หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 38 เขตแดนแห่งการทำลายล้าง

แชร์

ตอนที่ 38 เขตแดนแห่งการทำลายล้าง

เสียงหอบของเอรอสกลืนไปกับเสียงลั่นของหิน และ ฝุ่นที่ลอยคละคลุ้งในอากาศ เขายืนหยัดอยู่กลางพื้นที่ของอาคารที่ถูกทำลายจากการโจมตีของทั้งสองฝั่ง ผิวดินที่แตกออกเป็นริ้วรอย และ เศษหินเกลื่อนกลาดรอบตัวเป็นพยานถึงการโจมตีที่รุนแรง ขวานสีทองในมือยังคงส่องแสงท่ามกลางหมอกฝุ่นรอบตัว หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำในอก แต่อย่างไรเขาก็ต้องยืนหยัดต่อไป ไม่ให้ศัตรูเบื้องหน้ามองเห็นความอ่อนแอ

มิโนทอร์ร่างยักษ์ตรงหน้า ผิวหนังสีคล้ำประหนึ่งแผ่นหิน ถูกปกคลุมด้วยชุดเกราะหนาทึบ เงามืดและพลังเวทย์สีเขียวหม่นแผ่กระจายออกจากร่างของมันอย่างน่ากลัว มันกวัดแกว่งขวานหินขนาดใหญ่ในมือเหมือนกับมันเป็นเพียงแค่ของเล่น ก่อนที่มันจะย่างสามขุมเข้ามาหาเอรอส ใบหน้าหนากร้าวคล้ายสัตว์ร้าย ดวงตาสีแดงเรืองวาวอย่างดุดัน คำรามต่ำในลำคอ ราวกับต้องการบดขยี้เขาให้กลายเป็นเศษซากใต้เท้าของมัน

ขวานหินนั้นฟาดลงมาอีกครั้ง พื้นดินระเบิดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ด้วยพลังดุจแผ่นดินไหว เอรอสรีบกระโดดถอยหลัง พลางปัดป้องอย่างฉิวเฉียด ก่อนจะตวัดขวานของเขาฟาดฟันใส่ขาของมัน แต่แสงสะท้อนของเกราะหินบนร่างมันทำให้คมขวานของเอรอสเบี่ยงไป ขวานทองกระแทกเข้ากับเกราะแข็งเสียงดังสนั่น เหมือนเอรอสกำลังพยายามเจาะแผ่นภูผาอันแกร่งกล้า

“แค่นี้เองเหรอ?”มันแสยะยิ้มเยาะเย้ย สายตาดูหมิ่นจับจ้องไปที่เอรอส ไม่แม้แต่จะถอยหลัง แต่กลับง้างขวานหินขึ้นอีกครั้ง เงามืดก่อตัวขึ้นรอบตัวของมัน มันส่งแรงระเบิดของพลังเวทย์ดินกระจายออกไปในรัศมี เสริมความแข็งแกร่งของเกราะบนตัวมัน จนดูราวกับว่าทุกครั้งที่ฟาดฟัน มันยิ่งแน่นและแข็งยิ่งกว่าเดิม

เอรอสรู้สึกถึงความรุนแรงของแรงกดดันรอบตัว ทุกครั้งที่มิโนทอร์โจมตี มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่เขายิ่งต้องฝ่าฟันขวานของเขาด้วยความระมัดระวังมากขึ้น พลางขบกรามเพื่อสู้กับความเหนื่อยล้า ในใจของเขามีแต่เสียงหนึ่งที่ดังก้องว่าเขาต้องหลีกเลี่ยงการใช้มานา แต่ทุกครั้งที่เขามองไปยังไอลีนที่นอนบาดเจ็บอยู่ใกล้ๆ เขาก็เริ่มรู้ว่าตัวเองคงไม่อาจหลีกเลี่ยงมันไปได้อีกนานนัก

เสียงคำรามของมิโนทอร์ดังก้องกังวาน ขณะที่มันโถมเข้าหาเอรอสด้วยความรุนแรง ฝุ่นตลบคลุ้งจากพื้นดินที่มันเหยียบจนแตกเป็นริ้วรอย ทุกก้าวย่างของมันเต็มไปด้วยอำนาจและแรงกดดันที่มากขึ้นทุกขณะ มันสะบัดขวานหินขนาดยักษ์ลงมาอีกครั้ง เฉียดหน้าเอรอสไปเพียงนิดเดียว เศษหินจากแรงกระแทกพุ่งใส่ตัวเขาอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบ

เอรอสสะบัดขวานทองของเขาขึ้น ฟาดฟันทุกการโจมตีที่มุ่งตรงมา เสียงเหล็กและหินปะทะกันดังก้อง ฝุ่นคลุ้งรอบตัวแทบทำให้ทัศนวิสัยเลือนราง แต่เขาก็ยังคงยืนหยัด ท่ามกลางหมอกฝุ่นที่ปกคลุมพื้นที่อย่างหนักหน่วง ทุกครั้งที่ขวานของเขาปะทะกับเกราะหินหนาของมิโนทอร์ รอยร้าวเพียงเล็กน้อยก็ดูเหมือนจะไม่ทำอะไรมันได้เลย

