หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

แชร์

ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-06 00:44:08

แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมัน

เธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง

ชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก

“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา

“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ขณะที่พยายามเรียกความทรงจำที่เลือนรางกลับคืนมา

ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในความคิด เอเลน่าจำได้ว่าเธอและไอริสพูดคุยกันเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องของรางวัลในการทดสอบที่แพร่กระจายเฉพาะในหมู่นักเวทย์ ว่ากันว่ารางวัลนั้นไม่ใช่สิ่งธรรมดา แต่คือ “ชิ้นส่วนร่างกายของไรอัส” จอมปราชญ์ผู้ล่วงลับ ผู้ใดที่ครอบครองจะได้รับพลังอำนาจเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้

ข่าวลือดังกล่าวดูเหมือนถูกจงใจแพร่กระจาย นักเวทย์หลายคนที่เคยเฉยเมยต่อการทดสอบกลับให้ความสนใจอย่างกระตือรือร้น ทั้งที่ในตอนแรกไม่มีใครรู้แม้แต่ว่าของรางวัลคืออะไร หรือรูปแบบการทดสอบเป็นเช่นไร ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับ

แต่เมื่อข่าวลือเริ่มแพร่ไป เหล่าอาจารย์ในหอคอยเวทมนตร์กลับนิ่งเงียบ ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธใดๆ ความเงียบงันนั้นยิ่งทำให้ข่าวลือดูน่าเชื่อถือขึ้น คล้ายกับมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังและกำลังชักใยทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่ต้องการ

ความผิดปกตินั้นทำให้เอเลน่าไม่อาจมองข้าม เธอและไอริสจึงตัดสินใจจะสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ให้ลึกกว่านี้

ตอนแรกเอเลน่าก็แค่ตั้งใจจะกลับไปพักที่ห้องของตัวเอง แต่แล้วความกังวลที่เธอเก็บไว้ในใจเกี่ยวกับอาร์วินกลับพลุ่งพล่านจนเธอเปลี่ยนใจ

ระหว่างทางไปยังห้องของเขา ภาพของดวงตาสีน้ำเงินเข้มของอาร์วิน—สีที่เหมือนกับท้องฟ้าตอนกลางคืน—ผุดขึ้นในความคิด ดวงตาคู่นั้นเคยเปี่ยมไปด้วยความสงบนิ่งและลึกซึ้ง แต่สิ่งที่เธอเห็นเมื่อไม่นานมานี้กลับไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไป มันเปลี่ยนไปเป็นสีเทาเย็นเยียบ ราวกับหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้าหลังพายุ

ความเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เธอใจสั่น ราวกับได้เห็นภาพซ้อนของใครบางคน ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยสดใสกลับกลายเป็นสีเทาหม่นคล้ายกับ... "ไม่... มันจะเป็นไปได้ยังไง?"

 มันคล้ายกับดวงตาของใครบางคน คนที่เคยมีบทบาทในชีวิตของเธอในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูมืดมน ความเชื่อมโยงที่เธอไม่อาจทำความเข้าใจได้เพิ่มความสับสนในใจยิ่งขึ้น

เมื่อเธอผลักประตูเข้าไปในห้องของอาร์วิน กลิ่นเครื่องหอมที่อบอวลเป็นกลิ่นดอกไม้ที่คุ้นเคย นุ่มนวลและผ่อนคลาย แต่กลับแทรกซึมเข้ามาลึกจนผิดธรรมชาติ ราวกับมันถูกปรับให้รุนแรงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทุกลมหายใจที่สูดเข้าไปเหมือนถูกชักนำเข้าสู่ความฝันที่ไม่อาจตื่นได้ ราวกับทุกอณูของอากาศถูกแต่งแต้มด้วยกลิ่นนั้นจนแน่นหนา

ภายในห้อง เธอเห็นอัศวินในชุดเกราะเบายืนพิงกำแพงใกล้กับประตูที่เธอเข้ามา ท่าทางหลับสนิทโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เมดอีกคนก็นั่งหลับอยู่ที่มุมห้อง ใบหน้าผ่อนคลายเหมือนคนที่กำลังหลับฝันดี สภาพของพวกเขาดูผิดธรรมชาติอย่างน่าประหลาด

