เพียงไม่นานที่สถารการณ์คลี่คลาย ซีจงจวินทรุดกายนั่ง มือซ้ายบนและซ้ายล่างกดแผลใหญ่ที่แขนซ้ายกลางซึ่งขาดติดไปกับวิญญาณร้ายตนนั้น หายใจหอบหนัก ร่างเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนผสมกับน้ำเลือด

สมองพยายามนึกหาสาเหตุที่ทำให้วิญญาณฝ่าเขตอาคมเข้ามาได้ ดวงตาคมไล่มองออกไปด้านนอกก่อนจะไปสะดุดเข้าที่หินใหญ่ก้อนหนึ่ง

มี่ฮวายังคงขาสั่นก้าวไม่ออก ได้แต่นั่งมองเทพอสูรลุกเดินโซเซไปขยับก้อนหินที่ริมรั้วไม่ไกลจากห้องนาง

รอบบ้านของซีจงจวินจะมีหินก้อนใหญ่วางประจำแปดทิศ เป็นแหล่งข่ายอาคม

หากขยับเพียงนิด เขตอาคมจะเสื่อมลงและอันตรายมากหากวิญญาณร้ายที่หลุดจากนรกอาศัยช่องทางนั้นเข้ามาทำร้ายคนในบ้านอย่างวันนี้

"อย่าขยับหินพวกนี้อีกนะ"

ซีจงจวินหันมาบอก เขารู้ว่าที่หินมันเปลี่ยนตำแหน่งเพราะนาง

ตอนปลูกต้นไม้ มี่ฮวาเห็นมันขวางหูขวางตา ก็เลยเสกไปวางที่อื่น

เทพอสูรเดินกลับเข้ามาในห้องซึ่งสภาพยับเยินเกินกว่าจะซ่อมแซมเสร็จภายในพริบตา

"หินรอบบ้าน ถ้าขยับแล้วเขตอาคมจะเสื่อม"

ท่าทางเขาไม่ได้โกรธอะไรเลย มี่ฮวาก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

ที่มันเป็นแบบนี้..เพราะนางเอง

"ขออภัยที่ไม่ได้บอกไว้ก่อน และขออภัยที่ทำต้นไม้ท่านเสียหาย"

แต่ซีจงจวินกลับคิดว่าความผิดครึ่งหนึ่งนั้นก็มาจากเขาที่ไม่ยอมบอกอะไรเลยเกี่ยวกับที่นี่

มี่ฮวาตัวสั่น มองเทพอสูรที่ดูราวกับซากศพนักรบเดินได้ ก้าวมาหาแต่ก็ยังเว้นระยะห่างไปพอสมควร

"ลุกไหวหรือไม่"

ได้ยินเขาถามถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา จึงพยายามหอบกายลุกขึ้นด้วยตัวเอง

"เจ็บตรงไหนหรือไม่"

มี่ฮวาส่ายหน้าตอบ เช่นนั้นแสดงว่าเลือดบนตัวนางเป็นเลือดของเขาที่กระเด็นไปโดน

"รอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปต้มน้ำให้ล้างตัว"

แล้วซีจงจวินก็เดินออกจากห้องไป ครึ่งเค่อต่อมาจึงเดินกลับมาเรียก

"แช่น้ำเสร็จแล้ว คืนนี้ไปนอนที่ห้องของข้าเถอะนะ ข้าจะไม่เฉียดเข้าไปใกล้แน่นอน ท่านไม่ต้องกังวล"

มี่ฮวาไม่มีคำพูดโต้แย้งใดๆ ราวกับเป็นหญิงใบ้ที่ทำเสียงหล่นหาย

นางไม่รู้จะพูดอะไรกับซีจงจวิน

ขอโทษ..ที่ทำให้ต้องบาดเจ็บ...

ขอบคุณ..ที่เข้ามาช่วยเอาไว้...

สองคำนี้ควรจะเอ่ยออกไปทั้งนั้น แต่นางกลับไม่กล้าพูด ได้แต่ยืนมองชายหนุ่มเดินปลีกตัวไปอีกทาง

สุดท้ายมี่ฮวาก็เข้าไปนั่งแช่น้ำชำระคราบเลือดออกจากตัวเงียบๆ แล้วเดินเข้าห้องของซีจงจวินไป

ห้องนี้ นางเคยเข้ามาแล้วสองครั้ง...

แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เป็นความเต็มใจ...

ร่างบางนอนลงไป จมูกได้กลิ่นของซีจงจวินติดอยู่ทั่วเตียง

มันทำให้นึกถึงใบหน้าของเขาตอนที่จ้องมองนางใกล้ๆ

ราวกับไร้ซึ่งความเจ็บปวด มีแต่ความห่วงหา กลัวว่านางจะเป็นอะไรไป

หญิงสาวเอาแต่นอนคิดจนกระทั่งได้ยินเสียงโหยหวนประหลาดลอดช่องประตูเข้ามา

คนบนเตียงสะดุ้งผวา กลัวว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่ก่อนอีก จึงลุกเดินออกไปข้างนอก

อย่างน้อยการไปอยู่ในระยะสายตาของซีจงจวิน ก็ปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียว

เคร้ง!!

เสียงคล้ายเหล็กกระทบพื้นดังมาจากในครัวทำให้ความกลัวเข้ากัดกินจิตใจ จนต้องรีบวิ่งแต่พอมาถึงหน้าห้องครัว ฝีเท้ากลับหยุดชะงัก

สิ่งที่นางเห็นคือเทพอสูรแมงป่องเปลือยกายท่อนบนนั่งหันหลังให้

มือซ้ายทั้งสองข้างกดแผลไว้ มือขวาล่างคลึงโกร่งหินบดยาสมุนไพร มือขวากลางถือแท่งเหล็กยาว ส่วนมือขวาบนถือผ้าผืนหนึ่ง

ผ้าผืนนั้นถูกส่งเข้าปากงับไว้ เหล็กในมือซึ่งปลายเป็นสีแดงดั่งลูกไฟตวัดขึ้น แนบลงไปที่แผลใหญ่กลางหลังจนเกิดควันระอุ

"อึก.. อาาาา!!!!"

แม้ปากจะคาบผ้าอยู่ แต่ก็กลั้นเสียงไม่ได้มาก ซีจงจวินเผลอคำรามดัง ขณะที่ปากแผลไหม้เกรียม

มี่ฮวายกมือขึ้นปิดปากห้ามเสียงไว้แทบไม่ทัน ไม่คิดว่าการรักษาแผลฉกรรจ์บนตัวเขาจะโหดร้ายเพียงนี้

และยิ่งเบิกตาโพลงเมื่อเห็นซีจงจวินหันมาสุมไม้ใต้เตาไฟ ครู่หนึ่งจึงนำเหล็กแท่งใหญ่กว่าเดิมออกมา นาบส่วนปลายด้ามที่เป็นสีแดงเพลิงสว่างวาบตรงรอยแขนขาดอย่างรวดเร็ว

"อ๊าาาาา!!!!!!"

เสียงคล้ายเนื้อถูกย่างด้วยเหล็กร้อนช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย ความแสบร้อนทำให้เขาดิ้นทุรนทุราย มือเท้าจิกเกร็ง หางแมงป่องยักษ์ฟาดไปทั่วระบายความเจ็บทรมาน

พักหนึ่ง จากแผลสดกลายเป็นแผลไหม้ เนื้อบริเวณรอบเปลี่ยนสีเป็นดำคล้ำ

โชคดีที่ร่างกายเทพอสูรอึดกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นในยุทธภพ การรักษาแผลด้วยวิธีอันตรายเช่นนี้จึงไม่ได้ส่งผลมากไปกว่าเจ็บเจียนตาย

ซีจงจวินหอบหนัก ล้มตัวนอนกับพื้นเอาสมุนไพรที่บดไว้เมื่อครู่ผสมน้ำแล้วราดให้ทั่ว เพราะเขาไม่มีแรงมากพอจะขยับแม้แต่เปลือกตา จึงต้องรีบรักษาแบบลวกๆก่อนจะหมดสติไป

พอเห็นว่าเขานิ่งไปแล้ว หญิงสาวค่อยๆย่องเข้ามานั่งลงข้างกายใหญ่ยักษ์ มองดูความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

ที่แท้ซีจงจวินก็เจ็บแผลมากเหมือนกัน..

หากไม่ใช่เพราะนางไปขยับหินมั่วซั่ว วิญญาณร้ายนั่นก็จะเข้ามาไม่ได้ เขาก็ไม่ต้องมาทนเจ็บปางตาย

และ..หากไม่ได้แขนข้างนั้น ป่านนี้คอนางคงหลุดกระเด็นไปนานแล้ว

ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง แต่ซีจงจวินกลับไม่ต่อว่าอะไรเลย

เป็นเช่นนี้..ยิ่งทำให้รู้สึกผิดมากขึ้น

มือเล็กเลื่อนมาจะจับแต่ก็ยังชะงักไว้เหนือร่างเพราะเกรงจะทำเขาสะดุ้งตื่น สุดท้ายจึงตัดสินใจร่ายเวทรักษาแผลให้

ถึงจะสมานได้แค่แผลเล็กๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาทรมานน้อยลงบ้าง..

*******************

ยามซวีคือเวลา 19.00น. ถึง 21.00 น.

1 ชุ่นเท่ากับ 1 นิ้ว

1 เค่อเท่ากับ 15 นาที

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 16 十六

    คืนนั้นมี่ฮวากลับเข้ามานอนในห้องของซีจงจวิน ความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเช่นกันและเดินทางเข้าสู่ห้วงฝัน..ใต้ท้องฟ้าสีหม่นมัวที่ฝนปรอยลงมา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดูไม่คุ้นเคย ตัวนางยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกาย..เป็นชายผู้หนึ่งไม่รู้เหตุใดนางถึงเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด..และเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางฟังไม่ถนัดเลย.."ท่านเป็นใคร"คำถามนั้นได้รับการตอบกลับ แต่นางฟังไม่ออก ยามชายผู้นั้นยื่นมือมาลูบหัว น่าแปลกที่มี่ฮวาไม่ขยับหนีแม้ในความฝันจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่นางกลับได้รับไออุ่นท่ามกลางสายฝนมาเต็มหัวใจ"ข้าคิดถึงท่าน"ไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม แต่ความรู้สึกด้านในมันบอกมาเช่นนั้นชายผู้นั้นโอบกอดนาง เนิ่นนานเหลือเกิน..และนางเองก็รู้สึกเหมือนอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป.....เสียงวิหคขับขาน บอกเวลาที่มันตื่นและโผบินออกจากรังเปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ กายของซีจงจวินล้าจนขยับแทบไม่ไหว แต่จำต้องฝืนลุกเพราะห่วงเตรียมสำรับให้ภรรยาเมื่อลุกขึ้นนั่งก็พบว่าบนตัวมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าทำแผลเสร็จก็นอนไปบนพื้นเย็นๆทั้งอย่างนั้น...พลันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 17 十七

    มี่ฮวาอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าห้องแต่ฝ่าเท้าหยุดชะงักเมื่อนางเปิดประตูและภาพวิญญาณเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวมันน่ากลัว จนไม่กล้านอนคนเดียวอีก..."นี่"มี่ฮวาหันไปเรียกเทพอสูรที่ยืนรอส่งนางเข้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม"คืนนี้ข้าจะนอนในห้องเจ้า เจ้านอนที่พื้นเหมือนคืนนั้น"แล้วนางก็เดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ถัดไป ซีจงจวินได้แต่มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง..คิดว่ามี่ฮวาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น..เช่นนั้น.. หากแขนเขาขาดไปอีกสักข้าง นางจะยอมพูดด้วยหรือเปล่า..ซีจงจวินทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเฉือนแขนทิ้งหรอก เท่านี้ก็เจ็บเกือบตายแล้วเขาหอบเสื้อผ้าออกไปอาบน้ำในป่าเหมือนเดิม แล้วจึงกลับเข้ามานอนที่มุมหนึ่งในห้องหลังจากเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน คืนนี้ซีจงจวินหลับสนิทแม้จะนอนบนพื้นแข็งเย็นเยียบ...เท่านี้ก็ดีเกินพอเพราะนางอยู่ใกล้ เลยหายห่วงไปได้มาก...เวลาเดียวกัน มี่ฮวาไม่ได้หลับไปอย่างที่ซีจงจวินคิดนางแอบมองเทพอสูรที่นอนขดตัวอยู่ไกลๆ คิดว่าให้นอนบนพื้นไม้เย็นๆแบบนั้น เขาคงหนาวเหมือนกันแต่จะให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียงก็น่ากลัวเกินไปมี่ฮวาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 18 十八

    สุริยันสาดแสง ซีจงจวินในชุดเกราะเหล็กพร้อมทำงานกำลังยกสำรับขึ้นโต๊ะ โดยมีสัตว์อสูรเดินตามหลังเพื่อเรียนรู้การทำงาน"ทำไมนายท่านถึงทำกับข้าวเยอะขนาดนี้หรือขอรับ"อสรพิษธาราเอ่ยถามขณะมองจานสองใบในมือตัวเอง และอีกห้าใบในมือของผู้เป็นนาย ก็ในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน แต่นายท่านทำเผื่อเหมือนอยู่กันหกเจ็ดคน"ข้าอยากให้มี่ฮวาได้กินของดีมากๆไว้"เขาตอบขณะเรียงจานบนโต๊ะอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ก่อนหันมาตั้งเตาอุ่นน้ำชาเล็กๆข้างโต๊ะ"ของว่างตอนกลางวันอยู่ในครัว หากชากานี้หมดตอนเช้าก็ชงกาใหม่ให้มี่ฮวาด้วย""ชงอย่างไรหรือขอรับ"วิหควายุถาม ซีจงจวินจึงค่อยๆสอนพวกมันไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดตอนรับใช้ภรรยาเขา"ถ้านางตื่นสายแล้วสำรับพวกนี้เย็นชืด เจ้าก็เอาไปตั้งเตาอุ่นใหม่เสีย น้ำแกงเอาลงหม้อต้มอย่างละใบ อุ่นข้าวใช้หม้ออันนี้ จะผัดของก็อย่าใส่น้ำมันมากเกิน"ซีจงจวินพาบ่าวทั้งสองมาดูอุปกรณ์ในครัวอีกครั้งพร้อมอธิบายไปด้วย ก่อนจะเปิดเข่งหมั่นโถวนุ่มฟูให้เด็กน้อยดูเขาหยิบขึ้นมาสองลูก ส่งให้มันคนละลูก เด็กน้อยรับของร้อนในมือมาเป่าแล้วมองผู้เป็นนายตาแป๋ว"ถ้าหิวก็เอาสิ่งนี้ไปกิน แต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 19 十九

    ความเย็นชาของภรรยาไม่ได้ทำให้สามีจดจำสักนิด..วันนี้ดูเทพอสูรจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำกับข้าวไปก็ยังยิ้มไม่หุบจนซวนเฟยกับชิงเหลียงสงสัย"ทำไมวันนี้นายท่านถึงอารมณ์ดีนักหรือขอรับ" เจ้าครึ่งนกถาม"เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้" ซีจงจวินไม่ยอมบอก เพียงหันไปตักผัดผักใส่จานส่งให้เจ้าครึ่งงูเขากะเก็บไว้เป็นความลับ รอกระทั่งถึงตอนเย็นค่อยบอก..เมื่อคืนก่อน ในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนว่างโล่ง ตอนนี้มีเครื่องเรือนไม้วางตั้งทั้งตู้หนังสือ โต๊ะกว้างตรงกลางห้อง และตั่งยาวตรงข้างหน้าต่างจากนั้นก็ขนเอาของของมี่ฮวามาจัดใหม่ วางหนังสือเรียงเป็นระเบียบ ผืนผ้าหลากเนื้อหลายสีถูกพับเก็บเรียบร้อยในลิ้นชักเดียวกับอุปกรณ์เย็บปัก เครื่องเขียนถูกจัดวางบนโต๊ะครบครันจากการสังเกตมาสักพักรวมกับที่ถามจากเจ้าอสูรเด็กทำให้รู้ว่าตอนกลางวันมี่ฮวามักจะนั่งเย็บนู่นปักนี่ในห้องชมสวนหรือไม่ก็วาดรูปเขียนกลอน ส่วนตอนกลางคืนก็จะอ่านหนังสือในห้องนอนด้วยความอยากเอาใจ ซีจงจวินจึงแอบทยอยขนของของนางมาไว้ให้ และก็กะจะซื้อเพิ่มด้วยเขาชอบเวลาเห็นภรรยาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แม้จะเป็นงานเล็กๆน้อยๆฆ่าเวลาแต่คนมองก็ยังชุ่มชื่นหัวใจนอกจากนี้นางยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 20 二十

    ซีจงจวินมาทำงานตอนเช้าและกลับตอนค่ำเหมือนเคย แต่วันนี้ก่อนปลีกตัวจากเหล่าสหาย ตงหลิงจวินก็กวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ"เอ้า เอานี่ไป" ตงหลิงจวินยัดหนังสือเล่มหนึ่งใส่มือซีจงจวิน"นี่คือหนังสืออะไรหรือขอรับ"หลังจากยื่นให้ ตงหลิงจวินก็มีสีหน้ากระดี๊กระด๊าราวกับเป็นคนได้รับเสียเอง พยักพเยิดให้คนทำหน้าไม่เข้าใจรีบเปิดดู!!!!ดวงตาเทพอสูรแมงป่องเบิกกว้างทันทีเมื่อภาพด้านในฉายออกมาให้เห็นมันคือ..ภาพการร่วมรัก!เมื่อเปิดไล่ไปทีละหน้าก็พบว่าในนี้มีแต่ฉากร่วมรักเต็มไปหมด ทั้งภาพทั้งคำอธิบายชัดเจนแจ่มแจ้ง!!หลายท่าหลายทางดูพิสดารทว่าอัศจรรย์นัก ช่างดึดดูดสายตาน่าลองทำตามยิ่ง"เขาเรียกว่าตำราวังวสันต์"ตงหลิงจวินกลั้นหัวเราะกับท่าทางของซีจงจวินที่ไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนในชีวิต"..ตำรา..วังวสันต์?" ซีจงจวินทวนคำโดยที่ดวงตายังคงจดจ้องภาพการร่วมรักน่าอภิรมย์ค้างอยู่เช่นนั้น"ใช่ เป็นของที่มีขายในโลกมนุษย์"คราวนี้ซีจงจวินหันมาขมวดคิ้วมองตงหลิงจวินที่ยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิก "พี่ตงหลิงมีได้อย่างไรขอรับ""จะยากอะไร เมียข้าไปหาซื้อมาไว้เต็มบ้าน""ภรรยา..ของท่าน!?" พอได้ยินดังนั้น คนฟังถึงกับอึ้งไปช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-13
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 21 二十一

    คืนวันผันเปลี่ยน มี่ฮวากับซีจงจวินอาศัยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาแต่แก่นแท้ในความสัมพันธ์กลับไม่พัฒนาไปไหนเลย..มีเพียงเทพอสูรที่จงรักชนิดยอมตายถวายหัว ไม่รู้เพราะเหตุนั้นหรือเปล่ามี่ฮวาที่ถูกตามใจตลอดถึงเคยตัวเช่นนี้หญิงสาวนั่งเล่นอยู่ในห้องชมสวนเหมือนอย่างเคย กำลังปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นสีแดงสดใสปลายยามอู่ ผ้าเช็ดหน้าแสนสวยก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย"นายหญิงขอรับ มีคนมาขอพบขอรับ"เสียงของซวนเฟยเรียกสายตาจากผู้เป็นนายให้หันไปมองอย่างสงสัย"ใครหรือ""เขาบอกว่าชื่ออวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้น ดวงตากลมเบิกกว้างทันทีท่านอวี้เวินฉิงมาได้อย่างไรกัน?"ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" มี่ฮวารีบลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้า เดินออกไปรับแขกยังหน้าเรือนที่หน้าประตูมีร่างชายผู้หนึ่งยืนตัวตรงสง่า สายตาจ้องมองมาที่นางสื่อความคิดถึงเสียมากมายจนไม่อาจปิดกั้น"มี่ฮวา"บุรุษรูปงามที่แสนคุ้นเคยเรียกชื่อนางอย่างยินดี รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าดูราวกับเขามีความสุขเหลือเกิน"คารวะท่านอวี้เวินฉิง" มี่ฮวาเอ่ย ทำความเคารพพร้อมส่งยิ้มให้เช่นกันอวี้เวินฉิงน้ำตารื้นเมื่อมองสาวงามตรงหน้า ก่อนเดินเข้ามาจับมือนุ่มกุมไว้"มี่ฮวา..

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 22 二十二

    คืนนั้นหลังจากมี่ฮวาเข้านอน ซีจงจวินย่องเดินไปรอบบ้านเขาได้กลิ่นแขกของภรรยาชัดเจนที่สุดก็คือที่ห้องชมสวน เดาว่าคงพามานั่งตากลมชมทิวทัศน์"นายท่านขอรับ"ชิงเหลียงกับซวนเฟยเอ่ยเรียกซีจงจวินซึ่งนั่งทับตรงตำแหน่งที่แขกของมี่ฮวานั่งเมื่อกลางวันราวกับจะกลบกลิ่นของเขาคนนั้น..."แขกของมี่ฮวา.. เป็นใครหรือ"น้ำเสียงคนถามสั่นเล็กน้อย สัตว์อสูรทั้งสองรับรู้ได้ถึงอารมณ์อ่อนไหวของเขาเพราะเจ้าตัวรู้แต่แรกว่ากลิ่นนี้.. ไม่ใช่ของสตรีจมูกเขาทำงานดีเกินไป สมองรับรู้และจำได้ว่ามันมาจากเครื่องหอมที่นิยมใช้ในหมู่เซียนบุรุษ"เป็นเซียนหนุ่มนามว่าอวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้นหัวใจเกิดแตกร้าวลึก ดั่งรอยแยกหุบเหวอเวจี"อวี้เวินฉิง..อย่างนั้นหรือ" น้ำเสียงที่รอดไรฟันออกมาฟังดูขุ่นมัวตามอารมณ์คนพูดอวี้เวินฉิงผู้นี้ ซีจงจวินจำได้ดีว่าเขาเป็นใครเทพอสูรทั้งสี่จำเป็นต้องรู้รายชื่อเทพและมารที่มาเยือนเขาสวรรค์ทุกห้าพันปี และต้องจำให้ได้เพื่อเวลาทำความเคารพจะได้เรียกถูกคนเขาคือหนึ่งในเซียนผู้ให้แสงแก่แดนอุดร รูปร่างหน้าตานั้นซีจงจวินไม่ได้ใส่ใจมองนัก แต่เท่าที่รู้คือมีรูปกายงาม เป็นที่ต้องตาในหมู่สตรี"เขามาท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 23 二十三

    ค่ำคืนหวนกลับมาอีกครา..อสูรรับใช้ทั้งสองรับหน้าที่ทำอาหารและงานบ้านทั้งหมด ส่วนซีจงจวินเก็บตัวหลังจากกลับถึงบ้าน ไม่ยอมออกจากห้องที่ความหดหู่ฝังอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ "นายท่านขอรับ" เสียงชิงเหลียงเอ่ยเบาๆตรงหน้าห้อง พร้อมกับเลื่อนประตูเปิดเข้ามา ในมือมีถาดสำรับง่ายๆซึ่งเหลือไม่มากแล้ว"นายท่านกินอะไ..""ข้าไม่หิว เอาออกไป" ซีจงจวินพูดตัดบท ชิงเหลียงได้แต่ยืนนิ่งมองถาดในมือสลับกับคนบนเตียง"แต่นายท่านไม่กินอะไรมาหลายวันแล้ว ข้าน้อยคิดว่าสมควรกินสักนิดนะขอรับ""ข้าไม่อยากกิน" ซีจงจวินพูดเสียงเข้มขึ้น ต่อให้ถูกเอามายัดเยียดถึงปากก็ไม่ยอมกินหรอกสุดท้ายชิงเหลียงจึงต้องเอาออกไป พอดีกับที่มี่ฮวาเดินออกมาจากห้องน้ำ"เจ้าเอาถาดข้าวมาทำอะไรตรงนี้"เสียงหวานเอ่ยถามไม่ไกลจากหน้าห้องของซีจงจวิน ทำให้หูของคนประสาทรับเสียงดีกระดิกเล็กน้อย"ข้าน้อยเห็นว่านายท่านยังไม่กินอะไรเลยจัดมาให้ขอรับ และช่วงนี้นายท่านก็กินน้อย เกรงจะทำให้ป่วยได้ขอรับ"เจ้าครึ่งงูดูเป็นห่วงเอามากๆ ไม่เสียแรงที่ซีจงจวินช่วยเหลือมันเอาไว้เมื่อสามร้อยปีก่อน"นายหญิงขอรับ นายท่านอาจจะกำลังไม่สบายอยู่ก็ได้ ข้าน้อยว่านายหญิงลองเข้าไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17

บทล่าสุด

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 72 七十二

    ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 71 七十一

    เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 70 七十

    "ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 69 六十九

    สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 68 六十八

    ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 67 六十七

    เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 66 六十六

    ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 65 六十五

    สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 64 六十四

    หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status