หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 37 ขวานทอง กับกีบ เท้ามรณะ

แชร์

ตอนที่ 37 ขวานทอง กับกีบ เท้ามรณะ

เอรอสพุ่งเข้าหามันสุดกำลัง พื้นดินสั่นสะเทือนภายใต้ฝีเท้าหนักของเขา เสียงคำรามต่ำของมันดังก้องราวสัตว์ร้ายที่เฝ้ารอจะเข่นฆ่า เงาดำก่อตัวจากร่างของมัน แผ่พลังเวทย์สีเขียวหม่นรุนแรง จนสั่นคลอนทุกสิ่งรอบข้าง ดิน และ เศษหิน กระจัดกระจายอย่างรุนแรงจนพื้นดินรอบๆแตกออกเป็นริ้วร้าวลึก

กลิ่นฝุ่นดินคละคลุ้ง กลบอากาศจนรู้สึกอึดอัด บรรยากาศมืดครึ้มกดดันเหมือนทั้งโลกกำลังถูกกลืนด้วยพลังชั่วร้าย หินยักษ์ผุดขึ้นจากพื้นรอบตัวมันตามแรงเรียกของเวทมนตร์ บรรยากาศโดยรอบบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัวจนราวกับว่าทั้งพื้นที่กำลังจะถล่มลงมา

มันเหวี่ยงแขนมหึมาขึ้น หินก้อนใหญ่ลอยขึ้นเหนือพื้น แสงเขียวหม่นเรืองรองห่อหุ้มก้อนหินที่หมุนวนรอบตัวมันอย่างเกรี้ยวกราด มันปล่อยเสียงคำรามเบาๆคล้ายหัวเราะอย่างเย้ยหยัน หินพุ่งตรงเข้าใส่เอรอสในพริบตา เอรอสกระโดดหลบอย่างฉิวเฉียด เศษดินและแรงลมจากหินที่พุ่งเฉียดหน้าทำให้เขาต้องหรี่ตา ปัดฝุ่นผงออกจากใบหน้า

เอรอสสะบัดขวานทองในมือที่ส่องประกายแสงจันทร์ออกมาเหมือนดวงดาว ขณะฟาดฟันหินที่พุ่งเข้ามาแตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ เสียงหินระเบิดดังสะท้อนรอบบริเวณ เศษหินกระเด็นเป็นฝุ่นผงลอยกระจายไปทั่วจนปกคลุมทั้งพื้นที่ราวหมอก ปลิวผ่านทิศทางต่างๆ จนบดบังทัศนวิสัย เสียงระเบิดของหินสะท้อนในอากาศอย่างน่าขนลุก ราวกับสัญญาณแห่งการทำลายล้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด

พลังเวทย์ของมันก่อตัวขึ้นอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง จนกลายเป็นมานาเรืองแสงเขียวหม่นล้อมรอบร่างของมัน บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกคล้ายกับร่างกายของมันกำลังดึงเอาความอบอุ่นทั้งหมดออกจากอากาศ เสียงคำรามต่ำดังก้องสะท้อนไปมา เงาแห่งพลังเวทย์บิดเบี้ยวรอบตัวมันเหมือนมีชีวิต เสียงลมหายใจอันดุดันของมันทำให้เอรอสรู้สึกถึงความเกรี้ยวกราดที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย

มันชี้นิ้วใหญ่ตรงไปที่เอรอส หินขนาดมหึมาลอยขึ้นพร้อมแสงสีเขียวสว่างวาบ เอรอสรีบเบี่ยงตัวหลบในเสี้ยววินาที เขากระโจนออกข้างพลิกตัวกลางอากาศ ขณะรู้สึกถึงกลิ่นดินและฝุ่นในจมูก ก่อนจะสะบัดขวานฟาดทำลายหินที่พุ่งมาด้วยความเร็วราวสายฟ้า เศษหินแตกกระจายรอบตัวเขา สะท้อนแสงจันทร์วูบวาบออกมาท่ามกลางม่านฝุ่น ผืนหินที่แตกร้าวยิ่งเผยให้เห็นถึงความรุนแรงของการต่อสู้

เสียงคำรามดังก้องอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความหงุดหงิด มันยังคงร่ายเวทย์อย่างไม่ยอมแพ้ ก้อนหินรอบข้างถูกเรียกขึ้นจากพื้นและพุ่งเข้าใส่เอรอสเหมือนพายุหิน มันหัวเราะเบาๆแฝงไว้ด้วยเจตนาร้าย ราวกับจะบดขยี้ศัตรูให้สิ้นซาก ทุกการโจมตีเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและไร้ปรานี หินแต่ละก้อนพุ่งชนพื้นดินจนแตกร้าว เสียงกระแทกของหินสะท้อนในอากาศอย่างหนักหน่วงราวกับจะกลืนกินทุกสิ่ง

แต่ทว่าเอรอสกลับก้าวเท้าเข้าใกล้มันเรื่อยๆ ขวานในมือฟาดฟันหินที่พุ่งเข้ามาด้วยความแม่นยำ เศษหินกระจัดกระจายเหมือนหมอกขุ่นที่ปกคลุมไปทั่ว เอรอสยืนสู้ท่ามกลางแสงจันทร์และเงามืดจากฝุ่นที่ลอยคลุ้ง เงาดำ และแสงที่สะท้อนจากเศษฝุ่นทำให้ฉากนี้ดูเหมือนการต่อสู้ในหุบเขาที่มืดมน

มันเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้า พลังเวทย์ที่เคยรุนแรงเริ่มเบาบางลง และแววตาเต็มไปด้วยความกังวลเร้นลับ เอรอสสังเกตเห็นทันที เขารู้ว่านี่คือจังหวะที่เหมาะแก่การปิดฉาก

ในจังหวะที่เอรอสกำลังเร่งเข้าใกล้ มันที่พยายามควบคุมพลังเวทย์อย่างบ้าคลั่งกลับทำพลาด เศษหินก้อนหนึ่งหลุดออกไปทิศทางอื่นพุ่งตรงไปทางไอลีนที่นอนบาดเจ็บ ดวงตาของเธอได้แต่เบิกกว้าง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกตะใจ และ ความหวาดหวั่น เธอพยายามจะหยิบปืนขึ้นมาหวังจะยิงเพื่อทำลายหินนั้น แต่ร่างกายของเธอกลับอ่อนล้า และไม่มีแรงพอที่จะยกปืนเล็งยิงได้ทัน จนทำให้เธอได้แต่กลั้นหายใจ ดูการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่มีทางเลือก

เอรอสเห็นเงาหินสะท้อนแสงวาบพุ่งไปทางไอลีนอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงเข้มของเขาเบิกกว้าง รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นดังก้องในหู เขารีบกระโจนยืนขวางหน้าไอลีนทันที แม้ว่าการช่วยเธอ มันจะทำให้การกระทำของเขาเปล่าประโยชน์ แต่เขาก็ยังคงยกขวานขึ้นสูงปัดหินก้อนนั้นด้วยแรงทั้งหมด เศษหินแตกกระจายดังสนั่นรอบตัวไอลีน เศษหินร่วงหล่นรอบๆ ราวกับฝนหินปกคลุมพื้นดิน

มันจ้องมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย มุมปากบิดเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน แฝงเจตนาที่อันตราย เสียงหัวเราะเบาๆ ที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันยิ่งขับให้มันดูน่ากลัว ก่อนจะขว้างหินที่เหลือพุ่งใส่เอรอสและไอลีนอย่างบ้าคลั่ง หินแต่ละก้อนเปี่ยมไปด้วยพลังดิบเถื่อน ขาดการควบคุมต่างจากก่อนหน้านี้ เอรอสยืนหยัดไม่ถอยแม้จะหายใจหอบหนัก เขายังคงใช้ขวานฟาดทำลายหินทุกก้อนที่พุ่งมาอย่างดุดัน เสียงหินแตกสะท้อนไปทั่ว ม่านฝุ่นหนาคลุ้งรอบตัวเอรอส แต่เขายังคงยืนอย่างมั่นคงท่ามกลางเกราะฝุ่นที่บดบังสายตา เหงื่อซึมตามหน้าผาก ดวงตาสีแดงฉายแสงแน่วแน่ราวกับภูผาที่จะไม่ทลาย แม้จะเผชิญกับพลังมหาศาลของมันก็ตาม

เอรอสสบถออกมาเมื่อพลาดโอกาสที่จะโจมตีเต็มแรงเพราะต้องถอยกลับมาปกป้องคนที่เขาเคยบอกว่าโง่และดื้อด้านเสียเอง รู้สึกอับอายที่ต้องมาเสียจังหวะเพราะเรื่องที่เขาดูถูกแบบนี้

“น่าขายหน้าชะมัด…” เขาบ่นพึมพำ ขณะที่มือข้างหนึ่งกำขวานทองฟาดฟันหินใหญ่ที่พุ่งเข้ามา ส่วนอีกมือปัดป้องหินที่พุ่งมาไม่หยุด เศษหินกระจายรอบตัวราวกับสายฝนแห่งความพินาศ แต่สายตาของเอรอสยังคงจับจ้องมันไม่วางแม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีที่หนักหน่วง เขายืนหยัดอย่างไม่หวั่นไหวราวกับพร้อมรับทุกสิ่ง

ทันใดนั้น มันแสยะยิ้มออกมา รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความอำมหิตแสดงถึงความมั่นใจอย่างร้ายกาจ เสียงหัวเราะต่ำๆ ดังเล็ดลอดจากลำคอ 

“ถึงจะน่าเสียดายที่ต้องเอามาใช้เร็วไปหน่อย แต่วันนี้ ไม่ข้าก็แกที่ต้องตายกันไปข้าง…” มันพูดพลางมองแหวนที่นิ้วของตนเอง ก่อนจะถอดออกมา แล้วบีบขยี้แหวนจนแตกกระจายเป็นเศษผุยผงในอากาศ

ทันใดนั้น เศษแหวนที่แตกละเอียดปล่อยพลังมืดออกมาเป็นเงาดำที่ดูคล้ายหมอกควัน เงานั้นหมุนวนและเข้มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับสิ่งมีชีวิตที่กระหายการกลืนกิน เงาควันสีดำคลุ้งไหลออกจากมือมันทีละนิด ก่อนจะเริ่มขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนค่อยๆ คืบคลานและแผ่ปกคลุมร่างของมัน ราวกับฝูงกาฝากที่แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างของเหยื่อ เสียงลมหายใจต่ำลึกดังก้อง พร้อมๆกับเสียงสะท้อนจากหลุมลึกในขุมนรก มันเคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิต แรงกดดันแห่งความชั่วร้ายได้เริ่มคืบคลานเข้ามาครอบงำทุกสิ่ง

เอรอสกัดฟันแน่น มองดูเงาดำที่ปกคลุมร่างของมันอย่างรวดเร็วโดยไม่สามารถปล่อยให้เสียเวลาอีก เขาโยนขวานทองของตนด้วยพลังทั้งหมด ขวานพุ่งทะลวงเข้าใส่เงามืดนั้นราวกับแสงวาบในความมืด แต่เมื่อขวานสัมผัสกับเงามืด มันกลับสะท้อนกลับมาอย่างแรง ก่อนที่เขาจะรับมันไว้ด้วยมือข้างเดียว การโจมตีของเขาไม่สามารถฝ่ากระแสควันเหล่านั้นไปได้ ขณะที่เงานั้นเข้มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะบิดเบี้ยวก่อตัวเป็นรูปร่างประหลาดที่ไม่มีสิ่งใดเคยเห็นมาก่อน

รูปร่างของมันค่อยๆ ปรากฏเด่นชัดกลางเงาควัน เขาสองข้างใหญ่โค้งพ้นจากหัว ใบหน้าหนาใหญ่คล้ายวัว ดวงตาแดงสว่างขึ้นท่ามกลางความมืด ครึ่งร่างบนที่หนาแน่นด้วยกล้ามเนื้อดูล่ำสันและเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน แต่ครึ่งล่างกลับเป็นขาอันแข็งแกร่งและอุ้งเท้าของวัว เงาร่างนี้ราวกับมิโนทอร์จากตำนานที่น่าสะพรึงกลัว

เอรอสสบถออกมาเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นศัตรูที่ดูน่ากลัว และ อันตรายกว่าที่เขาตั้งใจเอาไว้ เขาหายใจลึก กำขวานแน่นจนมือชา ความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตาของเขา ราวกับภูผาที่ตั้งตระหง่านพร้อมท้าทายทุกสิ่งเบื้องหน้า แม้ในใจรู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยงกับชีวิตของเขามากที่สุดอีกครั้งนึง

“แม่ง…เพราะงี้แหละถึงไม่อยากจะรีบมาจัดการไง!”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status