โฉมสะคราญที่เคยมีชีวิตสุขสบายกลับต้องพลิกผันเมื่อถูกคนชั่วใส่ร้ายว่าเป็นกบฎ ครอบครัวถูกทำลาย แถมยังถูกหักหลังจากองค์ไท่จื่อ ผลักไสนางให้ไปแต่งงานกับองค์ชายต่างแดน นางจึงต้องย้อนเวลากลับมาทวงแค้น!!
View Moreเสียงคมดาบเฉือนอาภรณ์สีทองสุกปลั่งขององค์ชาย มันบาดลึกเข้าไปเฉือดเนื้อของเขาเป็นรอยแผลกว้าง แต่ยังมิทันที่นักฆ่าจะเข้าประชิดถึงตัวเขา ชายหนุ่มก็ควงกระบี่ลอยตัวขึ้นเหนืออากาศ บิดร่างพลิ้วไหว ก่อนจะจ้วงแทงไปยังร่างของนักฆ่าผู้เคราะห์ร้าย เขาบิดคมปลายกระบี่ถึงสองครั้ง ก่อนจะดึงมันกลับมา“องค์ชาย ทรงบาดเจ็บนี่พะยะค่ะ” องครักษ์เข้ามาดูบาดแผล แต่เขามิได้แสดงความเจ็บปวดอันใด“พวกเจ้าต้านมันเอาไว้ก่อน ข้าจะนำแม่นางว่าที่พระชายาหนีออกไป ตอนนี้ข้ากับเจ้ามาสับเปลี่ยนเสื้อคลุมกันก่อน!”เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น องค์รักษ์ประจำตัวจึงทำหน้าที่ของตน เปลี่ยนอาภรณ์ชิ้นนอกกับองค์ชาย อวิ๋นหลงทันที “พะยะค่ะองค์ชาย กระหม่อมจะทำตามพระบัญชา”เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา เขาจึงมุ่งไปตรงบริเวณที่หานซูหลินกำลังหลบภัย“แม่นาง เจ้าออกมาได้แล้ว”“พวกเจ้ายังฆ่าฟันกันอยู่เลย หากข้าออกไปก็ตายน่ะสิ”นางเห็นว่าตรงนี้ไม่ปลอดภัยก็จริง แต่ด้านนอกก็ไม่น่าดูอยู่ดี“พวกเราต้องหนีกันก่อน ตอนนี้องครักษ์ได้พาองค์ชายหลบหนีไปแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่จะมิปลอดภัยหรอกนะ โปรดบอกข้ามา มีที่ใดพอจะหลบซ่อนได้บ้าง” เขาเอ่ยถามนางหน้าน
“ระวัง!! มีนักฆ่าบุกโจมตี!!”เสียงหัวหน้าองครักษ์ประกาศเตือนทุกคนให้ระวังตัว พร้อมกับกันเส้นทางให้ทุกคนหลบหนีและป้องกันตัวเอง“ทหารทั้งหมดคุ้มครองฝ่าบาท! คุ้มกันฮองเฮา ทหารคุ้มครององค์รัชทายาทหลงเทียน!!” สิ้นเสียงขององครักษ์ฝ่ายฉางอัน ทหารทั้งหมดต่างดาหน้ากันเข้ามาปกป้องพระองค์ส่วนหนึ่ง และอีกนับสิบนั้นต่างนำกำลังเพื่อป้องกันส่วนพระองค์พาฮ่องเต้และองค์รัชทายาทหลบหนี รวมทั้งเหล่านางกำนัลและข้าราชบริพารต่างก็ติดตามทหารเหล่านั้นไปด้วย เพราะกลัวเกรงการบาดเจ็บและล้มตายของตน“เร็วเข้าเถอะรีบไปกันเร็วเข้า ฝ่าบาทพะยะค่ะ ทรงรีบเสด็จเถอะ ตามกระหม่อมมาพะยะค่ะ!” หลิวกงกง รีบเตือนฮ่องเต้และฮองเฮา ส่วนตัวเองนั้นก็ไม่สนสิ่งใด แม้แต่หานซูหลินที่เป็นว่าที่พระชายา ก็มิได้ถูกยื้อยุดตามไปด้วย“หลินเอ๋อร์!! รีบตามข้ามาเร็วเข้า!!”ชายหนุ่มรัชทายาทเพียงคนเดียว รีบตะโกนบอกคู่หมั้น ที่ตอนนี้นางกำลังสาวเท้าติดตามไป แต่ก็มิทันได้ทำอย่างที่ใจคิด นางล้มลงก่อน และได้รับบาดเจ็บเพราะสะดุดข้อเท้า นิ้วมือเรียวแหวกอากาศไปข้างหน้า หวังจะให้มีผู้ใดช่วยเหลือ แต่องค์รัชทายาทหลงเทียน กลับหายลับไปจากสายตาของนางแล้ว“องค์ชาย
“เจ้างดงามจริง ๆ ข้ามิได้ชื่นชมเจ้าด้วยวาจาโป้ปดเสียหน่อยหลินเอ๋อร์ อันที่จริงข้าอยากไปรับเจ้าด้วยตัวเอง แต่เพราะข้าต้องช่วยงานเสด็จพ่อ จึงต้องอยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ใจข้านั้นคิดถึงเจ้ามากมายนัก”เขากล่าวคำหวานออกมาไม่ขาดสาย ทำให้หานซูหลินใจเต้นแรง แม้นางจะเคยเห็นว่าเขาหักหลังตนเองมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ใจของนางมิได้คิดเคืองแค้นอันใด เพราะสิ่งที่เขาทำไปในเวลานั้น นางรู้ดีว่าชายคนนี้ต้องถูกบังคับเป็นแน่หากใจนางมืดบอด ก็คงมิให้อภัยบุรุษที่นั่งอยู่เคียงข้างนางได้“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันก็คิดเช่นเดียวกันกับพระองค์ แต่ในเวลานี้นับว่าไม่เหมาะสม สำหรับการเรียกร้องความรักที่องค์ชายทรงมีให้แก่หม่อมฉันเพคะ ทรงสดับรับฟังพระราชโองการจากฮ่องเต้ ด้วยความตั้งใจเถอะเพคะ”หานซูหลินปรามความปรารถนาในจิตใจของบุรุษข้างกาย นางทราบดีว่าเขาตื่นเต้นเพียงใดที่พบเจอตน แม้ว่านางเห็นเช่นนั้นก็ตามที แต่หญิงสาวก็เก็บอาการเอาไว้เช่นกัน นางเองก็รู้สึกดีไม่น้อยไปกว่าเขาฮ่องเต้ หย่งเจิ้ง ทรงทอดพระเนตรเห็นข้าราชบริพารมากมาย รายล้อมอยู่เต็มทั้งในตำหนัก และท้องพระโรง พวกเขาต่างยิ้มชื่นให้กับการฉลองในวาระนี้ แค่เพียงเท่านี้พระ
“เจ้าดูนี่สิ! ข้าได้รับคำเชิญ เพื่อให้เข้าร่วมงานในราชวัง ตามที่ฮ่องเต้ส่งมา ตระกูลหานของเราต้องเข้าร่วมในครั้งนี้ และเจ้าจะต้องเตรียมตัวเอาไว้หลินเอ๋อร์ เพราะเจ้าเป็นคนสำคัญในงานนี้ด้วยเช่นกัน หานซูหลิน ผู้เป็นว่าที่พระชายา ในองค์ชายรัชทายาทหลงเทียน วันนี้จงบอกกล่าวมารดาของเจ้า ให้ตระเตรียมชุดที่สวยงาม พร้อมทั้งของขวัญชิ้นใหญ่ เพื่อส่งมอบให้องค์ชายแคว้นหลู่ ด้วย” หานเจียจิ้งออกคำสั่งแก่บุตรสาว นางยังมิได้รู้เลยว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการซ้ำรอยในตอนที่ได้รับยาพิษหรือไม่“งานเลี้ยงต้อนรับองค์ชายต่างแคว้นหรือเจ้าคะท่านพ่อ” นางถามออกมาด้วยความสงสัย“ใช่แล้วล่ะ พระองค์สืบเชื้อสายมาจากพยัคฆ์ขาว แห่งแคว้นทางเหนือ ทรงเดินทางมาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับเมืองฉางอันของเรา เนื่องจากว่าที่นี่เป็นแผ่นดินใหญ่ที่สุดในแผนที่ และมีเหล่าไพร่พลทหาร รวมทั้งแม่ทัพที่เก่งกาจอยู่มากมายนัก แคว้นหลู่จึงมิอาจต่อการได้ จึงคิดหาหนทางเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี ให้เกิดขึ้นแก่แคว้นตนเอง นับว่าฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นมีความฉลาดปราญเปรื่องยิ่งนัก”“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางก้มศีรษะให้บิดา“อีกสองวันงานจะเกิดขึ้น เจ้
“เอาละ เพื่อความสบายใจของฮูหยิน ข้าจะรับฟังเจ้าก็แล้วกันหลินเอ๋อร์ ไหนว่ามาสิ”บิดานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว ในเวลานี้หานซูหลินแต่งตัวเสร็จแล้ว นางนุ่งห่มอาภรณ์ด้วยสีขาวมุก ประดับปิ่นปักผมพร้อมกับเครื่องทองและทับทิมบนศีรษะ แต่งแต้มลวดลายระหว่างหน้าผาก เป็นรูปดอกบัวสีชาดสามกลีบ ก่อนจะเข้าพบบิดาในห้องหนังสือ ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา“ท่านพ่อ หากข้ากล่าวอ้างถึงความฝัน ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ ได้โปรดบอกข้ามาก่อน มิเช่นนั้นข้าอาจเป็นบุตรที่ท่านคิดว่าเพ้อเจ้อ แต่ข้ามิอยากให้ท่านคิดเป็นแบบอื่นเจ้าค่ะ”นางถูกบิดาเชิญให้นั่งลงก่อน ครานี้บุตรสาวของตนมีท่าทางแปลกไปกว่าเดิม หานซูหลินคนก่อนมิได้ห้าวหาญเช่นนี้ นางมีความอ่อนหวาน และอ่อนโยนดั่งเช่นสตรีที่ถูกอบรมมาอย่างดี เพื่อเข้ารับตำแหน่งพระชายาขององค์ไท่จื่อ นี่นางแปลกไปเพราะเหตุอันใดกัน…“ไหนเจ้าลองว่ามา ข้าจะเป็นคนบอกเองว่าเจ้าฟั่นเฟือนหรือไม่”“ท่านพ่อ! หากท่านสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีเสนาบดีฝ่ายค้านอยู่หลายคนทีเดียว ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นปฎิปักษ์กับท่านใช่หรือไม่”“จ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าไปสืบเรื่องราวในวังมาหรือไร ช่างเก่งเกินสตรีไปแล้วหานซูหลิน”หานเจ
“ท่านพี่เจ้าคะ เมื่อคืนสาวใช้บอกว่านางมีไข้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นหรือยัง อีกอย่างหนึ่งนางเอาแต่ละเมอ และกรีดร้องในยามราตรี ข้าเป็นห่วงลูกสาวของเรามากเหลือเกิน ปกตินางก็ร่าเริงสดใสดี ยังคงชื่นชมดอกไม้งามตามประสาเด็กสาวแรกรุ่นอยู่เลยเจ้าค่ะ”ฮูหยินบอกแก่สามี ทำให้เขาต้องรีบลุกจากเก้าอี้ตัวโปรด เพื่อเข้าไปดูบุตรสาวในหอนอน“ไหนข้าขอเข้าไปดูหานซูหลินหน่อย นางต้องได้รับการปลอบใจจากฝันที่ร้ายกาจนั่น เจ้าหลีกไปเสียสาวใช้!”“เจ้าค่ะนายท่าน คุณหนูฟื้นแล้ว นางอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” สาวใช้รายงานเจ้าของจวน ก่อนที่จะขยับตัวออกมาจากหน้าประตูหอนอนของหานซูหลิน“ซูหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูกพ่อ เห็นแม่เจ้าบอกว่าลูกของพ่อไม่สบายเช่นนั้นหรือ” เขาก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะพบว่าลูกสาวของตนนั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่ก่อนแล้ว“ท่านพ่อ!! ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับท่านอีก! ฮือ ๆ”เมื่อเห็นบิดาของตนเดินเข้ามา นางก็เข้าไปสวมกอด และร้องให้ปริ่มจะขาดใจ นางได้กลับมาอยู่ในช่วงเวลาที่จ้าวแห่งความมืดได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ น้ำตาของหญิงสาวยังคงไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง“ข้านึกว่าจะมิได้พบพานท่านพ่อกับท่านแม่อีกแล้ว ขอบคุณสวรรค์จริง
“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านกลับมาจากราชการอันเหน็ดเหนื่อย ได้โปรดเชิญนั่งก่อน ข้าจะเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติให้ท่านพี่นะเจ้าคะ”ฮูหยิน หรงซื่อเหม่ย เดินเข้ามาหาสามีซึ่งเป็นเสนาบดีกรมการยุติธรรม เขาได้ว่าความที่ศาลแห่งเมืองต้าเซิ่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปสักประมาณสิบลี้เห็นจะได้ หานเจียจิ้ง เป็นสามีที่ทรงความยุติธรรมที่สุดแล้วในแผ่นดินฉางอันแห่งนี้ ในทุกครั้งที่มีงานสำเร็จราชการ เพื่อว่าความในคดีต่าง ๆ เขาจะเดินทางไปยังเมืองต้าเซิ่นเพื่อทำงานอันยุติธรรม ตัดสินคดีทุกอย่างในแผ่นดินแห่งนี้ แม้จะมีศาลอีกสองสามที่ก็ตามที แต่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ และเที่ยงธรรมที่สุด เห็นทีจะมิได้พ้นศาลแห่งนี้“ช่วยเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที หลิวเยี่ย วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ชายวัยกลางคนบอกกับบันฑิตหลิว ซึ่งตอนนี้เป็นคนสนิทของเขา ขอแรงให้ช่วยนำเอกสารสำคัญไปเก็บไว้ภายในห้องหนังสือ ซึ่งมันคือห้องทำงานของเขาด้วยเช่นกัน“ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ การว่าความที่มีเรื่องราวให้ปวดหัวแทบทุกวันเช่นนี้ ข้าเกรงว่าท่านพี่จะทำไม่ไหวในสักวันหนึ่งเจ้าคะ”ฮูหยินหรงซื่อเหม่ย ห่วงใยในตัวของสามี นางเป็นสตรีที่ดี มีความรักสามีเสียจนหาหญิงใดใน
เจ้าของร่างในอากาศคำรามออกมา ทำให้นางต้องรีบอุดใบหูที่เหมือนกับว่าโลหิตจะหลั่งออกมาจากภายในกายเสียให้จงได้ เสียงนั้นมีพลานุภาพอย่างที่ตนเองก็มิเคยได้พบเจอมาก่อน “ขะ…ข้า ข้าขออภัยต่อท่านผู้ทรงอำนาจ ข้าน้อยอยากเห็นว่าท่านมีร่างกายหรือไม่”“เจ้าจึงคิดจะแตะต้องกายข้าเช่นนั้นหรือ หึหึ! ช่างน่าขันเสียเหลือเกินเจ้าเด็กน้อย แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะมิได้คำตอบอันใด”“เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเถิด”“เจ้าค่ะ ท่านผู้ทรงอำนาจ”“การตายของเจ้ามีผลต่ออาณาจักรฉางอันอย่างยิ่งยวด ที่แผ่นดินต้องล่มสลายเร็วกว่ากำหนดในอีกสองร้อยปีข้างหน้า มันทำให้วงจรของห้วงเวลาผิดเพี้ยน และเจ้าจะต้องรับผิดชอบ เพราะมันเกิดขึ้นจากการตายของเจ้า! ขอให้รู้เอาไว้เสีย หานซูหลิน!”“ไม่จริงเจ้าค่ะ ข้ามิใช่เบี้ยตัวใดในแผ่นดินฉางอัน ข้ามิได้มีอำนาจ หากข้าตายไปก็เหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิวเพียงเท่านั้น ข้าไม่สามารถเข้าใจที่ท่านบอกกล่าวนี้ได้”หานซูหลินยังคงปฎิเสธไม่เว้นวาง นางได้ทำสิ่งใดผิดไปหรือไม่ แม้ครุ่นคิดเช่นไรตนเองก็ไม่อาจพบต้นตอนั้นเลย“ข้าจะให้เจ้าจดจำภาพที่ผ่านสายตาเมื่อครู่ จงจำไว้ให้ดีเชียวล่ะ”“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั
หานซูหลินหลับตาลงพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลริน การร้องขอความเห็นใจของนาง ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้น ไฟจากนรกมอดไหม้ลง พร้อมกับพื้นที่แห่งนั้นกลับมาสงบอีกครั้ง กายที่โปร่งบางเมื่อครู่ก็พลันกลับเข้าสู่กายเนื้อ จนบัดนี้หญิงสาวหาได้มีเส้นเลือดดำติดอยู่ที่ตัวอีกแล้ว นางยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดีในคราเดียวกัน“ข้าคงไม่ตายซ้ำซ้อนอีกใช่หรือไม่ แล้วผู้ใดกันที่เข้ามาช่วยเหลือวิญญาณของข้าในครั้งนี้กันนะ” นางมีเวลาครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย ก่อนที่สุรเสียงลึกลับจะปรากฎดังอยู่รอบทิศทาง“หานซูหลิน! บัดนี้เจ้าได้รับโอกาสที่สอง ตามที่ได้ร้องขอเอาไว้กับข้า จงรับมันเอาไว้ซะ!!” เสียงปริศนาที่ปรากฏขึ้น ทำให้นางหันดูรอบกาย ทั้งในที่สูงรวมสี่ทิศ และเบื้องล่างในแอ่งน้ำตรงหน้า แต่นางกลับไม่พบกับสิ่งใดทั้งนั้น“เจ้าเป็นใครกัน ใยถึงช่วยเหลือข้า แล้วข้าต้องแลกกับสิ่งใดหรือไม่”เสียงของนางดังก้องอบอวลไปทั่ว มันสะท้อนกลับเข้าสู่โสตประสาทของนาง จนทำให้หญิงสาวต้องใช้ฝ่ามืออุดหูเอาไว้“เจ้าไม่ต้องแลกสิ่งใดทั้งสิ้น จงมองภาพเหล่านี้ซะ!!”แม้เสียงในสายลมจะบอกว่าให้ดูภาพเสีย แต่หานซูหลินหาได้มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้แม้แต่หรี่
ปีรัชศกยี่เฉิง ปีที่สองร้อยอาณาจักรฉางอันที่รุ่งเรืองและเกรียงไกร ปกครองโดยราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ทรงมีพระปรีชาสามารถและยังรวมผู้คนในแผ่นดินให้กลมเกลียว รักใคร่สมานฉันท์ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อแคว้นข้างเคียง ดั่งเช่นในวันนี้ที่พระองค์ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองเหล่าองค์ชายจากต่างแดนขึ้นความสำราญขนาดมโหฬาร กำลังเผยอยู่ตรงหน้าท้องพระโรง และขณะเดียวกันองค์ฮ่องเต้เองก็ทรงให้หลิวกงกงประกาศราชโองการ“ในนามแห่งผู้ครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่นี้ ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ ในความต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นต่างแดน จึงได้เชิญองค์ชายรัชทายาทของแคว้นหลู่ เข้ามาร่วมเฉลิมฉลองในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ขอให้ทุกคนสำราญในงานเลี้ยงครั้งนี้”สิ้นเสียงประกาศจากหลิวกงกงในพิธี ทุกคนต่างนั่งลงในที่ของตนเอง ทุกคนล้วนอยู่ในห้องที่โอ่โถง และมีบริเวณที่กว้างขวาง ซึ่งฮ่องเต้ได้ทรงโปรดให้จัดสถานที่กึ่งธรรมชาติ พร้อมนำอาหารและสุรามากมาย มาต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองแต่เวลานี้ยังมีสตรีผู้หนึ่งซึ่งจิตใจร้าวรานนัก เป็นเพราะนางถูกคนชั่วใส่ร้ายป้ายสีตระกูลตนเอง จนต้องหลบซ่อนตัว แต่ก็ยังมิวายที่จ
Comments