สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทน
แน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้น
เขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆ
ยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...
รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกิน
มองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!
...
เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้น
เจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้
เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง
...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสามก็คิดเช่นนั้น
ทางฝั่งเจ้าสาว แม่และพวกพี่สาวของนางไม่มีใครมีสีหน้ายินดีเลยสักคน แม้ว่าสินสอดที่ได้รับมาจะมีเป็นร้อยๆหีบก็ตาม
ซีจงจวินเป็นผู้รับใช้มหาเทพแต่กลับร่ำรวยมากเพราะทุกครั้งที่ทำความชอบมหาเทพก็จะประทานเงินทองสิ่งของล้ำค่าเป็นรางวัล
และด้วยเจ้าตัวเป็นคนไม่ค่อยใช้จ่ายอะไร ทรัพย์สินที่ได้มาตลอดแสนปีจึงไม่พร่องไปเท่าไหร่เลย
เจ้าบ่าวยืนรออยู่หน้าแท่นพิธีด้วยสีหน้ามีความสุขเกินจะเก็บไว้ได้ ต้องเผยยิ้มกว้างตาหยี มองเจ้าสาวของเขาค่อยๆเยื้องย่างเข้ามากราบไหว้ฟ้าดินด้วยกัน
มี่ฮวายืนข้างซีจงจวิน แม้สวมมงกุฎเจ้าสาวบนศีรษะแต่ความสูงก็ยังไม่ถึงไหล่เขา ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงมงคลปิดบังความงามของนางไม่ให้แม้แต่เจ้าบ่าวได้เห็น
..รวมถึงซ่อนสายตาประนามหยามเหยียด ยามที่ต้องหันมาคำนับให้กันด้วย..
พิธีจบลง ชุนหรงเซินประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาจึงจัดขบวนเกี้ยวเจ้าสาว เดินทางออกจากแผ่นดินอุดรไปยังเรือนของซีจงจวิน
ขบวนเกี้ยวเดินไปตามท้องถนน เหล่าเซียนตั้งแต่ระดับล่างถึงสูงออกมาดูกันเมื่อได้ยินเสียงวงดนตรีดังประโคมไปทั่วแผ่นดิน
ที่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวนั้น เจ้าบ่าวเดินนำหน้าวงดนตรี ข้างเกี้ยวสองฝั่งคือเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินเดินคุ้มกันให้วงนอกสุด ท้ายขบวนมีตงหลิงจวินเดินตามหลัง
ร่างกายใหญ่โตราวขุนเขาประกอบกับใบหน้าเหี้ยมเกรียมสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้พบเห็นสองข้างทาง แต่กระนั้นก็ยังทึ่งกับความอลังการของขบวนเกี้ยวนี้ไม่น้อยเลย
เพราะเหล่าเทพต่างรู้ดีว่าการที่เทพอสูรทั้งสี่จะทิ้งประตูสวรรค์มาเดินประกบสี่ทิศที่ขบวนเกี้ยวเช่นนี้ได้ นั่นจะต้องเป็นเพียงขบวนเกี้ยวขององค์มหาเทพเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะมันคือขบวนเจ้าสาวของหนึ่งในเทพอสูร ซึ่งนางผู้โชคดีคนนั้นก็คือบุตรีคนเล็กของเทพแห่งพฤกษา
เสียงผู้คนวิจารณ์ตามมาไม่ขาด แน่นอนว่าข่าวลือเรื่องเสียๆหายๆก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว จะมีก็แต่การคาดเดาไปต่างๆนานาว่าเหตุใดถึงจับพลัดจับผลูมาแต่งให้เทพอสูรได้
ดูจากขบวนเกี้ยวแปดคนหามนี่แล้ว เหล่าเทพต่างก็เข้าใจว่าการแต่งงานนี้ เพื่อยกระดับฐานะของตระกูล เพราะมีเขยเป็นถึงนักรบของมหาเทพ
ชุนหรงเซินรู้สึกยินดียิ่ง เพราะเขาตั้งใจทำให้ผู้คนคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว จะได้ไม่มีใครมาดูถูกลูกสาวของเขาอีก
และถึงมี ข่าวลือพวกนั้นก็จะไม่ไปกวนใจมี่ฮวาได้ เพราะเรือนของซีจงจวินอยู่ไกลเกินกว่าเหล่าเทพเซียนจะไปเยือน
...คนไม่รู้ จึงไม่ทุกข์...
