ปีรัชศกยี่เฉิง ปีที่สองร้อย
อาณาจักรฉางอันที่รุ่งเรืองและเกรียงไกร ปกครองโดยราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ทรงมีพระปรีชาสามารถและยังรวมผู้คนในแผ่นดินให้กลมเกลียว รักใคร่สมานฉันท์ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อแคว้นข้างเคียง ดั่งเช่นในวันนี้ที่พระองค์ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองเหล่าองค์ชายจากต่างแดนขึ้น
ความสำราญขนาดมโหฬาร กำลังเผยอยู่ตรงหน้าท้องพระโรง และขณะเดียวกันองค์ฮ่องเต้เองก็ทรงให้หลิวกงกงประกาศราชโองการ
“ในนามแห่งผู้ครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่นี้ ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ ในความต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นต่างแดน จึงได้เชิญองค์ชายรัชทายาทของแคว้นหลู่ เข้ามาร่วมเฉลิมฉลองในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ขอให้ทุกคนสำราญในงานเลี้ยงครั้งนี้”
สิ้นเสียงประกาศจากหลิวกงกงในพิธี ทุกคนต่างนั่งลงในที่ของตนเอง ทุกคนล้วนอยู่ในห้องที่โอ่โถง และมีบริเวณที่กว้างขวาง ซึ่งฮ่องเต้ได้ทรงโปรดให้จัดสถานที่กึ่งธรรมชาติ พร้อมนำอาหารและสุรามากมาย มาต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
แต่เวลานี้ยังมีสตรีผู้หนึ่งซึ่งจิตใจร้าวรานนัก เป็นเพราะนางถูกคนชั่วใส่ร้ายป้ายสีตระกูลตนเอง จนต้องหลบซ่อนตัว แต่ก็ยังมิวายที่จะโดนพบเจอ และถูกนำตัวเข้ามายังพื้นที่นี้ เพื่อให้รับรู้บางอย่างที่กำลังจะเอ่ยออกมาจากคนที่ตนเองรักและเทิดทูน
ในตำหนักของว่าที่พระชายา นางกำลังอยู่ท่ามกลางสาวใช้ถึงสามคน เพื่อต้องการแต่งกายด้วยอาภรณ์อันงดงาม ตามรับสั่งของฮองเฮา แต่มีสนมขององค์ชายหลงเทียนเข้ามาขัดขวาง และไล่สาวใช้เหล่านั้นออกไป
นางเดินเข้ามาสำรวจรอบกายของหานซูหลิน ก่อนจะเริ่มหัวเราะเยาะอีกฝ่าย
“หึ! ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีหน้ามาอยู่ตรงนี้ได้อีก ทั้งที่ตระกูลหานของเจ้าล่มสลายไปแล้ว” นางพูดจบก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวที่ตนปรามาส
“หานซูหลิน ถึงตระกูลเจ้าจะทำผิดถึงขั้นก่อกบฏ แต่องค์ฮ่องเต้กลับไม่เอาผิดเจ้า เพราะเป็นเพียงบุตรีที่มิได้รับรู้ความชั่วช้าของบิดาตนเอง เจ้าถึงมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ด้วยความมีเมตตาของฮองเฮา ข้าละทั้งสมเพชและสงสารเจ้าเสียจริง”
น้ำเสียงของ เจียงเม่ยฉี กล่าวออกมาได้น่าทุเรศนัก ทำให้คนที่ถูกกลั่นแกล้งเช่นตน ต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ หานซูหลินไม่อยากเอ่ยวาจาอันใดให้มากความ
“หึ! เจ้าสมเพชข้าได้แน่ ในครั้งนี้เจ้ามีชัยเหนือกว่าข้านัก บุตรสาวเสนาธิการผู้หักหลังเพื่อนพ้องอย่างพ่อเจ้าคงยินดีอยู่หรอก ที่ได้ประเคนบุตรสาวให้เป็นน้ำใต้ศอกของข้าอย่างไม่อาย เจียงเม่ยฉี เจ้าช่างทุเรศกว่าข้ามากมายนักมิใช่หรือ”
“หึ! เวลานี้เจ้ายังจะหยิ่งผยองอยู่อีก คอยดูก็แล้วกันว่าใครจะเหนือกว่า ข้าถือไพ่แห่งความโชคดีอยู่ และเจ้าก็มีไพ่แห่งความตายแปะบนหน้าผาก เช่นนี้แล้วใครกันแน่ที่ควรวางมือ!”
