Share

บทที่ 3 三

Author: PinkyPaw
last update Last Updated: 2024-12-03 12:23:50

งานเลี้ยงวันนั้นได้ผ่านมาแล้วอีกหลายปี

เป็นหลายปีที่น่ารำคาญใจยิ่ง ด้วยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปว่ามี่ฮวาแย่งชิงอวี้เวินฉิงมาจากจื่อสุ่ยจิง

แรกๆมี่ฮวาไม่รู้อะไรจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามปกติ กระทั่งเห็นสายตาคนรอบข้างที่เปลี่ยนนั่นแหละ ความรู้สึกนางถึงเปลี่ยนตาม

ประกอบกับเหล่าคนใช้ที่ไปตลาดเช้าชอบเอาข่าวแปลกๆมาเล่าให้ฟัง ทำให้ยิ่งระคายหู

จากนั้นนางก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในวัง แทบไม่กล้าย่างกรายออกจากตำหนักด้วยซ้ำ บิดานางก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียที

เขารู้ว่าลูกทุกข์ใจขนาดไหน นางไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยในชีวิต กลับต้องมาติดในวังวนที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้สร้างเช่นนี้

วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มี่ฮวานั่งเหม่อลอยมองแจกันดอกไม้ในห้องโดยมีสายตาของพ่อและแม่แอบสอดส่องมาจากนอกหน้าต่าง

เห็นดวงตาไม่สดใสของลูกสาวแล้ว ฮูหยินต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เหตุใดผู้คนถึงขยันเล่าขานเรื่องไม่จริงกันนักนะ"

นางบ่นน้ำเสียงหม่นลง กังวลกับคำร่ำลือไร้แก่นสารที่ฝังหัวคนนานเกินไป

"เราจะช่วยลูกอย่างไรดีเจ้าคะ" นางหันมาถามตาละห้อย

ชุนหรงเซินเองก็ไม่รู้ เป็นที่ลือกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งมาจากไหนก็ถูกรังเกียจได้ทั้งนั้น

"ข้าจนปัญญาเหมือนกัน"

ทั้งคู่มองหน้ากันเงียบๆ ครู่หนึ่งภรรยาถึงนึกความคิดดีๆขึ้นมาได้

"ข้าว่าองค์มหาเทพต้องรู้วิธีแก้แน่เพคะ พระองค์เป็นเทพที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุทธภพแล้ว"

"จริงของเจ้า เช่นนั้นข้าจะไปเขียนสารถึงพระองค์เดี๋ยวนี้"

ชุนหรงเซินเดินออกจากตรงนั้นอย่างรีบร้อน กลับไปโต๊ะเขียนหนังสือห้องตัวเอง ร่างจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นแล้วนำมาเก็บใส่กระบอกอย่างดี ออกเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อขอเข้าเฝ้ามหาเทพ

...

ราวสองชั่วยามต่อมา

รถลากไร้ม้าเทียมทำจากไม้เนื้อดีสลักลวดลายละเอียดรอบคันได้ร่อนลงมาจอดยังตีนบันไดกว้าง ด้านหน้าชุนหรงเซินมีผู้เฝ้าประตูยืนรออยู่

"คารวะท่านเทพผู้บันดาลผืนป่าและมวลผกามาลี"

เสียงเทพอสูรหน้าทางขึ้นเขาสวรรค์สององค์รวมกับร่างกายใหญ่โตราวภูผา ยิ่งทำให้ผู้มาเยือนอกสั่นขวัญแขวนแทบไม่กล้ามองตรงๆ

"นำสารนี้ไปมอบแด่มหาเทพ"

ชุนหรงเซินยื่นกระบอกใส่จดหมายมาตรงหน้าเทพอสูรโดยพยายามควบคุมไม่ให้มือสั่น

เทพอสูรนั้นมีหน้าตาน่ากลัวจนไม่ว่าใครเห็นในระยะประชิดก็ต้องหวาดผวา อาการที่เขาเป็นตอนนี้หาใช่เรื่องแปลกอันใด

"ทราบแล้วขอรับ"

เป็นตงหลิงจวินยื่นมือไปรับ ก่อนกางปีกทะยานขึ้นไปบนผืนฟ้าสูงลิ่ว

และเป็นหน้าที่ซีจงจวินที่ต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนชุนหรงเซินที่ตีนบันไดด้านล่าง

เทพเซียนลอบชำเลืองมองอสูรยักษ์หกมือ ผิวกายสีแดงอ่อนในชุดเกราะเหล็ก ท่าทางอาจองสมเป็นนักรบข้างกายเจ้ายุทธภพ

ม่านตาสีเหลืองทองภายในลูกตาสีดำ ซึ่งสมควรจะเป็นสีขาวนั้นช่างดูราวกับอสูรจริงแท้ ทั้งที่มีไอเซียนไหลเวียนรอบกาย แต่ชายผู้นี้กลับมีรูปลักษณ์ที่น่าพรั่นพรึงเสียนี่

องค์มหาเทพช่างเป็นนักคิดที่ชาญฉลาดจริง...

ไม่นาน ตงหลิงจวินบินกลับลงมาอีกครั้ง พร้อมกล่าวเสียงดังฟังชัด

"มหาเทพให้ท่านเทพเข้าเฝ้าได้ขอรับ"

"อืม" เขาตอบรับสั้นๆแล้วเหาะขึ้นบันไดไปโดยเร็ว ไม่หันกลับมามองอีก

เมื่อขึ้นมาถึงยอดแล้วชุนหรงเซินไม่รอช้า เข้าไปยังตำหนักกลางซึ่งเป็นที่ประทับของผู้ครองยุทธภพ

"คารวะมหาเทพ"

"เรื่องร้อนใจอันใดถึงทำให้เทพแห่งวสันต์มาเยือนตำหนักเรากะทันหันเช่นนี้"

มหาเทพอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนสบายๆบนตั่งยาว ผมทุกเส้นหงอกขาวบ่งบอกอายุที่มากเกินจะนับปีแล้ว แม้ใบหน้าจะไม่ได้ดูชรามากก็ตาม

"บุตรีของกระหม่อม ตั้งแต่งานเลี้ยงเมื่อคราวนั้นนางตกเป็นที่ครหาของผู้คน สร้างความทุกข์ใจให้ครอบครัวของกระหม่อมอย่างมาก คิดหาทางออกไม่ได้สักทีจึงมาขอคำชี้แนะจากมหาเทพพ่ะย่ะค่ะ"

มหาเทพฟังแล้วก็พยักหน้ารับครั้งหนึ่ง ยกชากลิ่นหอมกรุ่นขึ้นจิบ เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ

"คำนินทาเป็นสิ่งห้ามไม่ได้ คล้ายห้ามไม่ให้อาทิตย์ส่องแสง ห้ามไม่ให้สายลมโบกพัด หรือห้ามไม่ให้กาลเวลาผันผ่าน"

"กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อยากให้มันซาลงบ้าง อย่างน้อยคนก็จะไม่จำลูกสาวของกระหม่อมในทางเสียๆหายๆ"

มหาเทพพยักหน้าอีกหนึ่งครั้ง แล้วจึงเอ่ยต่อ

"เช่นนั้นก็หาประเด็นอื่นมาเบี่ยงความสนใจคน เช่นให้ลูกสาวของเจ้าแต่งให้บุรุษอื่นไปเสีย"

แต่งให้ผู้อื่นรึ...

แล้วควรให้นางแต่งให้ผู้ใดดี..

ชุนหรงเซินคิดหนัก เขานึกไม่ออกว่าคนที่เหมาะกับมี่ฮวาที่สุดจะเป็นใคร

"กระหม่อมยังหาคนที่เหมาะกับนางไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้นให้นางหาเอาเองเป็นอย่างไร"

หากมันง่ายขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ...

ตลอดเวลาที่ผ่านมามี่ฮวาไม่ชายตามองบุรุษแม้แต่คนเดียว

จะมีก็แต่อวี้เวินฉิงที่สนิทด้วย ทว่าอวี้เวินฉิงช่างมีชะตาอาภัพ นอกจากมี่ฮวาจะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งกับเขาแล้วยังต้องถูกลงโทษให้ไปที่โลกมนุษย์อีก

"กระหม่อมคิดว่านางไม่มีทางยอมพ่ะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้นเจ้าก็จัดงานดูตัว ให้นางหาคนที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับนาง หากยังไม่มีชายใดที่พึงใจจริงๆค่อยใช้วิธีสุ่มเลือกเจ้าบ่าว"

ผู้เป็นพ่อรู้นิสัยลูกสาวคนเล็กดี นางถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก หากไม่ได้คนที่ชอบจริงๆมีหวังได้บ้านแตกแน่

"กระหม่อมเกรงว่า.."

"หากเจ้ากับนางจะเรื่องมากถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่หาวิธีเอาเอง"

เมื่อมหาเทพตรัสเช่นนั้นเซียนพฤกษาถึงได้รู้สึกตัวว่าตนนำปัญหากวนใจมาให้แต่กลับปฏิเสธทุกข้อเสนอเช่นนี้ เสียมารยาทนัก

"ขออภัยมหาเทพ กระหม่อมไม่กล้าสร้างความรำคาญใจให้พระองค์แล้ว"

"จะทำอย่างไรต่อไปก็เรื่องของเจ้า ข้าทำดีที่สุดได้แค่เสนอเท่านั้น"

เทพแห่งพฤกษาคงต้องน้อมรับ แม้จะไม่อยากขัดใจลูกสาวก็ตาม "ขอบพระทัยมหาเทพที่ทรงชี้แนะ"

เมื่อหมดเรื่อง ชุนหรงเซินอยู่จิบชาพูดคุยให้ผ่อนคลายความทุกข์พักหนึ่ง แล้วจึงลากลับจากตำหนักสวรรค์ราวปลายยามโหย่ว

เทพอสูรหน้าประตูยังคงตั้งใจยืนเฝ้าอย่างขยันขันแข็ง เมื่อเห็นเขาเดินลงมาจึงประสานมือทำความเคารพอีกรอบ มองดูเทพเซียนจากไปพร้อมกับรถเหาะ

ชุนหรงเซินเร่งกลับแผ่นดินอุดรโดยเร็ว เพราะยามนี้ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า ป่ารอบแผ่นดินใหญ่ที่ปกติก็ไม่ได้ปลอดภัยอะไรมากอยู่แล้ว ในยามวิกาลยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

เขาไม่น่าเลินเล่อ นั่งจิบชารสเลิศจนลืมเวลาเลยจริงๆ

ป่ารอบเขาสวรรค์นี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ปกติหากไม่รุกล้ำเข้าไปยุ่งมันก็จะไม่ทำอะไร แต่ในตอนกลางคืนที่เป็นเวลาออกหากินของพวกสัตว์ใหญ่จะอันตรายกว่าตอนกลางวัน

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม รถลากไร้ม้าเทียมเหาะไปบนกลีบเมฆ ชุนหรงเซินนั่งข้างในด้วยใจประหวั่น

..ขอเพียงเข้าเขตดินแดนอุดรได้ เขาก็จะปลอดภัย เพราะสัตว์อสูรในเขตแดนเหนือจะไม่ทำร้ายเทพเซียนซี้ซั้ว ไม่เหมือนที่นี่ซึ่งปล่อยให้พวกมันใช้ชีวิตอิสระตามใจ

จะมีแค่วันงานเลี้ยงห้าพันปีเท่านั้น ที่มั่นใจได้ว่าสัตว์อสูรจะไม่โผล่มาทำร้ายแขก เพราะพวกมันจะถูกเทพอสูรทั้งสี่กักบริเวณเอาไว้

กุกกัก..กุกกัก...

เกิดเสียงหนึ่งที่ใต้ที่นั่งของชุนเซินหรงคล้ายของแข็งแหลมขูดเกาที่ท้องรถ เขาเริ่มใจคอไม่ดี เมื่อเสียงนั้นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆก่อนจะ..

กั่ก! เปรี๊ยะ!!

พื้นไม้ท้องรถเกิดรอยร้าว ไม่นานก็แตกเป็นเสี่ยงๆ มือเรียวยาวสีเขียวน่าพะอืดพะอมโผล่ขึ้นมาข้างหนึ่ง พุ่งเข้าคว้าข้อเท้าของเทพเซียน เร็วจนตาจับภาพไม่ทัน

สิ่งนี้ ไม่ใช่สัตว์อสูรแน่ๆ..

มันคือวิญญาณอาฆาต!!!

ชุนหรงเซินตกใจสุดขีด ด้วยเขาเป็นเทพเซียนผู้บันดาลพืชผล การเผชิญหน้าต่อสู้ หรือรับมือกับอะไรแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลย

หากให้เทียบ วิญญาณชั่วช้าที่หลุดออกมาจากแดนนรกซึ่งก็คือแผ่นดินประจิมนั้นน่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายหลายเท่า

เพราะสิ่งที่พวกมันต้องการคือพลังจากทั้งดวงจิตและกายเนื้อ จึงลงมือแบบไม่เลือกเหยื่อไม่ว่าเทพ มาร หรือสัตว์อสูร หากต่อต้านพวกมันไม่ได้ก็จะถูกฉกฉวยเอาพลังไป ทำให้จิตแตกสลายในที่สุด

"ปล่อยข้านะ!!"

เขาพยายามแกะมือข้างนั้นออกจากขา แต่ไม่สำเร็จเพราะชั่วอึดใจต่อมาพื้นท้องรถก็แตกเป็นหลุมใหญ่จนร่วงลงไป

ชุนหรงเซินลอยคว้างกลางอากาศ พยายามประคองสติใช้วิชาลอยตัวให้ตกลงพื้นโดยไม่เจ็บมากนัก แต่มันก็ช่างยากเหลือเกินเมื่อก้มลงมาเห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่จับขาเขาไว้

!!!!!

แทบลืมหายใจในวูบนั้น มันคือวิญญาณน่ารังเกียจที่ร่างกายเป็นสีเขียวอมม่วงคล้ายช้ำเลือดช้ำหนอง มีรอยตะปุ่มตะป่ำทั่วตัว ดวงตาลึกกลวงโบ๋ปากฉีกเหวอะเผยฟันซี่ยาวที่ง้างกว้าง กดแรงกัดแทะท่อนขาที่จับไว้มั่น

"อ๊ากกก!!!!!"

ชุนหรงเซินร้องลั่นป่า ขาเป็นรอยกัดเลือดไหล วิญญาณร้ายสูบปราณเซียนเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองจนมันสามารถพูดได้

และคำแรกที่ได้ยินก็คือเสียงหัวเราะแหลมสั่นประสาท ร่างของชุนหรงเซินตกกระทบพื้นดังตุบ! แทบจะหมดสติในทันที

"ขอพลังไปละนะ"

กรงเล็บเปื้อนเลือดเหนียวกรังยื่นมาตรงหน้า ตาของชุนหรงเซินพอจะหรี่มองได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ความหวาดกลัวก็ยังสั่งให้ออกแรงขยับหนี

"อย่าหนีสิ ขอไปนิดเดียวไม่นานก็หายเจ็บ"

มันฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู ที่บอกว่าขอนิดเดียวเป็นเพียงคำลวงเพื่อไม่ให้เหยื่อดิ้น และอีกไม่นานก็หายเจ็บนั่นหมายถึงจะไม่รู้สึกอะไรอีกตลอดกาล..

"อย่านะ.."

เทพเซียนเอ่ยเสียงแผ่ว เปลือกตากำลังจะปิดลงแล้วเมื่อหนีกรงเล็บนั้นไม่พ้น

จิตเขากำลังจะแตกสลายอย่างนั้นหรือ..

เป็นเซียนแห่งพืชพรรณมีข้อเสียตรงนี้ พลังของเขามีมากก็จริง แต่มันมีไว้เพียงเพื่อสร้างหาใช่ทำลาย

..เปรี้ยง!!!! โครม!!!!!

เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นข้างหู คล้ายอัสนีบาตฟาดลงมายังพื้นพิภพ ชุนหรงเซินปรือตาขึ้นมอง ทั้งกายแข็งทื่อขยับไม่ได้

ภาพที่เห็นคือร่างของอสูรใหญ่ยักษ์น่ากลัวกว่าวิญญาณร้ายตนนั้นหลายพันเท่า กำลังต่อสู้ใช้ดาบฟันจ้วง ทะลวงแทงอีกฝ่ายจนเละไปทั้งตัว สภาพไม่เหลือชิ้นดีกว่าตอนแรกเสียอีก

ยักษ์ตนนั้น..ช่างคุ้นหน้านัก

อสูร..ตัวแดง..

สี่เขา..หกมือ...

ถ้าจำไม่ผิด...

ชุนหรงเซินไม่เหลือสติให้คิดอะไรมาก ความเจ็บปวดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เปลือกตาเขาค่อยๆเลื่อนลง ก่อนจะปิดรับการรับรู้ทุกสิ่งในที่สุด...

****************

1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง

ยามโหย่วคือเวลา 17.00 น. ถึง 19.00 น.

Related chapters

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 4 四

    ที่นี่...ที่ไหน?ชุนหรงเซินเปิดเปลือกตาหนักอึ้งช้าๆ สิ่งที่เห็นอย่างแรกเป็นเพดานไม้สูง คล้ายอยู่ในเรือนใครสักคนเทพเซียนไล่มองไปรอบๆ สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆเทพอสูร!!!เป็นเทพอสูรตัวแดงผู้มีสี่เขาหกมือ ด้านหลังมีหางปล้องสีดำเงาเยี่ยงแมงป่องพิษร้ายคนเจ็บทำท่าจะขยับตัวหนี ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามสมองสั่ง นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นรอให้เทพอสูรเคลื่อนกายเข้ามาหาช้าๆกรงเล็บยาวยื่นมาใกล้ใบหน้า ชุนหรงเซินหลับตาปี๋ ใจเต้นดังดั่งเสียงประทัดด้วยความลุ้นระทึกข้ากำลังจะถูกฆ่า!!..แปะ..มือข้างหนึ่งที่ใหญ่เท่าศีรษะของเทพเซียนวางลงกลางหน้าผาก ครู่หนึ่งจึงยกออก"ไข้ลดแล้ว พักอีกสักหน่อยท่านก็จะหายดีขอรับ"น้ำเสียงเข้มดุของเทพอสูรทำให้ชุนหรงเซินค่อยๆลืมตาอีกครั้ง กะพริบปริบๆมองบุรุษที่นั่งชะโงกหน้ามองเขาเช่นกัน"รับโจ๊กเลยไหมขอรับ ข้าพึ่งต้มเสร็จคาดว่าท่านน่าจะตื่นมายามนี้พอดี"ฟังแล้วชวนให้ขมวดคิ้วงุนงง คราแรกไม่กล้ารับอาหารจากเทพอสูร แต่หลังจากได้กลิ่นโจ๊กหอม กระเพาะเจ้าปัญหาก็ส่งเสียงประท้วงขึ้นมาอย่างถูกจังหวะเสียอย่างนั้น"ค่อยๆลุกนะขอรับ"ฝ่ามือใหญ่ช้อนประคองร่างเทพเซียนขึ้นม

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 5 五

    "เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 6 六

    เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 7 七

    ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 8 八

    มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 9 九

    คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 10 十

    สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า

    Last Updated : 2024-12-03
  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 11 十一

    "เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก

    Last Updated : 2024-12-03

Latest chapter

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 62 六十二

    สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 61 六十一

    หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 60 六十

    บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 59 五十九

    ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 58 五十八

    "นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 57 五十七

    เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 56 五十六

    ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 55 五十五

    ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า

  • ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน   บทที่ 54 五十四

    วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส

DMCA.com Protection Status