เจ้าของร่างในอากาศคำรามออกมา ทำให้นางต้องรีบอุดใบหูที่เหมือนกับว่าโลหิตจะหลั่งออกมาจากภายในกายเสียให้จงได้ เสียงนั้นมีพลานุภาพอย่างที่ตนเองก็มิเคยได้พบเจอมาก่อน “ขะ…ข้า ข้าขออภัยต่อท่านผู้ทรงอำนาจ ข้าน้อยอยากเห็นว่าท่านมีร่างกายหรือไม่”
“เจ้าจึงคิดจะแตะต้องกายข้าเช่นนั้นหรือ หึหึ! ช่างน่าขันเสียเหลือเกินเจ้าเด็กน้อย แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะมิได้คำตอบอันใด”
“เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเถิด”
“เจ้าค่ะ ท่านผู้ทรงอำนาจ”
“การตายของเจ้ามีผลต่ออาณาจักรฉางอันอย่างยิ่งยวด ที่แผ่นดินต้องล่มสลายเร็วกว่ากำหนดในอีกสองร้อยปีข้างหน้า มันทำให้วงจรของห้วงเวลาผิดเพี้ยน และเจ้าจะต้องรับผิดชอบ เพราะมันเกิดขึ้นจากการตายของเจ้า! ขอให้รู้เอาไว้เสีย หานซูหลิน!”
“ไม่จริงเจ้าค่ะ ข้ามิใช่เบี้ยตัวใดในแผ่นดินฉางอัน ข้ามิได้มีอำนาจ หากข้าตายไปก็เหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิวเพียงเท่านั้น ข้าไม่สามารถเข้าใจที่ท่านบอกกล่าวนี้ได้”
หานซูหลินยังคงปฎิเสธไม่เว้นวาง นางได้ทำสิ่งใดผิดไปหรือไม่ แม้ครุ่นคิดเช่นไรตนเองก็ไม่อาจพบต้นตอนั้นเลย
“ข้าจะให้เจ้าจดจำภาพที่ผ่านสายตาเมื่อครู่ จงจำไว้ให้ดีเชียวล่ะ”
“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น ในเมื่อข้าไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้ว” นางยังคงมีคำถาม
“เจ้าต้องย้อนคืนไปเปลี่ยนเหตุการณ์ในครั้งนี้ และห้ามมีคนก่อการกบฏใด ๆ ให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินฉางอัน เจ้าจงยุติคนชั่วช้า ไม่ให้เขากระทำสิ่งที่เป็นต้นเหตุในครั้งนี้ได้ เจ้าจะยินยอมหรือไม่”
“ทำไมต้องเป็นข้าเล่าเจ้าคะ ท่านก็ทราบดีมิใช่หรือท่านยมทูต ท่านมองเห็นความเป็นไปของโลกใบนี้ทั้งหมด แล้วเหตุใดต้องใช้ข้าด้วย” หากเป็นดั่งที่นางคิด หานซูหลินคงเป็นเครื่องมือให้ใครสักคนเป็นแน่ หากนางไม่ทราบถึงการย้อนคืน นางจะปฎิเสธสิ่งนั้น
“เจ้าจะละทิ้งการแก้แค้นให้แก่บิดาเจ้าหรือไร ในเมื่อเจามิได้มีความผิดอันใดเลย ตระกูลของเจ้าต้องล่มสลายก็เพราะคนชั่วช้ามิใช่หรือ มารดาของเจ้าก็ต้องร่อนเร่ไปตามทาง กลับสู่แคว้นเก่าที่ยากไร้ เจ้าจะยอมให้มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นหรือ เต้าจงไตร่ตรองให้ดีหานซูหลิน ข้ามอบความเปลี่ยนแปลงให้เจ้าได้ หากตอบตกลง”
จ้าวแห่งนรกยังคงเคี่ยวเข็ญให้นางพิจารณาอีกที ซึ่งหญิงสาวก็มิอาจปฎิเสธ
‘หากข้ายังคงอยู่ในความมืดมิดที่ไร้ตัวตนเช่นนี้ ก็มิอาจแก้แค้นต่อคนทรยศหักหลังท่านพ่อได้ แต่หากข้ารับคำและทำตามข้อตกลงนั้น ข้าอาจจะได้ชีวิตเดิมคืนกลับ และทำให้อาณาจักรฉางอันรุ่งเรืองต่อไปได้ แต่เหตุผลที่ทำให้ราชวงศ์ล่มสลายนั่นมิใช่ข้าเลยสักนิด ขะ…ข้าสับสนไปหมดแล้ว‘ นางยังคงครุ่นคิดในใจ
“ข้าให้เวลาเจ้าแล้วหานซูหลิน นี่คือคำสั่ง!! เจ้าจงกลับไปใช้ชีวิตเดิมในหนึ่งปีก่อนหน้าที่เจ้าตายลงด้วยยาพิษ และกอบกู้อาณาจักรฉางอันให้จงได้ ไปซะ!!”
บัดนี้หานซูหลินมิอาจปฎิเสธสิ่งที่จ้าวยมทูตหยิบยื่นให้แก่นางได้ นี่มิใช่ภารกิจ แต่หากมันคือสิ่งที่นางต้องทำ เพื่อกอบกู้และแก้แค้นในคราวเดียวกัน ร่างกายที่ปะทุไปด้วยไฟแค้นและปริศนาแห่งการล่มสลาย ให้นางถูกดูดเข้าไปยังหลุมมิติเบื้องหน้า ก่อนที่จะมีแรงผลักที่หนักหน่วง ดึงนางเข้าสู่ร่างกายเดิม ที่ยังนอนหลับตา และความทรงจำที่เต็มเปี่ยมทั้งสองภพ
“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านกลับมาจากราชการอันเหน็ดเหนื่อย ได้โปรดเชิญนั่งก่อน ข้าจะเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติให้ท่านพี่นะเจ้าคะ”ฮูหยิน หรงซื่อเหม่ย เดินเข้ามาหาสามีซึ่งเป็นเสนาบดีกรมการยุติธรรม เขาได้ว่าความที่ศาลแห่งเมืองต้าเซิ่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปสักประมาณสิบลี้เห็นจะได้ หานเจียจิ้ง เป็นสามีที่ทรงความยุติธรรมที่สุดแล้วในแผ่นดินฉางอันแห่งนี้ ในทุกครั้งที่มีงานสำเร็จราชการ เพื่อว่าความในคดีต่าง ๆ เขาจะเดินทางไปยังเมืองต้าเซิ่นเพื่อทำงานอันยุติธรรม ตัดสินคดีทุกอย่างในแผ่นดินแห่งนี้ แม้จะมีศาลอีกสองสามที่ก็ตามที แต่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ และเที่ยงธรรมที่สุด เห็นทีจะมิได้พ้นศาลแห่งนี้“ช่วยเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที หลิวเยี่ย วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ชายวัยกลางคนบอกกับบันฑิตหลิว ซึ่งตอนนี้เป็นคนสนิทของเขา ขอแรงให้ช่วยนำเอกสารสำคัญไปเก็บไว้ภายในห้องหนังสือ ซึ่งมันคือห้องทำงานของเขาด้วยเช่นกัน“ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ การว่าความที่มีเรื่องราวให้ปวดหัวแทบทุกวันเช่นนี้ ข้าเกรงว่าท่านพี่จะทำไม่ไหวในสักวันหนึ่งเจ้าคะ”ฮูหยินหรงซื่อเหม่ย ห่วงใยในตัวของสามี นางเป็นสตรีที่ดี มีความรักสามีเสียจนหาหญิงใดใน
“ท่านพี่เจ้าคะ เมื่อคืนสาวใช้บอกว่านางมีไข้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นหรือยัง อีกอย่างหนึ่งนางเอาแต่ละเมอ และกรีดร้องในยามราตรี ข้าเป็นห่วงลูกสาวของเรามากเหลือเกิน ปกตินางก็ร่าเริงสดใสดี ยังคงชื่นชมดอกไม้งามตามประสาเด็กสาวแรกรุ่นอยู่เลยเจ้าค่ะ”ฮูหยินบอกแก่สามี ทำให้เขาต้องรีบลุกจากเก้าอี้ตัวโปรด เพื่อเข้าไปดูบุตรสาวในหอนอน“ไหนข้าขอเข้าไปดูหานซูหลินหน่อย นางต้องได้รับการปลอบใจจากฝันที่ร้ายกาจนั่น เจ้าหลีกไปเสียสาวใช้!”“เจ้าค่ะนายท่าน คุณหนูฟื้นแล้ว นางอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” สาวใช้รายงานเจ้าของจวน ก่อนที่จะขยับตัวออกมาจากหน้าประตูหอนอนของหานซูหลิน“ซูหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูกพ่อ เห็นแม่เจ้าบอกว่าลูกของพ่อไม่สบายเช่นนั้นหรือ” เขาก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะพบว่าลูกสาวของตนนั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่ก่อนแล้ว“ท่านพ่อ!! ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับท่านอีก! ฮือ ๆ”เมื่อเห็นบิดาของตนเดินเข้ามา นางก็เข้าไปสวมกอด และร้องให้ปริ่มจะขาดใจ นางได้กลับมาอยู่ในช่วงเวลาที่จ้าวแห่งความมืดได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ น้ำตาของหญิงสาวยังคงไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง“ข้านึกว่าจะมิได้พบพานท่านพ่อกับท่านแม่อีกแล้ว ขอบคุณสวรรค์จริง
“เอาละ เพื่อความสบายใจของฮูหยิน ข้าจะรับฟังเจ้าก็แล้วกันหลินเอ๋อร์ ไหนว่ามาสิ”บิดานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว ในเวลานี้หานซูหลินแต่งตัวเสร็จแล้ว นางนุ่งห่มอาภรณ์ด้วยสีขาวมุก ประดับปิ่นปักผมพร้อมกับเครื่องทองและทับทิมบนศีรษะ แต่งแต้มลวดลายระหว่างหน้าผาก เป็นรูปดอกบัวสีชาดสามกลีบ ก่อนจะเข้าพบบิดาในห้องหนังสือ ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา“ท่านพ่อ หากข้ากล่าวอ้างถึงความฝัน ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ ได้โปรดบอกข้ามาก่อน มิเช่นนั้นข้าอาจเป็นบุตรที่ท่านคิดว่าเพ้อเจ้อ แต่ข้ามิอยากให้ท่านคิดเป็นแบบอื่นเจ้าค่ะ”นางถูกบิดาเชิญให้นั่งลงก่อน ครานี้บุตรสาวของตนมีท่าทางแปลกไปกว่าเดิม หานซูหลินคนก่อนมิได้ห้าวหาญเช่นนี้ นางมีความอ่อนหวาน และอ่อนโยนดั่งเช่นสตรีที่ถูกอบรมมาอย่างดี เพื่อเข้ารับตำแหน่งพระชายาขององค์ไท่จื่อ นี่นางแปลกไปเพราะเหตุอันใดกัน…“ไหนเจ้าลองว่ามา ข้าจะเป็นคนบอกเองว่าเจ้าฟั่นเฟือนหรือไม่”“ท่านพ่อ! หากท่านสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีเสนาบดีฝ่ายค้านอยู่หลายคนทีเดียว ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นปฎิปักษ์กับท่านใช่หรือไม่”“จ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าไปสืบเรื่องราวในวังมาหรือไร ช่างเก่งเกินสตรีไปแล้วหานซูหลิน”หานเจ
“เจ้าดูนี่สิ! ข้าได้รับคำเชิญ เพื่อให้เข้าร่วมงานในราชวัง ตามที่ฮ่องเต้ส่งมา ตระกูลหานของเราต้องเข้าร่วมในครั้งนี้ และเจ้าจะต้องเตรียมตัวเอาไว้หลินเอ๋อร์ เพราะเจ้าเป็นคนสำคัญในงานนี้ด้วยเช่นกัน หานซูหลิน ผู้เป็นว่าที่พระชายา ในองค์ชายรัชทายาทหลงเทียน วันนี้จงบอกกล่าวมารดาของเจ้า ให้ตระเตรียมชุดที่สวยงาม พร้อมทั้งของขวัญชิ้นใหญ่ เพื่อส่งมอบให้องค์ชายแคว้นหลู่ ด้วย” หานเจียจิ้งออกคำสั่งแก่บุตรสาว นางยังมิได้รู้เลยว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการซ้ำรอยในตอนที่ได้รับยาพิษหรือไม่“งานเลี้ยงต้อนรับองค์ชายต่างแคว้นหรือเจ้าคะท่านพ่อ” นางถามออกมาด้วยความสงสัย“ใช่แล้วล่ะ พระองค์สืบเชื้อสายมาจากพยัคฆ์ขาว แห่งแคว้นทางเหนือ ทรงเดินทางมาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับเมืองฉางอันของเรา เนื่องจากว่าที่นี่เป็นแผ่นดินใหญ่ที่สุดในแผนที่ และมีเหล่าไพร่พลทหาร รวมทั้งแม่ทัพที่เก่งกาจอยู่มากมายนัก แคว้นหลู่จึงมิอาจต่อการได้ จึงคิดหาหนทางเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี ให้เกิดขึ้นแก่แคว้นตนเอง นับว่าฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นมีความฉลาดปราญเปรื่องยิ่งนัก”“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางก้มศีรษะให้บิดา“อีกสองวันงานจะเกิดขึ้น เจ้
“เจ้างดงามจริง ๆ ข้ามิได้ชื่นชมเจ้าด้วยวาจาโป้ปดเสียหน่อยหลินเอ๋อร์ อันที่จริงข้าอยากไปรับเจ้าด้วยตัวเอง แต่เพราะข้าต้องช่วยงานเสด็จพ่อ จึงต้องอยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ใจข้านั้นคิดถึงเจ้ามากมายนัก”เขากล่าวคำหวานออกมาไม่ขาดสาย ทำให้หานซูหลินใจเต้นแรง แม้นางจะเคยเห็นว่าเขาหักหลังตนเองมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ใจของนางมิได้คิดเคืองแค้นอันใด เพราะสิ่งที่เขาทำไปในเวลานั้น นางรู้ดีว่าชายคนนี้ต้องถูกบังคับเป็นแน่หากใจนางมืดบอด ก็คงมิให้อภัยบุรุษที่นั่งอยู่เคียงข้างนางได้“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันก็คิดเช่นเดียวกันกับพระองค์ แต่ในเวลานี้นับว่าไม่เหมาะสม สำหรับการเรียกร้องความรักที่องค์ชายทรงมีให้แก่หม่อมฉันเพคะ ทรงสดับรับฟังพระราชโองการจากฮ่องเต้ ด้วยความตั้งใจเถอะเพคะ”หานซูหลินปรามความปรารถนาในจิตใจของบุรุษข้างกาย นางทราบดีว่าเขาตื่นเต้นเพียงใดที่พบเจอตน แม้ว่านางเห็นเช่นนั้นก็ตามที แต่หญิงสาวก็เก็บอาการเอาไว้เช่นกัน นางเองก็รู้สึกดีไม่น้อยไปกว่าเขาฮ่องเต้ หย่งเจิ้ง ทรงทอดพระเนตรเห็นข้าราชบริพารมากมาย รายล้อมอยู่เต็มทั้งในตำหนัก และท้องพระโรง พวกเขาต่างยิ้มชื่นให้กับการฉลองในวาระนี้ แค่เพียงเท่านี้พระ
“ระวัง!! มีนักฆ่าบุกโจมตี!!”เสียงหัวหน้าองครักษ์ประกาศเตือนทุกคนให้ระวังตัว พร้อมกับกันเส้นทางให้ทุกคนหลบหนีและป้องกันตัวเอง“ทหารทั้งหมดคุ้มครองฝ่าบาท! คุ้มกันฮองเฮา ทหารคุ้มครององค์รัชทายาทหลงเทียน!!” สิ้นเสียงขององครักษ์ฝ่ายฉางอัน ทหารทั้งหมดต่างดาหน้ากันเข้ามาปกป้องพระองค์ส่วนหนึ่ง และอีกนับสิบนั้นต่างนำกำลังเพื่อป้องกันส่วนพระองค์พาฮ่องเต้และองค์รัชทายาทหลบหนี รวมทั้งเหล่านางกำนัลและข้าราชบริพารต่างก็ติดตามทหารเหล่านั้นไปด้วย เพราะกลัวเกรงการบาดเจ็บและล้มตายของตน“เร็วเข้าเถอะรีบไปกันเร็วเข้า ฝ่าบาทพะยะค่ะ ทรงรีบเสด็จเถอะ ตามกระหม่อมมาพะยะค่ะ!” หลิวกงกง รีบเตือนฮ่องเต้และฮองเฮา ส่วนตัวเองนั้นก็ไม่สนสิ่งใด แม้แต่หานซูหลินที่เป็นว่าที่พระชายา ก็มิได้ถูกยื้อยุดตามไปด้วย“หลินเอ๋อร์!! รีบตามข้ามาเร็วเข้า!!”ชายหนุ่มรัชทายาทเพียงคนเดียว รีบตะโกนบอกคู่หมั้น ที่ตอนนี้นางกำลังสาวเท้าติดตามไป แต่ก็มิทันได้ทำอย่างที่ใจคิด นางล้มลงก่อน และได้รับบาดเจ็บเพราะสะดุดข้อเท้า นิ้วมือเรียวแหวกอากาศไปข้างหน้า หวังจะให้มีผู้ใดช่วยเหลือ แต่องค์รัชทายาทหลงเทียน กลับหายลับไปจากสายตาของนางแล้ว“องค์ชาย
เสียงคมดาบเฉือนอาภรณ์สีทองสุกปลั่งขององค์ชาย มันบาดลึกเข้าไปเฉือดเนื้อของเขาเป็นรอยแผลกว้าง แต่ยังมิทันที่นักฆ่าจะเข้าประชิดถึงตัวเขา ชายหนุ่มก็ควงกระบี่ลอยตัวขึ้นเหนืออากาศ บิดร่างพลิ้วไหว ก่อนจะจ้วงแทงไปยังร่างของนักฆ่าผู้เคราะห์ร้าย เขาบิดคมปลายกระบี่ถึงสองครั้ง ก่อนจะดึงมันกลับมา“องค์ชาย ทรงบาดเจ็บนี่พะยะค่ะ” องครักษ์เข้ามาดูบาดแผล แต่เขามิได้แสดงความเจ็บปวดอันใด“พวกเจ้าต้านมันเอาไว้ก่อน ข้าจะนำแม่นางว่าที่พระชายาหนีออกไป ตอนนี้ข้ากับเจ้ามาสับเปลี่ยนเสื้อคลุมกันก่อน!”เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น องค์รักษ์ประจำตัวจึงทำหน้าที่ของตน เปลี่ยนอาภรณ์ชิ้นนอกกับองค์ชาย อวิ๋นหลงทันที “พะยะค่ะองค์ชาย กระหม่อมจะทำตามพระบัญชา”เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา เขาจึงมุ่งไปตรงบริเวณที่หานซูหลินกำลังหลบภัย“แม่นาง เจ้าออกมาได้แล้ว”“พวกเจ้ายังฆ่าฟันกันอยู่เลย หากข้าออกไปก็ตายน่ะสิ”นางเห็นว่าตรงนี้ไม่ปลอดภัยก็จริง แต่ด้านนอกก็ไม่น่าดูอยู่ดี“พวกเราต้องหนีกันก่อน ตอนนี้องครักษ์ได้พาองค์ชายหลบหนีไปแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่จะมิปลอดภัยหรอกนะ โปรดบอกข้ามา มีที่ใดพอจะหลบซ่อนได้บ้าง” เขาเอ่ยถามนางหน้าน
“ก็ได้ ถ้าเจ้าไหวก็ไม่เป็นไร เจ้าขี่ม้าไปส่งข้าที่ทางเข้าจวนก็ได้ ข้าไปต่อเองส่วนเจ้าก็เข้าวังแล้วไปหาหมอซะ”หานซูหลินให้เขาไปส่งไม่ไกลจากจวน หลังจากนั้นนางจึงหาทางเข้าวังอีกที ก่อนที่บิดากับมารดาจะมาเจอกับนาง และกักขังตัวมิให้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะในตอนนี้คาดว่าสถานการณ์คงจะรุนแรงมิใช่น้อยนางเดินทางเข้าไปในตำหนักขององค์ชายแคว้นหลู่ ก่อนจะบอกทหารว่าขอพบองครักษ์ซือฟง ไม่นานเขาก็ออกมา“ซือฟง องค์ชายปลอดภัยดีหรือไม่ แล้วเจ้าได้เข้าพบหมอหลวงหรือยัง”“ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วงข้าและองค์ชายอวิ๋นหลง แต่ตอนนี้วางใจได้ ทั้งข้าและเขาปลอดภัยดี ตอนนี้ทรงพักผ่อนอยู่”“แล้วเจ้าได้รับโทษหรือไม่ เมื่อคืนเหตุการณ์มันชุลมุนมาก ข้าหวังว่าองค์ชายจะทรงประทานอภัยให้เจ้านะซือฟง เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บมิใช่น้อยเลย” นางแสดงความกังวลอยู่ภายในแววตา เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงยิ้มได้ ความจริงใจของนางฉายชัดในแววตา“ข้าไม่เป็นไร การได้ปกป้องราชวงศ์เป็นหน้าที่ขององครักษ์เช่นข้าอยู่แล้ว แม้ตัวจะตายแต่ยังคงมีชื่อให้ลูกหลานได้ชื่นชม ส่วนเรื่องทรงทำโทษข้าหรือไม่ อันนี้ค่อยว่ากันอีกที ถึงจะถูกลงโทษก็มิได้ถึงตาย เจ้าอย่ากังวลไปเลย
ซ่งซือฟงรับปากหญิงสาว เขารู้สึกสงสัยนัก เรื่องนี้เกี่ยวพันหลายทาง จากที่รู้มาจากปากของหานซูหลินคือ เสนาบดีกรมการคลังมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการรวมอำนาจทั้งฝ่ายบุ้น และฝ่ายบู้เข้าด้วยกัน หากตนเองมีอำนาจจากการครอบครองทุกกรมกอง ย่อมที่จะก่อการกบฏได้โดยง่าย แม้ต้องล้มล้างราชวงศ์ก็ย่อมทำได้ แต่ตนเองก็มิอาจกุมอำนาจได้ทั้งหมด อย่างน้อยประชาชนฉางอันก็มิยอมสยบอย่างแน่แท้ มีหนทางเดียวคือต้องกล่อมคนในราชวงศ์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับตน ซึ่งมีอยู่สองคนที่จะเข้าร่วมได้ นั่นก็คือฮองเฮา และองค์ชายหลงเทียน แต่จะเกิดเหตุเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อองค์ชายหลงเทียนมิได้มีคู่แข่งใด ๆ อ๋องที่เกิดจากเหล่านางสนมก็หามีไม่ เขาต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นฮ่องเต้ในอนาคตอยู่แล้วนี่นา หรือว่ารอเวลามิได้กันเล่า เรื่องนี้สับสนเกินไปเสียแล้ว“หลินเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือ ว่าลางสังหรณ์ของเจ้านั้นเกี่ยวกับการก่อกบฏของเม่ยจือลั่ว ข้ามิได้เห็นหนทาง ที่เขาจะทำการเช่นนั้นเลย ทุกอย่างไม่ได้ส่งผลให้เขาต้องทำเช่นนั้น”ชายหนุ่มอยากให้นางคิดทบทวนให้ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ลางสังหรณ์อาจบอกเจ้าในเรื่องอื่นหรือไม่ ข้าคิดว่าเจ้าต้องไตร่ตรองให้รอบคอบยิ่
“ฮองเฮาเพคะ ท่านได้ทรงทราบข่าวเกี่ยวกับการซ่องสุมโจรร้าย ในช่วงเวลานี้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันคิดว่า เป็นเรื่องที่แปลกกว่าปกตินะเพคะ ราวกับว่า มีคนที่ไม่หวังดี คอยเกื้อหนุนกองโจรเหล่านี้อยู่”อันที่จริงเรื่องการเมืองการปกครอง ฮองเฮามิได้ใคร่รู้นัก แต่หากนางทราบ ก็คงจะไม่บอกหานซูหลินอยู่ดี“เรื่องเกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เหล่าทหารหรือการปราบกบฏต่าง ๆ มิใช่หน้าที่ของข้า ว่าที่พระชายาคงถามผิดคนแล้ว ข้ามิได้ทราบเรื่องอันใดหรอกนะ เรามาปักผ้ากันต่อเถอะนะ” นางตัดบทสนทนาในทันที พร้อมทั้งส่งยิ้มกว้างให้แก่หญิงสาว แววตาของฮองเฮามิได้ทรงเผยสิ่งใดออกมา แม้น้ำที่ลึกเกินหยั่งถึง ก็มิอาจหยั่งลึกลงไปในจิตใจของฮองเฮาเฟิ่งซูอิงได้ หานซูหลินจึงต้องยอมจำนน และคิดหาทางอื่นเพื่อดำเนินการต่อไปมันต้องมีสักทาง ที่นางจะต้องรู้ให้ได้ ว่านักโทษคนนั้นคือผู้ใด นิมิตมิได้หักหลังนาง และทุกอย่างคือความจริงอย่างแน่แท้หานซูหลินเก็บความกังวลใจเอาไว้กับตัว หญิงสาวเตรียมตัวกลับจวนตระกูลหาน แต่มิทันไรกลับพบเจอกับบุตรีเสนาบดีกรมการคลัง เม่ยเจียงฉี เข้ามาทำสิ่งใดอยู่ตำหนักของฮองเฮา นางก็มิอาจรู้ได้ แม้สายตาของทั้งคู่จะเป็นอริกัน
“เรื่องอันใด ข้าคงตอบเจ้าได้หากเกิดคำถามขึ้นมาแล้ว”“เจ้าทราบเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร เรื่องที่ต่อไปจะเกิดการกบฎขึ้น ข้ารู้สึกสงสัย เพราะก่อนหน้าที่จะมีการซ่องสุมโจรผู้ร้าย เจ้าก็เคยบอกข้าว่ามันจะเกิดขึ้น แล้วก็เป็นจริง ครานี้เจ้าบอกข้าว่ามีคนบงการอยู่เบื้องหลัง เจ้าก็รู้ว่าพวกนั้นเป็นใครอยู่เนือง ๆ อีกทั้งยังบอกกล่าวบิดาให้ซ่อนตัวเพื่อพ้นภัยอันตรายอีกด้วย หรือว่าเจ้ามี…”เขาชะงักคำพูดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดสิ่งใดออกมา“ข้ามีลางสังหรณ์น่ะ เจ้าจะบอกเช่นนี้หรือไม่ซือฟง”“ใช่แล้วหลินเอ๋อร์ ข้าเพียงแต่นึกคำนั้นไม่ออก เจ้ามีความพิเศษนี่เอง ถ้าเช่นนั้นข้าก็มิได้สงสัยอันใดแล้ว ข้าเคยได้ยินมาว่า ความพิเศษของสตรีนั้นมีคำเล่าขานมาอย่างยาวนาน หากว่าสตรีใดที่มีลางบอกเหตุ ก็จงเชื่อฟังนาง โดยเฉพาะหากเป็นคนที่รักแล้วยิ่งต้องเชื่อ โดยมิต้องมีคำโต้แย้ง มันเป็นเช่นนี้นี่เอง”“นี่เจ้าจะบอกอะไรข้า เจ้านี่นะช่างเล่นคำเสียเหลือเกิน” บางทีนางอยากจะแกล้งโง่บ้าง เมื่อเขาพูดจาทำให้นางมีริ้วแก้มแดงเพราะเลือดฝาด “ข้าจะออกไปก่อน เชิญเจ้าคิดอะไรต่อไปให้พอเถอะ!”“เดี๋ยวก่อนสิหลินเอ๋อร์ เจ้
องค์ชายอวิ๋นหลงรีบควบม้าศึกประจำตัว ห้อตะบึงลู่ลมมายังสถานที่นัดพบของพวกเขาทั้งสองคน หวังว่าหานซูหลินยังคงรอคอยเขาอยู่ที่เดิม ความจริงที่ว่าเขาคิดถึงนางยิ่งกว่าสิ่งใดนั้นคือเรื่องที่มิอาจเสแสร้งได้เลยองค์ชายอวิ๋นหลงผูกม้าเอาไว้หน้าถ้ำน้ำตก เขาเร้นกายเข้าไปสู่จุดหมายด้านในอย่างระมัดระวัง ภายในถ้ำที่ลึกเข้าไปนับลมหายใจได้แทบพันครั้ง เขาก็พบเจอกับหญิงสาว ซึ่งเปรียบเสมือนธิดาสวรรค์บนพื้นแผ่นดิน กำลังนั่งรอเขาอยู่ กลางสวนดอกไม้และทุ่งหญ้าเรืองแสงเปล่งประกาย ภายใต้ความมืดทึบ ที่ตรงนี้ช่างสว่างไสวยิ่งนัก ซึ่งเขามิเคยรู้มาก่อนสักนิด จนกระทั่งหานซูหลินนำทางเขามาในวันนี้ นางบอกในจดหมายว่าให้เขาเดินเข้ามายังจุดที่ลึกสุดภายในถ้ำ ก็จะพบเจอกับนางที่รอคอยตรงใจกลางถ้ำน้ำพุ“ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีจุดนัดพบเช่นนี้เกิดขึ้นในปฐพี ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก” เขาเอ่ยทักหญิงสาว ซึ่งเปรียบเสมือนเจ้าผู้ครองถ้ำลึกลับแห่งนี้“เจ้ามาก็ดีแล้วซือฟง ข้ามิเคยนำพาผู้ใดมายังที่แห่งนี้เลยสักครั้ง มีเพียงเจ้าคนเดียว ที่ได้พบและเห็นมัน เจ้าชอบหรือไม่”หญิงสาวเอ่ยถามเขา พร้อมทั้งเดินออกมายังบริเวณลานกว้าง“ช่างน่าแปลกใจอย่างที
น่าแปลกใจที่วันถัดมา องค์ชายหลงเทียนทรงแวะมาเยี่ยมเยียนองค์ชายอวิ๋นหลง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสหายกัน แต่ทุกอย่างมิได้รู้สึกไว้ใจกันเสียทีเดียว มันเป็นการเจริญสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายรัชทายาท ที่ยังต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกันต่อไป“ขอประทานอภัยด้วยองค์ชายอวิ๋นหลง ที่ข้ามิได้เข้ามาสนทนากับท่านนานแล้ว ครั้งท้ายสุด เห็นทีว่าจะเป็นวันแรกที่ท่านจากบ้านเมืองมาใช่หรือไม่”องค์ชายหลงเทียนทรงไต่ถามอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาหวังว่าองค์ชายแห่งแคว้นหลู่ก็คงตอบรับไมตรีนี้เช่นกัน“เป็นดั่งเช่นท่านกล่าวมานั่นแหละองค์ชาย ข้าเป็นอาคันตุกะต่างเมือง เวลานี้ยังมิได้ไปเที่ยวชมที่ใดมากนัก เกรงว่าจังหวะและเวลาคงมิได้อำนวยเสียทีเดียว ในเมื่อบ้านเมืองของท่านระส่ำระสายถึงเพียงนี้ ข้าก็คงต้องอยู่ในตำหนักตามเดิม”องค์ชายอวิ๋นหลงทรงพักจิบชาที่ทำจากเปลือกไม้หอม กลิ่นที่ส่งมาช่างยั่วยวนใจยิ่งนัก เขาผายมือให้อีกฝ่ายลองลิ้มรสที่น่าอัศจรรย์นี้“ชารสดีจากแคว้นหลู่ ใบชาชั้นดีผสมกับเปลือกอบเชย เป็นเครื่องดื่มชั้นสูงเชียวนะ ข้าอยากให้ท่านลิ้มลองสักครั้ง ได้โปรดให้เกียรติข้าด้วยองค์ชายหลงเทียน”“เยี่ยมมากองค์ชาย ถ้าเช่นนั้นข้า
หานฮูหยินยกเรื่องราวอันน่าสะเทือนขวัญมาตักเตือนบุตรสาว “เดินทางช่วงนี้มีแต่เสียเปรียบนะลูกรัก ถึงเจ้าจะมิได้กลัว แต่แม่นั้นหวั่นในใจยิ่ง เราหาทางส่งข่าวสารให้พ่อเจ้ามิได้หรือ นกพิราบสื่อสารนั่นอย่างไร ข้าเห็นจวนของนายท่านกรมการยุทธโธปกรณ์ ก็ส่งสารกันโดยใช้วิธีนั้นอยู่บ้าง”“ท่านแม่เจ้าคะ อย่าได้ห่วงข้าเลย”หญิงสาวกอบกุมฝ่ามือของมารดาเพื่อปลอบใจ “ข้าทราบดีว่าท่านเป็นห่วง แต่หากว่าเราอยู่เฉยเช่นนี้ หามีเรื่องที่ดีแน่ ท่านแม่คงลืมไปแล้วว่าลูกเคยบอกว่าอย่างไร เวลานั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว หากตระกูลหานของเราไม่ทันระวังตนเอง ชื่อเสียงก็จะหมดสิ้นไปนะเจ้าคะ อีกอย่างการสื่อสารด้วยนกพิราบตามอย่างจวนอื่น ก็มิได้มีการปรึกษาใด ๆ ข้าไปด้วยตัวเองจะดีกว่ามากเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวลใจไปเลย” นางปลอบใจมารดา“แล้วนี่เจ้าจะเดินทางไปตามลำพังเช่นนั้นหรือ เห้อ! ข้ารู้สึกกลุ้มใจเสียจริง ไม่เอาแล้ว ๆ แม่ไม่ให้เจ้าไปหรอกนะหลินเอ๋อร์” ทว่ามารดายังทำใจมิได้ เพราะเกรงกลัวโจรร้ายตามทางจะพรากชีวิตบุตรสาวของนางไปชั่วกาล เวลานี้หานฮูหยินน้ำตารื้นขึ้นมาปรกตา“ท่านแม่เจ้าคะ ข้ามิได้เดินทางไปแต่เพียงผู้เดียวหรอกเจ้าค่ะ ข้ายั
“หาใช่ที่ใดก็มียาพิษไม่ ข้าจะแสดงให้ดูว่ายาพิษกัดกร่อนกระดูกมันเป็นเช่นไร เจ้าจงระวังเอาไว้ให้ดี”เขานำเข็มเงินหนึ่งเล่มออกมาชี้ตรงหน้า ก่อนจะรินน้ำชานั่นใส่ในจอกสีขาว แล้วนำเข็มเงินวาววับจุ่มลงไปครึ่งเล่ม เพียงแค่พริบตาเดียวเข็มที่เปล่งประกายกลับเปลี่ยนเป็นสีดำที่เศร้าหมอง เหมือนชีวิตที่ดับแสงเทียน ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นผุยผงไปจนสิ้น เข็มเงินเล่มนั้นแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง ก่อนมันจะปลิวไปตามลมที่พัดพาทุกสิ่งไปในห้วงอันธกาล“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าพิษนี้มันช่างร้ายแรงยิ่งนัก ข้าจะให้ทหารมาทำความสะอาดพื้นที่แห่งนี้เสีย และห้ามผู้ใดเข้ามาเด็ดขาด ส่วนเจ้าก็อยู่แต่ในส่วนของจวนเถอะ อย่าได้ออกมาข้างนอกเลย เวลานี้ช่างอันตรายเจ้าต้องเชื่อข้า” ซ่งซือฟงสบตาของนางเขม็ง เขาถือวิสาสะจับท่อนแขนสองข้างของนาง“รับปากข้าได้หรือไม่ ว่าเจ้าจะทำตามที่ข้าขอร้อง ตอนนี้แม้แต่ในราชวังยังวุ่นวายนัก ถนนหนทางต่างเหมือนแดนสนธยา มีคนตายเกิดขึ้นมากมาย เจ้ามิควรต้องออกไปไหน”“นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจะมีการนองเลือดที่ไหนบ้าง ในแคว้นหลู่อยู่ไปก็มิได้ปลอดภัย ครั้นเดินทางมาที่ฉางอัน ราชวงศ์ของเจ้าก็ยังมิปลอดภัยอีกหรือ” หานซู
เสียงของแข็งกระทบเข้ากับร่างกายของคน จนเกิดเสียงที่ไม่น่าฟัง นางเขวี้ยงสิ่งนั้นออกไป ก่อนที่คนร้ายจะทันบุกเข้าหาองครักษ์จากแคว้นหลู่ ทำให้มันล้มตึงลงกลางอากาศ จนกระทั่งซือฟงดึงมีดสั้นออกมาจากข้างตัว และปาใส่จนคนร้ายหญิงได้รับบาดเจ็บ และหลบหนีไปได้ หานซูหลินเข้ามาหาเขาและมองท่อนแขนที่เต็มไปด้วยโลหิตสีชาด มันซึมออกมาจากบาดแผล แม้เขาจะมีปลอกแขนอยู่แล้วก็ตาม“เจ้าเป็นอะไรไหมองครักษ์ เจ้าเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่” หานซูหลินประคองชายหนุ่มลงไปนั่งยังม้าหิน เขาหอบหายใจแรง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบกับใบหน้างดงามของนาง“ไม่ ข้าไม่เป็นอะไร บาดแผลเพียงเท่านี้ มิอาจทำอันตรายข้าได้หรอกพระชายา” แม้จะเอ่ยปากออกมาเช่นนั้น แต่เลือดก็มิได้หยุดไหลลงสักนิด หานซูหลินพอจะรู้วิธีปฐมพยาบาลอยู่บ้าง หญิงสาวนำผ้าขาวบางซึ่งกรองตัวแป้งทำขนมออกมาดึง ให้มีด้านความยาวเพิ่มขึ้น ความกว้างนั้นเท่ากลางฝ่ามือ ก่อนจะดึงทึ้งมันเป็นสี่ส่วน“ข้าจะใช้ผ้านี้กดบาดแผลให้เจ้าก่อน พอเลือดหยุดไหลข้าจะนำยามาป้ายให้เจ้าอีกที เพื่อลดความเจ็บปวดของบาดแผลที่โดนเมื่อครู่ หวังว่าเจ้าจะทนได้นะท่านองครักษ์” หานซูหลินก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ชายหนุ่มอย่
หญิงสาวเอ่ยขออภัยต่อเขา ในขณะที่ใบหน้าของทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันในระยะประชิด หานซูหลินเขินอาย เมื่อรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มผู้พิทักษ์องค์ชายแคว้นหลู่ ซึ่งเขาเองก็มีท่าทีมิได้ต่างกับนางเลย เขาเองก็ใบหูแดงไม่แพ้กัน“นี่เป็นเพราะเจ้าหาเรื่องให้ข้าอย่างไรล่ะ จน เกือบทำขนมอันล้ำค่าเสียหายแล้ว” ชายหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะผละออกจากนาง ซึ่งหานซูหลินเองยังมีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี“ช่างเถอะ! ถือว่าข้ามิได้ตั้งใจให้มันเป็นเช่นนี้ ส่วนเจ้าก็ออกไปห่าง ๆ ข้าก็แล้วกัน” นางพูดจาแง่งอนใส่ พร้อมกับรับถาดขนมกลับมาวางไว้ที่โต๊ะเช่นเดิม องครักษ์หนุ่มมิได้เข้าใจท่าทางของสตรีนัก เขายังคงจับตาดูสาวใช้คนใหม่อยู่อย่างมิวางตาแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่หานซูหลินก็มิได้ใส่ใจ นางเริ่มทำสิ่งเดิมต่อไป สาวใช้นำน้ำจากกามาผสมลงในขนมอีกส่วน นางบอกแก่หญิงสาวว่ารสหวานของแป้งมีน้อยเกินไป นางจึงต้องการผสมใหม่เพื่อให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและหวานล้ำกว่านี้ แต่ทว่า…การกระทำของสาวใช้นั้นดูผิดแปลกไป ทั้งที่ทำอะไรไม่เป็นแท้ ๆ แต่กลับรู้จักสัดส่วนของอาหาร ปกตินางคงมิใช่คนที่จ