ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขา
ข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นาง
ราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..
แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดี
ขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...
ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม
"นั่นไง มานู่นแล้ว"
ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา
"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ"
"อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ
"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"
คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง
"เมียเจ้าไม่ทำอาหารหรือ" เป่ยหานจวินเอ่ยถาม ซีจงจวินก็ส่ายหน้ารัวก่อนตอบ
"นางเป็นเทพธิดาในวังใหญ่โตมาก่อน มีแต่คนคอยรับใช้ขอรับ"
พอฟังจบทั้งสามก็งงงัน สามีทำงานทั้งวันแล้วยังต้องกลับไปทำงานบ้านอีก เช่นนี้ไม่เหนื่อยแย่หรือ
พวกเขาต่างก็มีภรรยาผู้น่ารักคอยปรนนิบัติ จึงไม่คุ้นชินเมื่อได้ยินว่าสามีต้องรับใช้ภรรยา
"ซีจง เจ้าไม่ลองยื่นข้อเสนออะไรไปหน่อยหรือ อย่างเช่นให้นางช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆ หากทำกับข้าวไม่เป็นก็เตรียมของไว้ให้เจ้า อะไรแบบนี้" หนันอี้จวินบอก แต่ซีจงจวินก็ส่ายหน้าอีก
"ไม่ล่ะขอรับ ข้าทำให้นางแบบนี้ดีแล้ว"
ทั้งสามฟังแล้วได้แต่ยืนอึ้ง ไม่นึกว่าเพื่อนจะยอมภรรยาถึงขนาดนี้ นี่เป็นอานุภาพของความรักใช่หรือไม่
"เจ้ายอมนางก็ไม่เสียหายหรอก แต่มากไปก็ไม่ดี" หนันอี้จวินเอ่ยเตือน
"แต่ข้าว่า ไม่แน่นางอาจจะลองใจซีจงอยู่ก็ได้ ยอมๆไปก่อนน่าจะดีกว่านะ" เป็นตงหลิงจวินที่เสนอความคิด
"ลองใจคืออะไรขอรับ"
"ก็การแกล้งให้เจ้าทรมานเล่นๆ ดูว่าเจ้าจะทนรับนางได้แค่ไหนอย่างไรเล่า"
คราวนี้ซีจงจวินพยักหน้าตาม เริ่มคิดว่าบางทีมี่ฮวาอาจจะทำเพื่อลองใจเขา
"ข้าน่ะโดนมาหลายแบบเลยล่ะ แกล้งเอาแต่ใจงอแง โมโหบ่อยๆบ้าง หาเรื่องให้ทำนั่นนี่ให้บ้าง งอนไม่คุยด้วยบ้าง บางครั้งก็แกล้งหอบผ้าผ่อนหนีกลับบ้าน แต่ที่นางทำไปเพราะอยากรู้ว่าข้าจะตามง้อหรือไม่ พอข้าวิ่งเข้าหามากๆเข้านางก็ใจอ่อนไปเอง"
ที่ตงหลิงจวินพูดมาก็มีเหตุผล เป่ยหานจวินและหนันอี้จวินเห็นด้วย เพราะใช่ว่าภรรยาของพวกเขาจะไม่เคยทำเช่นนี้
"ถ้าอย่างนั้น ข้าคงต้องรีบกลับไปเอาใจนางให้มากขึ้นใช่ไหมขอรับ"
"อื้ม"
เมื่อได้รับคำยืนยัน ซีจงจวินไม่รอช้ารีบเหาะขึ้นท้องฟ้าสีนิลตรงกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
...
สำรับเย็นที่มีกับข้าวแปดอย่างวางตรงหน้า ซีจงจวินนั่งกินข้าวตรงมุมห้องเหมือนเดิมแต่เขาไม่รีบกินเท่าวันก่อนๆนัก
เพราะอยากเอาใจมี่ฮวาให้มาก เลยลงมือปรุงกับข้าวเสียเยอะแยะกว่าทุกวัน หวังว่าจะถูกปากนางบ้าง สักจานก็ยังดี...
ดวงตาสีทองวาววับลอบมองตะเกียบในมือของอีกคน คีบเอาเนื้อปลาขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวช้าๆ
ไม่มีสีหน้าแย้มยิ้ม หรือคำชมใดๆ...
"เจ้าจ้องข้านานไปหรือไม่"
มี่ฮวาเอ่ยเสียงแข็ง นั่นเป็นการเตือนว่าหากซีจงจวินยังไม่หันไปทางอื่น นางจะอาละวาดให้มื้อเย็นเละเป็นโจ๊กทีเดียว
คนถูกเตือนรอบแรกทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งกินเงียบๆต่อไป
ไม่มีการสนทนาในวงโต๊ะเหมือนครอบครัวอื่น สิ่งที่คั่นกลางระหว่างมวลอากาศน่าอึดอัด..คือเสียงฝนสาดด้านนอกเรือนกับเสียงฟ้าร้องโครมครามเบาๆ เท่านั้นเอง
กระทั่งผ่านไปไม่นาน ได้ยินเสียงวางตะเกียบ ซีจงจวินจึงหันไปมองจานกับข้าว พบว่ามันไม่ได้พร่องไปมากเท่าไหร่เลย
"ไม่อร่อยหรือ"
เขาตัดสินใจถามไป วันนี้ตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้คุยกันสักคำ ถามสักสี่ห้าคำก็ยังเหลืออยู่อีกตั้งหลายคำให้พูด
"เบื่อ"
มี่ฮวาตอบสั้นๆ นั่นยิ่งทำให้พ่อครัวสงสัยว่านางเบื่อจานไหนกัน
อยากรู้ว่านางชอบอะไรไม่ชอบอะไร หากมีอะไรที่นางไม่ชอบ เขาจะได้ไม่ทำให้กิน
"เบื่อสิ่งใดหรือ"
คราวนี้นางชายตามองอย่างเย็นชา ก่อนจะหลบไปมองทางอื่น คล้ายไม่อยากเห็นหน้าเขานานนัก
"เบื่อคนทำอาหาร"
"..."
"แต่ช่างมันเถอะ ข้าทำอะไรไม่ได้ต่อให้เบื่อแค่ไหน ในเมื่อเจ้าทำมาข้าก็ได้แต่ต้องก้มหน้ากินอยู่ดี"
นางว่าคล้ายปลงกับกับชีวิต ส่วนซีจงจวินฟังแล้วไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ
การได้เห็นเขากินข้าวคล่องปากทั้งที่ตัวนางแทบไม่อยากกลืนอะไรลงท้องเช่นนี้ คงทำให้ไม่พอใจสินะ
ซีจงจวินจำใจวางตะเกียบลง เก็บสำรับแล้วลุกไปเตรียมน้ำร้อนให้มี่ฮวาอาบ
ราวสองก้านธูป..
หญิงสาวแช่น้ำน้ำจนพอใจ เดินออกมาพบว่าชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้
ซีจงจวินโบกมือครั้งหนึ่งเกิดลมพัดไหว ผ้าปูเตียงก็เปลี่ยนเป็นผืนใหม่อย่างง่ายดาย ก่อนหันมาเจอนางยืนมองอยู่หน้าประตู
มี่ฮวาในชุดนอนบางพลิ้วยามนี้ช่างดูราวกับภูติตัวน้อยที่ใช้กลีบผกาบางเบาห่อหุ้มกาย..
แค่เห็นภรรยาคนงามก็เพลินตา เผลอมองจนรู้สึกตัวอีกทีนางก็ทำตาขวางใส่อีกหนเสียแล้ว
"ชอบผ้าปูใหม่หรือไม่"
ซีจงจวินกระแอมไอเล็กน้อยแก้เขินก่อนหลบไปยืนอีกทางให้นางได้เข้ามาที่เตียง
"ไม่ชอบ"
หลังจากถามอ้อมแอ้มและได้คำตอบเสียงดังฟังชัด ซีจงจวินหันมองผ้าที่เขาพึ่งปูไป สงสัยว่านางไม่ชอบมันตรงไหนกัน
หรือมันไม่ใช่สีโปรดนาง..
บางทีนางอาจจะไม่ชอบลาย..
เนื้อผ้ามันหยาบเกินไปกระมัง...
"ไม่ชอบเพราะอะไรหรือ"
สารพัดความคิดผุดขึ้น สุดท้ายต้องซีจงจวินนับคำก่อนพูด นี่เป็นคำถามสุดท้ายของวัน เพราะเขาไม่อาจพูดเกินยี่สิบคำได้
"เพราะเจ้าเป็นคนเลือก"
ตอบเสียงดังฟังชัดแล้วมี่ฮวาก็โบกมือไล่ ส่วนทางคนฟังทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าซ่อนแววตาสีหม่น เดินออกไปตามคำสั่ง
..เขาผิดเองที่เลือกของไม่เป็น เพราะปกติผ้าปูที่นอนเขาเป็นสีขาวเรียบง่ายตลอด
พอจะหาของสักอย่างที่เข้ากับผู้หญิงหน่อยก็กลับทำได้ไม่ดี..
ประตูห้องปิดลง เหลือเพียงร่างใหญ่ยักษ์ของเทพอสูรกับสีหน้าที่ดูผิดหวังเต็มประดา
"ข้านี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ"
เขาพูดเบาๆกับตัวเอง ไม่หวังให้อีกคนได้ยินเพราะรู้ว่านางคงไม่ชอบเสียงนี้
ซีจงจวินเดินกลับห้องไป ไร้เสียงฝีเท้าราวเป็นวิญญาณไร้ตัวตน
เขาผิดหวังกับตัวเองที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจนางไปเสียหมด
ทั้งที่เขากำลังพยายาม..
ทั้งที่เขากำลังยอม.. เพื่ออะไรก็ตามที่จะแลกมาซึ่งความรักตอบแทน
หากตั้งใจมากกว่านี้ คราวหน้าจะต้องสำเร็จใช่หรือไม่...
กระนั้นเทพอสูรก็ยังคงคาดหวัง.. หารู้ไม่ว่าที่มี่ฮวาทำลงไปทั้งหมดไม่ใช่การลองใจอย่างที่คิด
นางปฏิเสธเพราะชัง...
อคติที่มีต่อเขาไม่มีวันลบเลือนจางหาย...
แม้ไม่รู้ว่าไปโกรธเกลียดมาตั้งแต่ชาติปางไหน แต่มี่ฮวาก็ไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ด้วยแน่
...
ฝนตกหนักเกิดเสียงน้ำระลอกใหญ่กระทบหลังคากระเบื้อง
แต่ในห้องนอนกลับเงียบสงัด คนบนเตียงเอามือข้างหนึ่งทาบอกตรงที่มีอวัยวะส่งเสียงเต้นเบาๆ
คล้ายจะถามว่าหัวใจเป็นอะไรหรือเปล่า...
มือหนึ่งกอดผ้าปูที่นอนผืนเก่าซึ่งหยิบติดมือมาจากห้องของภรรยา
กลิ่นของมี่ฮวาติดอยู่บนนั้นเต็มไปหมด ทั้งที่สูดดมจนชื่นอุรา ทว่าหัวใจกลับเจ็บแปลบ
นางเบื่อ เพราะข้าน่าเบื่อ...
นางไม่ชอบของที่ข้าให้ เพราะมันเป็นของของข้า...
เพราะนางอยากลองใจจริงๆ ใช่หรือไม่...
เพราะอยากให้ข้าอดทนมากๆ เลยพูดแบบนั้นสินะ...
เหตุใดแค่คำว่า 'เบื่อ' กับ 'ไม่ชอบ' ถึงให้ความรู้สึกราวกับมีคนกลิ้งหินทับอกเช่นนี้
ซีจงจวินเอาใบหน้าถูไถผ้าปูที่นอนผืนนั้น ไม่รู้ว่าทำแบบนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา แต่อย่างน้อยการได้ดมกลิ่นนางก็ทำให้นอนหลับสบายขึ้น
หวังว่าสักวันสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดนี้จะเป็นกายหอมของภรรยา...
และยามเขาเชยชมดมดอม นางก็จะโอบกอดเขาไว้ด้วยความรักเช่นกัน...
"มี่ฮวา"
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงหวาน ทั้งที่รู้ว่าสิ่งของมันพูดตอบไม่ได้
"มี่ฮวา ข้าทำสิ่งใดผิดหรือ"
กระนั้น... ซีจงจวินก็ยังหวังว่าผ้าปูที่นอนจะเป็นตัวแทนนางมาพูดกับเขา
"หากท่านบอก ข้าจะทำให้ใหม่หมดทุกอย่างเลยมี่ฮวา"
"..."
"ข้าอยากให้การลองใจจบลงเร็วๆ อยากให้ท่านใจดีกับข้า ..รักข้าบ้าง"
ดวงตาสีทองไม่ทอประกายแสงเหมือนก่อนอีกยามสูดกลิ่นสุคนธาหวานล้ำนั้น
"ถ้าข้ารอต่อไป ท่านจะรักข้าใช่หรือไม่"
ไม่ว่าจะพร่ำพูดหรือถามไถ่ รอบกายก็มีแต่ความเงียบงัน
ฝ่ามือไล่ลูบผืนผ้าเบาๆ ถนอมราวกับสิ่งของมีชีวิต ริมฝีปากพรมจูบ ลิ้นสากยาวแลบเลียจนชุ่มด้วยน้ำลายเหนียว
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ดูประหลาดแค่ไหน แต่อยากระบายความรู้สึกที่อัดอั้นข้างในออกมาเหลือเกิน
ภรรยาจะรู้หรือไม่ว่าการอยู่เช่นนี้ ทำให้หัวใจเขาไม่เป็นปกติ...
"คารวะท่านเทพแห่งอรุณรุ่งทิวากาล ฮูหยิน และโอรสทั้งสาม"น้ำเสียงดุดันจากผู้เฝ้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ทั้งสี่ดังก้องทั่วแผ่นดินเทพเซียนหาได้สนใจเสียงเหล่านั้น เหาะเลียบบันไดนับพันขั้นไปยังวังมหาเทพที่ยอดเขาผู้เฝ้าบันไดทั้งสี่กลับมายืดตัวตรง ลดมือที่ประสานกันลง รอแขกกลุ่มต่อไปที่กำลังจะมาถึงเสียงดนตรีอึกทึกดังมาจากด้านบนเขา งานสังสรรค์ยิ่งใหญ่ที่ห้าพันปีจะจัดสักครั้ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพและมาร ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วยุทธภพแห่งนี้ปกครองโดยองค์มหาเทพ แบ่งแผ่นดินเป็นห้าส่วนเรียกตามทิศาดร สรวงสวรรค์ของพระองค์ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงเหนือยอดเมฆาบนแผ่นดินใหญ่รอบแผ่นดินใหญ่ล้อมด้วยผืนโลกสี่แผ่น ได้แก่อุดร บูรพา ทักษิณ และประจิมแดนอุดรคือที่อยู่ของเผ่าเทพ แดนทักษิณคือที่อยู่ของเผ่ามาร แดนบูรพาคือพิภพมนุษย์ แดนประจิมคือนรกโลกวิญญาณ"มีขบวนเผ่ามารขึ้นมาจากทางใต้"หูทิพย์กระดิกเล็กน้อย เทพอสูรองค์แรกนามเป่ยหานจวิน เอ่ยบอกสหายทั้งสาม"เป็นท่านจอมมารราตรีกับหลานสาว"เป็นเสียงของเทพอสูรองค์ที่สองนามหนันอี้จวิน ผู้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงเจ็ดร้อยลี้สามก้านธูปต่อมา ร่างจอมมารชุดดำปักเลื่อมลายแสงดา
ใครๆในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าเทพเซียนเป็นผู้ถือตัวยิ่ง เพราะต่างก็มีรูปโฉมงดงามหลากหลายสำหรับเผ่ามาร แม้มีบ้างที่รูปโฉมงาม ทว่าส่วนใหญ่ก็จะหาได้ไม่มากนักส่วนเทพอสูรนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีรูปกายอัปลักษณ์ ดังนั้นจึงต้องหาภรรยาที่ไม่รังเกียจกัน นั่นคือสัตว์อสูรเป่ยหานจวินมีชายาเป็นอสูรนางแมวแสนซน หนันอี้จวินมีชายาเป็นอสรพิษธารา ตงหลิงจวินมีชายาเป็นอดีตมนุษย์ ทว่าตายแล้วได้เกิดใหม่เป็นอสูรกระต่ายป่าน่าทะนุถนอมส่วนซีจงจวิน...ไม่เคยรู้จักเทพ หรือมารตนใด เพราะเขตเรือนของเขาติดชายแดนปรโลก ไม่มีสิ่งสวยงามเฉียดมาใกล้แถวนั้นมากนักดังเช่นเขตเรือนของสหายทั้งสามจะมีก็แต่วิญญาณผีร้ายที่หลุดออกมาจากนรกให้ต้องช่วยกำจัดและส่งคืนไปเท่านั้นงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป คนบนตำหนักสวรรค์ร่วมพบปะกินดื่มกันอย่างสำราญ"คารวะมหาเทพ ขอพระองค์ทรงปกครองผืนฟ้า ปกปักษ์พสุธาแสนปี แสนๆปี"ชุนหรงเซิน เทพผู้ดูแลมวลพฤกษาพนาไพรประสานมือถวายบังคม ขณะเดินเข้าตำหนักรับรองด้านหลังชุนหรงเซินคือธิดาทั้งแปด ถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย"เจ้าแห่งพฤกษามาเยือนเขาสวรรค์ครานี้ ดอกไม้คงบานทั่วเขาไปอีกพันๆปี"มหาเทพเอ่ย มองเลยไปยังธิดาผู้งดง
งานเลี้ยงวันนั้นได้ผ่านมาแล้วอีกหลายปีเป็นหลายปีที่น่ารำคาญใจยิ่ง ด้วยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปว่ามี่ฮวาแย่งชิงอวี้เวินฉิงมาจากจื่อสุ่ยจิงแรกๆมี่ฮวาไม่รู้อะไรจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามปกติ กระทั่งเห็นสายตาคนรอบข้างที่เปลี่ยนนั่นแหละ ความรู้สึกนางถึงเปลี่ยนตามประกอบกับเหล่าคนใช้ที่ไปตลาดเช้าชอบเอาข่าวแปลกๆมาเล่าให้ฟัง ทำให้ยิ่งระคายหูจากนั้นนางก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในวัง แทบไม่กล้าย่างกรายออกจากตำหนักด้วยซ้ำ บิดานางก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีเขารู้ว่าลูกทุกข์ใจขนาดไหน นางไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยในชีวิต กลับต้องมาติดในวังวนที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้สร้างเช่นนี้วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มี่ฮวานั่งเหม่อลอยมองแจกันดอกไม้ในห้องโดยมีสายตาของพ่อและแม่แอบสอดส่องมาจากนอกหน้าต่างเห็นดวงตาไม่สดใสของลูกสาวแล้ว ฮูหยินต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่"เหตุใดผู้คนถึงขยันเล่าขานเรื่องไม่จริงกันนักนะ"นางบ่นน้ำเสียงหม่นลง กังวลกับคำร่ำลือไร้แก่นสารที่ฝังหัวคนนานเกินไป"เราจะช่วยลูกอย่างไรดีเจ้าคะ" นางหันมาถามตาละห้อยชุนหรงเซินเองก็ไม่รู้ เป็นที่ลือกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งมาจากไหนก็ถูกรังเกียจได
ที่นี่...ที่ไหน?ชุนหรงเซินเปิดเปลือกตาหนักอึ้งช้าๆ สิ่งที่เห็นอย่างแรกเป็นเพดานไม้สูง คล้ายอยู่ในเรือนใครสักคนเทพเซียนไล่มองไปรอบๆ สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆเทพอสูร!!!เป็นเทพอสูรตัวแดงผู้มีสี่เขาหกมือ ด้านหลังมีหางปล้องสีดำเงาเยี่ยงแมงป่องพิษร้ายคนเจ็บทำท่าจะขยับตัวหนี ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามสมองสั่ง นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นรอให้เทพอสูรเคลื่อนกายเข้ามาหาช้าๆกรงเล็บยาวยื่นมาใกล้ใบหน้า ชุนหรงเซินหลับตาปี๋ ใจเต้นดังดั่งเสียงประทัดด้วยความลุ้นระทึกข้ากำลังจะถูกฆ่า!!..แปะ..มือข้างหนึ่งที่ใหญ่เท่าศีรษะของเทพเซียนวางลงกลางหน้าผาก ครู่หนึ่งจึงยกออก"ไข้ลดแล้ว พักอีกสักหน่อยท่านก็จะหายดีขอรับ"น้ำเสียงเข้มดุของเทพอสูรทำให้ชุนหรงเซินค่อยๆลืมตาอีกครั้ง กะพริบปริบๆมองบุรุษที่นั่งชะโงกหน้ามองเขาเช่นกัน"รับโจ๊กเลยไหมขอรับ ข้าพึ่งต้มเสร็จคาดว่าท่านน่าจะตื่นมายามนี้พอดี"ฟังแล้วชวนให้ขมวดคิ้วงุนงง คราแรกไม่กล้ารับอาหารจากเทพอสูร แต่หลังจากได้กลิ่นโจ๊กหอม กระเพาะเจ้าปัญหาก็ส่งเสียงประท้วงขึ้นมาอย่างถูกจังหวะเสียอย่างนั้น"ค่อยๆลุกนะขอรับ"ฝ่ามือใหญ่ช้อนประคองร่างเทพเซียนขึ้นม
"เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ
เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง
ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ
มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก
สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า
คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร
มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน
ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ
เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง
"เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