หญิงแพศยาตรงหน้าเอ่ยวาจาอันน่าชิงชังออกมา ทั้งตระกูลเม่ย ต่างเป็นคนเลวทรามทั้งหมด พวกเขาวางแผนการอันแยบยลเอาไว้ เพื่อต้องการทำลายเสนาบดีกรมยุติธรรม ซึ่งก็คือคือศาลตัดสินอันสูงสุด นับว่าแต่ก่อนบิดาของหานซูหลินมีอำนาจอยู่ในมือมากมาย แต่ตอนนี้มันได้ดับสนิทไปแล้ว ราวกับแสงเทียนถูกโหมกระพือด้วยลมแรง
หมดสิ้นความยำเกรง เพราะน้ำมือของเสนาบดีกรมการคลังเพียงผู้เดียว
วันนี้ หานซูหลิน จำต้องมาอยู่ร่วมในงานต้อนรับองค์ชายต่างแดน ก็เพราะว่านางคือว่าที่พระชายาขององค์ชายหลงเทียน ผู้งดงามและปรีชาสามารถ ซึ่งเขาก็เป็นองค์ชายรัชทายาทในลำดับต่อไปอีกด้วย
แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะห่างเหินออกไปก็ตามที
เขาเปลี่ยนไป หลังจากที่บิดาของนางโดนจับ และระวางโทษประหารในคดี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏแผ่นดิน ซึ่งเรื่องราวนี้ ทำเอาหานซูหลินต้องเข่าทรุดลง เพราะความคาดไม่ถึง บิดาของนางเป็นคนดีและมีความยุติธรรมอย่างยิ่ง หากจะหาผู้ใดที่มีความเที่ยงตรงได้แล้ว นอกจากท่าน เง็กเซียนฮ่องเต้ ก็มีบิดาของนางเท่านั้นที่คู่ควร
“ว่าที่พระชายา ตอนนี้ข้าน้อยแต่งตัวให้ท่านเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านต้องออกไปยังด้านหน้าของวังได้แล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ของตำหนักเอ่ยกับตน หานซูหลินจึงเยื้องย่างออกไปอย่างสง่างาม แต่ภายในใจนั้นใครจะรู้ ว่านางเศร้าสร้อยปานใด
ด้านหน้าซึ่งมีที่นั่งของแต่ละคนแยกออกไป หานซูหลิน เลือกที่นั่งซึ่งอยู่ใกล้กับองค์ชายหลงเทียน แต่เขามิได้หันใบหน้ามาพิศดูนางสักนิดเดียว ยังคงนั่งตัวตรงอยู่บนตั่งของตนเอง
ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮานั้นทรงนั่งอยู่ข้างกัน มีเพียงสายตายิ้มเยาะของ เม่ยเจียงฉี ที่ส่งมาให้ตน เพราะนางได้ขึ้นเป็นสนมขององค์ชายหลงเทียนแล้วนั่นเอง แม้แต่หานซูหลิน ก็มิเคยได้ร่วมเคียงกับองค์ชายหลงเทียนมาก่อน นั่นก็เพราะตำแหน่งว่าที่พระชายาเป็นสิ่งที่สูงค่านั่นเอง
“วันนี้ข้าจะประกาศเรื่องมงคลอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการเสกสมรสขององค์ชายหลงเทียน ซึ่งจะเป็นองค์ไท่จื่อในวาระถัดไป”ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ตรัสสิ่งนั้นออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ พลางหันพระพักตร์มายังองค์ชายหลงเทียน“วันนี้บุตรชายของข้าเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม และมีความปรีชาไม่น้อยไปกว่าข้าเลย เป็นอันว่าเขาน่าจะมีคู่ครองได้แล้ว และเขาก็มีว่าที่พระชายาที่รักมากอีกด้วย”องค์ชายยังมีใบหน้าที่เรียบเฉย พลางหันมามองหานซูหลิน และสบตากับนาง โดยที่ยังคงมีแววตาซึ่งไม่สามารถเดาอะไรได้“ท่านหลิวกงกง ไหนเจ้าลุกขึ้นว่าราชโองการให้ข้าอีกครั้งสิ”“พะยะค่ะฝ่าบาท”ขันทีของราชวงศ์เปิดราชโองการฉบับถัดไป เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย พลางหันหน้ามามองหานซูหลิน ก่อนจะถอนหายใจหนึ่งช่วง“พระราชโองการของฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ฉบับที่สอง ทรงมีคำสั่งให้องค์รัชทายาท องค์ชายหลงเทียน อภิเษกสมรสกับบุตรีของเสนาบดี เม่ยจือลั่ว ให้เป็นพระชายาอย่างถูกต้อง เพราะท่านเสนาบดีกรมการคลัง ได้ทำคุณงามความดีและปราบปรามกบฏของแผ่นดินเอาไว้ได้ จึงยกความดีความชอบในครั้งนี้ ให้เป็นการแต่งงาน ในอีกสามวันข้างหน้าและทรงตัดสินใจปลดว่าที่พระชายาคนเดิม คือหานซูหลินอ
“ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันมิอาจยินดีรับราชโองการที่พระองค์ทรงประทานให้ได้ ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงให้อภัยหม่อมฉัน และทรงยินดีที่จะส่งหม่อมฉันสู่แคว้นลู่อันยิ่งใหญ่ แต่มิอาจเทียบเทียมฉางอันแห่งนี้ แต่หม่อมฉันขอยืนยันว่าไม่อาจทำเช่นที่พระองค์ต้องการได้”คำพูดของนาง ทำให้ทุกคนต้องตกใจ และนิ่งงัน พร้อมกับคิด ว่าสตรีนางนี้คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเป็นแน่ จึงได้เอ่ยเช่นนั้นออกไปต่อหน้าพระพักตร์องค์ฮ่องเต้“เจ้าจะขัดคำสั่งข้าเช่นนั้นหรือ บุตรสาวของกบฏแผ่นดิน จะโต้แย้งอันใดกับข้า เจ้ารู้ว่าไม่มีสิทธิ์นั้นให้กับเจ้าแน่ ยังจะยืนเทียบเสมอตัวเช่นนี้อีก”“หม่อมฉันทราบดีเพคะ ว่ามิอาจขัดราชโองการขององค์ฮ่องเต้ได้ แต่หม่อมฉันก็อยากบอกกับพระองค์ว่า หม่อมฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับองค์ชายต่างแคว้น หรือแม้แต่บุรุษผู้ใดในใต้หล้านี้!”หานซูหลินเอ่ยวาจาอันแข็งกร้าวใส่ผู้ครองแผ่นดิน จนเขาต้องตบพนักพิงดังลั่น ฮ่องเต้ทรงยืนขึ้นพร้อมชี้หน้าหญิงผู้สามหาว และไม่หวั่นเกรงต่อโทษทัณฑ์“เจ้าบังอาจนัก!! บุตรสาวของกรมการยุติธรรม เจ้าไม่ชอบใจในการตัดสินโทษอันน้อยนิดของเจ้าเช่นนั้นหรือ ข้านึกว่านี่คือการลดโทษของพวกเจ้าลงมากแล้ว ข้าสั่
หานซูหลินล้มตึงลงไปท่ามกลางผู้คนนับร้อย ในงานเลี้ยงสำคัญของราชวงศ์ที่ทรยศต่อตนเอง หญิงสาวไม่อาจรับรู้ความเป็นไปหลังจากนั้นได้ แม้แต่เสียงที่ได้ยินก็พลันดับวูบลงไปเสียสนิท ยาพิษร้ายแรงทำลายประสาททั้งห้าของนางอย่างไม่รีรอ แม้ในขณะห้วงสุดท้ายของคำพูดที่ได้ยินรำไร นางก็ไม่อาจล่วงรู้ว่ามีใครสักคนที่ร่ำร้องขานชื่อของนางอยู่ตรงหน้า เขาคือผู้ใดกัน… อดีตพระชายาที่ไร้ค่าเช่นนี้ จะมีใครกันเล่าที่ปรารถนา…หานซูหลิน อดีตพระชายาของอาณาจักรฉางอันที่รุ่งเรือง ได้สิ้นชีพลงไปแล้วจากการดื่มพิษแมงมุมแม่หม้ายดำ ที่ไม่รู้ว่าใครส่งมอบให้กับนาง แม้จะชอกช้ำใจสักเพียงใด แต่การดื่มยาพิษย้อมใจนี่มันก็ร้ายแรงเกินไปสำหรับตนเอง“นี่ข้าตายแล้วหรือ ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าตายไปแล้วจริง ๆ”หญิงสาวยกฝ่ามือตัวเองขึ้นมาพิศดู ก็เห็นว่ามันมีสีที่ซีดขาว อีกทั้งบนผิวหนังซีดเผือดนั้นกลับมีเส้นเลือดสีดำ แผ่ขยายไปจนครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในกาย หาได้มีส่วนใดที่ดูดีสักนิด บรรยากาศรอบกายก็พลันหม่นหมอง มีกลุ่มควันสีดำรายล้อมอยู่รอบด้านเต็มไปหมด นางไม่เคยนึกถึงเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิต ในวันที่ชีพจรดับสูญจนมิอาจฟื้นคืนทุกอย่างได้ จะม
หานซูหลินหลับตาลงพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลริน การร้องขอความเห็นใจของนาง ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้น ไฟจากนรกมอดไหม้ลง พร้อมกับพื้นที่แห่งนั้นกลับมาสงบอีกครั้ง กายที่โปร่งบางเมื่อครู่ก็พลันกลับเข้าสู่กายเนื้อ จนบัดนี้หญิงสาวหาได้มีเส้นเลือดดำติดอยู่ที่ตัวอีกแล้ว นางยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดีในคราเดียวกัน“ข้าคงไม่ตายซ้ำซ้อนอีกใช่หรือไม่ แล้วผู้ใดกันที่เข้ามาช่วยเหลือวิญญาณของข้าในครั้งนี้กันนะ” นางมีเวลาครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย ก่อนที่สุรเสียงลึกลับจะปรากฎดังอยู่รอบทิศทาง“หานซูหลิน! บัดนี้เจ้าได้รับโอกาสที่สอง ตามที่ได้ร้องขอเอาไว้กับข้า จงรับมันเอาไว้ซะ!!” เสียงปริศนาที่ปรากฏขึ้น ทำให้นางหันดูรอบกาย ทั้งในที่สูงรวมสี่ทิศ และเบื้องล่างในแอ่งน้ำตรงหน้า แต่นางกลับไม่พบกับสิ่งใดทั้งนั้น“เจ้าเป็นใครกัน ใยถึงช่วยเหลือข้า แล้วข้าต้องแลกกับสิ่งใดหรือไม่”เสียงของนางดังก้องอบอวลไปทั่ว มันสะท้อนกลับเข้าสู่โสตประสาทของนาง จนทำให้หญิงสาวต้องใช้ฝ่ามืออุดหูเอาไว้“เจ้าไม่ต้องแลกสิ่งใดทั้งสิ้น จงมองภาพเหล่านี้ซะ!!”แม้เสียงในสายลมจะบอกว่าให้ดูภาพเสีย แต่หานซูหลินหาได้มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้แม้แต่หรี่
เจ้าของร่างในอากาศคำรามออกมา ทำให้นางต้องรีบอุดใบหูที่เหมือนกับว่าโลหิตจะหลั่งออกมาจากภายในกายเสียให้จงได้ เสียงนั้นมีพลานุภาพอย่างที่ตนเองก็มิเคยได้พบเจอมาก่อน “ขะ…ข้า ข้าขออภัยต่อท่านผู้ทรงอำนาจ ข้าน้อยอยากเห็นว่าท่านมีร่างกายหรือไม่”“เจ้าจึงคิดจะแตะต้องกายข้าเช่นนั้นหรือ หึหึ! ช่างน่าขันเสียเหลือเกินเจ้าเด็กน้อย แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะมิได้คำตอบอันใด”“เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเถิด”“เจ้าค่ะ ท่านผู้ทรงอำนาจ”“การตายของเจ้ามีผลต่ออาณาจักรฉางอันอย่างยิ่งยวด ที่แผ่นดินต้องล่มสลายเร็วกว่ากำหนดในอีกสองร้อยปีข้างหน้า มันทำให้วงจรของห้วงเวลาผิดเพี้ยน และเจ้าจะต้องรับผิดชอบ เพราะมันเกิดขึ้นจากการตายของเจ้า! ขอให้รู้เอาไว้เสีย หานซูหลิน!”“ไม่จริงเจ้าค่ะ ข้ามิใช่เบี้ยตัวใดในแผ่นดินฉางอัน ข้ามิได้มีอำนาจ หากข้าตายไปก็เหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิวเพียงเท่านั้น ข้าไม่สามารถเข้าใจที่ท่านบอกกล่าวนี้ได้”หานซูหลินยังคงปฎิเสธไม่เว้นวาง นางได้ทำสิ่งใดผิดไปหรือไม่ แม้ครุ่นคิดเช่นไรตนเองก็ไม่อาจพบต้นตอนั้นเลย“ข้าจะให้เจ้าจดจำภาพที่ผ่านสายตาเมื่อครู่ จงจำไว้ให้ดีเชียวล่ะ”“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั
“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านกลับมาจากราชการอันเหน็ดเหนื่อย ได้โปรดเชิญนั่งก่อน ข้าจะเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติให้ท่านพี่นะเจ้าคะ”ฮูหยิน หรงซื่อเหม่ย เดินเข้ามาหาสามีซึ่งเป็นเสนาบดีกรมการยุติธรรม เขาได้ว่าความที่ศาลแห่งเมืองต้าเซิ่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปสักประมาณสิบลี้เห็นจะได้ หานเจียจิ้ง เป็นสามีที่ทรงความยุติธรรมที่สุดแล้วในแผ่นดินฉางอันแห่งนี้ ในทุกครั้งที่มีงานสำเร็จราชการ เพื่อว่าความในคดีต่าง ๆ เขาจะเดินทางไปยังเมืองต้าเซิ่นเพื่อทำงานอันยุติธรรม ตัดสินคดีทุกอย่างในแผ่นดินแห่งนี้ แม้จะมีศาลอีกสองสามที่ก็ตามที แต่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ และเที่ยงธรรมที่สุด เห็นทีจะมิได้พ้นศาลแห่งนี้“ช่วยเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที หลิวเยี่ย วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ชายวัยกลางคนบอกกับบันฑิตหลิว ซึ่งตอนนี้เป็นคนสนิทของเขา ขอแรงให้ช่วยนำเอกสารสำคัญไปเก็บไว้ภายในห้องหนังสือ ซึ่งมันคือห้องทำงานของเขาด้วยเช่นกัน“ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ การว่าความที่มีเรื่องราวให้ปวดหัวแทบทุกวันเช่นนี้ ข้าเกรงว่าท่านพี่จะทำไม่ไหวในสักวันหนึ่งเจ้าคะ”ฮูหยินหรงซื่อเหม่ย ห่วงใยในตัวของสามี นางเป็นสตรีที่ดี มีความรักสามีเสียจนหาหญิงใดใน
“ท่านพี่เจ้าคะ เมื่อคืนสาวใช้บอกว่านางมีไข้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นหรือยัง อีกอย่างหนึ่งนางเอาแต่ละเมอ และกรีดร้องในยามราตรี ข้าเป็นห่วงลูกสาวของเรามากเหลือเกิน ปกตินางก็ร่าเริงสดใสดี ยังคงชื่นชมดอกไม้งามตามประสาเด็กสาวแรกรุ่นอยู่เลยเจ้าค่ะ”ฮูหยินบอกแก่สามี ทำให้เขาต้องรีบลุกจากเก้าอี้ตัวโปรด เพื่อเข้าไปดูบุตรสาวในหอนอน“ไหนข้าขอเข้าไปดูหานซูหลินหน่อย นางต้องได้รับการปลอบใจจากฝันที่ร้ายกาจนั่น เจ้าหลีกไปเสียสาวใช้!”“เจ้าค่ะนายท่าน คุณหนูฟื้นแล้ว นางอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” สาวใช้รายงานเจ้าของจวน ก่อนที่จะขยับตัวออกมาจากหน้าประตูหอนอนของหานซูหลิน“ซูหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูกพ่อ เห็นแม่เจ้าบอกว่าลูกของพ่อไม่สบายเช่นนั้นหรือ” เขาก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะพบว่าลูกสาวของตนนั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่ก่อนแล้ว“ท่านพ่อ!! ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับท่านอีก! ฮือ ๆ”เมื่อเห็นบิดาของตนเดินเข้ามา นางก็เข้าไปสวมกอด และร้องให้ปริ่มจะขาดใจ นางได้กลับมาอยู่ในช่วงเวลาที่จ้าวแห่งความมืดได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ น้ำตาของหญิงสาวยังคงไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง“ข้านึกว่าจะมิได้พบพานท่านพ่อกับท่านแม่อีกแล้ว ขอบคุณสวรรค์จริง
“เอาละ เพื่อความสบายใจของฮูหยิน ข้าจะรับฟังเจ้าก็แล้วกันหลินเอ๋อร์ ไหนว่ามาสิ”บิดานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว ในเวลานี้หานซูหลินแต่งตัวเสร็จแล้ว นางนุ่งห่มอาภรณ์ด้วยสีขาวมุก ประดับปิ่นปักผมพร้อมกับเครื่องทองและทับทิมบนศีรษะ แต่งแต้มลวดลายระหว่างหน้าผาก เป็นรูปดอกบัวสีชาดสามกลีบ ก่อนจะเข้าพบบิดาในห้องหนังสือ ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา“ท่านพ่อ หากข้ากล่าวอ้างถึงความฝัน ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ ได้โปรดบอกข้ามาก่อน มิเช่นนั้นข้าอาจเป็นบุตรที่ท่านคิดว่าเพ้อเจ้อ แต่ข้ามิอยากให้ท่านคิดเป็นแบบอื่นเจ้าค่ะ”นางถูกบิดาเชิญให้นั่งลงก่อน ครานี้บุตรสาวของตนมีท่าทางแปลกไปกว่าเดิม หานซูหลินคนก่อนมิได้ห้าวหาญเช่นนี้ นางมีความอ่อนหวาน และอ่อนโยนดั่งเช่นสตรีที่ถูกอบรมมาอย่างดี เพื่อเข้ารับตำแหน่งพระชายาขององค์ไท่จื่อ นี่นางแปลกไปเพราะเหตุอันใดกัน…“ไหนเจ้าลองว่ามา ข้าจะเป็นคนบอกเองว่าเจ้าฟั่นเฟือนหรือไม่”“ท่านพ่อ! หากท่านสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีเสนาบดีฝ่ายค้านอยู่หลายคนทีเดียว ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นปฎิปักษ์กับท่านใช่หรือไม่”“จ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าไปสืบเรื่องราวในวังมาหรือไร ช่างเก่งเกินสตรีไปแล้วหานซูหลิน”หานเจ
เสียงคมดาบเฉือนอาภรณ์สีทองสุกปลั่งขององค์ชาย มันบาดลึกเข้าไปเฉือดเนื้อของเขาเป็นรอยแผลกว้าง แต่ยังมิทันที่นักฆ่าจะเข้าประชิดถึงตัวเขา ชายหนุ่มก็ควงกระบี่ลอยตัวขึ้นเหนืออากาศ บิดร่างพลิ้วไหว ก่อนจะจ้วงแทงไปยังร่างของนักฆ่าผู้เคราะห์ร้าย เขาบิดคมปลายกระบี่ถึงสองครั้ง ก่อนจะดึงมันกลับมา“องค์ชาย ทรงบาดเจ็บนี่พะยะค่ะ” องครักษ์เข้ามาดูบาดแผล แต่เขามิได้แสดงความเจ็บปวดอันใด“พวกเจ้าต้านมันเอาไว้ก่อน ข้าจะนำแม่นางว่าที่พระชายาหนีออกไป ตอนนี้ข้ากับเจ้ามาสับเปลี่ยนเสื้อคลุมกันก่อน!”เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น องค์รักษ์ประจำตัวจึงทำหน้าที่ของตน เปลี่ยนอาภรณ์ชิ้นนอกกับองค์ชาย อวิ๋นหลงทันที “พะยะค่ะองค์ชาย กระหม่อมจะทำตามพระบัญชา”เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา เขาจึงมุ่งไปตรงบริเวณที่หานซูหลินกำลังหลบภัย“แม่นาง เจ้าออกมาได้แล้ว”“พวกเจ้ายังฆ่าฟันกันอยู่เลย หากข้าออกไปก็ตายน่ะสิ”นางเห็นว่าตรงนี้ไม่ปลอดภัยก็จริง แต่ด้านนอกก็ไม่น่าดูอยู่ดี“พวกเราต้องหนีกันก่อน ตอนนี้องครักษ์ได้พาองค์ชายหลบหนีไปแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่จะมิปลอดภัยหรอกนะ โปรดบอกข้ามา มีที่ใดพอจะหลบซ่อนได้บ้าง” เขาเอ่ยถามนางหน้าน
“ระวัง!! มีนักฆ่าบุกโจมตี!!”เสียงหัวหน้าองครักษ์ประกาศเตือนทุกคนให้ระวังตัว พร้อมกับกันเส้นทางให้ทุกคนหลบหนีและป้องกันตัวเอง“ทหารทั้งหมดคุ้มครองฝ่าบาท! คุ้มกันฮองเฮา ทหารคุ้มครององค์รัชทายาทหลงเทียน!!” สิ้นเสียงขององครักษ์ฝ่ายฉางอัน ทหารทั้งหมดต่างดาหน้ากันเข้ามาปกป้องพระองค์ส่วนหนึ่ง และอีกนับสิบนั้นต่างนำกำลังเพื่อป้องกันส่วนพระองค์พาฮ่องเต้และองค์รัชทายาทหลบหนี รวมทั้งเหล่านางกำนัลและข้าราชบริพารต่างก็ติดตามทหารเหล่านั้นไปด้วย เพราะกลัวเกรงการบาดเจ็บและล้มตายของตน“เร็วเข้าเถอะรีบไปกันเร็วเข้า ฝ่าบาทพะยะค่ะ ทรงรีบเสด็จเถอะ ตามกระหม่อมมาพะยะค่ะ!” หลิวกงกง รีบเตือนฮ่องเต้และฮองเฮา ส่วนตัวเองนั้นก็ไม่สนสิ่งใด แม้แต่หานซูหลินที่เป็นว่าที่พระชายา ก็มิได้ถูกยื้อยุดตามไปด้วย“หลินเอ๋อร์!! รีบตามข้ามาเร็วเข้า!!”ชายหนุ่มรัชทายาทเพียงคนเดียว รีบตะโกนบอกคู่หมั้น ที่ตอนนี้นางกำลังสาวเท้าติดตามไป แต่ก็มิทันได้ทำอย่างที่ใจคิด นางล้มลงก่อน และได้รับบาดเจ็บเพราะสะดุดข้อเท้า นิ้วมือเรียวแหวกอากาศไปข้างหน้า หวังจะให้มีผู้ใดช่วยเหลือ แต่องค์รัชทายาทหลงเทียน กลับหายลับไปจากสายตาของนางแล้ว“องค์ชาย
“เจ้างดงามจริง ๆ ข้ามิได้ชื่นชมเจ้าด้วยวาจาโป้ปดเสียหน่อยหลินเอ๋อร์ อันที่จริงข้าอยากไปรับเจ้าด้วยตัวเอง แต่เพราะข้าต้องช่วยงานเสด็จพ่อ จึงต้องอยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ใจข้านั้นคิดถึงเจ้ามากมายนัก”เขากล่าวคำหวานออกมาไม่ขาดสาย ทำให้หานซูหลินใจเต้นแรง แม้นางจะเคยเห็นว่าเขาหักหลังตนเองมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ใจของนางมิได้คิดเคืองแค้นอันใด เพราะสิ่งที่เขาทำไปในเวลานั้น นางรู้ดีว่าชายคนนี้ต้องถูกบังคับเป็นแน่หากใจนางมืดบอด ก็คงมิให้อภัยบุรุษที่นั่งอยู่เคียงข้างนางได้“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันก็คิดเช่นเดียวกันกับพระองค์ แต่ในเวลานี้นับว่าไม่เหมาะสม สำหรับการเรียกร้องความรักที่องค์ชายทรงมีให้แก่หม่อมฉันเพคะ ทรงสดับรับฟังพระราชโองการจากฮ่องเต้ ด้วยความตั้งใจเถอะเพคะ”หานซูหลินปรามความปรารถนาในจิตใจของบุรุษข้างกาย นางทราบดีว่าเขาตื่นเต้นเพียงใดที่พบเจอตน แม้ว่านางเห็นเช่นนั้นก็ตามที แต่หญิงสาวก็เก็บอาการเอาไว้เช่นกัน นางเองก็รู้สึกดีไม่น้อยไปกว่าเขาฮ่องเต้ หย่งเจิ้ง ทรงทอดพระเนตรเห็นข้าราชบริพารมากมาย รายล้อมอยู่เต็มทั้งในตำหนัก และท้องพระโรง พวกเขาต่างยิ้มชื่นให้กับการฉลองในวาระนี้ แค่เพียงเท่านี้พระ
“เจ้าดูนี่สิ! ข้าได้รับคำเชิญ เพื่อให้เข้าร่วมงานในราชวัง ตามที่ฮ่องเต้ส่งมา ตระกูลหานของเราต้องเข้าร่วมในครั้งนี้ และเจ้าจะต้องเตรียมตัวเอาไว้หลินเอ๋อร์ เพราะเจ้าเป็นคนสำคัญในงานนี้ด้วยเช่นกัน หานซูหลิน ผู้เป็นว่าที่พระชายา ในองค์ชายรัชทายาทหลงเทียน วันนี้จงบอกกล่าวมารดาของเจ้า ให้ตระเตรียมชุดที่สวยงาม พร้อมทั้งของขวัญชิ้นใหญ่ เพื่อส่งมอบให้องค์ชายแคว้นหลู่ ด้วย” หานเจียจิ้งออกคำสั่งแก่บุตรสาว นางยังมิได้รู้เลยว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการซ้ำรอยในตอนที่ได้รับยาพิษหรือไม่“งานเลี้ยงต้อนรับองค์ชายต่างแคว้นหรือเจ้าคะท่านพ่อ” นางถามออกมาด้วยความสงสัย“ใช่แล้วล่ะ พระองค์สืบเชื้อสายมาจากพยัคฆ์ขาว แห่งแคว้นทางเหนือ ทรงเดินทางมาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับเมืองฉางอันของเรา เนื่องจากว่าที่นี่เป็นแผ่นดินใหญ่ที่สุดในแผนที่ และมีเหล่าไพร่พลทหาร รวมทั้งแม่ทัพที่เก่งกาจอยู่มากมายนัก แคว้นหลู่จึงมิอาจต่อการได้ จึงคิดหาหนทางเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี ให้เกิดขึ้นแก่แคว้นตนเอง นับว่าฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นมีความฉลาดปราญเปรื่องยิ่งนัก”“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางก้มศีรษะให้บิดา“อีกสองวันงานจะเกิดขึ้น เจ้
“เอาละ เพื่อความสบายใจของฮูหยิน ข้าจะรับฟังเจ้าก็แล้วกันหลินเอ๋อร์ ไหนว่ามาสิ”บิดานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว ในเวลานี้หานซูหลินแต่งตัวเสร็จแล้ว นางนุ่งห่มอาภรณ์ด้วยสีขาวมุก ประดับปิ่นปักผมพร้อมกับเครื่องทองและทับทิมบนศีรษะ แต่งแต้มลวดลายระหว่างหน้าผาก เป็นรูปดอกบัวสีชาดสามกลีบ ก่อนจะเข้าพบบิดาในห้องหนังสือ ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา“ท่านพ่อ หากข้ากล่าวอ้างถึงความฝัน ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ ได้โปรดบอกข้ามาก่อน มิเช่นนั้นข้าอาจเป็นบุตรที่ท่านคิดว่าเพ้อเจ้อ แต่ข้ามิอยากให้ท่านคิดเป็นแบบอื่นเจ้าค่ะ”นางถูกบิดาเชิญให้นั่งลงก่อน ครานี้บุตรสาวของตนมีท่าทางแปลกไปกว่าเดิม หานซูหลินคนก่อนมิได้ห้าวหาญเช่นนี้ นางมีความอ่อนหวาน และอ่อนโยนดั่งเช่นสตรีที่ถูกอบรมมาอย่างดี เพื่อเข้ารับตำแหน่งพระชายาขององค์ไท่จื่อ นี่นางแปลกไปเพราะเหตุอันใดกัน…“ไหนเจ้าลองว่ามา ข้าจะเป็นคนบอกเองว่าเจ้าฟั่นเฟือนหรือไม่”“ท่านพ่อ! หากท่านสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีเสนาบดีฝ่ายค้านอยู่หลายคนทีเดียว ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นปฎิปักษ์กับท่านใช่หรือไม่”“จ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าไปสืบเรื่องราวในวังมาหรือไร ช่างเก่งเกินสตรีไปแล้วหานซูหลิน”หานเจ
“ท่านพี่เจ้าคะ เมื่อคืนสาวใช้บอกว่านางมีไข้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นหรือยัง อีกอย่างหนึ่งนางเอาแต่ละเมอ และกรีดร้องในยามราตรี ข้าเป็นห่วงลูกสาวของเรามากเหลือเกิน ปกตินางก็ร่าเริงสดใสดี ยังคงชื่นชมดอกไม้งามตามประสาเด็กสาวแรกรุ่นอยู่เลยเจ้าค่ะ”ฮูหยินบอกแก่สามี ทำให้เขาต้องรีบลุกจากเก้าอี้ตัวโปรด เพื่อเข้าไปดูบุตรสาวในหอนอน“ไหนข้าขอเข้าไปดูหานซูหลินหน่อย นางต้องได้รับการปลอบใจจากฝันที่ร้ายกาจนั่น เจ้าหลีกไปเสียสาวใช้!”“เจ้าค่ะนายท่าน คุณหนูฟื้นแล้ว นางอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” สาวใช้รายงานเจ้าของจวน ก่อนที่จะขยับตัวออกมาจากหน้าประตูหอนอนของหานซูหลิน“ซูหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูกพ่อ เห็นแม่เจ้าบอกว่าลูกของพ่อไม่สบายเช่นนั้นหรือ” เขาก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะพบว่าลูกสาวของตนนั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่ก่อนแล้ว“ท่านพ่อ!! ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับท่านอีก! ฮือ ๆ”เมื่อเห็นบิดาของตนเดินเข้ามา นางก็เข้าไปสวมกอด และร้องให้ปริ่มจะขาดใจ นางได้กลับมาอยู่ในช่วงเวลาที่จ้าวแห่งความมืดได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ น้ำตาของหญิงสาวยังคงไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง“ข้านึกว่าจะมิได้พบพานท่านพ่อกับท่านแม่อีกแล้ว ขอบคุณสวรรค์จริง
“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านกลับมาจากราชการอันเหน็ดเหนื่อย ได้โปรดเชิญนั่งก่อน ข้าจะเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติให้ท่านพี่นะเจ้าคะ”ฮูหยิน หรงซื่อเหม่ย เดินเข้ามาหาสามีซึ่งเป็นเสนาบดีกรมการยุติธรรม เขาได้ว่าความที่ศาลแห่งเมืองต้าเซิ่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปสักประมาณสิบลี้เห็นจะได้ หานเจียจิ้ง เป็นสามีที่ทรงความยุติธรรมที่สุดแล้วในแผ่นดินฉางอันแห่งนี้ ในทุกครั้งที่มีงานสำเร็จราชการ เพื่อว่าความในคดีต่าง ๆ เขาจะเดินทางไปยังเมืองต้าเซิ่นเพื่อทำงานอันยุติธรรม ตัดสินคดีทุกอย่างในแผ่นดินแห่งนี้ แม้จะมีศาลอีกสองสามที่ก็ตามที แต่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ และเที่ยงธรรมที่สุด เห็นทีจะมิได้พ้นศาลแห่งนี้“ช่วยเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที หลิวเยี่ย วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ชายวัยกลางคนบอกกับบันฑิตหลิว ซึ่งตอนนี้เป็นคนสนิทของเขา ขอแรงให้ช่วยนำเอกสารสำคัญไปเก็บไว้ภายในห้องหนังสือ ซึ่งมันคือห้องทำงานของเขาด้วยเช่นกัน“ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ การว่าความที่มีเรื่องราวให้ปวดหัวแทบทุกวันเช่นนี้ ข้าเกรงว่าท่านพี่จะทำไม่ไหวในสักวันหนึ่งเจ้าคะ”ฮูหยินหรงซื่อเหม่ย ห่วงใยในตัวของสามี นางเป็นสตรีที่ดี มีความรักสามีเสียจนหาหญิงใดใน
เจ้าของร่างในอากาศคำรามออกมา ทำให้นางต้องรีบอุดใบหูที่เหมือนกับว่าโลหิตจะหลั่งออกมาจากภายในกายเสียให้จงได้ เสียงนั้นมีพลานุภาพอย่างที่ตนเองก็มิเคยได้พบเจอมาก่อน “ขะ…ข้า ข้าขออภัยต่อท่านผู้ทรงอำนาจ ข้าน้อยอยากเห็นว่าท่านมีร่างกายหรือไม่”“เจ้าจึงคิดจะแตะต้องกายข้าเช่นนั้นหรือ หึหึ! ช่างน่าขันเสียเหลือเกินเจ้าเด็กน้อย แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะมิได้คำตอบอันใด”“เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเถิด”“เจ้าค่ะ ท่านผู้ทรงอำนาจ”“การตายของเจ้ามีผลต่ออาณาจักรฉางอันอย่างยิ่งยวด ที่แผ่นดินต้องล่มสลายเร็วกว่ากำหนดในอีกสองร้อยปีข้างหน้า มันทำให้วงจรของห้วงเวลาผิดเพี้ยน และเจ้าจะต้องรับผิดชอบ เพราะมันเกิดขึ้นจากการตายของเจ้า! ขอให้รู้เอาไว้เสีย หานซูหลิน!”“ไม่จริงเจ้าค่ะ ข้ามิใช่เบี้ยตัวใดในแผ่นดินฉางอัน ข้ามิได้มีอำนาจ หากข้าตายไปก็เหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิวเพียงเท่านั้น ข้าไม่สามารถเข้าใจที่ท่านบอกกล่าวนี้ได้”หานซูหลินยังคงปฎิเสธไม่เว้นวาง นางได้ทำสิ่งใดผิดไปหรือไม่ แม้ครุ่นคิดเช่นไรตนเองก็ไม่อาจพบต้นตอนั้นเลย“ข้าจะให้เจ้าจดจำภาพที่ผ่านสายตาเมื่อครู่ จงจำไว้ให้ดีเชียวล่ะ”“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั
หานซูหลินหลับตาลงพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลริน การร้องขอความเห็นใจของนาง ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้น ไฟจากนรกมอดไหม้ลง พร้อมกับพื้นที่แห่งนั้นกลับมาสงบอีกครั้ง กายที่โปร่งบางเมื่อครู่ก็พลันกลับเข้าสู่กายเนื้อ จนบัดนี้หญิงสาวหาได้มีเส้นเลือดดำติดอยู่ที่ตัวอีกแล้ว นางยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจและยินดีในคราเดียวกัน“ข้าคงไม่ตายซ้ำซ้อนอีกใช่หรือไม่ แล้วผู้ใดกันที่เข้ามาช่วยเหลือวิญญาณของข้าในครั้งนี้กันนะ” นางมีเวลาครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย ก่อนที่สุรเสียงลึกลับจะปรากฎดังอยู่รอบทิศทาง“หานซูหลิน! บัดนี้เจ้าได้รับโอกาสที่สอง ตามที่ได้ร้องขอเอาไว้กับข้า จงรับมันเอาไว้ซะ!!” เสียงปริศนาที่ปรากฏขึ้น ทำให้นางหันดูรอบกาย ทั้งในที่สูงรวมสี่ทิศ และเบื้องล่างในแอ่งน้ำตรงหน้า แต่นางกลับไม่พบกับสิ่งใดทั้งนั้น“เจ้าเป็นใครกัน ใยถึงช่วยเหลือข้า แล้วข้าต้องแลกกับสิ่งใดหรือไม่”เสียงของนางดังก้องอบอวลไปทั่ว มันสะท้อนกลับเข้าสู่โสตประสาทของนาง จนทำให้หญิงสาวต้องใช้ฝ่ามืออุดหูเอาไว้“เจ้าไม่ต้องแลกสิ่งใดทั้งสิ้น จงมองภาพเหล่านี้ซะ!!”แม้เสียงในสายลมจะบอกว่าให้ดูภาพเสีย แต่หานซูหลินหาได้มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้แม้แต่หรี่