..นั่นคือความคิดของชุนหรงเซิน..
ปกติจากวังของชุนหรงเซินถึงเรือนของซีจงจวิน ใช้เวลาเดินทางเพียงสองชั่วยามเท่านั้น แต่กับขบวนแห่ที่เคลื่อนที่ได้เพียงช้าๆเช่นนี้ กว่าจะถึงได้ก็ปาเข้าไปเกือบค่ำ
ที่หน้าเรือน เกี้ยวถูกวางลง เจ้าสาวถูกพาไปนั่งรอในห้องหอ
ปกติแล้วตอนค่ำจะต้องมีงานเลี้ยงฉลอง แต่ที่นี่ไม่มีเพราะชุนหรงเซินสั่งให้ทุกคนรีบกลับก่อนฟ้ามืด
รัตติกาลเคลื่อนคล้อย รอบคฤหาสน์เงียบสงัดอีกครั้งราวอยู่กลางป่าช้า หาใช่เรือนหอ
มี่ฮวานั่งบนเตียงของซีจงจวิน ซึ่งโปรยด้วยกลีบดอกไม้มงคล ธัญพืชห้าชนิด เชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตคู่สมรสรักกันมั่นคง มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
ริมฝีปากอิ่มแดงชาดแสยะยิ้ม ดวงตาฉายแววคับแค้นยามมองบุปผางามดอกหนึ่ง เหนือกลีบผกาทั้งมวล
จนถึงวันนี้ เขาก็ยังเฝ้าถนอมดอกไม้ดอกนี้อยู่อีกหรือ..
...โง่เง่า...
มี่ฮวาสบถด่าในใจ เป็นตัวนางที่โง่เอง หลงคิดว่าส่งมันมาไกลถึงเพียงนี้แล้วจะหนีพ้น
และก็เป็นซีจงจวินที่โง่งม หลงคิดว่านางยอมแต่งแล้วจะมีใจให้ จัดงานพิธีเสียใหญ่โตโดยเปล่าประโยชน์
เสียงบานประตูเลื่อนเปิด เจ้าบ่าวในอาภรณ์ลายเข้าคู่กันเดินมาหา
เพียงเขาหย่อนกายลงนั่งข้างๆ นางก็ขยับออกห่างก่อนสมองสั่ง ใจไม่เคยคิดอยากเข้าใกล้
บุรุษผู้นี้น่ารังเกียจนัก นอกจากหน้าตาที่หาได้น่ามองไม่แล้ว ฝีปากของเขาคงต้องร้ายกาจมาก ถึงขึ้นเป่าหูท่านพ่อของนางได้สำเร็จ
มือข้างหนึ่งของซีจงจวินยื่นเข้ามาใกล้ หมายจะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก
แต่มี่ฮวารู้สึกตัวก่อน นางผุดลุกขึ้นพรวด กระชากผ้าแดงที่คลุมหน้าตนออกอย่างไม่ไยดี หันมาประจันหน้ากับเจ้าบ่าว
มองสายตาที่จ้องเขม็งเต็มไปด้วยไอรังสีอันตรายของเทพธิดาตรงหน้าแล้วทำเอาตกใจไม่น้อย
เหตุใดนางถึงมีสีหน้าเช่นนั้นกัน...
"เป็นอะไรไปหรือ"
ได้ยินคำถามก็ยิ่งเจ็บใจ วันนั้นที่มาดูตัวเขายังพูดสุภาพกว่านี้มาก ตอนนี้แม้แต่จะเรียกนางอย่างสมเกียรติก็คงทำไม่ได้แล้วสินะ
"ก็คงเป็นคนใต้อำนาจเจ้ากระมัง"
น้ำเสียงประชดประชันชัดเจน ซีจงจวินรู้แล้วว่านางโมโห เพราะสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนกับวันนั้นได้
"ท่านโมโหสิ่งใด บอกข้ามาเถิด"
ซีจงจวินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม ซึ่งมี่ฮวามองว่ามันเป็นการข่มขู่ เพราะธรรมชาติเสียงเขาฟังดูดุเข้มน่ากลัวเช่นนั้น
"เจ้าคิดว่าบังคับให้ข้าทำอะไรแล้วข้าก็จะทำตามใจเจ้าทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ไม่มีวันเสียหรอก!"