“นี่มันอะไรกัน…” เธอกระซิบเบาๆ ความรู้สึกไม่สบายใจพุ่งขึ้นในอก

กลิ่นนั้นทำให้ดวงตาของเธอเริ่มพล่ามัว ทุกก้าวที่เดินเข้าไปเหมือนต้องแบกน้ำหนักที่มองไม่เห็น ร่างกายเธอหนักอึ้งจนแทบจะล้มลง ความเหนื่อยล้าจากความง่วงงุนกัดกินสติของเธอทีละน้อย

สายตาของเธอจับจ้องไปยังเตียงของอาร์วิน ผ้าห่มสีเข้มถูกพาดคลุมจนดูเหมือนมีบางสิ่งขดตัวอยู่ข้างใต้ เธอหยุดนิ่ง ความรู้สึกกังวลวิ่งวาบในอก

“อาร์วิน?” เธอเอ่ยเรียกเสียงเบา

แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ใต้ผ้าห่มนั้นยังคงนิ่งสนิท ราวกับไร้ซึ่งชีวิต นั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอกระตุกวูบ ความกังวลเพิ่มพูนจนแทบหยุดหายใจ

เธอพยายามก้าวไปใกล้เตียง แม้ทุกย่างก้าวจะยากลำบากและร่างกายเหมือนจะล้มพับในทุกวินาที ดวงตาเริ่มพร่ามัวจนแทบจะโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้

กลิ่นหอมที่รุนแรงจนแทบหยุดหายใจยังคงทำให้ความคิดของเธอว้าวุ่น เธอยกมือขึ้นใช้เวทมนตร์ลมพุ่งกระแทกหน้าต่างห้องที่ปิดสนิท เสียงกระจกเปิดออกดังขึ้นพร้อมสายลมที่พัดผ่านเข้ามา แม้กลิ่นจะเจือจางลง แต่ฤทธิ์ของมันยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเธอ เปลือกตาหนักอึ้ง ร่างกายเหมือนถูกถ่วงด้วยน้ำหนักที่มองไม่เห็น ขณะที่ปลายนิ้วชาเล็กน้อย และความคิดเริ่มพร่ามัวราวกับกำลังจมลงสู่ห้วงนิทราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เธอพยายามเดินไปถึงปลายเตียงอย่างทุลักทุเล ใกล้เข้ามา... ใกล้จนเธอสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสได้ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ดึงผ้าห่มขึ้น ร่างกายของเธอก็อ่อนแรงเกินไป

สติของเธอดับวูบลงพร้อมกับความมืดที่กลืนกินทุกสิ่งรอบตัว และ เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอพบตัวเองอยู่ที่นี่—บนเตียงของเขา ขณะที่เขานั่งหลับอยู่ใกล้ๆ

เอเลน่าจ้องมองอาร์วินที่นั่งหลับพิงเก้าอี้ ใบหน้าของเขานิ่งสงบในเงามืด แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าที่เห็นได้ชัด เธอยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อความคิดพลุ่งพล่านพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา

“หรือว่า…เขาเป็นคนพาฉันมานอนบนเตียง?”

ความคิดนั้นทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวอีกครั้ง

เธอพยายามขยับตัวโดยไม่ให้เสียงใดๆรบกวนความเงียบสงบภายในห้อง เอเลน่ายืดมือออกไปช้าๆปลายนิ้วของเธอสัมผัสเส้นผมสีทองอ่อนของเขาอย่างแผ่วเบา ความนุ่มละมุนของเส้นผมที่ม้วนเล็กน้อยตามธรรมชาติทำให้เธออดไม่ได้ที่จะลูบปลายผมของเขาเบาๆราวกับพยายามยืนยันว่า เขาอยู่ตรงนี้จริงๆ

แต่แล้ว...

“ตื่นแล้วงั้นหรอ?”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ทำให้เอเลน่าชะงัก มือของเธอหยุดนิ่งกลางอากาศ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก เมื่อรู้ตัวว่ามือของเธอยังคงสัมผัสกับเส้นผมนุ่มละมุนของเขา เธอรีบชักมือกลับด้วยความประหม่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น สายตาสีเทาของอาร์วินสบเข้ากับเธออีกครั้ง

 ดวงตาสีเทาของเขาสบตาเธอ รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าที่ดูอ่อนล้าแต่กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิดแปลก เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกต่างไปจากเดิม

“ฉัน…แค่กำลังจะ...” เอเลน่าพูดตะกุกตะกัก ความอายแล่นขึ้นมาจนทำให้เธอแทบไม่กล้าสบตาเขา แม้ในใจจะรู้สึกแปลกๆก็ตาม

“ไม่ต้องลุกก็ได้” อาร์วินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความอบอุ่น “เธอต้องพักอีกสักหน่อย ดูเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอจะเหนื่อยมามาก จำเป็นต้องพักอีกสักหน่อย”

เอเลน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “เมื่อคืน…ฉันหลับไปได้ยังไง?”

อาร์วินเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะตอบเบาๆ “กลิ่นเครื่องหอมในห้องนี้...มันแรงไปหน่อย ฉันคิดว่ามันอาจจะทำให้เธอหมดสติ”

เอเลน่าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย “แล้วคนอื่นล่ะ?”

“ไม่ต้องห่วง” อาร์วินตอบ ขณะพยุงตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความยากลำบาก ร่างกายของเขายังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็ยังมีความพยายามอย่างเต็มกำลัง เขาหยิบชามารินจากมุมโต๊ะและยื่นให้เธอ “พวกเขาแค่รู้สึกสับสนเล็กน้อย ฉันบอกให้พวกเขากลับห้องไปพักแล้วหน่ะ”

เอเลน่ารับแก้วชามาไว้ในมือ แต่ไม่ได้ดื่มทันที เธอเงียบไปชั่วขณะ หัวใจของเธอยังรู้สึกหนักอึ้งกับสิ่งที่ไม่อาจพูดออกมา เธอมองดูอาร์วินนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ ร่างกายของเขาดูเหนื่อยล้าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สีหน้าของเขาสงบนิ่ง แต่สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้

เธออยากถามเขา—เกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องเจอและสิ่งที่เขาต้องเผชิญ แต่กลับกลืนคำถามเหล่านั้นลงไปในลำคอ รู้สึกว่ามันอาจยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

“นาย…อาการเป็นยังไงบ้าง?” เธอถามออกไปในที่สุด เสียงของเธอเบาและแฝงความห่วงใย

อาร์วินเหลือบตามองเธอ ก่อนจะคลี่ยิ้มจางๆ ที่ไม่ได้ช่วยปิดบังความเหน็ดเหนื่อยในแววตา เขาก้มลงมองมือของตัวเอง เหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ก็ดีขึ้น... ถึงมันจะยังไม่ดีมากก็ตาม”

เอเลน่าพยักหน้าเล็กน้อย ความกังวลในใจของเธอคลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่หมดสิ้น ราวกับไม่สามารถสลัดคำถามนั้นออกจากหัวไปได้

“ฉัน…” เธอเริ่มพูด ก่อนจะหยุดลง หายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าอีกครั้ง “ฉันรู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะนัก ที่จะถามอะไรแบบนี้ในตอนที่นายเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา…”

เธอหยุดเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของเขา แต่อาร์วินยังคงนั่งนิ่ง เหมือนเปิดโอกาสให้เธอพูดต่อ

“มันมีหลายเรื่องที่ฉันอยากจะถามนาย แต่…” เธอลดสายตาลงมองแก้วชาที่อุ่นในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “เรื่องที่สำคัญกว่านั้น—ฉันอยากรู้... นายได้รับอะไรจากการทดสอบนั้น?”

อาร์วินหันมองเอเลน่า ก่อนจะยิ้มให้เธออย่างอึดอัด "ขอโทษด้วย มันเป็นความลับเฉพาะฝ่าย ไม่สามารถบอกได้"

เอเลน่าพยักหน้า แต่สีหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ "ฉันรู้เกี่ยวกับการทดสอบนั้นแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าของรางวัลอาจจะเป็นชิ้นส่วนร่างกายของจอมปราชญ์ไรอัส"

อาร์วินชะงัก ริมฝีปากของเขาขมวดเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมองไปที่เอเลน่าอีกครั้ง เขาหยุดคิดไปชั่วขณะก่อนจะพูดออกมา "รู้มาจากไอริสสิน่ะ? เธอคนนั้นไม่เข้าใจรึไงว่าถ้าข้อมูลหลุดออกไป มันจะกระทบขนาดไหน?"

เอเลน่าจ้องเขาไม่ละสายตา "แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ารู้แล้ว?"

"ถ้ารู้แล้วก็ไม่เป็นอะไร" อาร์วินพูดเสียงต่ำ แล้วเขาก็ถอนหายใจ "ฟังแล้วก็อย่าไปบอกใครล่ะ แล้วก็ห้ามบอกด้วยว่าเธอรู้มาจากไอริส ไม่งั้นไอริสได้เดือดร้อนแน่ๆ"

อาร์วินหยุดพูดชั่วขณะ ก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อออกช้าๆ เสียงกระดุมที่หลุดจากร่องก็ดังขึ้นในความเงียบ เขาเผยให้เห็นรอยแผลที่ยังหลงเหลืออยู่บริเวณหัวใจ ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่หายสนิทเต็มที่ รอยแผลเป็นเหมือนเครื่องหมายของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันลบเลือน

เขายกมือขึ้นทาบบนแผลกลางอกช้าๆ ราวกับกำลังสัมผัสถึงบางสิ่งที่มองไม่เห็น เสียงทุ้มแผ่วเบาหลุดออกมาพร้อมกับลมหายใจเหนื่อยล้า

“สิ่งที่ฉันได้รับ...คือส่วนของหัวใจ ส่วนที่สามารถบรรจุและสร้างพลังเวทได้มหาศาล” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ดวงตาที่เคยแน่วแน่ฉายแววหม่นหมอง “ตอนนี้ต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักพัก...กว่าจะฟื้นคืนวงแหวนกลับมาได้ เพราะมันหายไปพร้อมกับหัวใจเดิมของฉัน”

เอเลน่าจ้องมองไปที่แผลนั้น แสงเรืองรองจางๆ บนผิวเนื้อสะท้อนออกมาเหมือนแสงแห่งชีวิตใหม่ ทว่าในใจเธอกลับเต็มไปด้วยคำถาม เธอหันมาสบตาเขา สายตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“แล้ว...ดวงตาของนายล่ะ?” เธอถามด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าคำถามนี้จะกระตุกบางสิ่งในใจของเขา

“มันเปลี่ยนไปได้ยังไง?”

อาร์วินเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นบีบให้เขาจมลึกลงไปในความทรงจำที่ไม่อยากจดจำ เขาถอนหายใจยาว ก่อนเลื่อนมือขึ้นสัมผัสดวงตาของตัวเองอย่างแผ่วเบา

“เธอจำคนที่ชื่อว่า เอรอส ได้ไหม?”

ชื่อที่หลุดออกมาจากปากเขาทำให้หัวใจของเอเลน่าราวกับหยุดเต้น ใบหน้าของเธอซีดลงในทันที “จำได้...เขาทำไม?”

อาร์วินหันมามองเธอ ดวงตาที่เปลี่ยนไปของเขาสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนลึก เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความหมายที่ไม่อาจคาดเดา

“เขา...ก็อยู่ในการทดสอบนั้นด้วย” น้ำเสียงของเขาเจือความขมขื่นเล็กน้อย ราวกับว่าเพียงแค่เอ่ยชื่อ ความทรงจำบางอย่างก็พุ่งกลับมาในหัวใจของเขา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 50 คนที่ไม่คุ้นเคย

    ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีม่วงอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายในแสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ จับจ้องไปยังเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์ร่างนั้นคืออาร์วิน เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตนเขาก้าวเดินอย่างเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 51 ความจริงในรสขม

    “ไหนบอกว่านัดไว้แล้วไง ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง?” ไอลีนหันมากระซิบถามอาร์วินด้วยสีหน้าไม่สบายใจอาร์วินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองโจชัวที่ยังคงจับจ้องพวกเขาด้วยสายตานิ่งสงบ แฝงแววประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ"จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราเคยเดินทางด้วยกันตั้งเป็นเดือน? ตอนนั้นฉันต้องพกงานวิจัยของนายติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่านายจะสติหลุดแล้วเผลอทำลายมันไปซะเอง ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม? หรือว่าเผลอทำหายไปแล้ว?"คำพูดของอาร์วินทำให้โจชัวชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเขาที่เดิมดูระวังตัว กลับฉายแววสงสัยปนระลึกอะไรบางอย่าง“งานวิจัย...” เขาทวนคำเบาๆคล้ายจะนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆราวกับจับทิศทางได้แล้ว“อ้อ คุณนี่เอง” โจชัวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า“จำได้แล้วครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนสบายๆ แต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่านยาก“ใช่ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฉันก็สงสัยอยู่ว่านายจะยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ทีทางลืมหรอกครับ” โจชัวตอบ พลางหัวเราะเบาๆอาร์วินเอน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 52 ผู้ครอบครองแก่นสีดำ

    ห้องลับใต้ดิน คลินิกหลังจากตกลงแผนการทั้งหมด พวกเขาเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของคลินิก โจชัวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์และแก่นเวทย์สีดำไว้ในมือ ขณะที่เอรอสเดินตามหลังมาเงียบๆ ความเงียบครอบงำบรรยากาศ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่ดังก้องในทางเดินแคบเมื่อมาถึงห้องทดลองใต้ดิน ประตูเหล็กบานหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา โจชัวเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นเครื่องมือและอุปกรณ์มากมายที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะกลางห้องมีเตียงหินสำหรับการผ่าตัด โจชัววางกล่องลงก่อนหันไปมองเอรอส“ฉันต้องถามอีกครั้ง” โจชัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำตอนนี้? อย่างน้อยถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกสักวัน…”เอรอสส่ายหัว “ไม่จำเป็น เริ่มลงมือกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความกดดันโจชัวถอนหายใจยาว “ก็ได้… ถ้างั้นขึ้นไปนอนบนเตียง ผมจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน”เอรอสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงหิน เย็นเยียบจากพื้นหินแผ่ซ่านผ่านร่างกาย แต่เขากลับไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังเพดานห้อง ขณะที่โจชัวจัดเตรียมเครื่องมือ มีดเวทย์เรืองแสงสีฟ้า และแก่นเวทย์สีดำที่ยังคงเปล่งประกายลึกลับ“ถึงจะมั่นใจในฝีมือ” โจชัวพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องมือ “แต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 53 อดีตของเด็กสาวไร้ชื่อ

    ใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและสนิมเหล็กตลบอบอวลเหมือนกลิ่นความตาย กรงขังที่ทำจากเหล็กเส้นเก่าๆ ถูกสร้างไว้ตามผนังของคุกโบราณแห่งนี้ แสงจากรูเล็กๆบนเพดานสูงเปิดให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของท้องฟ้าด้านบน เป็นแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้พื้นที่รอบตัวสว่าง แต่เพียงพอที่จะเตือนให้เธอจำได้ว่ายังมีโลกภายนอกเธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองแสงที่ลอดผ่านลงมา ราวกับหวังว่ามันจะพาเธอหลุดพ้นจากกรงแห่งนี้ ผมสีดำยุ่งเหยิงของเธอห้อยปิดหน้าซีดเซียวที่ครั้งหนึ่งเคยดูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเธอถูกกักขังในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเธอจำได้ถึงคืนที่ทุกอย่างพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยสงบสุขกลายเป็นนรกบนดินเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามา เพลิงไฟโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงไม้ลั่นดังขณะบ้านพังถล่ม ทุกสิ่งดูเหมือนภาพฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเสียงแม่ตะโกนเรียกเธอท่ามกลางควันไฟ แล้วความมืดก็เข้าครอบงำสองเดือนก่อน เธอยังอยู่บนเรือทาส ลอยกลางทะเลอันกว้างใหญ่ เสียงน้ำทะเลซัดกระแทกกับไม้กระดานดังแผ่วเบา แต่สำหรับเด็กสาวไร้ชื่อ เสียงนี้เหมือนเพลงบรรเลงแห่งความสิ้นหวัง แสงจัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 27 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมสีม่วงอมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในสถานที่แห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ทำให้เธอรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของมือสังหาร จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มานานแล้ว แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับเรื่องราวนั้น หนักเกินกว่าจะเล่าออกมาดวงตาสีชมพูอ่อนสะท้อนแสงจากโคมไฟ หญิงสาวนั่งนิ่งราวกับกำลังขบคิดอะไรบาง แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ อยากให้ชายหนุ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่เธอก็รู้ดี เขาก็ยังเป็นตัวเขา—คนที่เลือกจะแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง ไม่ยอมพึ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 1 ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

    เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจนตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาย และ หญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็ก และ ไร้เสียงท่ามกลางความโกลาหลนี้ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขาราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้นเสียงเบาๆของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขาทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ"นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชายเด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 2 ด้านมืดของรุ่งอรุณ

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบสีดำสนิทออกมา มันเป็นชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต—เสื้อเชิ้ตพอดีตัวเน้นความคล่องตัว และเสื้อโค้ทยาวที่ชายเสื้อจรดสะโพก ด้านในบุซับกันหนาวและมีกระเป๋าลับซ่อนอยู่หลายจุด เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในงานเฉพาะทางของเขาเมื่อสวมชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำขึ้นมาเพื่อดับกระหาย แต่ทันทีที่สัมผัสเขาก็ชะงัก อุณหภูมิของมันอุ่นเกินไป ตู้เย็นไม่ทำงานเหมือนเคยเขาเลิกคิ้ว สายตาคมจ้องไปยังแหล่งพลังงานด้านหลังตู้เย็น ก่อนจะเปิดช่องเล็กๆ ออกมา ข้างในมีแก่นพลังเวทย์ขนาดเล็กที่เคยเปล่งแสงสีเหลืองอ่อน แต่ตอนนี้กลับซีดจางจนแทบไร้สี บ่งบอกว่าพลังงานในนั้นหมดสิ้น“หมดอีกแล้วสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่เตียง ยื่นมือไปใต้ฐานเตียงแล้วหยิบแก่นสำรองที่ซ่อนไว้ออกมามือหนึ่งถือแก่นที่ซ่อนเอาไว้ ส่วนอีกมือจับแก่นที่หมดพลังงาน เขาจัดท่าทางให้มั่นคง ระบายลมหายใจยาวช้าๆ ขณะที่เริ่มถ่ายเทพลังเวทย์จากแก่นหนึ่งไปสู่อีกแก่นหนึ่งกระแสพลังงานไหลเวียนจากฝ่ามือของเขาเหมือนน้ำในลำธารสงบ แก่นที่เคยซีดจางค่อยๆ เปลี่ยนสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 27 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมสีม่วงอมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในสถานที่แห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ทำให้เธอรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของมือสังหาร จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มานานแล้ว แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับเรื่องราวนั้น หนักเกินกว่าจะเล่าออกมาดวงตาสีชมพูอ่อนสะท้อนแสงจากโคมไฟ หญิงสาวนั่งนิ่งราวกับกำลังขบคิดอะไรบาง แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ อยากให้ชายหนุ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่เธอก็รู้ดี เขาก็ยังเป็นตัวเขา—คนที่เลือกจะแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง ไม่ยอมพึ่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 53 อดีตของเด็กสาวไร้ชื่อ

    ใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและสนิมเหล็กตลบอบอวลเหมือนกลิ่นความตาย กรงขังที่ทำจากเหล็กเส้นเก่าๆ ถูกสร้างไว้ตามผนังของคุกโบราณแห่งนี้ แสงจากรูเล็กๆบนเพดานสูงเปิดให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของท้องฟ้าด้านบน เป็นแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้พื้นที่รอบตัวสว่าง แต่เพียงพอที่จะเตือนให้เธอจำได้ว่ายังมีโลกภายนอกเธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองแสงที่ลอดผ่านลงมา ราวกับหวังว่ามันจะพาเธอหลุดพ้นจากกรงแห่งนี้ ผมสีดำยุ่งเหยิงของเธอห้อยปิดหน้าซีดเซียวที่ครั้งหนึ่งเคยดูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเธอถูกกักขังในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเธอจำได้ถึงคืนที่ทุกอย่างพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยสงบสุขกลายเป็นนรกบนดินเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามา เพลิงไฟโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงไม้ลั่นดังขณะบ้านพังถล่ม ทุกสิ่งดูเหมือนภาพฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเสียงแม่ตะโกนเรียกเธอท่ามกลางควันไฟ แล้วความมืดก็เข้าครอบงำสองเดือนก่อน เธอยังอยู่บนเรือทาส ลอยกลางทะเลอันกว้างใหญ่ เสียงน้ำทะเลซัดกระแทกกับไม้กระดานดังแผ่วเบา แต่สำหรับเด็กสาวไร้ชื่อ เสียงนี้เหมือนเพลงบรรเลงแห่งความสิ้นหวัง แสงจัน

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 52 ผู้ครอบครองแก่นสีดำ

    ห้องลับใต้ดิน คลินิกหลังจากตกลงแผนการทั้งหมด พวกเขาเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของคลินิก โจชัวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์และแก่นเวทย์สีดำไว้ในมือ ขณะที่เอรอสเดินตามหลังมาเงียบๆ ความเงียบครอบงำบรรยากาศ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่ดังก้องในทางเดินแคบเมื่อมาถึงห้องทดลองใต้ดิน ประตูเหล็กบานหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา โจชัวเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นเครื่องมือและอุปกรณ์มากมายที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะกลางห้องมีเตียงหินสำหรับการผ่าตัด โจชัววางกล่องลงก่อนหันไปมองเอรอส“ฉันต้องถามอีกครั้ง” โจชัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำตอนนี้? อย่างน้อยถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกสักวัน…”เอรอสส่ายหัว “ไม่จำเป็น เริ่มลงมือกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความกดดันโจชัวถอนหายใจยาว “ก็ได้… ถ้างั้นขึ้นไปนอนบนเตียง ผมจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน”เอรอสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงหิน เย็นเยียบจากพื้นหินแผ่ซ่านผ่านร่างกาย แต่เขากลับไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังเพดานห้อง ขณะที่โจชัวจัดเตรียมเครื่องมือ มีดเวทย์เรืองแสงสีฟ้า และแก่นเวทย์สีดำที่ยังคงเปล่งประกายลึกลับ“ถึงจะมั่นใจในฝีมือ” โจชัวพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องมือ “แต่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 51 ความจริงในรสขม

    “ไหนบอกว่านัดไว้แล้วไง ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง?” ไอลีนหันมากระซิบถามอาร์วินด้วยสีหน้าไม่สบายใจอาร์วินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองโจชัวที่ยังคงจับจ้องพวกเขาด้วยสายตานิ่งสงบ แฝงแววประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ"จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราเคยเดินทางด้วยกันตั้งเป็นเดือน? ตอนนั้นฉันต้องพกงานวิจัยของนายติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่านายจะสติหลุดแล้วเผลอทำลายมันไปซะเอง ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม? หรือว่าเผลอทำหายไปแล้ว?"คำพูดของอาร์วินทำให้โจชัวชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเขาที่เดิมดูระวังตัว กลับฉายแววสงสัยปนระลึกอะไรบางอย่าง“งานวิจัย...” เขาทวนคำเบาๆคล้ายจะนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆราวกับจับทิศทางได้แล้ว“อ้อ คุณนี่เอง” โจชัวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า“จำได้แล้วครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนสบายๆ แต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่านยาก“ใช่ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฉันก็สงสัยอยู่ว่านายจะยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ทีทางลืมหรอกครับ” โจชัวตอบ พลางหัวเราะเบาๆอาร์วินเอน

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 50 คนที่ไม่คุ้นเคย

    ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีม่วงอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายในแสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ จับจ้องไปยังเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์ร่างนั้นคืออาร์วิน เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตนเขาก้าวเดินอย่างเ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

    แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมันเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงข

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 47 ในความสงบของรุ่งสาง

    เอรอสก้าวออกจากป่าทึบในรูปลักษณ์ของอาร์วิน สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตัวเขาอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์ยังคงสลัวทำให้เห็นเงาของคฤหาสน์ตระกูลวัลธอเรนลางๆ อยู่ไม่ไกล จุดที่เขามุ่งหน้าไปคือบริเวณใต้หน้าต่างห้องพักของเขาเองก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายแปลกหน้าที่เอรอสช่วยเหลือไว้ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาวราวกับหยิบยกมาจากยุคโบราณ ชายคนนี้ดูเหมือนนักเดินทางที่หลงยุค เขาอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เอรอสจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยมาให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 46 ทายาทแห่งดาบ

    คลินิกของโจชัว ตั้งอยู่ในเขตสามัญชน ตัวอาคารหินสีซีดดูเรียบง่ายแฝงความล้าสมัย ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว คลินิกนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนโรงพยาบาล แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยประมาณสิบคน เหมาะสำหรับการดูแลแบบส่วนตัวยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น เอรอสยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามคลินิก แม้ลมหนาวจะพัดแรง แต่ร่างกายของเอรอสกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อความเย็น ราวกับความหนาวนั้นไม่อาจแตะต้องเขาได้ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท นั่นเป็นห้องทำงานของโจชัว ซึ่งเขาใช้สำหรับจัดการเอกสารในช่วงกลางวัน แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status