มันยกขวานขึ้นสูงอีกครั้งก่อนจะพุ่งลงมาอย่างดุดัน ความแรงจากขวานทำให้พื้นรอบข้างสั่นสะเทือน เอรอสต้องขยับตัวหลบอย่างรวดเร็ว พลิกขวานในมือสวนขึ้นไป หวังจะโจมตีจุดอ่อนในเกราะของมัน แต่ขวานทองของเขากระทบกับขาเกราะหินหนาจนสะท้าน เศษหินกระเด็นออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนที่มันจะหันมาทำหน้าตาระรื่นเย้ยหยันใส่เขา

เอรอสกัดฟันแน่น มือทั้งสองกำขวานของเขาแน่นขึ้น พยายามจะรักษาจังหวะการต่อสู้ให้มั่นคง แม้ว่าพละกำลังของมันจะเหนือกว่ามาก ทุกครั้งที่มันฟาดขวานใส่ เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อหลบ และ สวนกลับด้วยความรวดเร็ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยล้า ขณะที่ตัวเขากลับเริ่มหอบหนัก จังหวะการโจมตีของมันไม่มีท่าทีว่าจะช้าลงแม้แต่น้อย

มันกระโจนเข้ามาอีกครั้ง ขวานหินฟาดลงอย่างไร้ความปราณี เอรอสกระโดดหลบขึ้นเหนือไปเพียงนิด ก่อนจะลงมาสวนด้วยการเหวี่ยงขวานใส่ไหล่มันเต็มแรง เศษเกราะกระเด็นออกมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายมากพอให้มันลดความดุดันลง

มันคำรามออกมาอย่างเดือดดาล ขณะย่อตัวลงเตรียมพร้อมอีกครั้ง ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกยั่วโทสะจนถึงขีดสุด ขวานหินในมือมันเต็มไปด้วยพลังเวทย์สีเขียวที่แผ่พลังร้ายกาจออกมา มันพุ่งเข้าหาเอรอสอีกครั้ง ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งกว่าครั้งก่อน เอรอสพยายามสวนกลับ แต่พละกำลังของเขาเริ่มถดถอย มันฟาดขวานหินใส่จนเขากระเด็นถอยหลังไปไกล

ในจังหวะที่เขาต้องถอยอย่างเสียเปรียบ มันแสยะยิ้มกว้าง ก่อนจะเบนสายตามองไปทางไอลีนที่นอนบาดเจ็บอยู่ข้างหลัง มันย่างเท้าตรงไปหาเธอ ยื่นมือหยาบกร้านเหมือนเกราะหินจะคว้าเธอด้วยท่าทีที่อำมหิต ไอลีนพยายามจะขยับตัวหนี แต่แรงกายที่มีเหลือน้อยนิดไม่อาจให้เธอขัดขืนได้

“ออกไปให้้ห่างน่ะเว้ย…!” เอรอสตะโกนถลั่น ดวงตาสีแดงฉายแววตึงเครียด

แม้เขาจะลังเลเพราะรู้ดีว่าหากเริ่มใช้มานา เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของร่างนี้ที่เข้ามาครอบงำ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขากำขวานทองในมือแน่น หลับตาลงชั่วครู่เพื่อดึงเอาพลังจากส่วนลึกขึ้นมา ก่อนจะรู้สึกถึงกระแสไหลเวียนของมานาที่แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว แสงสว่างสีแดงเข้มจางๆ ปรากฏรอบตัวเขา ราวกับมีคลื่นพลังงานไร้ตัวตนค่อยๆแผ่ขยายออกไปโดยรอบ

เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความมุ่งมั่นแน่วแน่ฉายชัดในดวงตาสีแดงฉานเหมือนเลือด เขาระเบิดพลังมานาเสริมเข้าไปในขวานทองที่เริ่มส่องประกายเข้มข้นขึ้น กระโจนพุ่งตัวเข้าใส่มิโนทอร์อย่างไร้ความลังเล ฟาดขวานใส่สีข้างของมันเต็มแรง พลังมหาศาลจากขวานทำให้มันเซไปด้านข้าง เสียงเกราะแตกร้าวดังสนั่น เศษหินกระจายออกจากร่างของมัน

มิโนทอร์คำรามด้วยความเจ็บปวด พยายามจะพุ่งเข้ามาคว้าไอลีนอีกครั้ง แต่คราวนี้เอรอสยืนขวางหน้ามันไว้อย่างแน่วแน่ เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเหวี่ยงขวานทองกระแทกเข้ากับร่างของมันจนมันกระเด็นถอยออกไป เสียงคำรามของมันดังสะท้านไปทั่ว ก่อนที่มันจะเสียหลักล้มลงกับพื้น

เอรอสยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ มองตรงไปยังมิโนทอร์ที่กำลังค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ เขารู้ดีว่าพลังที่มีอยู่ในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับมันในระยะยาว ความเหนื่อยล้าเริ่มกัดกินทุกอณูในร่างกาย แต่เขาก็ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ เขาหลับตาลง สัมผัสถึงความเย็นเยือกที่ค่อยๆคลืบคลานขึ้นมาจากภายในจิตใจ มันเป็นพลังที่เขาปฏิเสธมาโดยตลอด “เขตแดน”ที่แสดงถึงรูปลักษณ์ของเจตจำนงของเจ้าของร่างที่เขาใช้ มันมีพลัง และ อำนาจมากพอที่จะทำลายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สิ้นซาก หากถูกตัดสินว่าเป็นความชั่วร้าย แต่หากเขาเปิดใช้ เขาจะต้องเสี่ยงต่อการถูกควบคุมโดยเจ้าของร่างทันทีที่พลังหมดลง

“บ้าเอ๊ย…” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงกระซิบของความลังเลพยายามรั้งเขาไว้ แต่ความรุนแรงของสถานการณ์และอาการบาดเจ็บของไอลีนทำให้เขาฝืนใจใช้พลังนั้นออกมา ดวงตาของเขาหรี่ลง ก่อนจะเปล่งประกายสีแดงเข้มขึ้นมาอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก และ เปล่งพลังอันลึกล้ำออกมาจากใจกลางจิตวิญญาณ

ทันใดนั้นเอง ลมรอบตัวเอรอสเริ่มไหลวน บิดเบี้ยวราวกับโลกทั้งใบกำลังตอบสนองต่อเจตจำนงของเขา พลังมานาเริ่มไหลเวียนออกจากร่างอย่างรุนแรง และ ไม่เป็นระเบียบ คล้ายกับมีหลายสิ่งที่เขายังขาดหายไปสำหรับการสร้างเขตแดนนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้น เอรอสก็กัดฟัน ใช้ทุกพลังที่มีเปิดเขตแดนออกมาโดยไม่ย่อท้อ

พื้นดินรอบตัวเขาสั่นไหว ผืนฟ้าสีครามแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีหม่นเข้ม ดวงจันทร์ที่เคยส่องแสงสลัวเริ่มถูกบดบังด้วยเงามืด ขณะที่พลังอันลึกลับกำลังก่อตัวขึ้น ไอลีนที่นอนอยู่มองภาพนี้ด้วยดวงตาเบิกกว้าง ความรู้สึกหนาวเยือกค่อย ๆ แทรกซึมเข้าในหัวใจของเธอ ราวกับมีอำนาจที่ไม่อาจหาคำมาอธิบายกำลังปลุกปั้นตนขึ้นจากอากาศรอบๆตัวเขา

จู่ๆ จากท่ามกลางความมืดที่ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ แขนขนาดมหึมาสีฟ้าเรืองรองปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ความใหญ่โต และ ทรงพลังของมันราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่ง ข้อมือหนาแน่นไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน ผิวเนื้อเข้มแข็งราวกับหินก่ำสลักลาย นิ้วมือทั้งห้าเรียวยาวแต่ทว่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อบีบแน่นราวกับกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำลายล้าง มันจับขวานยักษ์ใหญ่สีทองขนาดใหญ่ด้วยมือข้างเดียว แผ่ออร่าดุจโลหะหลอมเหลว ที่แฝงไปด้วยมานามหาศาลที่เข้มข้น ราวกับจะทำให้ผู้ที่ได้เห็นต้องหวาดหวั่นจนไม่อาจต้านทานได้

ไอลีนมองเห็นเพียงเงาของ “แขน” ขนาดมหึมานั้น แต่เพียงแค่เงาก็ทำให้เธอขนลุกซู่ ความเกรี้ยวกราดและเจตจำนงอันดุดันที่สิงอยู่ในพลังนั้นเหมือนมีชีวิตเป็นของตัวเอง เจตนาร้ายอันเยียบเย็นทะลักออกมาจากเขตแดนลึกลับของเอรอส ราวกับว่ามันต้องการทำลายล้างทุกสิ่งตรงหน้าให้สิ้นซาก

“นั่นมัน…อะไรกัน?” ไอลีนพึมพำออกมาแผ่วเบา ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ปนเปด้วยความทึ่งที่เธอไม่อาจอธิบายได้ ภาพตรงหน้าน่ากลัวและน่าประทับใจไปพร้อมๆกัน แต่พลังที่ฝืนสร้างขึ้นนี้กลับทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าชายตรงหน้านั้นน่ากลัว และ อันตรายมากแค่ไหน

แขนขนาดมหึมาค่อยๆ ยกขวานขึ้นเหนือศีรษะเอรอส ราวกับกำลังสะสมพลังเพื่อสยบมิโนทอร์และทุกสิ่งรอบตัวในชั่วพริบตา ไอลีนไม่อาจละสายตาจากภาพนี้ได้ แม้หัวใจของเธอจะเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่เธอไม่คุ้นเคย แท้จริงแล้ว…เขาเป็นใครกันแน่?

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status