"ข้าไม่เคยบังคับอะไรท่านเลย เพียงแต่ท่านชุนหรงเซินเคยบอกไว้ว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วต้องคุยกันให้มากจึงจะเข้าใจกันได้"
ได้ยินคำว่าสามีภรรยา มี่ฮวาก็ยิ่งเดือดดาล คำธรรมดาคำนี้ทำให้หัวใจนางเต็มไปด้วยไฟร้อนรุ่ม โกรธจนไม่ว่าสิ่งใดก็ขัดหูขัดตาไปหมด
"ข้าไม่เคยคิดจะเป็นของเจ้า! จำใส่สมองอันด้อยเขลาของเจ้าไว้ด้วย!!"
ว่าเสร็จ เจ้าสาวก็ทำท่าจะเดินหนีไป แต่ถูกเจ้าบ่าวจับเอาไว้เสียก่อน
"ท่านจะไปไหน"
"ไปให้พ้นจากที่นี่ ห้องนี้ทำให้ข้าจะอ้วก!"
ซีจงจวินรั้งไว้ หาใช่โกรธที่ถูกว่า แต่ไม่อยากให้นางออกจากห้องหอในคืนนี้เท่านั้น
"ท่านไม่สบายหรือ"
คราวนี้มือของซีจงจวินลูบคลำตามหน้าตามตัวของมี่ฮวาเพื่อดูอาการ ได้ยินนางบอกว่าอยากอาเจียนเขาจึงกลัวว่านางจะเป็นอะไร
กลับกัน มี่ฮวาขยะแขยงสัมผัสจากมือมากมายเหล่านั้น พยายามดิ้นหนีสุดแรง ปากก็สาดคำด่าทอไม่ยั้ง
"ปล่อยข้านะ! อย่าเอามือโสโครกของเจ้ามาจับข้า ไอ้เทพชั้นต่ำอัปมงคล!!!"
ซีจงจวินผงะรีบปล่อยมือทันที รู้ตัวแล้วว่าสาเหตุที่นางมีอาการเช่นนี้ต้องเป็นเพราะเขาแน่
"ท่านไม่พอใจตรงไหนบอกข้าเถิด ข้าจะได้แก้ไข"
ได้ยินแล้วมี่ฮวากระตุกยิ้มมุมปาก เงยหน้าสบตาซีจงจวินที่สายตาเต็มไปด้วยความหวัง แต่สำหรับนาง มันกลับน่าชิงชังเสียเหลือเกิน
ฝ่ามือขาวนวลพุ่งไปคว้าเอาผ้าคลุมเตียงที่โรยด้วยพืชมงคลทั้งหลาย กระชากออกอย่างแรงจนกลีบดอกไม้และเมล็ดพันธุ์ร่วงหล่นกระจายเต็มพื้น
ดอกไม้ที่นางเนรมิตขึ้นและได้เขาคอยเฝ้าถนอม บัดนี้ชีวิตแสนสั้นของมันได้จบลงแล้วที่พื้นข้างเตียง...
ไม่เพียงเท่านั้น ไหสุรามงคลที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงก็ถูกปัดตกแตกเสียหาย น้ำสุราไหลเจิ่ง
"ข้าไม่ชอบทุกสิ่ง! ข้าเกลียดการสมรสครั้งนี้ แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็คลื่นเหียน แม้แต่เสียงของเจ้าก็ทำให้ข้าปวดประสาท เท่านี้เข้าใจหรือไม่!!"
