"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"
ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี
"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ"
"..."
เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึก
หากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไร
แล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...
ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก
"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"
...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ...
"ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง"
"..."
"ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย"
"..."
"ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"
ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อกำหนดที่นางกล่าวมานั้น ขัดต่อความต้องการของเขาทั้งหมด..
ซีจงจวินไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ทั้งหลาย แต่ใช่ว่าเขาไร้ความรู้สึก สัญชาตญาณในตัวบุรุษนั้นเขามีมันเป็นธรรมดา
ยิ่งได้อยู่กับสตรีงามเช่นนี้ มันก็ยิ่งเพิ่มพูน...
..แต่เพียงได้ยินคำว่าหย่าและหนีกลับบ้าน ซีจงจวินก็ไม่คิดถึงสิ่งใดอีก
ขอแค่นางอยู่ ให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น..
"ตกลง ข้าจะทำทุกอย่างตามที่ท่านขอไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่อย่างเดียว"
ที่มี่ฮวากล้าต่อรองเพราะรู้ว่าตนถือไพ่เหนือกว่าผู้เป็นสามี หากเขาไม่ยอมทำตามนางจะหย่า หากหย่าไม่ได้ก็จะกัดลิ้นกลั้นใจตายมันเสียตรงนี้
ได้ยินเขาตกปากรับคำ นางก็พอใจ เดินไปนั่งที่เตียง ถอดเครื่องประดับหนักออก
ซีจงจวินอยากเข้าไปนั่งใกล้ๆแต่ทำไม่ได้จึงพยายามกะระยะให้พอดีสิบฉื่อ โชคดีที่เตียงไม้หลังนี้เขาต่อเองมันจึงใหญ่มากๆ..
"ใครให้เจ้านั่งบนเตียง"
ได้ยินเสียงเย็นชา ซีจงจวินหลุบตาต่ำไม่มองหน้านาง ลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นปลายเตียงแทน
"ปิดม่านให้ข้าด้วย"
นางออกคำสั่งเหมือนเขาเป็นบ่าวรับใช้ ซีจงจวินก็ไม่ว่าอะไร ปลดม่านลงจากเสาเตียงคลุมปิดให้ แล้วจึงนั่งลงที่พื้นดังเดิม
ไม่มองก็ได้..
ไม่ได้พูดก็ไม่เป็นไร...
ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ในเรือนเดียวกันก็ยังดี
...
สุริยันส่องแสงยามเช้า สัตว์อสูรตื่นจากการหลับไหล
แม่นางคนงามสะดุ้งหลุดจากห้วงนิทรา ลุกขึ้นแง้มม่านดูเล็กน้อย พบว่าซีจงจวินนั่งคุกเข่ามองพื้นอยู่ปลายเตียง สวมอาภรณ์ติดเกราะ ผมสีดำสนิทมัดมวยตึงเรียบร้อย
"ข้าเตรียมอาหารให้แล้วที่ห้องข้างๆ"
แม้ซีจงจวินจะพยายามคิดคำพูดให้ฟังเข้าใจได้โดยที่พูดน้อยที่สุด แต่มันก็ปาเข้าไปสิบคำเสียแล้ว
เหลืออีกสิบคำ เขาจะเก็บเอาไว้พูดกับนางตอนเย็น...
"กลิ่นที่นอนเจ้าเหม็นติดตัวข้า ข้าจะอาบน้ำก่อน เจ้านำทางไปสิ"
นางไม่ปิดบังสายตารังเกียจกับท่าทางขยะแขยงที่มีต่อสามี กระนั้นซีจงจวินก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับแล้วลุกขึ้นพาเดินไปที่ห้องอาบน้ำตามคำสั่ง ซึ่งอยู่หลังเรือนคนละฝั่งกับห้องครัว
ดูเหมือนเครื่องเรือนที่มีไม่กี่ชิ้นในบ้านนี้จะใหญ่กว่าปกติไปเสียทุกชิ้น ดูจากอ่างไม้แข็งแรงขนาดมโหฬารกลางห้อง
ร่างอรชรปลดอาภรณ์ลงที่พื้นข้างอ่าง ก้าวขาเรียวหย่อนกายลงนั่งแช่น้ำอุ่น ผิวขาวเนียนส่งกลิ่นเย้ายวนกว่าบุปผชาติใดในยุทธภพ
น่าเสียดายเหลือเกินที่ผู้เป็นสามีไม่อาจเห็นหรือสัมผัสได้เลย
ซีจงจวินนำหีบเสื้อผ้าของภรรยามาวางไว้ให้ตรงฝั่งห้องแต่งตัว
ไม่รู้ว่านางอยากใส่ชุดไหน เขาจึงนำมันมาวางไว้ทั้งหมดหกหีบจากสิบแปดหีบ ทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับ
ใช้เวลานานมากกว่ามี่ฮวาจะจัดการตัวเองเสร็จและออกมากินข้าวเช้ากับเขา
เทพอสูรนั่งรอที่โต๊ะอาหาร พอเห็นร่างบางของภรรยาก็เผลอยิ้มดีใจ
นางอยู่ในชุดสีชมพูปักลายกิ่งเหมย เส้นผมสีเดียวกับชุดถูกเกล้าปักปิ่นทองห้อยระย้า ใบหน้าผุดผ่องแต่งแต้มสีสันอ่อนๆดูน่ารัก ดวงตาสีหยกเขียวชวนให้มองจนไม่อยากละสายตาไป
"จะมองอีกนานหรือไม่"
พอนางทัก ซีจงจวินที่จ้องตาไม่กะพริบพึ่งรู้สึกตัวรีบก้มหน้าลงทันที
..เผลอมองนางไปครั้งหนึ่งแล้ว
..เหลืออีกหนึ่งครั้ง คงต้องเก็บเอาไว้มองก่อนนอน..
มี่ฮวามานั่งที่เบาะฝั่งตรงข้าม กับข้าวบนโต๊ะเป็นข้าวต้มและกับอีกแปดอย่าง ล้วนส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย
แต่แม่เทพธิดาไม่ได้มองว่ามันจะพิเศษตรงไหน นางยกถ้วยข้าวขึ้นเตรียมจะตักอาหารกิน ซีจงจวินก็ตักกับข้าวมาใส่ในถ้วยให้
เพราะตั้งใจทำกว่าเมื่อก่อนมาก คิดว่าหากนางกินเข้าไปแล้วชอบเขาคงใจชื้นขึ้น
แต่ปฏิกิริยาที่ได้ กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง...
มี่ฮวาช้อนสายตามองค้อนใส่ ตักเอากับเหล่านั้นออกวางไว้ในถาดข้างๆแทน
"ใครให้เจ้ามานั่งร่วมโต๊ะกับข้า"
นางเอ่ยเสียงเรียบ คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามนิ่งไปชั่วขณะ
เขาไม่อาจแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่เพียงน้ำเสียงก็บ่งบอกแล้วว่าภรรยาไม่ชอบสิ่งที่เขาทำให้
สุดท้ายซีจงจวินจึงตักกับข้าวพอประมาณ ลุกออกมานั่งกินเงียบๆที่มุมห้อง
มี่ฮวาเหลือบมองกายสีแดงอ่อนแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าเขายังคงเป็นปกติจึงตักกับข้าวกินบ้าง
นางไม่ไว้ใจเขาถึงขั้นคิดว่าอาจจะแอบใส่อะไรลงไปในอาหาร แต่พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงกล้าตักเข้าปาก
ซีจงจวินนั่งรอมี่ฮวาค่อยๆละเลียดกินจนอิ่ม จึงเสกถ้วยกระเบื้องให้หายไป แล้วเขาก็ลุกขึ้นออกไปทำงาน ทั้งที่ใจจริงอยากจะคุยกับนางเหลือเกิน
..อยากถามว่าเมื่อคืนหลับสบายหรือไม่ น้ำที่อาบร้อนเกินไปไหม อาหารที่เขาบรรจงปรุงถูกปากบ้างหรือเปล่า
และอย่างน้อยก็อยากจะพูดลากันสักนิด อยากบอกว่าตอนค่ำเขาจะรีบกลับมาหา
แต่นางคงไม่ได้อยากรอหรืออยากฟังเขาพูดนักหรอก...
ขณะเดียวกันมี่ฮวาเห็นซีจงจวินออกไปได้สักพัก จึงออกเดินสำรวจข้างในบ้าน
ไหนๆที่นี่ก็จะเป็นของนางอยู่แล้ว จะเดินไปที่ใดก็เป็นสิทธิ์ของนางไม่ใช่หรือ
มี่ฮวาไล่เปิดดูทีละห้อง ต้องแปลกใจมากที่เกือบทุกห้องไม่มีอะไรเลย เป็นแค่พื้นที่โล่งกว้างเฉยๆเท่านั้น
ที่ที่มีเครื่องเรือนก็มีเพียงห้องของซีจงจวิน มีเตียงหนึ่งหลัง ตู้เก็บเสื้อผ้าหนึ่งตู้ โต๊ะข้างหัวเตียงหนึ่งตัว
ในห้องรับรองและห้องที่นางนั่งกินข้าวเมื่อเช้ามีชุดโต๊ะอยู่ห้องละหนึ่งชุด
ห้องน้ำมีอ่างใหญ่ ชั้นวางเครื่องชำระกายเตี้ยๆหนึ่งตัว ห้องข้างๆมีหีบเสื้อผ้าของนาง
ไม่ไกลกันเป็นห้องกว้างที่มีเตียงใหญ่อีกหนึ่งหลัง ตู้ไม้ใส่เสื้อผ้าสามตู้ใหญ่ โต๊ะเอาไว้วางเครื่องประทินโฉม ชั้นวางของ โต๊ะข้างหัวเตียง
เดาว่าคงเตรียมเครื่องเรือนในห้องนี้เอาไว้ตามที่ขอ
..ก็ดี คืนนี้จะได้ไม่ต้องไปนอนบนเตียงเขาอีก แค่ได้กลิ่นของเจ้าของเตียงก็ขนลุกขนพอง นอนผวาแทบทั้งคืน
นางจัดการย้ายข้าวของส่วนตัวออกจากหีบมาจัดใส่ตู้และชั้นวาง กระทั่งเลยเข้าปลายยามเว่ยจึงเสร็จ
พอเริ่มรู้สึกหิว นางเดินไปทางครัวที่อยู่หลังบ้านดูว่าพอจะมีอะไรที่สามารถกินได้บ้าง
แล้วก็พบว่าซีจงจวินเตรียมอาหารว่างจานเล็กวางไว้ให้เรียบร้อย เขาคงคิดเผื่อเอาไว้จึงทำอาหารที่สามารถกินตอนไม่ร้อนได้
เขาเอาใจใส่ถึงเพียงนี้ แต่คนได้รับไม่คิดจะซาบซึ้งสักนิด ยกจานของว่างไปนั่งกินตรงระเบียงที่มองออกไปเห็นสวนดินทรายไร้ซึ่งต้นไม้ใบหญ้า
สายตาสอดส่ายไปมา
กระทั่งเห็นโกดังหลังหนึ่งอยู่ห่างออกไป มี่ฮวานึกสงสัยจึงเดินไปดู
เมื่อเปิดเข้าไปก็พบกับ..ไหสุรา
ไหสุราตั้งเรียงรายอยู่บนตู้ใหญ่เกือบร้อยไหได้ หัวคิ้วขมวดมุ่น หยิบออกมาเปิดดูใบหนึ่ง
นี่มัน..สุราสวรรค์
กลิ่นนี้นางจำได้ดี เพราะมันเป็นกลิ่นเดียวกับที่นางเคยดมเมื่อราวๆเดือนก่อน
ตอนนั้น นางกับพี่ๆขโมยสุราที่สหายลึกลับของพ่อเป็นผู้มอบให้มาดื่มกันอย่างสำราญ
หรือสหายคนนั้นคือซีจงจวิน?
มี่ฮวาปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความโมโหแผดผลาญเผาใจนางมอดไหม้
เป็นเช่นนี้เอง...
มิน่าเล่า ท่านพ่อถึงไม่กลัวซีจงจวิน ทั้งยังดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่เคยเล่าให้นางฟัง
เพราะเจ้าอสูรร้อยเล่ห์นี่ออกอุบายให้บิดานางต้องยกบุตรีให้เป็นเจ้าสาว...
ซีจงจวิน เจ้าปีศาจต่ำช้า!!!
**************************
10 ฉื่อ เท่ากับ 1 จั้ง หรือ 2.5 เมตร
ยามเว่ยคือช่วง 13.00น. ถึง 15.00 น.
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
เกือบสองเดือนแล้วที่ซีจงจวินออกไปทำงานสายทุกวัน เพราะมัวแต่นั่งรอจะกินข้าวพร้อมภรรยาอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะมี่ฮวาไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วในใจมี่ฮวาชิงชังซีจงจวินเพราะเขาคืออสูรอัปลักษณ์ ร่างกายอันแปลกพิลึกนั่นไม่มีส่วนไหนน่าดูสักนิดที่สำคัญคืออสูรอัปลักษณ์ตนนั้นไม่เคยเจียมตัว คิดไขว่คว้าบุปผาสวรรค์มาเชยชม เพราะหลงเพียงเปลือกที่หุ้มตัวนางไว้ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยบิดาจากวิญญาณร้ายแล้วยังให้สุราสวรรค์มาวันนั้นเป็นซีจงจวิน มี่ฮวาก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นในอกคงกะให้ท่านพ่อติดหนี้บุญคุณสักหลายอย่าง แล้วค่อยเอ่ยขอลูกสาวมาเป็นเมียสินะ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์!นางทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าก่นด่าเขาวันละพันหน กับไม่ให้เขาเข้ามาใกล้นางมากนักอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าหากผ่านไปนานกว่านี้อีกสักเดือนแล้วนางยังมีท่าทีรังเกียจอยู่ เขาจะทำอย่างไรแต่อสูรชั่วช้าเช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า.. นอกจากบังคับขืนใจนาง ให้ร่วมรักอย่างวิปริตผิดแปลกมองปราดเดียวก็รู้ สายตาที่เขาส่งมามักจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ใคร่อยากจะแนบกายเกยชิดคนอยู่ว่างๆเอาแต่นั่งมองสวนดินอันว่างเปล่าที่ชวนให้รำคาญตา ระหว่างนั้นก็มีเสียงหน
เช้าวันถัดมา หลังจากซีจงจวินออกไปทำงานได้สักพักมี่ฮวาเริ่มเดินสำรวจรอบบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ที่บิดาให้ไว้มาเพาะแต่ก่อนอื่นต้องแก้ดินเสียก่อน เพราะมันแห้งจนไม่สามารถปลูกอะไรได้เพียงวาดแขนหนเดียว พื้นดินก็ชุ่มชื้นขึ้น เมล็ดพืชถูกหว่านวาง งอกเงยออกดอกเบ่งบานนางให้ต้นเหมยกับดอกโบตั๋นขึ้นตรงห้องที่มีประตูเปิดออกมาชมสวน สร้างเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสวยงามการจัดสวนสร้างความเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบค่ำเสียแล้ว เมื่องานเสร็จนางไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งรอซีจงจวินกลับบ้านยามนี้พระอาทิตย์ได้จากท้องฟ้าไปนานแล้ว..การรอคอยทำให้เกิดโทสะเพราะมันเลยเวลามาตั้งหนึ่งชั่วยาม เทพอสูรก็ยังไม่ยอมกลับมารับใช้นางสักทีจนเข้ายามซวี ประตูหน้าบ้านถึงเปิดออกซีจงจวินกลับถึงบ้านในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้าที่นัก ที่แขนซ้ายมีแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์อสูรฝากไว้ เลือดไหลซึมไม่มากมี่ฮวารู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงเดินกอดอกเชิดหน้าหมายจะเข้ามาหาเรื่องแต่พอเห็นสภาพซีจงจวินที่เหมือนพึ่งไปรบ สมองก็ตื้อไปครู่หนึ่งเสียอย่างนั้น"ไปไหนมา""ข้าไปทำงานไถ่โทษมา"ฟังแล้วมี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำงานไถ่โทษทำ
คืนนั้นมี่ฮวากลับเข้ามานอนในห้องของซีจงจวิน ความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเช่นกันและเดินทางเข้าสู่ห้วงฝัน..ใต้ท้องฟ้าสีหม่นมัวที่ฝนปรอยลงมา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดูไม่คุ้นเคย ตัวนางยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกาย..เป็นชายผู้หนึ่งไม่รู้เหตุใดนางถึงเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด..และเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางฟังไม่ถนัดเลย.."ท่านเป็นใคร"คำถามนั้นได้รับการตอบกลับ แต่นางฟังไม่ออก ยามชายผู้นั้นยื่นมือมาลูบหัว น่าแปลกที่มี่ฮวาไม่ขยับหนีแม้ในความฝันจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่นางกลับได้รับไออุ่นท่ามกลางสายฝนมาเต็มหัวใจ"ข้าคิดถึงท่าน"ไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม แต่ความรู้สึกด้านในมันบอกมาเช่นนั้นชายผู้นั้นโอบกอดนาง เนิ่นนานเหลือเกิน..และนางเองก็รู้สึกเหมือนอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป.....เสียงวิหคขับขาน บอกเวลาที่มันตื่นและโผบินออกจากรังเปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ กายของซีจงจวินล้าจนขยับแทบไม่ไหว แต่จำต้องฝืนลุกเพราะห่วงเตรียมสำรับให้ภรรยาเมื่อลุกขึ้นนั่งก็พบว่าบนตัวมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าทำแผลเสร็จก็นอนไปบนพื้นเย็นๆทั้งอย่างนั้น...พลันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบ
มี่ฮวาอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าห้องแต่ฝ่าเท้าหยุดชะงักเมื่อนางเปิดประตูและภาพวิญญาณเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวมันน่ากลัว จนไม่กล้านอนคนเดียวอีก..."นี่"มี่ฮวาหันไปเรียกเทพอสูรที่ยืนรอส่งนางเข้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม"คืนนี้ข้าจะนอนในห้องเจ้า เจ้านอนที่พื้นเหมือนคืนนั้น"แล้วนางก็เดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ถัดไป ซีจงจวินได้แต่มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง..คิดว่ามี่ฮวาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น..เช่นนั้น.. หากแขนเขาขาดไปอีกสักข้าง นางจะยอมพูดด้วยหรือเปล่า..ซีจงจวินทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเฉือนแขนทิ้งหรอก เท่านี้ก็เจ็บเกือบตายแล้วเขาหอบเสื้อผ้าออกไปอาบน้ำในป่าเหมือนเดิม แล้วจึงกลับเข้ามานอนที่มุมหนึ่งในห้องหลังจากเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน คืนนี้ซีจงจวินหลับสนิทแม้จะนอนบนพื้นแข็งเย็นเยียบ...เท่านี้ก็ดีเกินพอเพราะนางอยู่ใกล้ เลยหายห่วงไปได้มาก...เวลาเดียวกัน มี่ฮวาไม่ได้หลับไปอย่างที่ซีจงจวินคิดนางแอบมองเทพอสูรที่นอนขดตัวอยู่ไกลๆ คิดว่าให้นอนบนพื้นไม้เย็นๆแบบนั้น เขาคงหนาวเหมือนกันแต่จะให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียงก็น่ากลัวเกินไปมี่ฮวาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกเ
สุริยันสาดแสง ซีจงจวินในชุดเกราะเหล็กพร้อมทำงานกำลังยกสำรับขึ้นโต๊ะ โดยมีสัตว์อสูรเดินตามหลังเพื่อเรียนรู้การทำงาน"ทำไมนายท่านถึงทำกับข้าวเยอะขนาดนี้หรือขอรับ"อสรพิษธาราเอ่ยถามขณะมองจานสองใบในมือตัวเอง และอีกห้าใบในมือของผู้เป็นนาย ก็ในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน แต่นายท่านทำเผื่อเหมือนอยู่กันหกเจ็ดคน"ข้าอยากให้มี่ฮวาได้กินของดีมากๆไว้"เขาตอบขณะเรียงจานบนโต๊ะอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ก่อนหันมาตั้งเตาอุ่นน้ำชาเล็กๆข้างโต๊ะ"ของว่างตอนกลางวันอยู่ในครัว หากชากานี้หมดตอนเช้าก็ชงกาใหม่ให้มี่ฮวาด้วย""ชงอย่างไรหรือขอรับ"วิหควายุถาม ซีจงจวินจึงค่อยๆสอนพวกมันไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดตอนรับใช้ภรรยาเขา"ถ้านางตื่นสายแล้วสำรับพวกนี้เย็นชืด เจ้าก็เอาไปตั้งเตาอุ่นใหม่เสีย น้ำแกงเอาลงหม้อต้มอย่างละใบ อุ่นข้าวใช้หม้ออันนี้ จะผัดของก็อย่าใส่น้ำมันมากเกิน"ซีจงจวินพาบ่าวทั้งสองมาดูอุปกรณ์ในครัวอีกครั้งพร้อมอธิบายไปด้วย ก่อนจะเปิดเข่งหมั่นโถวนุ่มฟูให้เด็กน้อยดูเขาหยิบขึ้นมาสองลูก ส่งให้มันคนละลูก เด็กน้อยรับของร้อนในมือมาเป่าแล้วมองผู้เป็นนายตาแป๋ว"ถ้าหิวก็เอาสิ่งนี้ไปกิน แต่
ความเย็นชาของภรรยาไม่ได้ทำให้สามีจดจำสักนิด..วันนี้ดูเทพอสูรจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำกับข้าวไปก็ยังยิ้มไม่หุบจนซวนเฟยกับชิงเหลียงสงสัย"ทำไมวันนี้นายท่านถึงอารมณ์ดีนักหรือขอรับ" เจ้าครึ่งนกถาม"เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้" ซีจงจวินไม่ยอมบอก เพียงหันไปตักผัดผักใส่จานส่งให้เจ้าครึ่งงูเขากะเก็บไว้เป็นความลับ รอกระทั่งถึงตอนเย็นค่อยบอก..เมื่อคืนก่อน ในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนว่างโล่ง ตอนนี้มีเครื่องเรือนไม้วางตั้งทั้งตู้หนังสือ โต๊ะกว้างตรงกลางห้อง และตั่งยาวตรงข้างหน้าต่างจากนั้นก็ขนเอาของของมี่ฮวามาจัดใหม่ วางหนังสือเรียงเป็นระเบียบ ผืนผ้าหลากเนื้อหลายสีถูกพับเก็บเรียบร้อยในลิ้นชักเดียวกับอุปกรณ์เย็บปัก เครื่องเขียนถูกจัดวางบนโต๊ะครบครันจากการสังเกตมาสักพักรวมกับที่ถามจากเจ้าอสูรเด็กทำให้รู้ว่าตอนกลางวันมี่ฮวามักจะนั่งเย็บนู่นปักนี่ในห้องชมสวนหรือไม่ก็วาดรูปเขียนกลอน ส่วนตอนกลางคืนก็จะอ่านหนังสือในห้องนอนด้วยความอยากเอาใจ ซีจงจวินจึงแอบทยอยขนของของนางมาไว้ให้ และก็กะจะซื้อเพิ่มด้วยเขาชอบเวลาเห็นภรรยาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แม้จะเป็นงานเล็กๆน้อยๆฆ่าเวลาแต่คนมองก็ยังชุ่มชื่นหัวใจนอกจากนี้นางยั
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส