ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่น
ซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..
แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้ว
เปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย
ชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน
...
ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหล
ซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
"โอยยย..."
เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก
"ตื่นแล้วหรือ"
ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาด
เทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูง
ดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ
"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"
ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับมาโดยไม่ได้พูดอะไร ยกดื่มรวดเดียวหมดแล้วก็นิ่งไปเสียเฉยๆ
"เป็นอย่างไรบ้าง"
หลังจากได้ยินคำถาม สมองต้องใช้เวลาประมวลผลถึงเกือบหนึ่งถ้วยจิบชาจึงจะอ้าปากพูดได้
"ดีขึ้นแล้วขอรับ ขอบคุณท่านมาก" ได้ยินคำตอบน้ำเสียงปกติก็แปลว่าสร่างแล้ว ชุนหรงเซินจึงโล่งใจยิ้มออก
"เมื่อคืนท่านจำสิ่งที่พูดไปได้หรือไม่"
"เอ่อ... เกรงว่าจะไม่ขอรับ ขออภัยด้วยหากข้าล่วงเกิน เสียมารยาทต่อหน้าท่าน"
ซีจงจวินทำท่าจะคุกเข่าก้มหัวขอโทษแต่ก็ส่ายไปมาทรงตัวไม่ได้ ชุนหรงเซินจึงห้ามเอาไว้
"ไม่เลยๆ ท่านไม่ได้เสียมารยาทอะไร แล้วยังทำให้ข้าอารมณ์ดีขึ้นมาก"
"เช่นนั้นหรือขอรับ"
"อืม.. เพียงแต่ข้าอยากรู้เรื่องที่เราคุยกันค้างไว้ต่อจากเมื่อคืนเท่านั้น"
ซีจงจวินจำไม่ได้เลยว่าพูดสิ่งใดไปบ้าง หลังสุราจอกที่สามสติเขาก็มลายสิ้น
"ท่านบอกว่าท่านได้แผลใหญ่นี่จากแม่น้ำลืมเลือน มันเกิดอะไรขึ้นหรือ"
ชุนหรงเซินบอกพร้อมชี้ไปที่รอยแผลไหม้สีดำแถวสีข้างของเทพอสูร ซีจงจวินก็เข้าใจทันที
"ต้องขออภัยที่ไม่อาจชี้แจงได้ เพราะตัวข้าเองก็จำอะไรไม่ได้ขอรับ เมื่อสามพันปีก่อนข้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าได้แผลนี้มาแล้วขอรับ"
"..อย่างนั้นเอง"
คนฟังไม่ได้ว่าอะไร ด้วยรู้ว่าน้ำในแม่น้ำลืมเลือนนั้น ไม่ว่าผู้ใดกินอาบเข้าไปเป็นอันต้องไม่หลงเหลือความทรงจำทั้งสิ้น
เขาเองก็ไม่คิดติดใจอะไรอีก...
ไม่สิ..
"ท่านบอกว่าเมื่อสามพันปีก่อนหรือ"
"ขอรับ"
ชุนหรงเซินกลับมานั่งครุ่นคิด เขารู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างจึงรีบบอกลาซีจงจวิน ขึ้นรถลากกลับไป
สองชั่วยามต่อมา รถลากก็จอดลงที่หน้าวัง ชุนหรงเซินพุ่งตัวไปที่ตำหนักของมี่ฮวาทันที
"มี่เอ๋อร์"
ประตูเลื่อนเปิดกว้าง บิดากำลังจะเข้าไปคุยด้วย ลูกสาวคนเล็กก็วิ่งเข้ามาหาเช่นกัน ดวงตาเปล่งประกายฉายแววซุกซน
"ท่านพ่อ ข้าคิดวิธีดีๆได้แล้วเจ้าค่ะ"
คำของนางทำให้ชุนหรงเซินเงียบไป เขาตั้งรับยังไม่ทัน
"วิธี...วิธีหาสามีของเจ้าน่ะหรือ"
"เจ้าค่ะ" นางพยักหน้ารัว
ด้วยความอยากรู้ที่ผุดแทรกขึ้นมา ทำให้เขาลืมเรื่องที่จะมาคุยกับนาง เปลี่ยนเป็นนั่งลงตั้งใจฟังแทน
"ชายที่รักข้าจริงจะต้องเป็นคนมุ่งมั่น มีความพยายาม อดทนมากๆ และจะต้องถนอมข้าเป็นอย่างดี"
..นั่นก็เป็นคุณสมบัติทั่วไปของบุรุษที่ดีไม่ใช่หรือ
"แล้วมันอย่างไรเล่า"
ชุนหรงเซินถาม ตอนนั้นเองที่มี่ฮวายื่นมือมาตรงหน้าเขา เสกดอกไม้ขึ้นมาดอกหนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
มันเป็นดอกไม้รูปทรงประหลาด ทว่ากลับมองแล้วดูสวยวิจิตรราวธรรมชาติบรรจงสร้าง
กลีบมีสีสันอ่อนเข้มไร่เรียงกันเป็นระลอกริ้วน่าดูไม่รู้เบื่อ อีกทั้งกลิ่นยังหอมฟุ้งเป็นเอกลักษณ์ ดมเพียงครั้งเดียวต้องจดจำไปตลอดชีวิต
"นี่คือดอกอะไรหรือ มี่เอ๋อร์"
"ข้าสร้างมันขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเจ้าค่ะ เลยยังไม่ได้ตั้งชื่อ"
"แล้ว.. เจ้าจะเอามาใช้อย่างไร"
เมื่อได้ยินคำถาม มี่ฮวาก็ยิ้มกว้างขึ้น นางมอบดอกไม้นั้นให้บิดาได้เชยชมใกล้ๆ
เพียงเขาจับก้านขึ้นมาดมได้ครู่เดียว กลีบดอกบอบบางก็เริ่มเฉาช้ำ
"เหตุใดถึงเหี่ยวตายง่ายถึงเพียงนี้" ชุนหรงเซินตกใจเมื่อดอกไม้ที่มี่ฮวาเนรมิตขึ้นนั้นกลีบโรยร่วงเสียแล้ว ทั้งที่เขาพึ่งสัมผัสมันได้ไม่ถึงครึ่งถ้วยจิบชาด้วยซ้ำ
"ข้าจะใช้ดอกไม้นี้เป็นตัวพิสูจน์เจ้าค่ะ เสกให้มันไปขึ้นในที่ไกลๆ แล้วให้เทพเหล่านั้นออกตามหา กติกาคือต้องหาเจอและนำกลับมาได้ก่อนฟ้ามืด แน่นอนว่าดอกไม้ดอกนี้ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จึงจะถือว่าชนะเจ้าค่ะ"
มี่ฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาบิดาที่ฟังแผนการนั้นเริ่มปวดหัว
ขนาดเขาเป็นเทพผู้บันดาลให้พืชพรรณผลิดอกออกผลยังทำดอกไม้นี้ตายได้ แล้วเทพเซียนผู้อื่นจะผ่านการทดสอบนี้ไปได้หรือ
...
เพียงไม่กี่วันต่อมา งานถูกจัดอีกครั้ง มี่ฮวาให้เหตุผลกับเทพเซียนที่มาเข้าร่วมทั้งครั้งก่อนและครั้งนี้ว่านางไม่อาจตัดสินใจได้ จึงต้องจัดการแข่งขันขึ้น
เมื่ออธิบายกติกาจบ นางกรีดนิ้วร่ายมนตร์ ดอกไม้ในมือก็หายวับไป
"ดอกไม้นี้จะไปขึ้นในที่ที่ไกลแสนไกล พวกท่านต้องตั้งใจหาดีๆนะเจ้าคะ"
นางเอ่ยพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เทพบุรุษหลายสิบองค์ นั่นทำให้พวกเขาฮึกเหิมมากพอจะออกตามล่าบุปผางามราวจะพลิกแผ่นดินได้
ชุนหรงเซินหวังว่าจะมีใครสักคนที่หาเจอแล้วนำกลับมาได้โดยไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน
เหมยกุย จวี๋ฮวา และเหลียนฮวาดูน้องคนสุดท้องที่นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วก็ถอนหายใจ บัดนี้ในห้องเหลือแต่พวกนางทั้งแปด บิดาและมารดาเท่านั้น
"แล้วเจ้าตั้งใจจะทำอะไรแน่"
เหลียนฮวาเอ่ยถาม รู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีสิทธิ์เลือก นางงามออกปานนี้ก็ย่อมต้องอยากได้คู่ครองที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
แต่งานนี้ดูจะหนักหนาไปสักหน่อย..
"ข้าเสกให้มันไปขึ้นในที่ที่ไกลมาก หากไม่ตั้งใจหาก็จะหาไม่เจอ และกว่าจะได้มาต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายประการ เมื่อได้มาแล้วก็ต้องถนอมรักษาไว้อย่างดีไม่ให้ตายกลางทาง และต้องหาวิธีกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุดด้วย"
มี่ฮวาอธิบายเหล่าพี่สาวก็พยักหน้าตาม นางก็ช่างคิดเสียเหลือเกิน
หมายความว่าผู้ชนะในวันนี้จะต้องเป็นคนที่เฉลียวฉลาดจนเดาใจนางได้ ทั้งกล้าหาญ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตัดสินใจรวดเร็ว รอบคอบ และที่สำคัญคือต้องรู้จักรักหยกถนอมบุปผา
"แล้วหากไม่เป็นไปตามนั้นเล่า"
"หากไม่ผ่านแม้แต่ครึ่งข้อ ข้าก็ไม่แต่งให้เจ้าค่ะ"
นางพูดอย่างจริงจัง อยากรู้เหลือเกินว่าจะมีผู้ที่สามารถชนะใจมี่ฮวาได้หรือไม่
...
ตะวันลับขอบฟ้า จันทราเยื้องกราย ดวงดาวพร่างพรายส่องแสง
เทพเซียนทั้งหลายล้วนกลับมามือเปล่า สีหน้าผิดหวังระคนเจ็บใจ แม้ตั้งใจตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ
"ข้าออกไปไกลถึงสุดชายแดนแผ่นดินเชียวนะแม่นาง"
"ข้าถึงกับยกภูเขาเฉินซานหาทีเดียว"
"ข้าบุกไปถึงรังหงส์นภาก็ไม่เจอ"
พวกเขาล้วนกลับมาเล่าถึงความยากลำบากที่พบเจอ เพื่อจะบอกว่าพวกเขาตั้งใจหาแล้ว
จนกระทั่งมีเซียนหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ฝีเท้าก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมยื่นของบางสิ่งในมือให้
"ข้าชนะแล้วนะแม่นาง"
เขาส่งยิ้มพร้อมดอกไม้งามหอมในมือไปตรงหน้ามี่ฮวา
คนทั้งหมดตกใจกันยกใหญ่ บิดามารดาเบิกตาโพลง เหล่าพี่สาวกระโดดโลดเต้น บุรุษทั้งหลายทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
มีเพียงมี่ฮวาที่นิ่งไปชั่วอึดใจ มือขาวเรียวยื่นไปรับดอกไม้มาถือไว้
..ก่อนจะกระตุกยิ้มครั้งหนึ่ง
มือนางเกิดอ่อนแรงขึ้นมาฉับพลัน เผลอปล่อยให้สิ่งที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงกระทบพื้น
ดวงตาสีเขียวส่องประกายดั่งหยกเนื้องามช้อนมองคนตรงหน้า ฉายแววขุ่นเคืองทั้งที่น้ำเสียงยังคงนิ่งเรียบ
"ดอกไม้นี้ไม่ใช่ของจริง"
!!!
"มะ..แม่นางว่าอะไรนะ!?"
เทพเซียนผู้นั้นก้มลงไปเก็บดอกไม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่มี่ฮวาเชิดหน้าเหลือบมองเขาอย่างดูแคลน
"ท่านใช้ของพรรค์นี้มาตบตาข้า ไม่ดูถูกกันเกินไปหน่อยหรือ"
"แม่นาง เจ้าพูดเรื่องอะไร"
ทุกสายตากำลังจ้องมาที่เขาเพียงผู้เดียว ทำเอาคนพูดอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก
"หากเป็นดอกไม้ที่ข้าสร้างขึ้นจริง ไม่ต้องรอให้ตกพื้นหรอก แค่ท่านเดินถือมามันก็เฉาตายตั้งแต่ยังไม่เข้าเขตวังแล้ว"
ฟังจบ เทพเซียนผู้นั้นหน้าม้าน อับอายเหลือเกินที่ถูกจับได้แล้วยังถูกเปิดโปงเสียหมดเปลือก
"ท่านแพ้แล้ว"
นางกล่าวก่อนเดินออกจากตำหนักไปไม่สนใจสิ่งใดอีก
ชุนหรงเซินต้องประกาศปิดงาน ในเมื่อไม่มีผู้ใดหาดอกไม้นั้นเจอ มี่ฮวาก็จะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น
...นางวางแผนไว้เช่นนี้แต่แรกใช่หรือไม่...
****
หนึ่งถ้วยจิบชา เท่ากับสิบนาที
มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน
คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร
สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า
"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
เกือบสองเดือนแล้วที่ซีจงจวินออกไปทำงานสายทุกวัน เพราะมัวแต่นั่งรอจะกินข้าวพร้อมภรรยาอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะมี่ฮวาไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วในใจมี่ฮวาชิงชังซีจงจวินเพราะเขาคืออสูรอัปลักษณ์ ร่างกายอันแปลกพิลึกนั่นไม่มีส่วนไหนน่าดูสักนิดที่สำคัญคืออสูรอัปลักษณ์ตนนั้นไม่เคยเจียมตัว คิดไขว่คว้าบุปผาสวรรค์มาเชยชม เพราะหลงเพียงเปลือกที่หุ้มตัวนางไว้ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยบิดาจากวิญญาณร้ายแล้วยังให้สุราสวรรค์มาวันนั้นเป็นซีจงจวิน มี่ฮวาก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นในอกคงกะให้ท่านพ่อติดหนี้บุญคุณสักหลายอย่าง แล้วค่อยเอ่ยขอลูกสาวมาเป็นเมียสินะ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์!นางทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าก่นด่าเขาวันละพันหน กับไม่ให้เขาเข้ามาใกล้นางมากนักอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าหากผ่านไปนานกว่านี้อีกสักเดือนแล้วนางยังมีท่าทีรังเกียจอยู่ เขาจะทำอย่างไรแต่อสูรชั่วช้าเช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า.. นอกจากบังคับขืนใจนาง ให้ร่วมรักอย่างวิปริตผิดแปลกมองปราดเดียวก็รู้ สายตาที่เขาส่งมามักจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ใคร่อยากจะแนบกายเกยชิดคนอยู่ว่างๆเอาแต่นั่งมองสวนดินอันว่างเปล่าที่ชวนให้รำคาญตา ระหว่างนั้นก็มีเสียงหน
เช้าวันถัดมา หลังจากซีจงจวินออกไปทำงานได้สักพักมี่ฮวาเริ่มเดินสำรวจรอบบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ที่บิดาให้ไว้มาเพาะแต่ก่อนอื่นต้องแก้ดินเสียก่อน เพราะมันแห้งจนไม่สามารถปลูกอะไรได้เพียงวาดแขนหนเดียว พื้นดินก็ชุ่มชื้นขึ้น เมล็ดพืชถูกหว่านวาง งอกเงยออกดอกเบ่งบานนางให้ต้นเหมยกับดอกโบตั๋นขึ้นตรงห้องที่มีประตูเปิดออกมาชมสวน สร้างเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสวยงามการจัดสวนสร้างความเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็เกือบค่ำเสียแล้ว เมื่องานเสร็จนางไม่มีอะไรทำจึงต้องมานั่งรอซีจงจวินกลับบ้านยามนี้พระอาทิตย์ได้จากท้องฟ้าไปนานแล้ว..การรอคอยทำให้เกิดโทสะเพราะมันเลยเวลามาตั้งหนึ่งชั่วยาม เทพอสูรก็ยังไม่ยอมกลับมารับใช้นางสักทีจนเข้ายามซวี ประตูหน้าบ้านถึงเปิดออกซีจงจวินกลับถึงบ้านในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยเข้าที่นัก ที่แขนซ้ายมีแผลคล้ายรอยเขี้ยวของสัตว์อสูรฝากไว้ เลือดไหลซึมไม่มากมี่ฮวารู้ว่าเขากลับมาแล้วจึงเดินกอดอกเชิดหน้าหมายจะเข้ามาหาเรื่องแต่พอเห็นสภาพซีจงจวินที่เหมือนพึ่งไปรบ สมองก็ตื้อไปครู่หนึ่งเสียอย่างนั้น"ไปไหนมา""ข้าไปทำงานไถ่โทษมา"ฟังแล้วมี่ฮวาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำงานไถ่โทษทำ
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ
ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า
สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต
หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน