คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไห
เขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็ว
อย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!
เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมา
แม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคน
มี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ
"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"
เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข"
"แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ"
"เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"
เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..
ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่ง
มี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลย
คนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร้แสงไร้เสียง ราวกับที่นี่ไร้ผู้คน ครึ่งก้านธูปต่อมาจึงปรากฏเงาร่างของตัวอะไรสักอย่างคล้ายสัตว์ใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
มี่ฮวาเริ่มกลัว นางตัวสั่นเทายืนอยู่หลังบิดา กระทั่งร่างที่ลงมาจากท้องฟ้าสีดำมาหยุดยืนอยู่หน้าทั้งสอง
เซียนสตรีทำตาโต เผลอส่งเสียงร้องเบาๆด้วยความตกใจ ทว่าเมื่อหันไปมองหน้าชุนหรงเซิน เขากลับส่งยิ้มเป็นมิตรให้อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
"ท่านชุนหรงเซิน"
เทพอสูรประสานมือทั้งหก ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาคนเดียว
ในความมืดมิด ตาของซีจงจวินไม่ได้ทำงานแย่ลง เขามองเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นใคร
นางคือเซียนบุปผาผู้นั้น...
แม้นางจะไม่เคยมองหน้าสบตากันตรงๆเลย ไม่ว่าจะครั้งนั้นที่หน้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ หรือตอนนี้ที่หน้าเรือนของเขาก็ตาม
..ก็ยังเป็นเขาที่จดจำฝังจิต ไม่คิดลืม..
"นี่ลูกสาวข้า มี่ฮวา วันนี้เราสองพ่อลูกต้องรบกวนท่านแล้ว"
"หาใช่เรื่องใหญ่ขอรับ เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อน"
ซีจงจวินผายมือขวาสามข้างให้ เดินนำเข้าไปในเรือน พลันตะเกียงไฟทั่วเรือนที่มืดสนิทมีแสงส่องสว่างขึ้นเอง
มี่ฮวารั้งแขนเสื้อของพ่อเอาไว้ ด้วยไม่ไว้วางใจบุรุษผู้นั้น
"อย่าห่วงเลยมี่เอ๋อร์ เขาไม่ทำอะไรหรอก เข้าไปด้านในกันเถิด"
ชุนหรงเซินจับมือลูกบีบเบาๆ สุดท้ายมี่ฮวาที่ยืนตัวสั่นอยู่ต้องค่อยๆก้าวขาตามไปบ้าง ระหว่างนั้นก็ขบคิดไม่หยุดว่าเหตุใดบิดาถึงพานางมาที่นี่
..กระทั่งฝ่าเท้าขาวเรียวก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามา มี่ฮวาก็ต้องชะงักค้างไปทันที
...กลิ่นนี้ นางจำได้
บิดายืนยิ้มอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเทพอสูรที่ทำหน้างงอยู่ข้างกัน
"มี่เอ๋อร์ จำกลิ่นนี้ได้หรือไม่"
เสียงของชุนหรงเซินแทบไม่เข้าหัวนางเลย กลีบปากสีชมพูอ่อนสั่นระริกยากจะควบคุม
...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...
มี่ฮวาพลันได้สติขึ้นมา พุ่งทะยานผ่านหน้าทั้งสองเข้าไปด้านใน ตามกลิ่นหอมแรงจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง
มือเลื่อนเปิดบานประตู และสิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบศีรษะนางจนตื้อ
ดอกไม้ของนาง..อยู่บนเตียงใครไม่รู้...
มันยังคงเบ่งบานงดงาม ไม่มีรอยช้ำ กระจายกลิ่นหอมฟุ้งแม้อยู่มาหลายวันโดยไม่มีสิ่งใดหล่อเลี้ยงชีวิต
ใบหน้าขาวยิ่งซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังตามมาด้านหลัง
"ท่านมีธุระอะไรกับห้องนอนข้าหรือขอรับ"
มี่ฮวาหันมองคนพูด ดวงตาสีเขียวหยกจ้องสบกับดวงแก้วสีทองสว่างวาววับในลูกตาสีดำสนิท
เทพอสูรผู้นี้ นำดอกไม้ของนางมาไว้ในห้องได้อย่างไร!!!
"นี่มันอะไรกัน!!"