ดีที่ในห้องนี้ไม่มีของสิ่งใดอีกนอกจากเตียงกับโต๊ะหัวเตียง มี่ฮวาเลยอาละวาดไม่ได้มาก แต่นั่นก็พอจะทำให้ซีจงจวินรับรู้ถึงระดับความรุนแรงของอารมณ์นาง
เขาทำให้นางไม่พอใจ.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เมื่อเห็นว่าของมงคลพังไปหมดแล้ว มี่ฮวาก็เตรียมจะก้าวขาเดินออกจากห้องไป ตอนนั้นเองซีจงจวินลืมตัว รีบเข้ามาอุ้มตัวนางลอยขึ้นสูง
มือข้างหนึ่งเสกให้เศษแก้วและเศษซากพืชที่พื้นหายไปจนหมดแล้วค่อยวางมี่ฮวาลง
หากภรรยาได้แผลในคืนเข้าหอ เขาคงรู้สึกไม่เป็นมงคลกับชีวิต..
ส่วนทางเจ้าสาวชุดยาวได้แต่จ้องตาค้างกับการกระทำนั้น
...นี่เขาไม่รู้สึกอะไรกับคำที่นางพูดไปเลยหรือ...
ถูกว่าตั้งขนาดนั้น ยังมีกะใจมาห่วงว่านางจะโดนเศษแก้วบาดอีก
คราวนี้มี่ฮวาเหลืออดแล้ว นางหันหลังจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่ซีจงจวินก็จับตัวเอาไว้อีกครั้ง
"เจ้าจะทำอะไรข้าอีก! ไม่เห็นหรือว่าข้ารังเกียจเจ้ามากขนาดไหน เจ้ามันโง่หรือเห็นแก่ตัวกันแน่!!"
"ขออภัยด้วย แต่ต่อให้ท่านว่าข้ามากขนาดไหนข้าก็ปล่อยไม่ได้หรอก วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา คงไม่ดีถ้าคู่บ่าวสาวไม่ได้อยู่ในห้องด้วยกัน"
มี่ฮวากัดฟันกรอด อยากจะหันไปทำร้ายเขา แต่ด้วยกรงเล็บที่จับนางไว้ รวมกับฝ่ามือเขาใหญ่กว่าใบหน้านาง เกรงว่าหากซีจงจวินเกิดโทสะขึ้นมา มี่ฮวาอาจจะตายได้
นางหยุดดิ้น ถอนหายใจเพื่อสยบความร้อนในอารมณ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ไม่ใช่การตวาดเสียงแหลมดังเช่นเมื่อครู่
"ปล่อยข้า"
"ข้าทำอะไรไม่ถูกใจท่านหรือ บอกให้แจ้งสักหน่อยได้หรือไม่ หากท่านอยากให้ปรับปรุงตรงไหนข้าจะทำทั้งหมด ขอแค่ไม่ออกจากห้องนี้ไปได้หรือไม่"
"เช่นนั้นก็ปล่อยข้า แล้วข้าจะยอมพูดด้วย"
ซีจงจวินปล่อยมือทันทีเมื่อนางบอกว่าจะยอมคุยด้วย มี่ฮวาหันมาประจันหน้ากับเขาอีกหน
"เจ้าบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างใช่หรือไม่"
"ขอแค่คืนนี้อยู่ในห้องกับข้า ต้องการสิ่งใดขอให้บอกมาเถิด"
ได้ยินดังนั้น มี่ฮวาแสยะยิ้มให้เขาครั้งหนึ่ง
...เจ้าพูดเองนะ...
