แชร์

บทที่ 9 九

ผู้เขียน: PinkyPaw
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 10:01:47

คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไห

เขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็ว

อย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!

เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมา

แม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคน

มี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ

"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"

เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข"

"แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ"

"เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"

เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..

ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่ง

มี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลย

คนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร้แสงไร้เสียง ราวกับที่นี่ไร้ผู้คน ครึ่งก้านธูปต่อมาจึงปรากฏเงาร่างของตัวอะไรสักอย่างคล้ายสัตว์ใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

มี่ฮวาเริ่มกลัว นางตัวสั่นเทายืนอยู่หลังบิดา กระทั่งร่างที่ลงมาจากท้องฟ้าสีดำมาหยุดยืนอยู่หน้าทั้งสอง

เซียนสตรีทำตาโต เผลอส่งเสียงร้องเบาๆด้วยความตกใจ ทว่าเมื่อหันไปมองหน้าชุนหรงเซิน เขากลับส่งยิ้มเป็นมิตรให้อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น

"ท่านชุนหรงเซิน"

เทพอสูรประสานมือทั้งหก ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาคนเดียว

ในความมืดมิด ตาของซีจงจวินไม่ได้ทำงานแย่ลง เขามองเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นใคร

นางคือเซียนบุปผาผู้นั้น...

แม้นางจะไม่เคยมองหน้าสบตากันตรงๆเลย ไม่ว่าจะครั้งนั้นที่หน้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ หรือตอนนี้ที่หน้าเรือนของเขาก็ตาม

..ก็ยังเป็นเขาที่จดจำฝังจิต ไม่คิดลืม..

"นี่ลูกสาวข้า มี่ฮวา วันนี้เราสองพ่อลูกต้องรบกวนท่านแล้ว"

"หาใช่เรื่องใหญ่ขอรับ เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อน"

ซีจงจวินผายมือขวาสามข้างให้ เดินนำเข้าไปในเรือน พลันตะเกียงไฟทั่วเรือนที่มืดสนิทมีแสงส่องสว่างขึ้นเอง

มี่ฮวารั้งแขนเสื้อของพ่อเอาไว้ ด้วยไม่ไว้วางใจบุรุษผู้นั้น

"อย่าห่วงเลยมี่เอ๋อร์ เขาไม่ทำอะไรหรอก เข้าไปด้านในกันเถิด"

ชุนหรงเซินจับมือลูกบีบเบาๆ สุดท้ายมี่ฮวาที่ยืนตัวสั่นอยู่ต้องค่อยๆก้าวขาตามไปบ้าง ระหว่างนั้นก็ขบคิดไม่หยุดว่าเหตุใดบิดาถึงพานางมาที่นี่

..กระทั่งฝ่าเท้าขาวเรียวก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามา มี่ฮวาก็ต้องชะงักค้างไปทันที

...กลิ่นนี้ นางจำได้

บิดายืนยิ้มอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเทพอสูรที่ทำหน้างงอยู่ข้างกัน

"มี่เอ๋อร์ จำกลิ่นนี้ได้หรือไม่"

เสียงของชุนหรงเซินแทบไม่เข้าหัวนางเลย กลีบปากสีชมพูอ่อนสั่นระริกยากจะควบคุม

...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...

มี่ฮวาพลันได้สติขึ้นมา พุ่งทะยานผ่านหน้าทั้งสองเข้าไปด้านใน ตามกลิ่นหอมแรงจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง

มือเลื่อนเปิดบานประตู และสิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบศีรษะนางจนตื้อ

ดอกไม้ของนาง..อยู่บนเตียงใครไม่รู้...

มันยังคงเบ่งบานงดงาม ไม่มีรอยช้ำ กระจายกลิ่นหอมฟุ้งแม้อยู่มาหลายวันโดยไม่มีสิ่งใดหล่อเลี้ยงชีวิต

ใบหน้าขาวยิ่งซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังตามมาด้านหลัง

"ท่านมีธุระอะไรกับห้องนอนข้าหรือขอรับ"

มี่ฮวาหันมองคนพูด ดวงตาสีเขียวหยกจ้องสบกับดวงแก้วสีทองสว่างวาววับในลูกตาสีดำสนิท

เทพอสูรผู้นี้ นำดอกไม้ของนางมาไว้ในห้องได้อย่างไร!!!

"นี่มันอะไรกัน!!"

มี่ฮวาหันไปถลึงตามองบิดาสลับกับเจ้าเรือนด้วยแรงโทสะพลุ่งพล่านทันที จนชุนหรงเซินต้องรีบปราม

"เจ้าก็เห็นอยู่ว่าดอกไม้ของเจ้าอยู่ที่นี่ ในห้องของซีจงจวินผู้นี้ จะหมายความอย่างไรได้อีกเล่า"

คราวนี้ซีจงจวินงงหนักกว่าเดิม ดอกไม้นี้มันทำไมอย่างนั้นหรือ

"เจ้า!! เหตุใดมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!?"

คราวนี้มี่ฮวาลืมความกลัวจนหมดสิ้น นางหันไปขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินพร้อมกับชี้ไปที่เตียงหลังนั้นแทน

แต่คนถูกถามหาได้รับรู้อารมณ์ถึงฉุนเฉียว เขากะพริบตามองนางอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงพูดเสียงดังเช่นนั้น

"สงบใจลงก่อนมี่เอ๋อร์ อย่าได้ทำตัวเสียมารยาทเช่นนั้น" ชุนหรงเซินปรามลูกสาวก่อนหันมาหาซีจงจวิน "เรามาค่อยๆคุยกันที่ห้องรับรองดีหรือไม่"

ได้ยินแล้ว เจ้าของเรือนยอมเปิดทางให้ เดินนำไปยังอีกห้องไม่ไกลกันนัก

"เชิญขอรับ"

สุดท้ายมี่ฮวายอมข่มความขุ่นเคืองไว้ เดินตามมานั่งบนเบาะที่จัดไว้ข้างชุนหรงเซิน แต่ก็ยังไม่วายตวัดหางตาค้อนใส่เทพอสูรแมงป่องยักษ์

ซีจงจวินก็มองกลับเช่นกัน แต่สายตาเขาหาได้มีความหมายอื่นใดนอกจากหลงใหล ราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว

"เจ้ามองอะไรนักหนากัน!!"

ซีจงจวินไม่ได้รับรู้ว่านางกำลังโกรธ คิดว่านางถามคำถามจึงตอบไปเฉยๆ

"เพราะท่านงามมาก ข้าจึงมองขอรับ"

คราวนี้คนฟังหน้าขึ้นสี หาใช่เขินอายแต่เป็นโกรธจัด

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง เขาก็รีบเอ่ยถามต่อด้วยความเป็นห่วงทันที

"ร่างกายท่านไม่แข็งแรงหรือขอรับ ไยหน้าแดงคล้ายไข้จับเช่นนั้น หรือเพราะท่านตะโกนมากไปขอรับ"

"นี่เจ้า!!"

มี่ฮวาถลึงตาจ้องซีจงจวิน กระฟัดกระเฟียดด้วยนึกว่าเขาตั้งใจพูดยียวน

"เอาล่ะๆ มาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่านะ"

เสียงชุนหรงเซินเอ่ยห้ามทัพอีกครั้ง มี่ฮวาจึงยอมนั่งลงเฉยๆทั้งที่มือจิกกำ ขยำชุดกระโปรงจนยับย่น

"ที่พ่อให้เจ้ามาที่นี่วันนี้ด้วย เจ้าคงรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร เช่นนั้นพ่อจะไม่ถามให้มากความอีก เพียงจะพามาดูตัวเจ้าบ่าวเท่านั้น"

!!!!

มี่ฮวาตะลึงตกใจราวหัวใจจะหลุดออกมา นางหันขวับมองบิดาทันที ก่อนเริ่มเปิดปากว่าเสียงดังขึ้นอีก

"นี่ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งให้เจ้านี่จริงๆหรือ!!?"

สรรพนามที่เรียกช่างหยาบคาย มี่ฮวาเผลอสะบัดมือชี้หน้าซีจงจวินด้วย

ส่วนคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นั้นไม่ได้ถือสาอะไร เพียงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย

"ท่านชุนหรงเซิน... หมายความว่าอย่างไรขอรับ"

"ซีจงจวิน ท่านคงไม่รู้ว่าดอกไม้ที่ท่านเก็บได้เมื่อคืนก่อนเป็นดอกไม้ที่มี่ฮวาลูกสาวข้าเสกขึ้นมาเพื่อจะใช้ในงานเลือกเจ้าบ่าวของนาง"

ชุนหรงเซินเริ่มเล่าเรื่อง ตอนนั้นมี่ฮวาพยายามจะเอ่ยขัดแต่ก็ต้องถูกบิดาหันมาทำสายตาดุใส่เพื่อให้นางสงบปากสงบคำ

"กติกามีอยู่ว่าผู้ที่หามันเจอและพากลับมาคืนได้โดยไม่ทำให้ดอกไม้เสียหายจะได้นางไปเป็นชายา ...ซึ่งตอนนี้ ท่านถือว่าผ่านการทดสอบนั้นแล้ว ข้าจึงพานางมาดูตัวและตกลงกันเรื่องพิธีแต่งงาน"

ซีจงจวินฟังแล้วก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ต่างจากมี่ฮวาที่เมื่อได้ยินคำว่าพิธีแต่งงานก็ระงับโทสะไว้ไม่อยู่

"ข้าไม่แต่ง!! เขาไม่ได้นำดอกไม้มามอบให้ข้าในคืนนั้นสักหน่อย ท่านพ่อจะมาบังคับข้าเช่นนี้ไม่ถูกนะเจ้าคะ"

"ก็ใครใช้ให้เจ้าเสกให้มันมาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่นี่กันเล่า! เจ้าแสร้งไม่เห็นผิด บิดคำพูดเช่นนี้ ไม่อายบ้างหรือมี่เอ๋อร์!!"

"ข้าหาได้บิดพลิ้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้จบตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่แต่งก็คือไม่แต่งเจ้าค่ะ!!!"

มี่ฮวาลุกขึ้นยืนค้านหัวชนฝา นางกัดฟันพูดทั้งที่ยังจ้องบิดาตาไม่กะพริบ ทางฝั่งชุนหรงเซินเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเช่นกัน

แต่ตอนนั้นเอง.. ซีจงจวินไม่ได้ฟังเลยว่าทั้งสองพูดสิ่งใดกันบ้าง สติเขาเลื่อนลอยหลุดไปตั้งแต่ตอนที่ชุนหรงเซินบอกว่าเขาจะได้เป็นเจ้าบ่าวของมี่ฮวา

เซียนสตรีแสนงามผู้นี้..กำลังจะแต่งให้เขา...

ต้องเป็นอะไรที่ดีมากแน่...

ในใจซีจงจวินรู้สึกเบาหวิว ราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงมนตราพิศวง

ดวงตากะพริบขึ้นลงช้าๆ มองดวงหน้างามขึ้นสี ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่ซีจงจวินเป็นห่วงเหลือเกินว่านางจะป่วยไข้

มือข้างหนึ่งในหกข้างนั้นจึงถือวิสาสะ ยื่นไปสัมผัสเบาๆที่แก้มนางโดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินใดๆ

"..."

ทันทีที่นิ้วเขาโดนผิวเนื้อนุ่ม ทุกอย่างหยุดชะงัก มี่ฮวาพึ่งรู้สึกตัว เลื่อนสายตามามองเขาเช่นเดียวกับชุนหรงเซิน

"ท่านไม่ได้ป่วยจริงๆใช่ไหมขอรับ"

"..."

"ท่านกระหายน้ำหรือไม่ขอรับ หรือหากท่านร้อนข้าจะไปหาพัดมาให้"

มี่ฮวาได้แต่อ้าปากค้าง พูดไม่ออก ว่าไม่ได้ ราวกับนางหาเสียงตัวเองไม่เจอ

สายตาของซีจงจวินหวานละไม เต็มไปด้วยความห่วงใยจากใจจริง นั่นทำให้ชุนหรงเซินถึงกับลืมความโมโหที่มีต่อบุตรสาวไปชั่วขณะทีเดียว

"นางหน้าแดงเพราะโมโหน่ะซีจงจวิน"

เขาอธิบาย นั่นทำให้ซีจงจวินยอมผละมือออก หันมามองชุนหรงเซินด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนหันหน้าไปหามี่ฮวาอีกครั้ง

"ท่านโมโหสิ่งใดหรือขอรับ"

!!!!!

"ยังจะมีหน้ามาถามอีก! ข้าก็โมโหเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าเทพอสูรอัปลักษณ์!!!"

มี่ฮวาถึงกับตวาดลั่น พร้อมทั้งชี้หน้าซีจงจวินอย่างเหลืออด

ไม่รู้เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้โง่เง่านัก แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก!!

เทพอสูรอึ้งเล็กน้อย แม้จะชินเสียแล้วที่ถูกมองว่าน่าเกลียดน่ากลัว ทว่าพอถูกนางว่าตรงๆเช่นนี้ หัวใจที่ไม่เคยสั่นไหวก็กลับบีบรัดจนเจ็บอก

"ข้าทำสิ่งใดให้ท่านโมโหหรือขอรับ"

"หึ! โง่เง่าต่ำช้าสิ้นดี! เจ้าเก็บดอกไม้นั่นมาคงคิดว่านำเรื่องไปบอกท่านพ่อแล้วข้าจะยอมแต่งให้เช่นนั้นสินะ ฝันไปเถิดข้าไม่แต่ง!! ต่อให้เจ้าหลอกล่อ ป้อยอท่านพ่อจนน้ำลายหมดปากข้าก็ไม่แต่ง!!!"

นางประกาศกร้าวก่อนจะวิ่งออกไปทันที

ประหลาดเหลือเกินที่คำของมี่ฮวาทำให้ซีจงจวินเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ

..แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร...

..ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตนเผลอทำสีหน้าแบบไหนออกมา...

...เหตุใดนางต้องด่าทอเขาด้วย เขาทำสิ่งใดผิดหรือ...

ชุนหรงเซินมองซีจงจวินแวบหนึ่งก่อนวิ่งตามลูกออกมา

..มีหลายสิ่งผิดจากที่เขาคาดคิดไปมาก

อย่างแรกคือไม่คิดว่าลูกสาวสุดที่รักจะหาญกล้าถึงเพียงนี้ หากเป็นผู้อื่นอย่าว่าแต่สตรีเลย แม้แต่เซียนบุรุษก็ยังหวาดกลัวอำนาจเทพอสูร ไม่อาจมายืนชี้หน้าด่าปาวๆเช่นนี้หรอก

และอีกข้อที่คิดไม่ถึง คือซีจงจวินอ่อนโยนกับมี่ฮวามากนัก สายตาของเทพอสูรไร้ความแค้นเคืองใดๆแม้ถูกว่าไปขนาดนั้น

ที่หน้าเรือน ชุนหรงเซินจับข้อมือบุตรสาวเอาไว้ กลัวนางจะวิ่งออกไปถึงป่าแล้วจะได้รับอันตราย

"กลับไปคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะมี่เอ๋อร์!"

"ไม่! ท่านพ่อไม่ฟังความต้องการของข้า ไม่ฟังหัวใจของข้าเลย! ท่านไม่คิดหรือว่าหากต้องมาอยู่ที่นี่กับบุรุษคนนั้นข้าจะต้องทุกข์ใจขนาดไหน ไม่คิดหรือว่าข้าจะต้องทนกับคำครหาอีกมากเท่าใด ท่านไม่คิดเลยหรือ!!!"

หลังฟังจบ สายตาที่ส่งไปให้บุตรสาวหาใช่ความโกรธ แต่เป็นความอบอุ่นที่แฝงมาพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

"พ่อคิดดีแล้ว.. คิดดีแล้วจริงๆมี่เอ๋อร์ พ่อรักเจ้าขนาดนี้ ถึงได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า ซีจงจวินเป็นคนดีมากจริงๆ และพ่อเชื่อว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขได้แน่"

ชุนหรงเซินเริ่มคลายมือที่กุมข้อมือลูกออก แล้วเปลี่ยนเป็นลูบหัวนางเบาๆ

"ลูกรู้หรือไม่ว่าที่นี่ที่ไหน ที่นี่คือชายแดนแผ่นดินใหญ่ซึ่งติดกับแดนประจิม ลูกเห็นหรือไม่ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครจะมาพูดนู่นพูดนี่ให้ลูกรำคาญหูอีก ที่ตรงนี้จะเป็นเหมือนโลกอีกใบ มีแค่เจ้าและสามีเพียงสองคน ไร้ปัญหา ไร้ทุกข์ มีแต่สุขตลอดกาล"

มี่ฮวาใจอ่อนยวบ น้ำตารื้นท่วมเมื่อได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น นางส่ายหน้ารัวไม่อยากจะยอมรับ

"เชื่อพ่อสักครั้งเถิดมี่เอ๋อร์ แล้วลูกจะเข้าใจเองว่าสิ่งที่พ่อทำไปนั้นมันเพื่อตัวลูกทั้งหมด"

 "ลูกไม่อยากแต่งกับคนน่ากลัวเช่นนั้น ลูกไม่ไว้ใจเขา แค่ได้ยินเสียงก็สั่นผวาแล้ว ท่านพ่อได้โปรดช่วยลูกด้วย" มี่ฮวาซบอกพ่อ ปล่อยน้ำตาร่วงหล่นเป็นสาย

น้ำตานั้นเกิดความความเสียใจ...

เสียใจที่พ่อเลือกสามีอัปลักษณ์ให้...

"มี่เอ๋อร์ คนเราดูกันแค่เพียงเปลือกไม่ได้หรอกนะ จิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ลูกอยู่กับซีจงจวินไปก็จะเห็นเอง พ่อมั่นใจว่าเขาจะทำให้ลูกมีความสุขมากๆ ลืมเรื่องวุ่นวายที่แดนอุดร ลืมคำพูดปรามาสถากถาง ลืมคนที่ทำให้ลูกต้องเป็นเช่นนี้เสียเถิด"

..เทพอสูรตนนั้น จะทำให้นางมีความสุขได้จริงหรือ...

สาวน้อยเงยหน้าขึ้น ร้องไห้เสียจนหน้าที่เคยสะสวยไม่น่ามอง แต่บิดาก็ยังเช็ดน้ำตาให้

"แล้วหากมันไม่เป็นอย่างที่ท่านพ่อพูดล่ะเจ้าคะ"

"หากลูกอยู่แล้วไม่มีความสุข เช่นนั้นพ่อก็จะมารับกลับบ้าน แต่อย่างน้อยก็ลองอยู่ไปก่อนสักครึ่งปีเป็นอย่างไร"

สุดท้ายแล้ว คำของชุนหรงเซินก็ทำให้ต้องใจอ่อน ยอมลงให้ในที่สุด

ครึ่งปีต่อจากนี้...จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 10 十

    สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 11 十一

    "เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 12 十二

    "วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 13 十三

    ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 1 一

    "คารวะท่านเทพแห่งอรุณรุ่งทิวากาล ฮูหยิน และโอรสทั้งสาม"น้ำเสียงดุดันจากผู้เฝ้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ทั้งสี่ดังก้องทั่วแผ่นดินเทพเซียนหาได้สนใจเสียงเหล่านั้น เหาะเลียบบันไดนับพันขั้นไปยังวังมหาเทพที่ยอดเขาผู้เฝ้าบันไดทั้งสี่กลับมายืดตัวตรง ลดมือที่ประสานกันลง รอแขกกลุ่มต่อไปที่กำลังจะมาถึงเสียงดนตรีอึกทึกดังมาจากด้านบนเขา งานสังสรรค์ยิ่งใหญ่ที่ห้าพันปีจะจัดสักครั้ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพและมาร ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วยุทธภพแห่งนี้ปกครองโดยองค์มหาเทพ แบ่งแผ่นดินเป็นห้าส่วนเรียกตามทิศาดร สรวงสวรรค์ของพระองค์ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงเหนือยอดเมฆาบนแผ่นดินใหญ่รอบแผ่นดินใหญ่ล้อมด้วยผืนโลกสี่แผ่น ได้แก่อุดร บูรพา ทักษิณ และประจิมแดนอุดรคือที่อยู่ของเผ่าเทพ แดนทักษิณคือที่อยู่ของเผ่ามาร แดนบูรพาคือพิภพมนุษย์ แดนประจิมคือนรกโลกวิญญาณ"มีขบวนเผ่ามารขึ้นมาจากทางใต้"หูทิพย์กระดิกเล็กน้อย เทพอสูรองค์แรกนามเป่ยหานจวิน เอ่ยบอกสหายทั้งสาม"เป็นท่านจอมมารราตรีกับหลานสาว"เป็นเสียงของเทพอสูรองค์ที่สองนามหนันอี้จวิน ผู้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงเจ็ดร้อยลี้สามก้านธูปต่อมา ร่างจอมมารชุดดำปักเลื่อมลายแสงดา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 2 二

    ใครๆในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าเทพเซียนเป็นผู้ถือตัวยิ่ง เพราะต่างก็มีรูปโฉมงดงามหลากหลายสำหรับเผ่ามาร แม้มีบ้างที่รูปโฉมงาม ทว่าส่วนใหญ่ก็จะหาได้ไม่มากนักส่วนเทพอสูรนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีรูปกายอัปลักษณ์ ดังนั้นจึงต้องหาภรรยาที่ไม่รังเกียจกัน นั่นคือสัตว์อสูรเป่ยหานจวินมีชายาเป็นอสูรนางแมวแสนซน หนันอี้จวินมีชายาเป็นอสรพิษธารา ตงหลิงจวินมีชายาเป็นอดีตมนุษย์ ทว่าตายแล้วได้เกิดใหม่เป็นอสูรกระต่ายป่าน่าทะนุถนอมส่วนซีจงจวิน...ไม่เคยรู้จักเทพ หรือมารตนใด เพราะเขตเรือนของเขาติดชายแดนปรโลก ไม่มีสิ่งสวยงามเฉียดมาใกล้แถวนั้นมากนักดังเช่นเขตเรือนของสหายทั้งสามจะมีก็แต่วิญญาณผีร้ายที่หลุดออกมาจากนรกให้ต้องช่วยกำจัดและส่งคืนไปเท่านั้นงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป คนบนตำหนักสวรรค์ร่วมพบปะกินดื่มกันอย่างสำราญ"คารวะมหาเทพ ขอพระองค์ทรงปกครองผืนฟ้า ปกปักษ์พสุธาแสนปี แสนๆปี"ชุนหรงเซิน เทพผู้ดูแลมวลพฤกษาพนาไพรประสานมือถวายบังคม ขณะเดินเข้าตำหนักรับรองด้านหลังชุนหรงเซินคือธิดาทั้งแปด ถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย"เจ้าแห่งพฤกษามาเยือนเขาสวรรค์ครานี้ ดอกไม้คงบานทั่วเขาไปอีกพันๆปี"มหาเทพเอ่ย มองเลยไปยังธิดาผู้งดง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 3 三

    งานเลี้ยงวันนั้นได้ผ่านมาแล้วอีกหลายปีเป็นหลายปีที่น่ารำคาญใจยิ่ง ด้วยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปว่ามี่ฮวาแย่งชิงอวี้เวินฉิงมาจากจื่อสุ่ยจิงแรกๆมี่ฮวาไม่รู้อะไรจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามปกติ กระทั่งเห็นสายตาคนรอบข้างที่เปลี่ยนนั่นแหละ ความรู้สึกนางถึงเปลี่ยนตามประกอบกับเหล่าคนใช้ที่ไปตลาดเช้าชอบเอาข่าวแปลกๆมาเล่าให้ฟัง ทำให้ยิ่งระคายหูจากนั้นนางก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในวัง แทบไม่กล้าย่างกรายออกจากตำหนักด้วยซ้ำ บิดานางก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีเขารู้ว่าลูกทุกข์ใจขนาดไหน นางไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยในชีวิต กลับต้องมาติดในวังวนที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้สร้างเช่นนี้วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มี่ฮวานั่งเหม่อลอยมองแจกันดอกไม้ในห้องโดยมีสายตาของพ่อและแม่แอบสอดส่องมาจากนอกหน้าต่างเห็นดวงตาไม่สดใสของลูกสาวแล้ว ฮูหยินต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่"เหตุใดผู้คนถึงขยันเล่าขานเรื่องไม่จริงกันนักนะ"นางบ่นน้ำเสียงหม่นลง กังวลกับคำร่ำลือไร้แก่นสารที่ฝังหัวคนนานเกินไป"เราจะช่วยลูกอย่างไรดีเจ้าคะ" นางหันมาถามตาละห้อยชุนหรงเซินเองก็ไม่รู้ เป็นที่ลือกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งมาจากไหนก็ถูกรังเกียจได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 4 四

    ที่นี่...ที่ไหน?ชุนหรงเซินเปิดเปลือกตาหนักอึ้งช้าๆ สิ่งที่เห็นอย่างแรกเป็นเพดานไม้สูง คล้ายอยู่ในเรือนใครสักคนเทพเซียนไล่มองไปรอบๆ สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆเทพอสูร!!!เป็นเทพอสูรตัวแดงผู้มีสี่เขาหกมือ ด้านหลังมีหางปล้องสีดำเงาเยี่ยงแมงป่องพิษร้ายคนเจ็บทำท่าจะขยับตัวหนี ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามสมองสั่ง นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นรอให้เทพอสูรเคลื่อนกายเข้ามาหาช้าๆกรงเล็บยาวยื่นมาใกล้ใบหน้า ชุนหรงเซินหลับตาปี๋ ใจเต้นดังดั่งเสียงประทัดด้วยความลุ้นระทึกข้ากำลังจะถูกฆ่า!!..แปะ..มือข้างหนึ่งที่ใหญ่เท่าศีรษะของเทพเซียนวางลงกลางหน้าผาก ครู่หนึ่งจึงยกออก"ไข้ลดแล้ว พักอีกสักหน่อยท่านก็จะหายดีขอรับ"น้ำเสียงเข้มดุของเทพอสูรทำให้ชุนหรงเซินค่อยๆลืมตาอีกครั้ง กะพริบปริบๆมองบุรุษที่นั่งชะโงกหน้ามองเขาเช่นกัน"รับโจ๊กเลยไหมขอรับ ข้าพึ่งต้มเสร็จคาดว่าท่านน่าจะตื่นมายามนี้พอดี"ฟังแล้วชวนให้ขมวดคิ้วงุนงง คราแรกไม่กล้ารับอาหารจากเทพอสูร แต่หลังจากได้กลิ่นโจ๊กหอม กระเพาะเจ้าปัญหาก็ส่งเสียงประท้วงขึ้นมาอย่างถูกจังหวะเสียอย่างนั้น"ค่อยๆลุกนะขอรับ"ฝ่ามือใหญ่ช้อนประคองร่างเทพเซียนขึ้นม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04

บทล่าสุด

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 13 十三

    ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 12 十二

    "วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 11 十一

    "เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 10 十

    สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 9 九

    คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 8 八

    มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 7 七

    ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 6 六

    เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 5 五

    "เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ

DMCA.com Protection Status