มี่ฮวาหันไปถลึงตามองบิดาสลับกับเจ้าเรือนด้วยแรงโทสะพลุ่งพล่านทันที จนชุนหรงเซินต้องรีบปราม
"เจ้าก็เห็นอยู่ว่าดอกไม้ของเจ้าอยู่ที่นี่ ในห้องของซีจงจวินผู้นี้ จะหมายความอย่างไรได้อีกเล่า"
คราวนี้ซีจงจวินงงหนักกว่าเดิม ดอกไม้นี้มันทำไมอย่างนั้นหรือ
"เจ้า!! เหตุใดมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!?"
คราวนี้มี่ฮวาลืมความกลัวจนหมดสิ้น นางหันไปขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินพร้อมกับชี้ไปที่เตียงหลังนั้นแทน
แต่คนถูกถามหาได้รับรู้อารมณ์ถึงฉุนเฉียว เขากะพริบตามองนางอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงพูดเสียงดังเช่นนั้น
"สงบใจลงก่อนมี่เอ๋อร์ อย่าได้ทำตัวเสียมารยาทเช่นนั้น" ชุนหรงเซินปรามลูกสาวก่อนหันมาหาซีจงจวิน "เรามาค่อยๆคุยกันที่ห้องรับรองดีหรือไม่"
ได้ยินแล้ว เจ้าของเรือนยอมเปิดทางให้ เดินนำไปยังอีกห้องไม่ไกลกันนัก
"เชิญขอรับ"
สุดท้ายมี่ฮวายอมข่มความขุ่นเคืองไว้ เดินตามมานั่งบนเบาะที่จัดไว้ข้างชุนหรงเซิน แต่ก็ยังไม่วายตวัดหางตาค้อนใส่เทพอสูรแมงป่องยักษ์
ซีจงจวินก็มองกลับเช่นกัน แต่สายตาเขาหาได้มีความหมายอื่นใดนอกจากหลงใหล ราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
"เจ้ามองอะไรนักหนากัน!!"
ซีจงจวินไม่ได้รับรู้ว่านางกำลังโกรธ คิดว่านางถามคำถามจึงตอบไปเฉยๆ
"เพราะท่านงามมาก ข้าจึงมองขอรับ"
คราวนี้คนฟังหน้าขึ้นสี หาใช่เขินอายแต่เป็นโกรธจัด
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง เขาก็รีบเอ่ยถามต่อด้วยความเป็นห่วงทันที
"ร่างกายท่านไม่แข็งแรงหรือขอรับ ไยหน้าแดงคล้ายไข้จับเช่นนั้น หรือเพราะท่านตะโกนมากไปขอรับ"
"นี่เจ้า!!"
มี่ฮวาถลึงตาจ้องซีจงจวิน กระฟัดกระเฟียดด้วยนึกว่าเขาตั้งใจพูดยียวน
"เอาล่ะๆ มาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่านะ"
เสียงชุนหรงเซินเอ่ยห้ามทัพอีกครั้ง มี่ฮวาจึงยอมนั่งลงเฉยๆทั้งที่มือจิกกำ ขยำชุดกระโปรงจนยับย่น
"ที่พ่อให้เจ้ามาที่นี่วันนี้ด้วย เจ้าคงรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร เช่นนั้นพ่อจะไม่ถามให้มากความอีก เพียงจะพามาดูตัวเจ้าบ่าวเท่านั้น"
!!!!
มี่ฮวาตะลึงตกใจราวหัวใจจะหลุดออกมา นางหันขวับมองบิดาทันที ก่อนเริ่มเปิดปากว่าเสียงดังขึ้นอีก
"นี่ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งให้เจ้านี่จริงๆหรือ!!?"
สรรพนามที่เรียกช่างหยาบคาย มี่ฮวาเผลอสะบัดมือชี้หน้าซีจงจวินด้วย
ส่วนคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นั้นไม่ได้ถือสาอะไร เพียงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
"ท่านชุนหรงเซิน... หมายความว่าอย่างไรขอรับ"
"ซีจงจวิน ท่านคงไม่รู้ว่าดอกไม้ที่ท่านเก็บได้เมื่อคืนก่อนเป็นดอกไม้ที่มี่ฮวาลูกสาวข้าเสกขึ้นมาเพื่อจะใช้ในงานเลือกเจ้าบ่าวของนาง"
ชุนหรงเซินเริ่มเล่าเรื่อง ตอนนั้นมี่ฮวาพยายามจะเอ่ยขัดแต่ก็ต้องถูกบิดาหันมาทำสายตาดุใส่เพื่อให้นางสงบปากสงบคำ
"กติกามีอยู่ว่าผู้ที่หามันเจอและพากลับมาคืนได้โดยไม่ทำให้ดอกไม้เสียหายจะได้นางไปเป็นชายา ...ซึ่งตอนนี้ ท่านถือว่าผ่านการทดสอบนั้นแล้ว ข้าจึงพานางมาดูตัวและตกลงกันเรื่องพิธีแต่งงาน"
ซีจงจวินฟังแล้วก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ต่างจากมี่ฮวาที่เมื่อได้ยินคำว่าพิธีแต่งงานก็ระงับโทสะไว้ไม่อยู่
"ข้าไม่แต่ง!! เขาไม่ได้นำดอกไม้มามอบให้ข้าในคืนนั้นสักหน่อย ท่านพ่อจะมาบังคับข้าเช่นนี้ไม่ถูกนะเจ้าคะ"
"ก็ใครใช้ให้เจ้าเสกให้มันมาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่นี่กันเล่า! เจ้าแสร้งไม่เห็นผิด บิดคำพูดเช่นนี้ ไม่อายบ้างหรือมี่เอ๋อร์!!"
"ข้าหาได้บิดพลิ้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้จบตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่แต่งก็คือไม่แต่งเจ้าค่ะ!!!"
มี่ฮวาลุกขึ้นยืนค้านหัวชนฝา นางกัดฟันพูดทั้งที่ยังจ้องบิดาตาไม่กะพริบ ทางฝั่งชุนหรงเซินเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเช่นกัน
แต่ตอนนั้นเอง.. ซีจงจวินไม่ได้ฟังเลยว่าทั้งสองพูดสิ่งใดกันบ้าง สติเขาเลื่อนลอยหลุดไปตั้งแต่ตอนที่ชุนหรงเซินบอกว่าเขาจะได้เป็นเจ้าบ่าวของมี่ฮวา
เซียนสตรีแสนงามผู้นี้..กำลังจะแต่งให้เขา...
ต้องเป็นอะไรที่ดีมากแน่...
ในใจซีจงจวินรู้สึกเบาหวิว ราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงมนตราพิศวง
ดวงตากะพริบขึ้นลงช้าๆ มองดวงหน้างามขึ้นสี ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่ซีจงจวินเป็นห่วงเหลือเกินว่านางจะป่วยไข้
มือข้างหนึ่งในหกข้างนั้นจึงถือวิสาสะ ยื่นไปสัมผัสเบาๆที่แก้มนางโดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินใดๆ
"..."
ทันทีที่นิ้วเขาโดนผิวเนื้อนุ่ม ทุกอย่างหยุดชะงัก มี่ฮวาพึ่งรู้สึกตัว เลื่อนสายตามามองเขาเช่นเดียวกับชุนหรงเซิน
"ท่านไม่ได้ป่วยจริงๆใช่ไหมขอรับ"
"..."
"ท่านกระหายน้ำหรือไม่ขอรับ หรือหากท่านร้อนข้าจะไปหาพัดมาให้"
มี่ฮวาได้แต่อ้าปากค้าง พูดไม่ออก ว่าไม่ได้ ราวกับนางหาเสียงตัวเองไม่เจอ
สายตาของซีจงจวินหวานละไม เต็มไปด้วยความห่วงใยจากใจจริง นั่นทำให้ชุนหรงเซินถึงกับลืมความโมโหที่มีต่อบุตรสาวไปชั่วขณะทีเดียว
"นางหน้าแดงเพราะโมโหน่ะซีจงจวิน"
เขาอธิบาย นั่นทำให้ซีจงจวินยอมผละมือออก หันมามองชุนหรงเซินด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนหันหน้าไปหามี่ฮวาอีกครั้ง
"ท่านโมโหสิ่งใดหรือขอรับ"
!!!!!
"ยังจะมีหน้ามาถามอีก! ข้าก็โมโหเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าเทพอสูรอัปลักษณ์!!!"
มี่ฮวาถึงกับตวาดลั่น พร้อมทั้งชี้หน้าซีจงจวินอย่างเหลืออด
ไม่รู้เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้โง่เง่านัก แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก!!
เทพอสูรอึ้งเล็กน้อย แม้จะชินเสียแล้วที่ถูกมองว่าน่าเกลียดน่ากลัว ทว่าพอถูกนางว่าตรงๆเช่นนี้ หัวใจที่ไม่เคยสั่นไหวก็กลับบีบรัดจนเจ็บอก
"ข้าทำสิ่งใดให้ท่านโมโหหรือขอรับ"
"หึ! โง่เง่าต่ำช้าสิ้นดี! เจ้าเก็บดอกไม้นั่นมาคงคิดว่านำเรื่องไปบอกท่านพ่อแล้วข้าจะยอมแต่งให้เช่นนั้นสินะ ฝันไปเถิดข้าไม่แต่ง!! ต่อให้เจ้าหลอกล่อ ป้อยอท่านพ่อจนน้ำลายหมดปากข้าก็ไม่แต่ง!!!"
นางประกาศกร้าวก่อนจะวิ่งออกไปทันที
ประหลาดเหลือเกินที่คำของมี่ฮวาทำให้ซีจงจวินเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ
..แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
..ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตนเผลอทำสีหน้าแบบไหนออกมา...
...เหตุใดนางต้องด่าทอเขาด้วย เขาทำสิ่งใดผิดหรือ...
ชุนหรงเซินมองซีจงจวินแวบหนึ่งก่อนวิ่งตามลูกออกมา
..มีหลายสิ่งผิดจากที่เขาคาดคิดไปมาก
อย่างแรกคือไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักจะหาญกล้าถึงเพียงนี้ หากเป็นผู้อื่นอย่าว่าแต่สตรีเลย แม้แต่เซียนบุรุษก็ยังหวาดกลัวอำนาจเทพอสูร ไม่อาจมายืนชี้หน้าด่าปาวๆเช่นนี้หรอก
และอีกข้อที่คิดไม่ถึง คือซีจงจวินอ่อนโยนกับมี่ฮวามากนัก สายตาของเทพอสูรไร้ความแค้นเคืองใดๆแม้ถูกว่าไปขนาดนั้น
ที่หน้าเรือน ชุนหรงเซินจับข้อมือบุตรสาวเอาไว้ กลัวนางจะวิ่งออกไปถึงป่าแล้วจะได้รับอันตราย
"กลับไปคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะมี่เอ๋อร์!"
"ไม่! ท่านพ่อไม่ฟังความต้องการของข้า ไม่ฟังหัวใจของข้าเลย! ท่านไม่คิดหรือว่าหากต้องมาอยู่ที่นี่กับบุรุษคนนั้นข้าจะต้องทุกข์ใจขนาดไหน ไม่คิดหรือว่าข้าจะต้องทนกับคำครหาอีกมากเท่าใด ท่านไม่คิดเลยหรือ!!!"
หลังฟังจบ สายตาที่ส่งไปให้บุตรสาวหาใช่ความโกรธ แต่เป็นความอบอุ่นที่แฝงมาพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
"พ่อคิดดีแล้ว.. คิดดีแล้วจริงๆมี่เอ๋อร์ พ่อรักเจ้าขนาดนี้ ถึงได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า ซีจงจวินเป็นคนดีมากจริงๆ และพ่อเชื่อว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขได้แน่"
ชุนหรงเซินเริ่มคลายมือที่กุมข้อมือลูกออก แล้วเปลี่ยนเป็นลูบหัวนางเบาๆ
"ลูกรู้หรือไม่ว่าที่นี่ที่ไหน ที่นี่คือชายแดนแผ่นดินใหญ่ซึ่งติดกับแดนประจิม ลูกเห็นหรือไม่ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครจะมาพูดนู่นพูดนี่ให้ลูกรำคาญหูอีก ที่ตรงนี้จะเป็นเหมือนโลกอีกใบ มีแค่เจ้าและสามีเพียงสองคน ไร้ปัญหา ไร้ทุกข์ มีแต่สุขตลอดกาล"
มี่ฮวาใจอ่อนยวบ น้ำตารื้นท่วมเมื่อได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น นางส่ายหน้ารัวไม่อยากจะยอมรับ
"เชื่อพ่อสักครั้งเถิดมี่เอ๋อร์ แล้วลูกจะเข้าใจเองว่าสิ่งที่พ่อทำไปนั้นมันเพื่อตัวลูกทั้งหมด"
"ลูกไม่อยากแต่งกับคนน่ากลัวเช่นนั้น ลูกไม่ไว้ใจเขา แค่ได้ยินเสียงก็สั่นผวาแล้ว ท่านพ่อได้โปรดช่วยลูกด้วย" มี่ฮวาซบอกพ่อ ปล่อยน้ำตาร่วงหล่นเป็นสาย
น้ำตานั้นเกิดความความเสียใจ...