******
1 จั้ง เท่ากับ 2.5 เมตร
"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
เกือบสองเดือนแล้วที่ซีจงจวินออกไปทำงานสายทุกวัน เพราะมัวแต่นั่งรอจะกินข้าวพร้อมภรรยาอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะมี่ฮวาไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วในใจมี่ฮวาชิงชังซีจงจวินเพราะเขาคืออสูรอัปลักษณ์ ร่างกายอันแปลกพิลึกนั่นไม่มีส่วนไหนน่าดูสักนิดที่สำคัญคืออสูรอัปลักษณ์ตนนั้นไม่เคยเจียมตัว คิดไขว่คว้าบุปผาสวรรค์มาเชยชม เพราะหลงเพียงเปลือกที่หุ้มตัวนางไว้ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยบิดาจากวิญญาณร้ายแล้วยังให้สุราสวรรค์มาวันนั้นเป็นซีจงจวิน มี่ฮวาก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นในอกคงกะให้ท่านพ่อติดหนี้บุญคุณสักหลายอย่าง แล้วค่อยเอ่ยขอลูกสาวมาเป็นเมียสินะ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์!นางทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าก่นด่าเขาวันละพันหน กับไม่ให้เขาเข้ามาใกล้นางมากนักอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าหากผ่านไปนานกว่านี้อีกสักเดือนแล้วนางยังมีท่าทีรังเกียจอยู่ เขาจะทำอย่างไรแต่อสูรชั่วช้าเช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า.. นอกจากบังคับขืนใจนาง ให้ร่วมรักอย่างวิปริตผิดแปลกมองปราดเดียวก็รู้ สายตาที่เขาส่งมามักจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ใคร่อยากจะแนบกายเกยชิดคนอยู่ว่างๆเอาแต่นั่งมองสวนดินอันว่างเปล่าที่ชวนให้รำคาญตา ระหว่างนั้นก็มีเสียงหน
เช้าวันถัดมา หลังจากซีจงจวินออกไปทำงานได้สักพักมี่ฮวาเริ่มเดินสำรวจรอบบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ที่บิดาให้ไว้มาเพาะแต่ก่อนอื่นต้องแก้ดินเสียก่อน เพราะมันแห้งจนไม่สามารถปลูกอะไรได้เพียงวาดแขนหนเดียว พื้นดินก็ชุ่มชื้นขึ้น เมล็ดพืชถูกหว่านวาง งอกเงยออกดอกเบ่งบานนางให้ต้นเหมยกับดอกโบตั๋นขึ้นตรงห้องที่มีประตูเปิดออกมาชมสวน สร้างเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสวยงามการจัดสวนสร้างความเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบค่ำเสียแล้ว เมื่องานเสร็จนางไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งรอซีจงจวินกลับบ้านยามนี้พระอาทิตย์ได้จากท้องฟ้าไปนานแล้ว..การรอคอยทำให้เกิดโทสะเพราะมันเลยเวลามาตั้งหนึ่งชั่วยาม เทพอสูรก็ยังไม่ยอมกลับมารับใช้นางสักทีจนเข้ายามซวี ประตูหน้าบ้านถึงเปิดออกซีจงจวินกลับถึงบ้านในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้าที่นัก ที่แขนซ้ายมีแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์อสูรฝากไว้ เลือดไหลซึมไม่มากมี่ฮวารู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงเดินกอดอกเชิดหน้าหมายจะเข้ามาหาเรื่องแต่พอเห็นสภาพซีจงจวินที่เหมือนพึ่งไปรบ สมองก็ตื้อไปครู่หนึ่งเสียอย่างนั้น"ไปไหนมา""ข้าไปทำงานไถ่โทษมา"ฟังแล้วมี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำงานไถ่โทษทำ
คืนนั้นมี่ฮวากลับเข้ามานอนในห้องของซีจงจวิน ความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเช่นกันและเดินทางเข้าสู่ห้วงฝัน..ใต้ท้องฟ้าสีหม่นมัวที่ฝนปรอยลงมา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดูไม่คุ้นเคย ตัวนางยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกาย..เป็นชายผู้หนึ่งไม่รู้เหตุใดนางถึงเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด..และเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางฟังไม่ถนัดเลย.."ท่านเป็นใคร"คำถามนั้นได้รับการตอบกลับ แต่นางฟังไม่ออก ยามชายผู้นั้นยื่นมือมาลูบหัว น่าแปลกที่มี่ฮวาไม่ขยับหนีแม้ในความฝันจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่นางกลับได้รับไออุ่นท่ามกลางสายฝนมาเต็มหัวใจ"ข้าคิดถึงท่าน"ไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม แต่ความรู้สึกด้านในมันบอกมาเช่นนั้นชายผู้นั้นโอบกอดนาง เนิ่นนานเหลือเกิน..และนางเองก็รู้สึกเหมือนอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป.....เสียงวิหคขับขาน บอกเวลาที่มันตื่นและโผบินออกจากรังเปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ กายของซีจงจวินล้าจนขยับแทบไม่ไหว แต่จำต้องฝืนลุกเพราะห่วงเตรียมสำรับให้ภรรยาเมื่อลุกขึ้นนั่งก็พบว่าบนตัวมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าทำแผลเสร็จก็นอนไปบนพื้นเย็นๆทั้งอย่างนั้น...พลันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบ
มี่ฮวาอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าห้องแต่ฝ่าเท้าหยุดชะงักเมื่อนางเปิดประตูและภาพวิญญาณเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวมันน่ากลัว จนไม่กล้านอนคนเดียวอีก..."นี่"มี่ฮวาหันไปเรียกเทพอสูรที่ยืนรอส่งนางเข้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม"คืนนี้ข้าจะนอนในห้องเจ้า เจ้านอนที่พื้นเหมือนคืนนั้น"แล้วนางก็เดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ถัดไป ซีจงจวินได้แต่มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง..คิดว่ามี่ฮวาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น..เช่นนั้น.. หากแขนเขาขาดไปอีกสักข้าง นางจะยอมพูดด้วยหรือเปล่า..ซีจงจวินทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเฉือนแขนทิ้งหรอก เท่านี้ก็เจ็บเกือบตายแล้วเขาหอบเสื้อผ้าออกไปอาบน้ำในป่าเหมือนเดิม แล้วจึงกลับเข้ามานอนที่มุมหนึ่งในห้องหลังจากเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน คืนนี้ซีจงจวินหลับสนิทแม้จะนอนบนพื้นแข็งเย็นเยียบ...เท่านี้ก็ดีเกินพอเพราะนางอยู่ใกล้ เลยหายห่วงไปได้มาก...เวลาเดียวกัน มี่ฮวาไม่ได้หลับไปอย่างที่ซีจงจวินคิดนางแอบมองเทพอสูรที่นอนขดตัวอยู่ไกลๆ คิดว่าให้นอนบนพื้นไม้เย็นๆแบบนั้น เขาคงหนาวเหมือนกันแต่จะให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียงก็น่ากลัวเกินไปมี่ฮวาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกเ
สุริยันสาดแสง ซีจงจวินในชุดเกราะเหล็กพร้อมทำงานกำลังยกสำรับขึ้นโต๊ะ โดยมีสัตว์อสูรเดินตามหลังเพื่อเรียนรู้การทำงาน"ทำไมนายท่านถึงทำกับข้าวเยอะขนาดนี้หรือขอรับ"อสรพิษธาราเอ่ยถามขณะมองจานสองใบในมือตัวเอง และอีกห้าใบในมือของผู้เป็นนาย ก็ในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน แต่นายท่านทำเผื่อเหมือนอยู่กันหกเจ็ดคน"ข้าอยากให้มี่ฮวาได้กินของดีมากๆไว้"เขาตอบขณะเรียงจานบนโต๊ะอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ก่อนหันมาตั้งเตาอุ่นน้ำชาเล็กๆข้างโต๊ะ"ของว่างตอนกลางวันอยู่ในครัว หากชากานี้หมดตอนเช้าก็ชงกาใหม่ให้มี่ฮวาด้วย""ชงอย่างไรหรือขอรับ"วิหควายุถาม ซีจงจวินจึงค่อยๆสอนพวกมันไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดตอนรับใช้ภรรยาเขา"ถ้านางตื่นสายแล้วสำรับพวกนี้เย็นชืด เจ้าก็เอาไปตั้งเตาอุ่นใหม่เสีย น้ำแกงเอาลงหม้อต้มอย่างละใบ อุ่นข้าวใช้หม้ออันนี้ จะผัดของก็อย่าใส่น้ำมันมากเกิน"ซีจงจวินพาบ่าวทั้งสองมาดูอุปกรณ์ในครัวอีกครั้งพร้อมอธิบายไปด้วย ก่อนจะเปิดเข่งหมั่นโถวนุ่มฟูให้เด็กน้อยดูเขาหยิบขึ้นมาสองลูก ส่งให้มันคนละลูก เด็กน้อยรับของร้อนในมือมาเป่าแล้วมองผู้เป็นนายตาแป๋ว"ถ้าหิวก็เอาสิ่งนี้ไปกิน แต่
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส