เมรีผู้จัดการสาวในวัย 30 ปีได้ตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้ ความฝันที่อยากใช้ชีวิตสุขสบายต้องจบลง เมื่อมีราชโองการสมรสพระราชทานให้แต่งงานกับองค์ชายสาม บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเสเพล!
View Moreทันทีที่เจิ้งชุนฟงเห็นบุตรชายอุ้มเจ้าสาวเข้ามา พระองค์ก็สรวลขึ้นด้วยความชอบใจ"ฮ่ะฮ่า เจ้าสามคงจะร้อนใจแย่แล้ว ฮองเฮาคิดเช่นเดียวกับเจิ้นหรือไม่""หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้นเพคะฝ่าบาท หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันคงจะรีบจัดงานแต่งงานให้กับลูกสามนานแล้วเพคะ"'ฮองเฮาโจวซูหลิ่ง' ทรงผินพระพักตร์มาแย้มสรวลกับฮ่องเต้ พระนางเองก็อยากจะให้เจ้งจื่อห้าวรีบแต่งงานเสียที อวี้หลันผู้นี้ก็ถือว่าพอใช้ได้ แม้ว่าใจจริงพระนางต้องการให้เขาแต่งกับคุณหนูตระกูลรองซุนมากกว่า"เวลานี้ก็ถือว่าเหมาะสมแล้วล่ะ ฮ่ะฮ่า"เจิ้งชุนฟงยังคงสรวลออกมาไม่ขาดสายเมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสองพระองค์ แม่สื่อผู้เป็นผู้ทำพิธีก็ได้ก้าวขึ้นมาด้านหน้า นางเอ่ยนำทั้งสองให้ทำตามพิธีอย่างเคร่งครัดต่อไป... พิธีช่วงเช้าได้เสร็จสิ้นลงด้วยดี ลำดับถัดไปแม่สื่อก็ได้นำตัวเจ้าสาวให้ไปรอเจ้าบ่าวที่ห้องหอ ส่วนเจ้าบ่าวก็มีหน้าที่ที่ต้องรับแขกต่อไปภายในห้องหอนั้น อวี้หลันที่รู้สึกปวดเมื่อยต้นคอจนแทบจะทนไม่ไหว จึงได้เรียกรั่วซีที่อยู่ในห้อง
บทที่ 11สัญญาด้วยชีวิต งานมงคลสมรสระหว่างเจิ้งจื่อห้าวกับอวี้หลันจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวของเจ้าบ่าวที่แห่แหนมารับด้วยตนเองยิ่งใหญ่ตระการตามาก เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามใช้ทหารราชองครักษ์ของฝ่าบาทมาแบกหามโดยเฉพาะ ตัวเกี้ยวเองก็ทำจากไม้เนื้อหอมราคาแพง ประดับด้วยทองคำและอัญมณีอย่างมากมายจนดวงตาแทบพร่ามัว ผ้ามงคลสีแดงที่ใช้ประดับเกี้ยวก็มาจากผ้าไหมเนื้อดีแห่งแดนหนาว ยิ่งด้านหลังขบวนได้มีเหล่านางกำนัล และขันทีคอยช่วยกันโปรยเงินตำลึงเงิน ราวกับหว่านให้กับผู้ที่มาร่วมงานตลอดทางเหล่าผู้คนที่มาร่วมชมงานแต่งงานถึงกับอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน ขนมมงคลที่ใช้แจกเหล่าเด็กน้อยก็ได้พ่อครัวหลวงมาทำให้อย่างพิถีพิถัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างดี และยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่างานแต่งงานขององค์ชายสี่กับคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนเสียอีกแต่ที่ทำให้ผู้คนพากันตกตะลึงจนแทบจะลืมหายใจคือขบวนสินสอด และสินเดิมของเจ้าสาว งานนี้อวี้เฉินฟู่ทุ่มทุนให้กับบุตรสาวคนนี้มากมายนัก และที่น่าประหลาดใจคือท่านต
ผลัก!อวี้หลันผลักร่างของอวี้ซูเยว่ให้คุกเข่าลงกับพื้น ดวงหน้าของนางแสดงออกถึงความไม่พอใจ แววตาคู่สวยเย็นเยียบราวกับบ่อน้ำที่มองไม่เห็นก้น"ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษคุณหนูกู้ที่เจ้าแสดงกิริยาอย่างคนไม่มีผู้ใดอบรมสั่งสอนซะ ถ้ายังดื้อดึงไม่เลิก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!!""ฮึก ขะ ขอโทษ"อวี้ซูเยว่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก นางไม่เคยเห็นอวี้หลันน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย โดยไม่ทันคิดนางก็เผลอเอ่ยคำขอโทษออกไป"ขอโทษดี ๆ""ขะ ข้าขอโทษเจ้าค่ะคุณหนูกู้""ช่างเถอะหลันเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไร"กู้เฟยหนี่ว์ค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อยกับความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง และนางก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองหาใช่พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันไม่"พาคุณหนูรองกลับเรือน แล้วรายงานเรื่องนี้ให้ท่านพ่อทราบด้วย"อวี้หลันหันมาสั่งรั่วซีน้ำเสียงราบเรียบ"เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่"รั่วซีรีบเข้ามาประคองอวี้ซูเยว่ให้กลับไปที่เรือน โดยมีสาวใช้อีกหนึ่งคนเข้ามาช่วยด้วย คราแรกอวี้ซูเยว่พยายามจะขัดขืน แต่เพราะมิอาจสู้แรง
บทที่ 10พบหน้านางเอกในนิยาย กู้เฟยหนี่ว์ได้มาเยือนจวนตระกูลอวี้ตามคำเชิญของอวี้หลัน นางทั้งประหลาดใจและคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเพราะเหตุใดอวี้หลันถึงได้ส่งคำเชิญมาหานาง ทั้งที่ทั้งสองแทบจะไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อนเลย ตัวเชื่อมเดียวที่กู้เฟยหนี่ว์คิดออกคืออวี้หลันอาจจะมาช่วยพูดให้นางถอยห่างจากองค์รัชทายาทก็เป็นได้ เพราะอวี้ซูเยว่คือคนที่ฮองเฮาทรงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้มากที่สุด แต่ตอนนี้นางกลับเป็นคนขวางทางรักของอวี้ซูเยว่"เชิญคุณหนูกู้ที่ศาลาเจ้าค่ะ ตอนนี้คุณหนูใหญ่กำลังเร่งทำขนมอยู่ในครัวเจ้าค่ะ อีกสักครู่คงออกมาพบคุณหนูกู้เจ้าค่ะ"รั่วซีนำทางกู้เฟยหนี่ว์ไปยังศาลา ใบหน้าของนางพลันยิ้มขำกับท่วงท่าการทำขนมของเจ้านายสาว อาหารที่คุณหนูใหญ่ทำนั้นมันช่างแปลกประหลาด และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน"คุณหนูใหญ่อวี้ทำขนมหรือ ไม่เห็นต้องลำบากเลย"กู้เฟยหนี่ว์รู้สึกประหลาดใจขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่านางจะใส่ยาพิษลงไปในขนมให้นางทานหรอกนะ
"ข้าเพิ่งจะเข้าหอกับท่านพี่แค่คืนเดียว เจ้าจะรีบให้ข้ามีเจ้าก้อนแป้งแล้วหรือ" หลันหนิงเหมยหัวเราะขำพลางส่ายหน้าไปมาช้า ๆ "ส่วนเรื่องของฮูหยินรองเจ้าอย่าได้เป็นกังวล ข้าย่อมต้องทำให้นางอยู่ที่จวนแห่งนี้อย่างไม่เป็นสุขแน่"ดวงตาของหลันหนิงเหมยสว่างวาบ ความแค้นนี้แม้สิบปีก็ยังแก้แค้นไม่สาย นางรู้ดีว่าตัวเองก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งของอวี้หลัน แต่แล้วอย่างไร? ในเมื่อนางเองก็ได้ผลประโยชน์เช่นเดียวกัน! วังเจียวจินเจิ้งจื่อห้าวกำลังนั่งฟังการขับร้องของนักดนตรีสาวจากหอคณิกา นางทั้งขับร้องและเล่นดนตรีได้อย่างไพเราะ จนเขารู้สึกประทับใจมาก แต่เมื่อฉีหมิงเดินเข้ามา เขาก็โบกมือไล่นักดนตรีสาวผู้นั้นให้ออกไปก่อน"ว่าอย่างไรบ้าง?""ทูลองค์ชาย ข้าน้อยไปสืบมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงยื่นแผ่นกระดาษที่เขาเขียนรายงาน มอบให้กับองค์ชายสามได้ทอดพระเนตร พร้อมกับเอ่ยรายงานเพิ่มเติมไปด้วย"จากแหล่งข่าวที่กระหม่อมให้คนไปสืบมา ทราบว่าฮูหยินสามผู้นี้อาศัยอยู่กับน้องชายเพียงลำพัง ทั้งสองเคยอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากอารา
บทที่ 9ความสนใจ พิธีแต่งงานระหว่างอวี้เฉินฟู่กับหลันหนิงเหมยจัดขึ้นอย่างหรูหรา แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างสนใจภูมิหลังของฮูหยินสามผู้นี้มาก และเมื่อได้รู้ว่านางคืออดีตคุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลหลันที่บิดาต้องโทษประหาร ต่างพากันประหลาดใจที่อวี้เฉินฟู่กล้ารับนางมาเป็นฮูหยินสาม ทั้งที่จริงแล้วเขาควรจะหลีกหนีไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีที่มาจากตระกูลต้องโทษ แต่นี่กลับรับนางมาเป็นฮูหยินสามและจัดงานแต่งงานเสียใหญ่โต แต่เหนือสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่าพวกเขาไม่เห็นโจวลี่เฟยและอวี้ซูเยว่ในงานเลยข่าวลือเรื่องภรรยาทั้งสองไม่ถูกกัน และความไม่พอใจของโจวลี่เฟยแพร่ออกไปเป็นวงกว้างในหมู่ชนชั้นสูง รวมถึงเรื่องที่บิดาของโจวลี่เฟยเป็นคนเสนอชื่ออวี้หลันให้เป็นพระชายาขององค์ชายสาม ทุกคนจึงคาดเดาว่านี่อาจจะเป็นการหักหน้ารองเสนาบดีโจวก็ได้ เพราะเขาบังอาจมาจัดแจงงานมงคลให้กับบุตรสาวของอวี้เฉินฟู่ หลันหนิงเหมยใจเต้นระส่ำจนแทบจะทะลุออกมาจากอก นางยอมรับว่าคราแรกนางตั้งใจเข้ามายังจวนอวี้เพื่อแก้แค้นโจ
ในบ่ายวันนี้สองแม่ลูกจึงได้ตัดสินใจมาพบอวี้หลันที่เรือนด้วยตนเอง"แม่รองมาพบข้าถึงเรือนมีสิ่งใดหรือเจ้าคะ หรือว่าอยากมาช่วยข้าจัดงานแต่งงานให้ท่านพ่อด้วย"อวี้หลันเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวาน นางรู้สึกสะใจยิ่งนักที่ได้เห็นสีหน้าที่ร้อนรนของอีกฝ่าย"เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำอะไรข้าได้หรือ"โจวลี่เฟยเอ่ยปากเป็นคนแรก นางจ้องมองอวี้หลันเขม็ง"ข้ารู้เจ้าค่ะ เรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรแม่รองผู้เก่งกาจไปได้หรอกเจ้าค่ะ""รู้ตัวก็ดีแล้ว เจ้ารีบไปอ้อนวอนบิดาของเจ้าซะ ว่าเจ้าไม่ต้องการให้เขารับฮูหยินรอง เจ้าไม่อยากให้สตรีอื่นเข้ามาอยู่ในจวนของเรา"อวี้หลันลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าทั้งสอง โดยมีรั่วซียืนอยู่ทางด้านหลังของนางไม่ห่าง"เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย ในเมื่อข้าไม่ได้เดือดร้อนที่ท่านพ่อจะรับฮูหยินอีกคนเข้ามา แต่เป็นแม่รองต่างหากเล่าที่จะต้องร้อนใจ อันสตรีเมื่อเวลาล่วงเลยไปความงามก็ร่วงโรยไปด้วย ความโปรดปรานที่ท่านครอบครองมานานหลายสิบปีจะยังคงอยู่ตลอดกาลหรือไม่นะ ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ""เจ้ามั
บทที่ 8ฮูหยินรองคนใหม่ หลังจากเจิ้งจื่อห้าวได้กลับไป อวี้หลันก็เก็บตัวอยู่แต่ในเรือน นางกำลังนึกทบทวนเรื่องราวในนิยายและความเป็นจริงของโลกใบนี้ แม้จะคิดว่านางได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ แต่ก็มีหลายสิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไป หากทบทวนจากในเนื้อเรื่องนั้น พระเอกซึ่งคือองค์รัชทายาทจะได้แต่งงานกับนางเอกซึ่งเป็นคนตระกูลกู้ และนางร้ายอย่างอวี้ซูเยว่ย่อมไม่มีวันยอม รวมถึงฮองเฮาที่แสนชิงชังนางเอกจนเกลียดแทบเข้ากระดูกดำด้วย ทำให้ความรักของคู่พระนางต้องพบเจออุปสรรคหลายอย่าง ในเมื่อนางไม่ต้องการให้ตระกูลอวี้ต้องถูกประหารทั้งตระกูล การที่จะเป็นมิตรกับพระเอกและนางเอกในนิยายก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เมื่อคิดได้เช่นนั้นอวี้หลันจึงตัดสินใจที่จะเป็นสหายกับนางเอก เผื่อว่าในอนาคตข้างหน้านางจะสามารถขอลดโทษทัณฑ์ที่เกิดจากอวี้ซูเยว่ได้"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นายท่านให้มาตามไปพบเจ้าค่ะ"รั่วซีที่อยู่หน้าห้องเอ่ยบอกอวี้หลัน"ท่านพ่อหรือ?"
"เชิญเสด็จทางด้านนี้เพคะ"อวี้หลันผายมือไปทิศทางที่ตั้งของสวนด้านหลัง ที่นั่นมีศาลาไม้ตั้งอยู่ตรงกลางสวน โดยรอบมีดอกไม้นานาพันธุ์ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มไปหมด ชวนให้รู้สึกสดชื่น"คุณหนูใหญ่อวี้ยินดีหรือไม่ที่จะต้องแต่งงานกับข้า"ระหว่างที่เดินไปยังศาลา เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยปากขึ้นมาทันที เขาอยากจะรู้ความคิดของอวี้หลันว่าคิดเห็นอย่างไรกับการแต่งงานของพวกเขา"ยินดีหรือไม่นี่ก็เป็นสมรสพระราชทาน หม่อมฉันมิอาจจะขัดราชโองการได้หรอกเพคะ"อวี้หลันหยุดเดินแล้วหันไปมองเจิ้งจื่อห้าว บุรุษผู้นี้กำลังหยั่งเชิงนางสินะ"หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าสามารถทูลขอเสด็จพ่อได้นะ อย่างไรเสด็จพ่อก็คงไม่บังคับฝืนใจผู้ใดหรอก"อวี้หลันคลี่ยิ้มหวาน แค่ประโยคเดียวนางก็สามารถอ่านความคิดของเขาได้แล้ว"ไม่ต้องลำบากองค์ชายสามหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้จะลำบากอะไร หม่อมฉันก็แค่ย้ายจากจวนตระกูลอวี้ไปวังเจียวจินเท่านั้นเอง"ท่าทีที่ไม่แยแสของอวี้หลัน ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับพูดไม่ออกอะไรคือไม่ลำบาก? อะ
บทที่ 1เกิดใหม่ในร่างใหม่หญิงสาวนางหนึ่งได้นอนสลบไหลอยู่บนเตียงหลังใหญ่ด้วยสภาพที่ร่างกายเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างกายของนางหนาวเย็นราวกับตกอยู่ในฤดูหนาว ลมหายใจรวยรินจนคล้ายว่าจะปลิดปลิวออกไปได้ทุกเมื่อ ใบหน้าของนางที่เคยมีเลือดฝาดกลับซีดเผือดลงราวกับหิมะต้นฤดู ทางด้านข้างของนางนั้นเอง หญิงสาวอีกคนหนึ่งกำลังเร่งมือปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำออกจากร่างกายของเจ้านายสาว นางรีบหยิบเอาผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายของผู้เป็นนายเอาไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายหญิงสาวนางนี้ได้หันไปมองทางประตูเป็นระยะ ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความวิตกกังวล ปากของนางก็พร่ำเรียกชื่อหญิงสาวที่นอนหลับใหลให้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง"คุณหนูใหญ่ คุณหนูเจ้าคะ รีบฟื้นขึ้นมาเถิดเจ้าค่ะ บ่าวใจคอไม่ดีเลย เป็นความผิดของบ่าวเอง ฮือ ๆ"นางเอื้อมมือไปกอบกุมมือของเจ้านายที่เย็นเฉียบด้วยความกังวลใจ เมื่อไหร่หนอที่ท่านหมอประจำตระกูลจะมาถึงเสียที นี่เวลาก็ผ่านไปราวสองเค่อแล้ว ในขณะที่นางกำลังหันไปมองประตูอยู่นั้น หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพลันลุกพรวดขึ้นมาด้วยตกใจเฮือก!!เมรีกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ สถ...
Comments