เสียใจที่พ่อเลือกสามีอัปลักษณ์ให้...
"มี่เอ๋อร์ คนเราดูกันแค่เพียงเปลือกไม่ได้หรอกนะ จิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ลูกอยู่กับซีจงจวินไปก็จะเห็นเอง พ่อมั่นใจว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขมากๆ ลืมเรื่องวุ่นวายที่แดนอุดร ลืมคำพูดปรามาสถากถาง ลืมคนที่ทำให้ลูกต้องเป็นเช่นนี้เสียเถิด"
..เทพอสูรตนนั้น จะทำให้นางมีความสุขได้จริงหรือ...
สาวน้อยเงยหน้าขึ้น ร้องไห้เสียจนหน้าที่เคยสะสวยไม่น่ามอง แต่บิดาก็ยังเช็ดน้ำตาให้
"แล้วหากมันไม่เป็นอย่างที่ท่านพ่อพูดล่ะเจ้าคะ"
"หากลูกอยู่แล้วไม่มีความสุข เช่นนั้นพ่อก็จะมารับกลับบ้าน แต่อย่างน้อยก็ลองอยู่ไปก่อนสักครึ่งปีเป็นอย่างไร"
สุดท้ายแล้ว คำของชุนหรงเซินก็ทำให้ต้องใจอ่อน ยอมลงให้ในที่สุด
ครึ่งปีต่อจากนี้...จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ
สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า
"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
เกือบสองเดือนแล้วที่ซีจงจวินออกไปทำงานสายทุกวัน เพราะมัวแต่นั่งรอจะกินข้าวพร้อมภรรยาอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะมี่ฮวาไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วในใจมี่ฮวาชิงชังซีจงจวินเพราะเขาคืออสูรอัปลักษณ์ ร่างกายอันแปลกพิลึกนั่นไม่มีส่วนไหนน่าดูสักนิดที่สำคัญคืออสูรอัปลักษณ์ตนนั้นไม่เคยเจียมตัว คิดไขว่คว้าบุปผาสวรรค์มาเชยชม เพราะหลงเพียงเปลือกที่หุ้มตัวนางไว้ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยบิดาจากวิญญาณร้ายแล้วยังให้สุราสวรรค์มาวันนั้นเป็นซีจงจวิน มี่ฮวาก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นในอกคงกะให้ท่านพ่อติดหนี้บุญคุณสักหลายอย่าง แล้วค่อยเอ่ยขอลูกสาวมาเป็นเมียสินะ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์!นางทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าก่นด่าเขาวันละพันหน กับไม่ให้เขาเข้ามาใกล้นางมากนักอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าหากผ่านไปนานกว่านี้อีกสักเดือนแล้วนางยังมีท่าทีรังเกียจอยู่ เขาจะทำอย่างไรแต่อสูรชั่วช้าเช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า.. นอกจากบังคับขืนใจนาง ให้ร่วมรักอย่างวิปริตผิดแปลกมองปราดเดียวก็รู้ สายตาที่เขาส่งมามักจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ใคร่อยากจะแนบกายเกยชิดคนอยู่ว่างๆเอาแต่นั่งมองสวนดินอันว่างเปล่าที่ชวนให้รำคาญตา ระหว่างนั้นก็มีเสียงหน
เช้าวันถัดมา หลังจากซีจงจวินออกไปทำงานได้สักพักมี่ฮวาเริ่มเดินสำรวจรอบบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ที่บิดาให้ไว้มาเพาะแต่ก่อนอื่นต้องแก้ดินเสียก่อน เพราะมันแห้งจนไม่สามารถปลูกอะไรได้เพียงวาดแขนหนเดียว พื้นดินก็ชุ่มชื้นขึ้น เมล็ดพืชถูกหว่านวาง งอกเงยออกดอกเบ่งบานนางให้ต้นเหมยกับดอกโบตั๋นขึ้นตรงห้องที่มีประตูเปิดออกมาชมสวน สร้างเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสวยงามการจัดสวนสร้างความเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบค่ำเสียแล้ว เมื่องานเสร็จนางไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งรอซีจงจวินกลับบ้านยามนี้พระอาทิตย์ได้จากท้องฟ้าไปนานแล้ว..การรอคอยทำให้เกิดโทสะเพราะมันเลยเวลามาตั้งหนึ่งชั่วยาม เทพอสูรก็ยังไม่ยอมกลับมารับใช้นางสักทีจนเข้ายามซวี ประตูหน้าบ้านถึงเปิดออกซีจงจวินกลับถึงบ้านในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้าที่นัก ที่แขนซ้ายมีแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์อสูรฝากไว้ เลือดไหลซึมไม่มากมี่ฮวารู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงเดินกอดอกเชิดหน้าหมายจะเข้ามาหาเรื่องแต่พอเห็นสภาพซีจงจวินที่เหมือนพึ่งไปรบ สมองก็ตื้อไปครู่หนึ่งเสียอย่างนั้น"ไปไหนมา""ข้าไปทำงานไถ่โทษมา"ฟังแล้วมี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำงานไถ่โทษทำ
คืนนั้นมี่ฮวากลับเข้ามานอนในห้องของซีจงจวิน ความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเช่นกันและเดินทางเข้าสู่ห้วงฝัน..ใต้ท้องฟ้าสีหม่นมัวที่ฝนปรอยลงมา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดูไม่คุ้นเคย ตัวนางยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกาย..เป็นชายผู้หนึ่งไม่รู้เหตุใดนางถึงเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด..และเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางฟังไม่ถนัดเลย.."ท่านเป็นใคร"คำถามนั้นได้รับการตอบกลับ แต่นางฟังไม่ออก ยามชายผู้นั้นยื่นมือมาลูบหัว น่าแปลกที่มี่ฮวาไม่ขยับหนีแม้ในความฝันจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่นางกลับได้รับไออุ่นท่ามกลางสายฝนมาเต็มหัวใจ"ข้าคิดถึงท่าน"ไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม แต่ความรู้สึกด้านในมันบอกมาเช่นนั้นชายผู้นั้นโอบกอดนาง เนิ่นนานเหลือเกิน..และนางเองก็รู้สึกเหมือนอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป.....เสียงวิหคขับขาน บอกเวลาที่มันตื่นและโผบินออกจากรังเปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ กายของซีจงจวินล้าจนขยับแทบไม่ไหว แต่จำต้องฝืนลุกเพราะห่วงเตรียมสำรับให้ภรรยาเมื่อลุกขึ้นนั่งก็พบว่าบนตัวมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าทำแผลเสร็จก็นอนไปบนพื้นเย็นๆทั้งอย่างนั้น...พลันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบ
มี่ฮวาอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าห้องแต่ฝ่าเท้าหยุดชะงักเมื่อนางเปิดประตูและภาพวิญญาณเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวมันน่ากลัว จนไม่กล้านอนคนเดียวอีก..."นี่"มี่ฮวาหันไปเรียกเทพอสูรที่ยืนรอส่งนางเข้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม"คืนนี้ข้าจะนอนในห้องเจ้า เจ้านอนที่พื้นเหมือนคืนนั้น"แล้วนางก็เดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ถัดไป ซีจงจวินได้แต่มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง..คิดว่ามี่ฮวาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น..เช่นนั้น.. หากแขนเขาขาดไปอีกสักข้าง นางจะยอมพูดด้วยหรือเปล่า..ซีจงจวินทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเฉือนแขนทิ้งหรอก เท่านี้ก็เจ็บเกือบตายแล้วเขาหอบเสื้อผ้าออกไปอาบน้ำในป่าเหมือนเดิม แล้วจึงกลับเข้ามานอนที่มุมหนึ่งในห้องหลังจากเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน คืนนี้ซีจงจวินหลับสนิทแม้จะนอนบนพื้นแข็งเย็นเยียบ...เท่านี้ก็ดีเกินพอเพราะนางอยู่ใกล้ เลยหายห่วงไปได้มาก...เวลาเดียวกัน มี่ฮวาไม่ได้หลับไปอย่างที่ซีจงจวินคิดนางแอบมองเทพอสูรที่นอนขดตัวอยู่ไกลๆ คิดว่าให้นอนบนพื้นไม้เย็นๆแบบนั้น เขาคงหนาวเหมือนกันแต่จะให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียงก็น่ากลัวเกินไปมี่ฮวาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกเ
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส