บทที่ 4
ตัวประกอบ
รถม้ากลางเก่ากลางใหม่ได้เคลื่อนเข้ามายังหมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากอารามเป่าซานมากนัก ตั้งแต่รถม้าที่เคลื่อนเข้ามาก็ได้ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในหมู่บ้าน เพราะไม่บ่อยมากนักที่ในหมู่บ้านจะมีรถม้าขับเข้ามาเช่นนี้ รถม้ายังคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพัก จนกระทั่งรถม้าได้จอดสนิทหน้าบ้านไม้หลังหนึ่งที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน
"ท่านพี่ขอรับมีรถม้ามาที่บ้านเราขอรับ"
เด็กชายที่อายุน่าจะเท่ากับน้องชายของอวี้หลันเอ่ยเรียกคนในบ้าน ด้วยตอนนี้เขากำลังนั่งถอนผักอยู่ที่แปลงหน้าบ้าน เด็กชายชะเง้อมองรถม้าหน้าบ้านด้วยความสนใจใคร่รู้
"ใครมากันอาหวง"
น้ำเสียงแว่วหวานที่ฟังเปล่งหูเอ่ยถามมาจากในบ้าน พร้อมกับร่างของสตรีนางหนึ่งที่หน้าตามอมแมมเดินออกมาจากในบ้าน นางมองอวี้หลันที่ก้าวลงมาจากรถม้าด้วยความประหลาดใจ
"คุณหนูใหญ่อวี้?" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"ไม่ได้พบกันนานเลยนะคุณหนูหลัน"
"ได้โปรดอย่าเรียกข้าว่าคุณหนูเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าหาใช่ชนชั้นสูงแล้วไม่ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น"
ในน้ำเสียงของ 'หลันหนิงเหมย' มีความเศร้าซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา จากคุณหนูสูงศักดิ์ที่มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง กลับต้องตกระกำลำบากเพราะตระกูลถูกยึดทรัพย์ด้วยข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง บิดาถูกสังหารอย่างไร้ความเป็นธรรม มารดาต้องตรอมใจตาย ส่วนนางกับน้องชายต้องออกจากจวนหลังใหญ่มาอยู่บ้านหลังเล็กท้ายหมู่บ้าน ชีวิตของนางกับน้องชายยากแค้นแสนเข็ญยิ่งนัก
"ข้าขอเข้าไปคุยด้านในได้หรือไม่"
"เชิญเจ้าค่ะ บ้านของข้าออกจะคับแคบเกินไปหน่อยนะเจ้าคะ"
ภายในบ้านของหลันหนิงเหมยนั้นแสนจะเรียบง่าย มีแค่ของใช้ที่ทำจากไม้ราคาถูกเท่านั้น น้ำชาที่เอาออกมารับแขกก็เป็นเพียงชาราคาถูก แต่ถึงอย่างนั้นอวี้หลันก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ดูถูกหรือแสดงอาการเหยียดหยามเลย
"นี่คือน้องชายของเจ้าหรือ ชื่ออะไรเล่า?"
"ข้าน้อยชื่อหลันหนิงหวงขอรับ พี่..เอ่อคุณหนูเป็นสหายของท่านพี่หรือขอรับ" หลันหนิงหวงเอ่ยถามด้วยความประหม่า
"เรียกข้าว่าพี่สาวหลันก็ได้ ใช่แล้วล่ะข้าเป็นสหายของพี่สาวเจ้า"
"จริงหรือขอรับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีสหายมาหาท่านพี่ของข้า"
หลันหนิงหวงตาโตกับคำตอบของอวี้หลัน ก่อนที่เขาจะถูกปรามด้วยสายตาจากพี่สาว
"อาหวง เจ้าไปรอพี่ข้างนอกก่อน พี่มีเรื่องจะต้องพูดคุยกับสหายของพี่"
"ขอรับ"
หลันหนิงหวงตอบรับอย่างว่าง่าย เขาเดินจากไปโดยมีรั่วซีเดินตามมาไม่ห่าง รั่วซีหยิบขนมออกมามอบให้แก่หลันหนิงหวง เด็กชายดีใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความยินดี หลันหนิงเหมยที่ได้เห็นรอยยิ้มของน้องชายพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงหัวใจ ตั้งแต่ที่พาน้องชายมาอยู่ที่นี่ แม้เขาจะเป็นเด็กร่าเริงและยิ้มให้กับนางเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างที่ไปถึงดวงตาของเขา
ภายในใจของหญิงสาวรู้สึกขมฝาดกับชะตาชีวิตของตนเองและน้องชาย
"คุณหนูใหญ่อวี้มาหาข้าถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือเจ้าคะ?"
หลันหนิงเหมยเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก เมื่อภายในบ้านเหลือเพียงแค่พวกนางสองคน
"ข้าต้องการมอบสิ่งที่เจ้าปรารถนา"
"ท่านรู้หรือว่าข้าต้องการสิ่งใด"
หลันหนิงเหมยเลิกคิ้วขึ้น นางไม่เชื่อหรอกว่าสตรีตรงหน้าจะรู้ความปรารถนาของนาง ต่อให้รู้แล้วจะทำสิ่งใดได้
"แก้แค้น! เจ้าต้องการแก้แค้นคนที่ทำให้ตระกูลของเจ้าเป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านล้อข้าเล่นแล้ว คนที่ข้าแค้นที่สุดคือฮูหยินรองอวี้ ท่านจะช่วยข้าเช่นนั้นหรือ อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลย ท่านกลับไปเสียเถิด"
หลันหนิงเหมยหันหน้าไปอีกทาง ดวงตาของนางแดงฉานเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน
ตอนนั้นบิดาของนางถูกปรักปรำ ตระกูลของนางถูกริบทรัพย์และบิดาถูกต้องโทษประหารอย่างไม่เป็นธรรม ในวันนั้นมารดาได้ไปเยือนจวนตระกูลอวี้
"เฟยเอ๋อร์ ได้โปรดเถิด...เจ้าช่วยพูดกับท่านเสนาบดีทีว่าสามีของข้าหาได้ทำเรื่องเช่นนั้นไม่ เขาถูกใส่ความ"
"ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ ที่ตระกูลเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ต้องโทษความโง่เขลาของสามีเจ้าเอง"
"จะ...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"
โจวลี่เฟยมองมาอย่างเหยียดหยาม สายตาของนางมีทั้งความดูถูกและสมเพชในตัวสหายผู้นี้
"ถ้าสามีของเจ้ายอมช่วยน้องชายของข้า ตระกูลโจวของข้าก็คงไม่ต้องลงมือหนักเพียงนี้ เป็นความผิดของสามีเจ้าเองที่ถือความถูกต้องเป็นหลัก แค่ทำเป็นหลับหูหลับตาไม่สั่งลงโทษน้องชายของข้า บิดาข้าก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก"
"นี่เจ้า! ร้ายกาจนัก แค่สามีข้าตัดสินว่าน้องชายของเจ้าผิด พวกเจ้าถึงกับใส่ความเขาเช่นนี้เลยหรือ ชั่วช้ายิ่ง ตระกูลโจวของเจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่"
โจวลี่เฟยง้างมือตบที่ใบหน้ามารดาของหลันหนิงเหมยอย่างแรง
เพียะ!!
"เจ้าเองก็ระวังตัวให้ดีเถิด ตอนนี้ตระกูลโจวของข้าเรืองอำนาจ ข้าจะสั่งให้เจ้าและลูกสาวของเจ้าถูกขายไปยังหอนางโลมก็ยังได้ แต่ข้ายังเห็นแก่ความเป็นสหายของเราสองคน ข้าจึงได้ยอมปล่อยพวกเจ้าแม่ลูกไป รู้เอาไว้เสียเถิดว่าข้าใจดีแค่ไหน ฮ่าฮ่าฮ่า"
โจวลี่เฟยหัวเราะขำ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนใจแม้แต่จะมองอดีตสหายที่หัวใจต้องแตกสลายกับความจริงนี้เลย...
เรื่องในวันนั้นมารดาของหลันหนิงเหมยได้กลับมาเล่าให้นางฟัง มารดาร้องไห้เสียใจด้วยหัวใจที่แหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนมารดาก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน ทิ้งให้นางต้องอยู่กับน้องชายบนโลกอันแสนเลวร้ายกันเพียงลำพัง
หลันหนิงเหมยออกจากภวังค์ความคิดของตน นางกลับมาสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า"เจ้าคงไม่รู้ว่าข้าเองก็ถูกโจวลี่เฟยทำร้ายมาเช่นเดียวกัน ซึ่งข้าย่อมไม่คิดจะยอมให้ศัตรูเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของข้าหรอกนะ"หลันหนิงเหมยหันกลับมามองทันที นางเริ่มสนใจในสิ่งที่อวี้หลันต้องการจะเอ่ย"ท่านต้องการสิ่งใดก็พูดมาตรง ๆ เถิด อย่าได้อ้อมค้อมอีกเลย""ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเหมือนเมื่อก่อน น้องชายของเจ้าจะได้เข้าเรียนสำนักศึกษาหลวง และเจ้าจะได้แก้แค้นคนที่ทำกับครอบครัวของเจ้าด้วย""แลกกับอะไร?""ชีวิตของเจ้า...เจ้าจะต้องเข้ามาเป็นฮูหยินรองของบิดาข้า เพื่อแลกกับการแก้แค้นเอาคืนโจวลี่เฟย ข้าให้สัญญาว่าคนที่ทำให้ครอบครัวเจ้าต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ จะต้องมีจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าอย่างแน่นอน ""อะไรนะ!! ท่านบ้าไปแล้วหรือคุณหนูใหญ่อวี้ บิดาของท่านอายุเกือบเท่าบิดาของข้าเลยนะ""แต่บิดาของข้าหนุ่มกว่า และหล่อเหลากว่าบิดาของเจ้านะ บิดาของข้าเพิ่งจะอายุ 40 เอง ยังหนุ่มยังแน่น ทั้งยังมีอำนาจที่เจ้าต้องการ และการที่เจ้าเข้ามาเป็นฮูหยินรองของบิดาข้า โจวลี่เฟยย่อมต้องโกรธแค้นจนแทบกระอักเลือดเป็นแน่
บทที่ 5สร้างเรื่อง อวี้หลันกลับมาที่จวนตระกูลอวี้พร้อมกับรั่วซี โดยนางได้ให้หลันหนิงเหมยและหลันหนิงหวงพักอยู่ที่อารามเป่าซานก่อน เมื่อถึงเวลาทั้งสองจะได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่จวนตระกูลอวี้อย่างแน่นอน ตอนนี้นางจะต้องลับไปพูดคุยกับบิดาเสียก่อน"ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ"อวี้หลันตรงเข้ามาหาอวี้เฉินฟู่ยังห้องหนังสือ ทันทีที่นางกลับมาถึงจวนก็ตรงมาที่นี่ทันที"โอ้ กลับมาแล้วหรือเป็นอย่างไรบ้างเล่า?""ท่านไต้ซือดีกับลูกมากเลยเจ้าค่ะ ท่านไต้ซือยังกล่าวกับลูกอีกนะเจ้าคะ เพราะผลบุญที่ลูกทำในครั้งนี้ ทำให้ท่านแม่สามารถปล่อยวางได้ จนสามารถเดินทางเข้าสู่แดนเซียนได้แล้ว แต่ก่อนไปท่านแม่ได้ทิ้งดวงจิตหนึ่งเสี้ยวไว้ให้คอยดูแลท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ"อวี้เฉินฟู่ที่กำลังนั่งอ่านรายงานรีบลุกขึ้นมาจับแขนของบุตรสาวแน่น แววตาที่ผ่านโลกมามากมองมาด้วยความกังขา"หมายความว่าอย่างไรหลันเอ๋อร์ ท่านไต้ซือว่าอย่างไรนะ?"
ท้องพระโรง'ฮ่องเต้เจิ้งชุนฟง' ได้ออกว่าราชกิจช่วงเช้าตามปกติ แต่ครานี้กลับมีเรื่องที่พระองค์คิดไม่ตก และต้องการให้เหล่าขุนนางช่วยแก้ปัญหานี้ด้วย"เจิ้นมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้พวกเจ้าช่วยเจิ้นคิดเสียหน่อย"พระสุรเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นเสียงดัง หลังจากการประชุมเรื่องงานราชกิจช่วงเช้าจบลง เหล่าขุนนางที่ยืนกันเต็มท้องพระโรงต่างยืดแผ่นหลังตรง เพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่ฮ่องเต้กำลังจะตรัส เรื่องใดหนอที่ฮ่องเต้ถึงกลับทรงคิดไม่ตก"ฝ่าบาททรงตรัสมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ"เสนาบดีกู้แห่งกรมยุติธรรมเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางกระตือรือร้น"ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่เจิ้นต้องการหาสตรีที่จะมาเป็นพระชายาองค์ชายสามเท่านั้นเอง"ทั่วท้องพระโรงพลันเงียบเสียงลงทันใด แค่ได้ยินชื่อขององค์ชายสามทุกคนก็อยากจะรีบถอยหนี ไม่มีผู้ใดอยากจะไปข้องเกี่ยวกับองค์ชายสามที่ได้ชื่อว่า 'เป็นจอมเสเพลแห่งเมืองหลวงหรอก'"เอ่อ...องค์ชายสามทรงมีสตรีที่พึงใจอยู่แล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""ไม่มี แต่องค์
บทที่ 6รนหาเรื่อง จวนตระกูลอวี้อวี้เฉินฟู่กลับมาถึงจวนก็เรียกให้โจวลี่เฟยมาพบที่ห้องหนังสือทันที ใบหน้าของเขาอึมครึมด้วยความไม่พอใจในตัวภรรยาและครอบครัวของนาง รองเสนาบดีโจวคิดจะกำจัดบุตรสาวของเขาให้พ้นทางใช่หรือไม่ กลอุบายขลาดเขลาเช่นนี้เขาจะดูไม่ออกเลยหรือ ดูท่าว่าหลังจวนของเขาคงจะไม่ได้เงียบง่าย และสุขสงบอย่างที่ตาของเขาเห็นไม่"ท่านพี่เรียกหาข้าหรือเจ้าคะ"โจวลี่เฟยเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหวาน นางคิดว่าสามีคงจะคิดถึงนางเป็นแน่ แต่หารู้ไม่ว่าบิดาของนางได้สร้างเรื่องเสียแล้ว "ใช่ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้พบบิดาของเจ้าหรือไม่ ข้าอยากจะมอบของขวัญให้ท่านพ่อตาเสียหน่อย"อวี้เฉินฟู่ปั้นสีหน้าให้กลับมาสุขุมดังเดิม"ข้าเพิ่งพบท่านพ่อเมื่อสองวันก่อนเจ้าค่ะ ท่านพ่อยังบ่นคิดถึงหลันเอ๋อร์อยู่เลยเจ้าค่ะ และท่านพ่อยังกล่าวว่าหลันเอ๋อร์อายุไม่น้อยแล้ว เราสมควรหาสามีดี ๆ ให้กับนาง เรื่องนี้ข้าเองก็เห็นดีด้วย อยากจะมาปรึกษ
การสมรสระหว่างองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าวและคุณหนูใหญ่อวี้หลันถูกประกาศออกมาในสามวันให้หลัง ทุกคนที่ได้ทราบข่าวนี้ต่างพากันสงสารคุณหนูใหญ่ผู้นี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าหลายคนจะไม่เคยเห็นหน้าอวี้หลัน แต่ต่างพากันเทใจว่านางช่างโชคร้ายนัก เป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่แต่กลับต้องมาแต่งงานกับองค์ชายจอมเสเพลเสียได้ ช่างน่าสงสารนัก!นอกจากจะมีคนสงสารก็ยังมีคนที่รู้สึกสาสมใจด้วย อย่างเช่นอวี้ซูเยว่ และโจวลี่เฟยที่ต่างหัวเราะขบขันด้วยความสะใจ หลังจากที่ขันทีข้างกายของฮ่องเต้มาประกาศราชโองการที่จวนเมื่อวันก่อน โดยนับจากนี้อีกสองเดือนอวี้หลันจะต้องแต่งงานกับองค์ชายสาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งสองวาดฝันไว้ล้วนเป็นไปอย่างราบรื่น"ท่านแม่กับท่านตาเก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ ในที่สุดนังอวี้หลันก็จะได้ออกไปจากจวนนี้เสียที ฮ่าฮ่าฮ่า""เยว่เอ๋อร์ รักษากิริยาด้วยสิลูก ถึงเจ้าจะดีใจแค่ไหนแต่ก็อย่าได้หัวเราะจนเห็นไรฟันเช่นนี้"อวี้ซูเยว่ฉีกยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างสงวนท่าที"ก็ลูกดีใจนี่เจ้าคะท่านแม่""เด็กคนนี้นี่"โจวลี่เฟยคลี่ยิ้มหวาน พลางยก
บทที่ 7ร่วมมือกัน หลายวันที่ผ่านมาอวี้เฉินฟู่แทบจะไม่ได้นอนเลย ยิ่งได้เห็นเทียบเชิญจากวังเจียวจินเขายิ่งนอนไม่หลับ เขารู้สึกแย่ที่ตัวเองไม่สามารถหาบุรุษดี ๆ ให้กับบุตรสาวได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหพ่อตาของตนที่สอดไม่เข้าเรื่อง ทำให้ตอนนี้เขายังคงไม่พอใจโจวลี่เฟยอยู่มาก ไม่แม้แต่จะไปนอนค้างที่เรือนของนางเลย"ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ?""เข้ามาสิหลันเอ๋อร์"อวี้หลันเดินเข้ามาพร้อมกับถือถ้วยยาบำรุงเข้ามาด้วย นางส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับบิดา ก่อนจะเอ่ยธุระที่นางมาหาเขาถึงห้องหนังสือ"ท่านพ่อเจ้าคะ มีเรื่องหนึ่งที่ลูกอยากมาขอร้องท่านพ่อเจ้าค่ะ""เรื่องแต่งงานของเจ้าหรือ""ไม่ใช่เจ้าค่ะ เรื่องของหลันหนิงเหมย ลูกอยากให้ท่านพ่อรับนางกับน้องชายมาอยู่ที่จวนอวี้ของเราเจ้าค่ะ""เรื่องนั้น...มันก็ได้อยู่หรอก แต่ชื่อเสียงของนางจะไม่มัวหมองหรือหลันเอ๋อร์ อย่างไรนางก็เคยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก
"เชิญเสด็จทางด้านนี้เพคะ"อวี้หลันผายมือไปทิศทางที่ตั้งของสวนด้านหลัง ที่นั่นมีศาลาไม้ตั้งอยู่ตรงกลางสวน โดยรอบมีดอกไม้นานาพันธุ์ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มไปหมด ชวนให้รู้สึกสดชื่น"คุณหนูใหญ่อวี้ยินดีหรือไม่ที่จะต้องแต่งงานกับข้า"ระหว่างที่เดินไปยังศาลา เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยปากขึ้นมาทันที เขาอยากจะรู้ความคิดของอวี้หลันว่าคิดเห็นอย่างไรกับการแต่งงานของพวกเขา"ยินดีหรือไม่นี่ก็เป็นสมรสพระราชทาน หม่อมฉันมิอาจจะขัดราชโองการได้หรอกเพคะ"อวี้หลันหยุดเดินแล้วหันไปมองเจิ้งจื่อห้าว บุรุษผู้นี้กำลังหยั่งเชิงนางสินะ"หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าสามารถทูลขอเสด็จพ่อได้นะ อย่างไรเสด็จพ่อก็คงไม่บังคับฝืนใจผู้ใดหรอก"อวี้หลันคลี่ยิ้มหวาน แค่ประโยคเดียวนางก็สามารถอ่านความคิดของเขาได้แล้ว"ไม่ต้องลำบากองค์ชายสามหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้จะลำบากอะไร หม่อมฉันก็แค่ย้ายจากจวนตระกูลอวี้ไปวังเจียวจินเท่านั้นเอง"ท่าทีที่ไม่แยแสของอวี้หลัน ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับพูดไม่ออกอะไรคือไม่ลำบาก? อะ
บทที่ 8ฮูหยินรองคนใหม่ หลังจากเจิ้งจื่อห้าวได้กลับไป อวี้หลันก็เก็บตัวอยู่แต่ในเรือน นางกำลังนึกทบทวนเรื่องราวในนิยายและความเป็นจริงของโลกใบนี้ แม้จะคิดว่านางได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ แต่ก็มีหลายสิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไป หากทบทวนจากในเนื้อเรื่องนั้น พระเอกซึ่งคือองค์รัชทายาทจะได้แต่งงานกับนางเอกซึ่งเป็นคนตระกูลกู้ และนางร้ายอย่างอวี้ซูเยว่ย่อมไม่มีวันยอม รวมถึงฮองเฮาที่แสนชิงชังนางเอกจนเกลียดแทบเข้ากระดูกดำด้วย ทำให้ความรักของคู่พระนางต้องพบเจออุปสรรคหลายอย่าง ในเมื่อนางไม่ต้องการให้ตระกูลอวี้ต้องถูกประหารทั้งตระกูล การที่จะเป็นมิตรกับพระเอกและนางเอกในนิยายก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เมื่อคิดได้เช่นนั้นอวี้หลันจึงตัดสินใจที่จะเป็นสหายกับนางเอก เผื่อว่าในอนาคตข้างหน้านางจะสามารถขอลดโทษทัณฑ์ที่เกิดจากอวี้ซูเยว่ได้"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นายท่านให้มาตามไปพบเจ้าค่ะ"รั่วซีที่อยู่หน้าห้องเอ่ยบอกอวี้หลัน"ท่านพ่อหรือ?"
ตอนพิเศษ 2ชุดนอนตัวใหม่ อวี้หลันเดินเข้าไปยังห้องนอนบุตรสาวเพื่อสั่งความแม่นมกับรั่วซี หลีกงกงที่อยู่ด้วยก็รู้ความนัก เขายังเอ่ยกับอวี้หลันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย"พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงท่านหญิงน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับรั่วซีจะช่วยดูแลท่านหญิงน้อยให้เอง พระชายาโปรดทรงวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ" หลีกงกงขยับเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้ได้ยินกันสองคน "ท่านหญิงน้อยคงจะเหงาน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีพระชายาน่าจะประทานน้องให้กับท่านหญิงน้อยสักหลาย ๆ คนก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ""หลีกงกง! เจ้านี่นะ"อวี้หลันทั้งขำทั้งฉุน หลีกงกงผู้นี้ช่างเจ้ากี้เจ้าการยิ่งนัก"โปรดเห็นใจคนแก่ขี้เหงาเช่นกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะพระชายา""เฮ้อ...เรื่องนี้หลีกงกงคงต้องไปกราบทูลองค์ชายสามแล้วล่ะว่าเขาจะมีความสามารถหรือไม่ ข้ามิอาจตอบได้หรอกนะ"อวี้หลันแสร้งถอนหายใจ ทั้งที่ใจจริงนางนั้นกำลังวางแผนเช่นกันว่าอยากจะมีบุตรอีกสัก 2 คนเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกัน"เช่นนั้นข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยเสียแล้วใช่หรือไม่"น้ำเสียงห้วนดุที่
ตอนพิเศษ 1เจิ้งลี่จิน เวลาล่วงเลยผ่านไปไวยิ่งนักในความรู้สึกของอวี้หลัน นับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วม 1 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปจนนางไม่นึกฝันเลย บัดนี้นางได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว บุตรสาวตัวน้อยผู้เป็นความสุขทั้งมวลให้กับนางกับเจิ้งจื่อห้าว เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนักในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่'เจิ้งลี่จิน' บุตรสาวตัวน้อยที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวขาวอวบอ้วน นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวดั่งเช่นมารดา แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากนั้นถอดแบบบิดามิมีผิดเพี้ยน ไม่ว่าผู้ใดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเจิ้งลี่จินช่างมีใบหน้าเหมือนกับบิดายิ่งนักคำพูดนี้เองที่ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็รู้สึกดียิ่งนักที่บุตรสาวมีใบหน้าเหมือนกันกับเขา และยิ่งนางมีดวงตาเหมือนกับอวี้หลันเขายิ่งรู้สึกดีเพิ่มขึ้นไปอีกอวี้หลันจดจำความยากลำบากของการคลอดเจิ้งลี่จินได้ดี วันเวลากว่าจะผ่านมาได้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก แต่เมื่อคิดว่านี่คือการเสียสละของมารดาเพื่อให้เจ
บทส่งท้าย วังเจียวจินอวี้หลันนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่นางถูกลอบสังหาร ตอนนี้นางได้หาเป็นอะไรมากที่บอกว่าตกใจก็เสแสร้งทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเจิ้งจื่อห้าวนั้นตื่นตระหนกเกินไป เขาเป็นกังวลมากจนนางนึกเสียใจที่ใช้แผนการนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วนางก็ต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง โดยที่ไม่สามารถย่างกรายออกไปจากห้องได้เลย"ฮ่ะฮ่าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าล่ะนึกชอบใจนักที่องค์ชายสามทรงสั่งห้ามเจ้าลุกออกจากเตียงเช่นนี้ สมแล้วที่เจ้าใช้แผนการนี้หลอกล่อให้ฮองเฮาติดกับ ทั้งยังหลอกใช้ข้าอีกด้วย"กู้เฟยหนี่ว์ที่มาเยี่ยมอวี้หลันเอ่ยบ่นอีกฝ่าย นางยังคงรู้สึกไม่พอใจกับแผนการของอวี้หลันนัก แม้ผลลัพธ์จะดีที่สามารถกำจัดอำนาจของฮองเฮาไปได้ ทำให้องค์รัชทายาทรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของพระมารดาแต่มันก็เสี่ยงเกินไป"เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย เจ้าเองก็ชอบไม่ใช่หรือที่ได้สังหารคน หึ!""ข้าชอบที่ได้ออกแรงก็จริง ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธแต่ข้าไม่
"เสด็จพี่คงได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ฮองเฮาอาจจะทรงรักและหวังดีต่อเสด็จพี่ด้วยใจจริง แต่กลับผู้อื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางอำนาจหรือหมดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาก็สามารถกำจัดได้ทุกคนโดยไม่สนวิธีการ แม้มันจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะไม่ช่วยคนผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยทิ้งท้ายแล้วจึงได้เดินจากไป... หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้ไปที่เสนาบดีโจว ปิ่นทองคำที่อยู่ในมือหัวหน้ามือสังหารก็คือของขวัญที่ฮองเฮาทรงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้เองโจวซูหลิ่งจึงไม่อาจหลีกหนีเอาตัวรอดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีความผิด"หม่อมฉันถูกคนใส่ความเพคะฝ่าบาท นี่ต้อง...ต้องเป็นฝีมือของบ่าวทรยศเป็นแน่ มันผู้นั้นต้องแอบขโมยปิ่นของหม่อมฉันไปเพื่อเป็นหลักฐานมามัดตัวหม่อมฉันเพคะ นี่คือการใส่ความเพคะฝ่าบาท"โจวซูหลิ่งร่ำร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง หากนางไม่ยอมรับจะทำอะไรนางได้ หลักฐานเพียงแค่นี้มิอาจจะเอาผิดนางได้หรอก"เจ้ายอมรับความผิดซะเถิดฮองเฮา เห็นแก่องค์รัชทายาทอย่าให้ชื่อเสีย
บทที่ 32ล้มทั้งกระดาน "พระชายา พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงที่เพิ่งจัดการมือสังหารเสร็จรีบตรงเข้ามาถามไถ่อวี้หลันด้วยความเป็นห่วงทันที เขายังคงตกใจไม่หายที่ได้เห็นท่วงท่าการสังหารคนของคุณหนูกู้ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูกู้จะมีวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่ก็งดงามอ่อนช้อยแต่เต็มไปด้วยความดุดัน คุณหนูกู้วาดกระบี่ไปทิศทางใดล้วนต้องได้อาบโลหิตทุกครั้งไป นอกจากองค์ชายสามผู้เป็นนายแล้วก็มีคุณหนูกู้นี่แหละที่เขานับถือเรื่องวรยุทธ์ด้วยใจจริง"ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง"น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังออกมาจากรถม้ายิ่งทำให้ฉีหมิงรู้สึกผิด กู้เฟยหนี่ว์ชำเลืองตามองมารยาของสหายแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้'นางหรือที่ตกใจ ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าที่ควรตกใจกับแผนการนี้ของนาง'"พระชายาทรงรู้สึกเจ็บท้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ท่านหมอมาดูอาการก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ในขบวนรถม้านี้ได้มีท่านหมอมาด้วย
"อาอันน้องพี่" สองพี่น้องต่างเดินเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สายใยระหว่างพี่น้องเรียงร้อยถักทอเข้าด้วยกัน "ข้าคิดถึงท่านพี่มากเลยขอรับ แล้วนี่..." อวี้เวยอันหันไปมองบุรุษข้างกายของพี่สาว หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสามีของพี่สาวของเขากัน "นี่คือองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าว พระสวามีของพี่เอง" "คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ขอองค์ชายสามได้โปรดอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรีบทำความเคารพเจิ้งจื่อห้าวทันที เพราะเขาดีใจที่ได้เจออวี้หลันมากเกินไปจึงได้เสียมารยาทกับองค์ชายสาม "ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" เขาเอ่ยอย่างใจดี เรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกายที่กำลังนึกหวั่นว่าเขาอาจจะเข้ากับน้องชายของนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็หมดห่วง "ขอบคุณองค์ชายสามที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรู้สึกถูกชะตาพี่เขยผู้นี้ยิ่งนัก สายตาของเขาพลันมองไปเห็นหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว "ท่านพี่อ้วนขึ้นหรือขอรับ" แม้จะพยายามพูดเส
สองบุรุษยืนส่งสตรีอันเป็นที่รักด้วยหัวใจที่วูบโหวงแปลกประหลาด พวกเขารู้สึกว่าการจากลาเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ นี้ช่างยาวนานเสียเหลือก่อนเจิ้งจื่อห้าวสะบัดศีรษะไล่ความคิดออกไป ก่อนจะรีบกลับไปสะสางงานให้เสร็จ เขาอยากจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ภายใต้แสงจันทร์ที่บ่อน้ำพุร้อน ณ ตำหนักฤดูร้อนเสียแล้ว ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติที่ถูกช่างฝีมือดีรังสรรค์เอาไว้ ยิ่งถ้าได้อยู่กับสตรีอันเป็นที่รัก ใช้ร่างกายอันแข็งแรงของตนโอบกอดนางตลอดทั้งคืนคงเป็นเรื่องที่ดีมาก"ข้าขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่""อืม ข้าเองก็จะไปหาเสด็จแม่ที่ตำหนักเสียหน่อย ช่วงนี้เสด็จแม่ทรงฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งนัก""ข้าขอฝากแสดงความห่วงใยต่อฮองเฮาด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หากเสร็จงานเมื่อใดข้าจะไปเยี่ยมฮองเฮาด้วยตนเอง แล้วจึงจะไปตำหนักฤดูร้อนต่อไป""เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเถิด"สองพี่น้องส่งยิ้มให้แก่กัน แล้วจึงได้เดินแยกทางกันไปทำหน้าที่ของตน... รถม้าเคลื่อนออกมาจากนอกเมืองหลวงราวหนึ่งชั่วยามแล้ว หนทางข้างหน้าสะดวกสบายไม่ได้ลำบากอะไรนัก เนื่องจากเส้นทางนี้
บทที่ 31หมากตาสุดท้าย หลังจากที่เจิ้งไป๋ฮวากลับไป อวี้หลันก็หันมาเอ่ยถามรั่วซี"มีอะไร""จดหมายจากอารามเป่าซานเพคะ"อวี้หลันรับจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน นางอ่านทวนอีกรอบก่อนจะยกยิ้มด้วยความพอใจแล้วทำลายจดหมายฉบับนั้นทิ้งเสีย"ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย เขาทำงานได้ดีสมกับที่ข้าคาดหวังจริง ๆ""เอ่อ...บ่าวขอถามได้หรือไม่เพคะว่าเพราะเหตุใดท่านเจ้าอาวาสถึงยอมช่วยเหลือพระชายาถึงเพียงนี้ บ่าวคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก"อวี้หลันอมยิ้มกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของสาวใช้ตัวน้อย"ท่านเจ้าอาวาสผู้นี้เคยเป็นโจรป่ามาก่อน เขาสังหารผู้คนราวกับผักปลาที่ไร้ค่า หลังจากที่ถูกทางการไล่ล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ได้หนีไปบวช นานวันเข้าก็เกิดเลื่อมใสในรสพระธรรมขึ้นมาจึงได้เปลี่ยนตัวตนขึ้นมาใหม่ คราแรกก็เป็นเพียงนักบวชธรรมดาแต่เพราะมีความรอบรู้ในการคาดเดาธรรมชาติจึงทำให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธ
เจิ้งลู่เหอหัวเสียเป็นอย่างมากที่ในวังของเขามีคนฆ่ากันตาย เขาหาได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกดีใจมากกว่าที่ได้หลุดพ้นจากสองพี่น้องที่แสนเอาแต่ใจคู่นี้ หลังจากนี้เขาคงต้องหาพระชายาคนใหม่ที่จะมาช่วยหนุนหลังเขาต่อไป แต่จะเป็นคนจากตระกูลใดดีนะที่เหมาะสมกับองค์ชายเช่นเขา"เสด็จพี่สี่อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งไป๋ฮวาเอ่ยปลอบใจผู้เป็นพี่ชายด้วยความเป็นห่วง"ขอบใจเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ที่มาร่วมงานศพ พี่พอทำใจได้บ้างแล้วล่ะ" เจิ้งลู่เหอหลุดจากภวังค์ความคิดของตน เขามองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการพบหน้าจึงเอ่ยถามเจิ้งไป๋ฮวา "พี่ไม่เห็นเสด็จพี่สามกับพี่สะใภ้เลย"หญิงสาวขยับกายเข้ามาใกล้แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน"เสด็จพี่สี่อย่าเพิ่งไปพูดกับใครนะเพคะ ตอนนี้พี่สะใภ้กำลังตั้งครรภ์ เสด็จพี่สามก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง งานศพที่เอ่อ...ไม่เป็นมงคลเช่นนี้จึงมิอาจมาร่วมงานได้ เสด็จพี่สี่อย่าได้น้อยใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งลู่เหอที่กำลังรู้สึกหัวเสียพลันดีใจที่ได้ยินข่าวที่น่ายินดีนี้ เขาคลี่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับเจิ้งไป๋ฮวาด้วยน้ำเ