ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขา
ข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นาง
ราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..
แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดี
ขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...
ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม
"นั่นไง มานู่นแล้ว"
ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา
"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ"
"อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ
"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"
คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง
"เมียเจ้าไม่ทำอาหารหรือ" เป่ยหานจวินเอ่ยถาม ซีจงจวินก็ส่ายหน้ารัวก่อนตอบ
"นางเป็นเทพธิดาในวังใหญ่โตมาก่อน มีแต่คนคอยรับใช้ขอรับ"
พอฟังจบทั้งสามก็งงงัน สามีทำงานทั้งวันแล้วยังต้องกลับไปทำงานบ้านอีก เช่นนี้ไม่เหนื่อยแย่หรือ
พวกเขาต่างก็มีภรรยาผู้น่ารักคอยปรนนิบัติ จึงไม่คุ้นชินเมื่อได้ยินว่าสามีต้องรับใช้ภรรยา
"ซีจง เจ้าไม่ลองยื่นข้อเสนออะไรไปหน่อยหรือ อย่างเช่นให้นางช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆ หากทำกับข้าวไม่เป็นก็เตรียมของไว้ให้เจ้า อะไรแบบนี้" หนันอี้จวินบอก แต่ซีจงจวินก็ส่ายหน้าอีก
"ไม่ล่ะขอรับ ข้าทำให้นางแบบนี้ดีแล้ว"
ทั้งสามฟังแล้วได้แต่ยืนอึ้ง ไม่นึกว่าเพื่อนจะยอมภรรยาถึงขนาดนี้ นี่เป็นอานุภาพของความรักใช่หรือไม่
"เจ้ายอมนางก็ไม่เสียหายหรอก แต่มากไปก็ไม่ดี" หนันอี้จวินเอ่ยเตือน
"แต่ข้าว่า ไม่แน่นางอาจจะลองใจซีจงอยู่ก็ได้ ยอมๆไปก่อนน่าจะดีกว่านะ" เป็นตงหลิงจวินที่เสนอความคิด
"ลองใจคืออะไรขอรับ"
"ก็การแกล้งให้เจ้าทรมานเล่นๆ ดูว่าเจ้าจะทนรับนางได้แค่ไหนอย่างไรเล่า"
คราวนี้ซีจงจวินพยักหน้าตาม เริ่มคิดว่าบางทีมี่ฮวาอาจจะทำเพื่อลองใจเขา
"ข้าน่ะโดนมาหลายแบบเลยล่ะ แกล้งเอาแต่ใจงอแง โมโหบ่อยๆบ้าง หาเรื่องให้ทำนั่นนี่ให้บ้าง งอนไม่คุยด้วยบ้าง บางครั้งก็แกล้งหอบผ้าผ่อนหนีกลับบ้าน แต่ที่นางทำไปเพราะอยากรู้ว่าข้าจะตามง้อหรือไม่ พอข้าวิ่งเข้าหามากๆเข้านางก็ใจอ่อนไปเอง"
ที่ตงหลิงจวินพูดมาก็มีเหตุผล เป่ยหานจวินและหนันอี้จวินเห็นด้วย เพราะใช่ว่าภรรยาของพวกเขาจะไม่เคยทำเช่นนี้
"ถ้าอย่างนั้น ข้าคงต้องรีบกลับไปเอาใจนางให้มากขึ้นใช่ไหมขอรับ"
"อื้ม"
เมื่อได้รับคำยืนยัน ซีจงจวินไม่รอช้ารีบเหาะขึ้นท้องฟ้าสีนิลตรงกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
...
สำรับเย็นที่มีกับข้าวแปดอย่างวางตรงหน้า ซีจงจวินนั่งกินข้าวตรงมุมห้องเหมือนเดิมแต่เขาไม่รีบกินเท่าวันก่อนๆนัก
เพราะอยากเอาใจมี่ฮวาให้มาก เลยลงมือปรุงกับข้าวเสียเยอะแยะกว่าทุกวัน หวังว่าจะถูกปากนางบ้าง สักจานก็ยังดี...
ดวงตาสีทองวาววับลอบมองตะเกียบในมือของอีกคน คีบเอาเนื้อปลาขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวช้าๆ
ไม่มีสีหน้าแย้มยิ้ม หรือคำชมใดๆ...
"เจ้าจ้องข้านานไปหรือไม่"
มี่ฮวาเอ่ยเสียงแข็ง นั่นเป็นการเตือนว่าหากซีจงจวินยังไม่หันไปทางอื่น นางจะอาละวาดให้มื้อเย็นเละเป็นโจ๊กทีเดียว
คนถูกเตือนรอบแรกทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งกินเงียบๆต่อไป
ไม่มีการสนทนาในวงโต๊ะเหมือนครอบครัวอื่น สิ่งที่คั่นกลางระหว่างมวลอากาศน่าอึดอัด..คือเสียงฝนสาดด้านนอกเรือนกับเสียงฟ้าร้องโครมครามเบาๆ เท่านั้นเอง
กระทั่งผ่านไปไม่นาน ได้ยินเสียงวางตะเกียบ ซีจงจวินจึงหันไปมองจานกับข้าว พบว่ามันไม่ได้พร่องไปมากเท่าไหร่เลย
"ไม่อร่อยหรือ"
เขาตัดสินใจถามไป วันนี้ตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้คุยกันสักคำ ถามสักสี่ห้าคำก็ยังเหลืออยู่อีกตั้งหลายคำให้พูด
"เบื่อ"
มี่ฮวาตอบสั้นๆ นั่นยิ่งทำให้พ่อครัวสงสัยว่านางเบื่อจานไหนกัน
อยากรู้ว่านางชอบอะไรไม่ชอบอะไร หากมีอะไรที่นางไม่ชอบ เขาจะได้ไม่ทำให้กิน
"เบื่อสิ่งใดหรือ"
คราวนี้นางชายตามองอย่างเย็นชา ก่อนจะหลบไปมองทางอื่น คล้ายไม่อยากเห็นหน้าเขานานนัก
"เบื่อคนทำอาหาร"
"..."
"แต่ช่างมันเถอะ ข้าทำอะไรไม่ได้ต่อให้เบื่อแค่ไหน ในเมื่อเจ้าทำมาข้าก็ได้แต่ต้องก้มหน้ากินอยู่ดี"
นางว่าคล้ายปลงกับกับชีวิต ส่วนซีจงจวินฟังแล้วไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ
การได้เห็นเขากินข้าวคล่องปากทั้งที่ตัวนางแทบไม่อยากกลืนอะไรลงท้องเช่นนี้ คงทำให้ไม่พอใจสินะ
ซีจงจวินจำใจวางตะเกียบลง เก็บสำรับแล้วลุกไปเตรียมน้ำร้อนให้มี่ฮวาอาบ
ราวสองก้านธูป..
หญิงสาวแช่น้ำน้ำจนพอใจ เดินออกมาพบว่าชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้
ซีจงจวินโบกมือครั้งหนึ่งเกิดลมพัดไหว ผ้าปูเตียงก็เปลี่ยนเป็นผืนใหม่อย่างง่ายดาย ก่อนหันมาเจอนางยืนมองอยู่หน้าประตู
มี่ฮวาในชุดนอนบางพลิ้วยามนี้ช่างดูราวกับภูติตัวน้อยที่ใช้กลีบผกาบางเบาห่อหุ้มกาย..
แค่เห็นภรรยาคนงามก็เพลินตา เผลอมองจนรู้สึกตัวอีกทีนางก็ทำตาขวางใส่อีกหนเสียแล้ว
"ชอบผ้าปูใหม่หรือไม่"
ซีจงจวินกระแอมไอเล็กน้อยแก้เขินก่อนหลบไปยืนอีกทางให้นางได้เข้ามาที่เตียง
"ไม่ชอบ"
หลังจากถามอ้อมแอ้มและได้คำตอบเสียงดังฟังชัด ซีจงจวินหันมองผ้าที่เขาพึ่งปูไป สงสัยว่านางไม่ชอบมันตรงไหนกัน
หรือมันไม่ใช่สีโปรดนาง..
บางทีนางอาจจะไม่ชอบลาย..
เนื้อผ้ามันหยาบเกินไปกระมัง...
"ไม่ชอบเพราะอะไรหรือ"
สารพัดความคิดผุดขึ้น สุดท้ายต้องซีจงจวินนับคำก่อนพูด นี่เป็นคำถามสุดท้ายของวัน เพราะเขาไม่อาจพูดเกินยี่สิบคำได้
"เพราะเจ้าเป็นคนเลือก"
ตอบเสียงดังฟังชัดแล้วมี่ฮวาก็โบกมือไล่ ส่วนทางคนฟังทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าซ่อนแววตาสีหม่น เดินออกไปตามคำสั่ง
..เขาผิดเองที่เลือกของไม่เป็น เพราะปกติผ้าปูที่นอนเขาเป็นสีขาวเรียบง่ายตลอด
พอจะหาของสักอย่างที่เข้ากับผู้หญิงหน่อยก็กลับทำได้ไม่ดี..
ประตูห้องปิดลง เหลือเพียงร่างใหญ่ยักษ์ของเทพอสูรกับสีหน้าที่ดูผิดหวังเต็มประดา
"ข้านี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ"
เขาพูดเบาๆกับตัวเอง ไม่หวังให้อีกคนได้ยินเพราะรู้ว่านางคงไม่ชอบเสียงนี้
ซีจงจวินเดินกลับห้องไป ไร้เสียงฝีเท้าราวเป็นวิญญาณไร้ตัวตน
เขาผิดหวังกับตัวเองที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจนางไปเสียหมด
ทั้งที่เขากำลังพยายาม..
ทั้งที่เขากำลังยอม.. เพื่ออะไรก็ตามที่จะแลกมาซึ่งความรักตอบแทน
หากตั้งใจมากกว่านี้ คราวหน้าจะต้องสำเร็จใช่หรือไม่...
กระนั้นเทพอสูรก็ยังคงคาดหวัง.. หารู้ไม่ว่าที่มี่ฮวาทำลงไปทั้งหมดไม่ใช่การลองใจอย่างที่คิด
นางปฏิเสธเพราะชัง...
อคติที่มีต่อเขาไม่มีวันลบเลือนจางหาย...
แม้ไม่รู้ว่าไปโกรธเกลียดมาตั้งแต่ชาติปางไหน แต่มี่ฮวาก็ไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ด้วยแน่
...
ฝนตกหนักเกิดเสียงน้ำระลอกใหญ่กระทบหลังคากระเบื้อง
แต่ในห้องนอนกลับเงียบสงัด คนบนเตียงเอามือข้างหนึ่งทาบอกตรงที่มีอวัยวะส่งเสียงเต้นเบาๆ
คล้ายจะถามว่าหัวใจเป็นอะไรหรือเปล่า...
มือหนึ่งกอดผ้าปูที่นอนผืนเก่าซึ่งหยิบติดมือมาจากห้องของภรรยา
กลิ่นของมี่ฮวาติดอยู่บนนั้นเต็มไปหมด ทั้งที่สูดดมจนชื่นอุรา ทว่าหัวใจกลับเจ็บแปลบ
นางเบื่อ เพราะข้าน่าเบื่อ...
นางไม่ชอบของที่ข้าให้ เพราะมันเป็นของของข้า...
เพราะนางอยากลองใจจริงๆ ใช่หรือไม่...
เพราะอยากให้ข้าอดทนมากๆ เลยพูดแบบนั้นสินะ...
เหตุใดแค่คำว่า 'เบื่อ' กับ 'ไม่ชอบ' ถึงให้ความรู้สึกราวกับมีคนกลิ้งหินทับอกเช่นนี้
ซีจงจวินเอาใบหน้าถูไถผ้าปูที่นอนผืนนั้น ไม่รู้ว่าทำแบบนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา แต่อย่างน้อยการได้ดมกลิ่นนางก็ทำให้นอนหลับสบายขึ้น
หวังว่าสักวันสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดนี้จะเป็นกายหอมของภรรยา...
และยามเขาเชยชมดมดอม นางก็จะโอบกอดเขาไว้ด้วยความรักเช่นกัน...
"มี่ฮวา"
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงหวาน ทั้งที่รู้ว่าสิ่งของมันพูดตอบไม่ได้
"มี่ฮวา ข้าทำสิ่งใดผิดหรือ"
กระนั้น... ซีจงจวินก็ยังหวังว่าผ้าปูที่นอนจะเป็นตัวแทนนางมาพูดกับเขา
"หากท่านบอก ข้าจะทำให้ใหม่หมดทุกอย่างเลยมี่ฮวา"
"..."
"ข้าอยากให้การลองใจจบลงเร็วๆ อยากให้ท่านใจดีกับข้า ..รักข้าบ้าง"
ดวงตาสีทองไม่ทอประกายแสงเหมือนก่อนอีกยามสูดกลิ่นสุคนธาหวานล้ำนั้น
"ถ้าข้ารอต่อไป ท่านจะรักข้าใช่หรือไม่"
ไม่ว่าจะพร่ำพูดหรือถามไถ่ รอบกายก็มีแต่ความเงียบงัน
ฝ่ามือไล่ลูบผืนผ้าเบาๆ ถนอมราวกับสิ่งของมีชีวิต ริมฝีปากพรมจูบ ลิ้นสากยาวแลบเลียจนชุ่มด้วยน้ำลายเหนียว
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ดูประหลาดแค่ไหน แต่อยากระบายความรู้สึกที่อัดอั้นข้างในออกมาเหลือเกิน
ภรรยาจะรู้หรือไม่ว่าการอยู่เช่นนี้ ทำให้หัวใจเขาไม่เป็นปกติ...
เกือบสองเดือนแล้วที่ซีจงจวินออกไปทำงานสายทุกวัน เพราะมัวแต่นั่งรอจะกินข้าวพร้อมภรรยาอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะมี่ฮวาไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วในใจมี่ฮวาชิงชังซีจงจวินเพราะเขาคืออสูรอัปลักษณ์ ร่างกายอันแปลกพิลึกนั่นไม่มีส่วนไหนน่าดูสักนิดที่สำคัญคืออสูรอัปลักษณ์ตนนั้นไม่เคยเจียมตัว คิดไขว่คว้าบุปผาสวรรค์มาเชยชม เพราะหลงเพียงเปลือกที่หุ้มตัวนางไว้ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยบิดาจากวิญญาณร้ายแล้วยังให้สุราสวรรค์มาวันนั้นเป็นซีจงจวิน มี่ฮวาก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นในอกคงกะให้ท่านพ่อติดหนี้บุญคุณสักหลายอย่าง แล้วค่อยเอ่ยขอลูกสาวมาเป็นเมียสินะ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์!นางทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าก่นด่าเขาวันละพันหน กับไม่ให้เขาเข้ามาใกล้นางมากนักอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าหากผ่านไปนานกว่านี้อีกสักเดือนแล้วนางยังมีท่าทีรังเกียจอยู่ เขาจะทำอย่างไรแต่อสูรชั่วช้าเช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า.. นอกจากบังคับขืนใจนาง ให้ร่วมรักอย่างวิปริตผิดแปลกมองปราดเดียวก็รู้ สายตาที่เขาส่งมามักจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ใคร่อยากจะแนบกายเกยชิดคนอยู่ว่างๆเอาแต่นั่งมองสวนดินอันว่างเปล่าที่ชวนให้รำคาญตา ระหว่างนั้นก็มีเสียงหน
เช้าวันถัดมา หลังจากซีจงจวินออกไปทำงานได้สักพักมี่ฮวาเริ่มเดินสำรวจรอบบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ที่บิดาให้ไว้มาเพาะแต่ก่อนอื่นต้องแก้ดินเสียก่อน เพราะมันแห้งจนไม่สามารถปลูกอะไรได้เพียงวาดแขนหนเดียว พื้นดินก็ชุ่มชื้นขึ้น เมล็ดพืชถูกหว่านวาง งอกเงยออกดอกเบ่งบานนางให้ต้นเหมยกับดอกโบตั๋นขึ้นตรงห้องที่มีประตูเปิดออกมาชมสวน สร้างเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสวยงามการจัดสวนสร้างความเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบค่ำเสียแล้ว เมื่องานเสร็จนางไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งรอซีจงจวินกลับบ้านยามนี้พระอาทิตย์ได้จากท้องฟ้าไปนานแล้ว..การรอคอยทำให้เกิดโทสะเพราะมันเลยเวลามาตั้งหนึ่งชั่วยาม เทพอสูรก็ยังไม่ยอมกลับมารับใช้นางสักทีจนเข้ายามซวี ประตูหน้าบ้านถึงเปิดออกซีจงจวินกลับถึงบ้านในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้าที่นัก ที่แขนซ้ายมีแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์อสูรฝากไว้ เลือดไหลซึมไม่มากมี่ฮวารู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงเดินกอดอกเชิดหน้าหมายจะเข้ามาหาเรื่องแต่พอเห็นสภาพซีจงจวินที่เหมือนพึ่งไปรบ สมองก็ตื้อไปครู่หนึ่งเสียอย่างนั้น"ไปไหนมา""ข้าไปทำงานไถ่โทษมา"ฟังแล้วมี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำงานไถ่โทษทำ
คืนนั้นมี่ฮวากลับเข้ามานอนในห้องของซีจงจวิน ความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเช่นกันและเดินทางเข้าสู่ห้วงฝัน..ใต้ท้องฟ้าสีหม่นมัวที่ฝนปรอยลงมา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดูไม่คุ้นเคย ตัวนางยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างกาย..เป็นชายผู้หนึ่งไม่รู้เหตุใดนางถึงเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด..และเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางฟังไม่ถนัดเลย.."ท่านเป็นใคร"คำถามนั้นได้รับการตอบกลับ แต่นางฟังไม่ออก ยามชายผู้นั้นยื่นมือมาลูบหัว น่าแปลกที่มี่ฮวาไม่ขยับหนีแม้ในความฝันจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่นางกลับได้รับไออุ่นท่ามกลางสายฝนมาเต็มหัวใจ"ข้าคิดถึงท่าน"ไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม แต่ความรู้สึกด้านในมันบอกมาเช่นนั้นชายผู้นั้นโอบกอดนาง เนิ่นนานเหลือเกิน..และนางเองก็รู้สึกเหมือนอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป.....เสียงวิหคขับขาน บอกเวลาที่มันตื่นและโผบินออกจากรังเปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ กายของซีจงจวินล้าจนขยับแทบไม่ไหว แต่จำต้องฝืนลุกเพราะห่วงเตรียมสำรับให้ภรรยาเมื่อลุกขึ้นนั่งก็พบว่าบนตัวมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าทำแผลเสร็จก็นอนไปบนพื้นเย็นๆทั้งอย่างนั้น...พลันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบ
มี่ฮวาอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าห้องแต่ฝ่าเท้าหยุดชะงักเมื่อนางเปิดประตูและภาพวิญญาณเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวมันน่ากลัว จนไม่กล้านอนคนเดียวอีก..."นี่"มี่ฮวาหันไปเรียกเทพอสูรที่ยืนรอส่งนางเข้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม"คืนนี้ข้าจะนอนในห้องเจ้า เจ้านอนที่พื้นเหมือนคืนนั้น"แล้วนางก็เดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ถัดไป ซีจงจวินได้แต่มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง..คิดว่ามี่ฮวาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น..เช่นนั้น.. หากแขนเขาขาดไปอีกสักข้าง นางจะยอมพูดด้วยหรือเปล่า..ซีจงจวินทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเฉือนแขนทิ้งหรอก เท่านี้ก็เจ็บเกือบตายแล้วเขาหอบเสื้อผ้าออกไปอาบน้ำในป่าเหมือนเดิม แล้วจึงกลับเข้ามานอนที่มุมหนึ่งในห้องหลังจากเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน คืนนี้ซีจงจวินหลับสนิทแม้จะนอนบนพื้นแข็งเย็นเยียบ...เท่านี้ก็ดีเกินพอเพราะนางอยู่ใกล้ เลยหายห่วงไปได้มาก...เวลาเดียวกัน มี่ฮวาไม่ได้หลับไปอย่างที่ซีจงจวินคิดนางแอบมองเทพอสูรที่นอนขดตัวอยู่ไกลๆ คิดว่าให้นอนบนพื้นไม้เย็นๆแบบนั้น เขาคงหนาวเหมือนกันแต่จะให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียงก็น่ากลัวเกินไปมี่ฮวาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกเ
สุริยันสาดแสง ซีจงจวินในชุดเกราะเหล็กพร้อมทำงานกำลังยกสำรับขึ้นโต๊ะ โดยมีสัตว์อสูรเดินตามหลังเพื่อเรียนรู้การทำงาน"ทำไมนายท่านถึงทำกับข้าวเยอะขนาดนี้หรือขอรับ"อสรพิษธาราเอ่ยถามขณะมองจานสองใบในมือตัวเอง และอีกห้าใบในมือของผู้เป็นนาย ก็ในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน แต่นายท่านทำเผื่อเหมือนอยู่กันหกเจ็ดคน"ข้าอยากให้มี่ฮวาได้กินของดีมากๆไว้"เขาตอบขณะเรียงจานบนโต๊ะอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ก่อนหันมาตั้งเตาอุ่นน้ำชาเล็กๆข้างโต๊ะ"ของว่างตอนกลางวันอยู่ในครัว หากชากานี้หมดตอนเช้าก็ชงกาใหม่ให้มี่ฮวาด้วย""ชงอย่างไรหรือขอรับ"วิหควายุถาม ซีจงจวินจึงค่อยๆสอนพวกมันไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดตอนรับใช้ภรรยาเขา"ถ้านางตื่นสายแล้วสำรับพวกนี้เย็นชืด เจ้าก็เอาไปตั้งเตาอุ่นใหม่เสีย น้ำแกงเอาลงหม้อต้มอย่างละใบ อุ่นข้าวใช้หม้ออันนี้ จะผัดของก็อย่าใส่น้ำมันมากเกิน"ซีจงจวินพาบ่าวทั้งสองมาดูอุปกรณ์ในครัวอีกครั้งพร้อมอธิบายไปด้วย ก่อนจะเปิดเข่งหมั่นโถวนุ่มฟูให้เด็กน้อยดูเขาหยิบขึ้นมาสองลูก ส่งให้มันคนละลูก เด็กน้อยรับของร้อนในมือมาเป่าแล้วมองผู้เป็นนายตาแป๋ว"ถ้าหิวก็เอาสิ่งนี้ไปกิน แต่
ความเย็นชาของภรรยาไม่ได้ทำให้สามีจดจำสักนิด..วันนี้ดูเทพอสูรจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำกับข้าวไปก็ยังยิ้มไม่หุบจนซวนเฟยกับชิงเหลียงสงสัย"ทำไมวันนี้นายท่านถึงอารมณ์ดีนักหรือขอรับ" เจ้าครึ่งนกถาม"เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้" ซีจงจวินไม่ยอมบอก เพียงหันไปตักผัดผักใส่จานส่งให้เจ้าครึ่งงูเขากะเก็บไว้เป็นความลับ รอกระทั่งถึงตอนเย็นค่อยบอก..เมื่อคืนก่อน ในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนว่างโล่ง ตอนนี้มีเครื่องเรือนไม้วางตั้งทั้งตู้หนังสือ โต๊ะกว้างตรงกลางห้อง และตั่งยาวตรงข้างหน้าต่างจากนั้นก็ขนเอาของของมี่ฮวามาจัดใหม่ วางหนังสือเรียงเป็นระเบียบ ผืนผ้าหลากเนื้อหลายสีถูกพับเก็บเรียบร้อยในลิ้นชักเดียวกับอุปกรณ์เย็บปัก เครื่องเขียนถูกจัดวางบนโต๊ะครบครันจากการสังเกตมาสักพักรวมกับที่ถามจากเจ้าอสูรเด็กทำให้รู้ว่าตอนกลางวันมี่ฮวามักจะนั่งเย็บนู่นปักนี่ในห้องชมสวนหรือไม่ก็วาดรูปเขียนกลอน ส่วนตอนกลางคืนก็จะอ่านหนังสือในห้องนอนด้วยความอยากเอาใจ ซีจงจวินจึงแอบทยอยขนของของนางมาไว้ให้ และก็กะจะซื้อเพิ่มด้วยเขาชอบเวลาเห็นภรรยาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แม้จะเป็นงานเล็กๆน้อยๆฆ่าเวลาแต่คนมองก็ยังชุ่มชื่นหัวใจนอกจากนี้นางยั
ซีจงจวินมาทำงานตอนเช้าและกลับตอนค่ำเหมือนเคย แต่วันนี้ก่อนปลีกตัวจากเหล่าสหาย ตงหลิงจวินก็กวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ"เอ้า เอานี่ไป" ตงหลิงจวินยัดหนังสือเล่มหนึ่งใส่มือซีจงจวิน"นี่คือหนังสืออะไรหรือขอรับ"หลังจากยื่นให้ ตงหลิงจวินก็มีสีหน้ากระดี๊กระด๊าราวกับเป็นคนได้รับเสียเอง พยักพเยิดให้คนทำหน้าไม่เข้าใจรีบเปิดดู!!!!ดวงตาเทพอสูรแมงป่องเบิกกว้างทันทีเมื่อภาพด้านในฉายออกมาให้เห็นมันคือ..ภาพการร่วมรัก!เมื่อเปิดไล่ไปทีละหน้าก็พบว่าในนี้มีแต่ฉากร่วมรักเต็มไปหมด ทั้งภาพทั้งคำอธิบายชัดเจนแจ่มแจ้ง!!หลายท่าหลายทางดูพิสดารทว่าอัศจรรย์นัก ช่างดึดดูดสายตาน่าลองทำตามยิ่ง"เขาเรียกว่าตำราวังวสันต์"ตงหลิงจวินกลั้นหัวเราะกับท่าทางของซีจงจวินที่ไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนในชีวิต"..ตำรา..วังวสันต์?" ซีจงจวินทวนคำโดยที่ดวงตายังคงจดจ้องภาพการร่วมรักน่าอภิรมย์ค้างอยู่เช่นนั้น"ใช่ เป็นของที่มีขายในโลกมนุษย์"คราวนี้ซีจงจวินหันมาขมวดคิ้วมองตงหลิงจวินที่ยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิก "พี่ตงหลิงมีได้อย่างไรขอรับ""จะยากอะไร เมียข้าไปหาซื้อมาไว้เต็มบ้าน""ภรรยา..ของท่าน!?" พอได้ยินดังนั้น คนฟังถึงกับอึ้งไปช
คืนวันผันเปลี่ยน มี่ฮวากับซีจงจวินอาศัยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาแต่แก่นแท้ในความสัมพันธ์กลับไม่พัฒนาไปไหนเลย..มีเพียงเทพอสูรที่จงรักชนิดยอมตายถวายหัว ไม่รู้เพราะเหตุนั้นหรือเปล่ามี่ฮวาที่ถูกตามใจตลอดถึงเคยตัวเช่นนี้หญิงสาวนั่งเล่นอยู่ในห้องชมสวนเหมือนอย่างเคย กำลังปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นสีแดงสดใสปลายยามอู่ ผ้าเช็ดหน้าแสนสวยก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย"นายหญิงขอรับ มีคนมาขอพบขอรับ"เสียงของซวนเฟยเรียกสายตาจากผู้เป็นนายให้หันไปมองอย่างสงสัย"ใครหรือ""เขาบอกว่าชื่ออวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้น ดวงตากลมเบิกกว้างทันทีท่านอวี้เวินฉิงมาได้อย่างไรกัน?"ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" มี่ฮวารีบลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้า เดินออกไปรับแขกยังหน้าเรือนที่หน้าประตูมีร่างชายผู้หนึ่งยืนตัวตรงสง่า สายตาจ้องมองมาที่นางสื่อความคิดถึงเสียมากมายจนไม่อาจปิดกั้น"มี่ฮวา"บุรุษรูปงามที่แสนคุ้นเคยเรียกชื่อนางอย่างยินดี รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าดูราวกับเขามีความสุขเหลือเกิน"คารวะท่านอวี้เวินฉิง" มี่ฮวาเอ่ย ทำความเคารพพร้อมส่งยิ้มให้เช่นกันอวี้เวินฉิงน้ำตารื้นเมื่อมองสาวงามตรงหน้า ก่อนเดินเข้ามาจับมือนุ่มกุมไว้"มี่ฮวา..
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ
ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า
สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต
หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน