แชร์

ตอนที่ 50 คนที่ไม่คุ้นเคย

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-22 08:02:41

ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีม่วงอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายใน

แสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ จับจ้องไปยังเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์

ร่างนั้นคืออาร์วิน เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตน

เขาก้าวเดินอย่างเงียบเชียบ ลัดเลาะผ่านแนวพุ่มไม้ด้านข้างของคฤหาสน์ ท่าทางของเขาดูระมัดระวังในทุกย่างก้าว ราวกับพยายามหลีกเลี่ยงการถูกจับตามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอหรี่ลงด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจติดตามเขาอย่างเงียบๆ

“สภาพแบบนั้น คิดจะไปไหนกัน?” เธอพึมพำ ก่อนถอยหลังสองก้าวเพื่อเตรียมกระโดดออกจากหน้าต่างชั้นสองของตัวเอง ขณะที่เธอร่ายเวทมนตร์เบาๆบริเวณฝ่ามือ ลมหมุนวนรอบตัวเธอขณะกระโดดลงจากหน้าต่าง ร่างของเธอร่อนลงบนพื้นหญ้าอย่างนุ่มนวล ไม่มีเสียงฝุ่นหรือกิ่งไม้ใดรบกวนความเงียบงันในยามค่ำคืน

อาร์วินเดินลึกเข้าไปในแนวป่า เธอรีบแฝงตัวตามหลังเขาในระยะที่ไม่ใกล้เกินไป ผ้าคลุมของเธอกลมกลืนไปกับเงามืด มีเพียงแสงจันทร์ที่จับต้องได้เล็กน้อยบนพื้นผิวผ้าคลุม

เขาเดินทะลุแนวป่าจนถึงเขตเมือง กลิ่นอายของผู้คนเริ่มแตะจมูกของเธอ เสียงพูดคุยและความเคลื่อนไหวของตลาดกลางคืนแว่วเข้ามา เธอหยุดอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ เฝ้าสังเกตเขาเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบระหว่างร้านค้าเล็กๆ

“ทำไมต้องแอบเข้าเมืองในตอนนี้ด้วย น่าสงสัยจริงๆ…” ไอลีนคิดในใจ ก่อนปรับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับและเริ่มตามเขาเข้าไปในตรอก

ตรอกนั้นดูคับแคบและอับทึบ มีกลิ่นอับของความชื้นผสมกับกลิ่นไม้เก่าจากกำแพงร้านค้า เธอเหลือบมองไปด้านข้าง เห็นเงาของเขาเลี้ยวหายเข้าไปในซอยเล็กๆ

เธอเห็นดังนั้น จึบรีบเร่งก้าวตามโดยไม่ลดความระมัดระวัง แต่เมื่อพ้นมุมซอยเข้าไป ร่างสูงของอาร์วินก็โผล่พรวดมาจากเงามืด เขาเคลื่อนตัวรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว จนเธอถูกผลัก ชนเข้าติดกับกำแพงผนังด้านหลัง

“อะ!” ไอลีนร้องออกมาสั้นๆ ก่อนที่คทาในมือของเธอจะถูกปัดกระเด็นด้วยแรงที่เหนือความคาดหมาย  เธอแข็งทื่อ  เมื่อปลายมีดคมเย็นเฉียบจ่อเข้าที่คอของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มตรงหน้าเผยใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้เงาหมวก แววตาเย็นชาทอดมองเธอด้วยความระแวดระวัง มืออีกข้างของเขาบีบคอเธอไว้แน่น

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาสีเทาจ้องมองเธอผ่านเลนส์ที่บดบังเอาไว้ ก่อนจะชะงักเมื่อสังเกตเห็นชัดเจนว่าเป็นใคร ก่อนจะผ่อนลมหายใจและลดมีดลงอย่างระมัดระวัง “เธอเองหรอ… โทษที”

เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว หายใจหอบถี่ มือสั่นเล็กน้อยขณะยกขึ้นแตะที่คอตัวเอง รู้สึกถึงรอยกดจางๆรอบคอ เธอเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและหวาดระแวง ก่อนจะพูดเสียงแหบพร่า “นาย…ทำบ้าอะไรของนาย?”

อาร์วินมองเธอนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “คิดว่าเป็นคนอื่นหน่ะ”

“คิดว่าเป็นคนอื่น แล้วต้องใช้มีดเลยหรอ?!” ไอลีนกัดฟันถาม น้ำเสียงยังสั่นสะท้าน แต่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่เข้าใจ เธอยังหายใจหอบ ใบหน้าซีดขาวขณะถอยห่างจากเขาเล็กน้อย สายตาจ้องมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ

“เมื่อกี้นายเกือบจะฆ่าฉันอยู่แล้วนะ!”

อาร์วินเก็บมีดเข้าฝัก พลางยักไหล่เล็กน้อย ท่าทางของเขาดูไม่เดือดร้อนนัก “ฉันป้องกันตัวต่างหาก เห็นเงาแปลกๆเดินตามมา จะให้ทำยังไงล่ะ? ก็นึกว่าเป็นพวกกุ๊ยซะอีก”

ไอลีนขมวดคิ้วแน่น ดวงตาจ้องเขาเขม็ง “พวกกุ๊ยที่ไหนกันล่ะ? ฉันเดินมาเงียบๆ นายหูทิพย์ไปหน่อยหรือเปล่า?”

“ก็เธอเดินย่องๆ แอบตามมาเหมือนขโมยแบบนั้น ใครจะไปรู้” อาร์วินตอบเสียงเรียบ พลางกวาดตามองรอบตัวอย่างระแวดระวังราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงปนประชด

“ก็แหม ฉันเคยโดนลักพาตัวมาก่อน ก็รู้หนิ? ก็ต้องระวังไว้เปล่า?”

“แล้วต้องจ่อมีดที่คอเลยหรือไง?” ไอลีนย้อนเสียงแข็ง ความหวาดกลัวในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความโกรธ “นายเล่นเอาซะหัวใจจะวาย!”

“ก็ปลอดภัยไว้ก่อน” อาร์วินตอบสั้นๆ ก่อนจะปรายตามองเธอแวบหนึ่ง “แล้วเธอล่ะ ตามฉันมาทำไม?”

คำถามนั้นทำให้ไอลีนชะงัก เธอกัดริมฝีปาก พลางเบือนสายตาไปทางอื่น “ก็…ฉันแค่สงสัยว่านายจะไปไหน”

“เธอนี่มัน…” อาร์วินถอนหายใจพลางส่ายหน้าเล็กน้อย แต่แววตาที่เคยเย็นชาดูเหมือนจะอ่อนลงนิดหน่อย

“คราวหน้าถ้าจะตามใครก็ส่งเสียงหน่อย จะได้ไม่ต้องเกือบโดนเชือด”

“ฉันไม่คิดจะทำแบบนี้อีกหรอก!” ไอลีนสวนกลับทันควัน น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ พลางบ่นพึมพำ “บ้าที่สุด…”

อาร์วินก้มลงเก็บบางอย่างจากพื้น มันเป็นคทาเวทมนตร์ของเธอที่หล่นไปตอนเขาเผลอจู่โจม เขาปัดคราบสกปรกที่ติดอยู่ออกเบาๆ ก่อนจะยื่นมันให้เธอโดยไม่พูดอะไร

ไอลีนรับคทามาไว้ในมือ มองเขาด้วยความสงสัย

“แล้วนี่นายจะรีบไปไหน? ทำไมต้องแอบมาตอนนี้ด้วย” ไอลีนเอ่ยถาม น้ำเสียงยังไม่หายขุ่นเคือง

“ไปหาหมอ” อาร์วินตอบเสียงเรียบ พลางยักไหล่เล็กน้อยราวกับมันเป็นเรื่องปกติ

“หาหมอ?” ไอลีนทวนคำ ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างแปลกใจ แต่ยังคงไม่ลดความระแวดระวังในน้ำเสียงของเธอ “ที่ตระกูลก็มีหมอแล้วนี่ ทำไมนายต้องออกไปหาหมอที่อื่นด้วย?”

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว สายตาของเขาดูอ่อนล้าลงเล็กน้อย ขณะหยิบเอานาฬิกาพกเรือนเล็กขึ้นมาดูเวลา “โทษที ไม่อยากเสียเวลาตอบ ถ้าอยากตามก็ตามมา แต่ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม?”

“เดี๋ยวสิ— นี่นายไม่ได้กำลังไปทำเรื่องแปลกๆใช่ไหม?” ไอลีนเอ่ยขึ้นพลางเร่งฝีเท้าเดินตามหลังเขา

อาร์วินไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่เร่งฝีเท้า เดินตรงไปตามเส้นทางที่ค่อนข้างดูเก่าโทรมกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไอลีนทำได้แค่กลอกตาอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยังคงตามเขาไปไม่ห่าง

เขาเดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงแม้แต่น้อย ไอลีนมองเขาด้วยความสงสัยและความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นในใจ มันเหมือนกับว่าเขากำลังเป็นคนละคนจากที่เธอเคยรู้จักก่อนหน้านี้ เหมือนกับที่เอเลน่าพูดไว้ไม่มีผิด

ก่อนหน้านี้เขามักจะพูดจานุ่มนวล สุภาพและมีมารยาททุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ แต่ตอนนี้คำพูดและท่าทางของเขากลับเย็นชาและห่างเหิน ยิ่งเมื่อตอนที่เขาหันมีดมาจ่อเข้าที่คอของเธอ เธอแทบไม่อยากเชื่อว่ามันคืออาร์วินที่เธอเคยรู้จัก

แววตาที่ราวกับจะฆ่าเธอจริงๆ แม้จะถูกปิดบังด้วยเลนส์แว่นสีน้ำตาลอมแดงนั้น มันไม่ใช่แววตาของคนที่เคยคุ้นเคยเลย สายตาของเขาในตอนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและความระมัดระวัง ที่ทำให้ไอลีนรู้สึกได้ถึงความแปลกแยกจากเขาอย่างชัดเจน

เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในช่วงที่เขาถูกลักพาตัวไป มันคงมีบางอย่างที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงนี้… มันมากเกินไปหรือเปล่า? ท่าทางแบบนี้มันไม่ได้เป็นแค่ความเจ็บปวด หรือทรมาณในช่วงที่ถูกจับตัวไป แต่เหมือนเขากำลังหลุดจากตัวตนเดิมไปเลย

ไอลีนถอนหายใจ พยายามปลดปล่อยความคิดที่ก่อกวนในหัวออกไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดสงสัยได้ ว่าเขากำลังกลายเป็นใครที่เธอไม่รู้จักรึเปล่า

“นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย?” ไอลีนถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเลี้ยวเข้าซอยแคบๆแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของความวุ่นวายในเขตสามัญชนก็ทำให้รู้สึกตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

“ฉันไม่ได้พาเธอ เธอตามฉันมาเอง” อาร์วินตอบเสียงห้วน แต่ยังไม่หยุดเดิน

ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดที่ด้านหน้าของอาคารหลังเล็กๆ ตัวอาคารดูสะอาดสะอ้านและเรียบร้อย ป้ายไม้ที่แขวนอยู่เหนือประตูเขียนว่า ‘คลินิกโจชัว’ พร้อมกับสัญลักษณ์ไม้กางเขนที่ดูเรียบง่ายและไม่มีร่องรอยของการสึกหรอ แต่เมื่อมองใกล้ๆ ก็เห็นป้ายที่ระบุว่า “ปิดให้บริการ”

“คลินิก?” ไอลีนเอ่ยพลางมองอย่างไม่เชื่อสายตา “นายเดินลับๆล่อๆเพื่อมาที่นี่เนี่ยนะ?”

อาร์วินไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่ผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ไอลีนก้าวตามเข้าไปข้างใน พวกเขาพบเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังเก็บกวาดและทำความสะอาดร้าน เด็กหนุ่มหยุดมือและมองพวกเขาอย่างตกใจ ก่อนที่จะรีบพูดขึ้นเสียงเบา

“ขอโทษครับ ร้านปิดแล้วนะครับ คุณลูกค้า...” เขาพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แต่ยังคงยืนขวางทางอยู่

อาร์วินยกมือขึ้นและพูดเสียงเรียบ “หมอโจชัวอยู่ไหม? ฉันนัดไว้แล้ว”

เด็กหนุ่มมองเขาสักพักก่อนจะขยับตัวไปข้างๆ และตอบด้วยท่าทางลังเล

“เอ่อ... ท่านหมออยู่ข้างหลังครับ รออยู่ในห้องทำงาน แต่...” เขาทำท่าทางลังเล

“จะให้ไปบอกท่านหรือเปล่าครับ?”

“รบกวนด้วย บอกเขาด้วยว่าให้เตรียมชาแดงกับขนมที่ค่อนข้างขมให้หน่อย 2 ที่” อาร์วินกล่าวกับเด็กหนุ่มขณะเดินผ่านไป

เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วรีบเดินไปข้างหลังของคลินิก ไอลีนหันมองไปรอบๆ ภายในที่ดูเรียบง่ายและสงบ ราวกับคลินิกนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเร่งรีบหรือวุ่นวายอะไรเลย

ไม่นานเด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับคำตอบ “เข้าไปได้เลยครับ คุณหมอบอกว่าเขาจะเตรียมขนมและชามาให้ แล้วก็บอกให้ผมรีบกลับบ้านได้แล้วครับ”

อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องทำงาน ส่วนไอลีนยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะหันไปถามเด็กหนุ่มอีกครั้ง

“นายไม่ได้พักอยู่ที่นี่งั้นหรอ?” ไอลีนถามด้วยความสงสัย

เด็กหนุ่มยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัว “ไม่ครับ ผมมาฝึกงานเฉยๆ ตอนนี้ต้องรีบกลับไปดูแลน้อง แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” เขาโค้งเล็กน้อยแล้วเดินออกไป

ไอลีนจึงหันไปมองอาร์วินที่เดินหายเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ก่อนจะรออยู่ตรงหน้าประตู

ภายในห้อง อาร์วินนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานอย่างเงียบๆ ปรับท่านั่งให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปมองไอลีนที่ยังยืนอยู่ที่ประตู ไอลีนยืนมองเขาสักพัก ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาอย่างเงียบๆ

เธอจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากถามขึ้น

“คราวนี้จะบอกได้รึยังว่ามาที่นี่ทำไม?”

อาร์วินหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่ตอบทันที แต่รอให้เธอปรับท่านั่งให้เรียบร้อยเสียก่อน เขาจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“ก็ได้ เซ้าซี้จริง” เขาพูดก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย ขณะที่ไอลีนนั่งเงียบๆ

“อย่างที่เธอรู้มาจากเอเลน่า ฉันได้รับหัวใจของจอมปราชญ์ไรอัสมา...” อาร์วินพูดเสียงต่ำ พร้อมกับจ้องไปที่โต๊ะทำงานของหมอโจชัว ราวกับว่าเขากำลังพยายามควบคุมความรู้สึกภายในตัวเอง

เขาหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อเสียงแหบๆที่แฝงไปด้วยความเครียด “แต่ฉันรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับมัน...เหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังครอบงำฉัน” เขาพูดอย่างยากลำบาก ดวงตาของเขาเบนไปที่มือที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะ ขยับไปมาไม่หยุด ราวกับไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่มันวนเวียนอยู่ในหัวใจ

“มันเหมือนกับว่าอะไรบางอย่างในหัวใจนั้นมันมีเจตจำนงบางอย่าง... ราวกับมันกำลังควบคุมร่างกายของฉัน” เขาพูดเสียงแหบต่ำ ขณะที่สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความวิตกกังวล

เขาหยุดไปชั่วขณะ หายใจเข้าลึกๆก่อนจะหันไปมองไอลีนอย่างจริงจัง “เพราะแบบนี้ ฉันเลยมาให้หมอที่นี่ตรวจดู เขาเก็บความลับเก่ง และค่อนข้างเชี่ยวชาญ” อาร์วินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวหมอโจชัว แต่ทว่าความวิตกกังวลที่ซ่อนอยู่ในท่าทางของเขากลับทำให้บรรยากาศในห้องดูหนักหน่วงขึ้น.

ไอลีนเหลือบตามองเขาด้วยสีหน้าผสมผสานทั้งความกังวลและความสงสัย

“และฉันไม่อยากให้เอเลน่าเป็นห่วง…” เขาถอนหายใจหนักๆ

“เพราะงั้นเลยให้เธอไปที่ไกลๆ จะได้แอบมาด้วยตัวเอง”

จังหวะนั้น เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น ชายในเสื้อกราวน์สีขาวเดินเข้ามาในห้อง เขามีผมสีน้ำตาลยาวเล็กน้อย ใส่แว่นตากรอบเรียบ ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนแสงไฟทำให้ดูมีภูมิฐาน มือของเขาถือถาดที่มีถ้วยชาและขนมหลายชิ้น

“ต้องขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ” หมอกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะวางถาดลงบนโต๊ะเล็กใกล้เขา “นี้ครับขนม และ ชาที่สั่ง”

หมอเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงกลางระหว่างทั้งสอง ท่าทางของเขาสุภาพและดูเป็นมืออาชีพ “ว่าแต่ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใคร แล้วนัดไว้ในชื่อของใครครับ?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 51 ความจริงในรสขม

    “ไหนบอกว่านัดไว้แล้วไง ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง?” ไอลีนหันมากระซิบถามอาร์วินด้วยสีหน้าไม่สบายใจอาร์วินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองโจชัวที่ยังคงจับจ้องพวกเขาด้วยสายตานิ่งสงบ แฝงแววประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ"จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราเคยเดินทางด้วยกันตั้งเป็นเดือน? ตอนนั้นฉันต้องพกงานวิจัยของนายติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่านายจะสติหลุดแล้วเผลอทำลายมันไปซะเอง ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม? หรือว่าเผลอทำหายไปแล้ว?"คำพูดของอาร์วินทำให้โจชัวชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเขาที่เดิมดูระวังตัว กลับฉายแววสงสัยปนระลึกอะไรบางอย่าง“งานวิจัย...” เขาทวนคำเบาๆคล้ายจะนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆราวกับจับทิศทางได้แล้ว“อ้อ คุณนี่เอง” โจชัวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า“จำได้แล้วครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนสบายๆ แต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่านยาก“ใช่ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฉันก็สงสัยอยู่ว่านายจะยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ทีทางลืมหรอกครับ” โจชัวตอบ พลางหัวเราะเบาๆอาร์วินเอน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 52 ผู้ครอบครองแก่นสีดำ

    ห้องลับใต้ดิน คลินิกหลังจากตกลงแผนการทั้งหมด พวกเขาเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของคลินิก โจชัวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์และแก่นเวทย์สีดำไว้ในมือ ขณะที่เอรอสเดินตามหลังมาเงียบๆ ความเงียบครอบงำบรรยากาศ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่ดังก้องในทางเดินแคบเมื่อมาถึงห้องทดลองใต้ดิน ประตูเหล็กบานหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา โจชัวเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นเครื่องมือและอุปกรณ์มากมายที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะกลางห้องมีเตียงหินสำหรับการผ่าตัด โจชัววางกล่องลงก่อนหันไปมองเอรอส“ฉันต้องถามอีกครั้ง” โจชัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำตอนนี้? อย่างน้อยถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกสักวัน…”เอรอสส่ายหัว “ไม่จำเป็น เริ่มลงมือกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความกดดันโจชัวถอนหายใจยาว “ก็ได้… ถ้างั้นขึ้นไปนอนบนเตียง ผมจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน”เอรอสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงหิน เย็นเยียบจากพื้นหินแผ่ซ่านผ่านร่างกาย แต่เขากลับไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังเพดานห้อง ขณะที่โจชัวจัดเตรียมเครื่องมือ มีดเวทย์เรืองแสงสีฟ้า และแก่นเวทย์สีดำที่ยังคงเปล่งประกายลึกลับ“ถึงจะมั่นใจในฝีมือ” โจชัวพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องมือ “แต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 53 อดีตของเด็กสาวไร้ชื่อ

    ใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและสนิมเหล็กตลบอบอวลเหมือนกลิ่นความตาย กรงขังที่ทำจากเหล็กเส้นเก่าๆ ถูกสร้างไว้ตามผนังของคุกโบราณแห่งนี้ แสงจากรูเล็กๆบนเพดานสูงเปิดให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของท้องฟ้าด้านบน เป็นแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้พื้นที่รอบตัวสว่าง แต่เพียงพอที่จะเตือนให้เธอจำได้ว่ายังมีโลกภายนอกเธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองแสงที่ลอดผ่านลงมา ราวกับหวังว่ามันจะพาเธอหลุดพ้นจากกรงแห่งนี้ ผมสีดำยุ่งเหยิงของเธอห้อยปิดหน้าซีดเซียวที่ครั้งหนึ่งเคยดูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเธอถูกกักขังในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเธอจำได้ถึงคืนที่ทุกอย่างพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยสงบสุขกลายเป็นนรกบนดินเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามา เพลิงไฟโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงไม้ลั่นดังขณะบ้านพังถล่ม ทุกสิ่งดูเหมือนภาพฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเสียงแม่ตะโกนเรียกเธอท่ามกลางควันไฟ แล้วความมืดก็เข้าครอบงำสองเดือนก่อน เธอยังอยู่บนเรือทาส ลอยกลางทะเลอันกว้างใหญ่ เสียงน้ำทะเลซัดกระแทกกับไม้กระดานดังแผ่วเบา แต่สำหรับเด็กสาวไร้ชื่อ เสียงนี้เหมือนเพลงบรรเลงแห่งความสิ้นหวัง แสงจัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 1 ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

    เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจนตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาย และ หญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็ก และ ไร้เสียงท่ามกลางความโกลาหลนี้ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขาราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้นเสียงเบาๆของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขาทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ"นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชายเด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 2 ด้านมืดของรุ่งอรุณ

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบสีดำสนิทออกมา มันเป็นชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต—เสื้อเชิ้ตพอดีตัวเน้นความคล่องตัว และเสื้อโค้ทยาวที่ชายเสื้อจรดสะโพก ด้านในบุซับกันหนาวและมีกระเป๋าลับซ่อนอยู่หลายจุด เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในงานเฉพาะทางของเขาเมื่อสวมชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำขึ้นมาเพื่อดับกระหาย แต่ทันทีที่สัมผัสเขาก็ชะงัก อุณหภูมิของมันอุ่นเกินไป ตู้เย็นไม่ทำงานเหมือนเคยเขาเลิกคิ้ว สายตาคมจ้องไปยังแหล่งพลังงานด้านหลังตู้เย็น ก่อนจะเปิดช่องเล็กๆ ออกมา ข้างในมีแก่นพลังเวทย์ขนาดเล็กที่เคยเปล่งแสงสีเหลืองอ่อน แต่ตอนนี้กลับซีดจางจนแทบไร้สี บ่งบอกว่าพลังงานในนั้นหมดสิ้น“หมดอีกแล้วสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่เตียง ยื่นมือไปใต้ฐานเตียงแล้วหยิบแก่นสำรองที่ซ่อนไว้ออกมามือหนึ่งถือแก่นที่ซ่อนเอาไว้ ส่วนอีกมือจับแก่นที่หมดพลังงาน เขาจัดท่าทางให้มั่นคง ระบายลมหายใจยาวช้าๆ ขณะที่เริ่มถ่ายเทพลังเวทย์จากแก่นหนึ่งไปสู่อีกแก่นหนึ่งกระแสพลังงานไหลเวียนจากฝ่ามือของเขาเหมือนน้ำในลำธารสงบ แก่นที่เคยซีดจางค่อยๆ เปลี่ยนสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 3 อำนาจสามตระกูล

    ขณะที่ชายหนุ่มก้าวไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่ที่ทำงานอย่างคุ้นเคย ภาพของพวกทาสในรถม้าคันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ใบหน้าอ่อนล้าของพวกเขาสะท้อนความหมดหวังอย่างเงียบงัน ทว่าเพียงพริบตาเดียวที่เขาได้เห็น มันกลับฝังลึกในความคิดหากย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน รถม้าแบบนี้คงไม่มีทางเข้ามาถึงเมืองได้อย่างแน่นอน พวกเราสองคน เคยร่วมกันตระเวณทำลายเครือข่ายค้าทาสในทวีปจนราบคาบ ทำให้ชื่อเสียง และ ตัวตนของ "จอมเชือด" เป็นที่หวาดกลัว และ โจษจัน จนพวกมันไม่แม้แต่จะกล้าเอาเรือเฉียดเข้ามาในทวีปด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นับตั้งแต่ตอนที่เธอหายตัวไปพลังที่เขาใช้สร้างชื่อเสียง และ ความหวาดกลัวนั้นไม่ใช่ของเขาเอง แต่มาจากตัวตนที่เขาเคยใช้พลังกลืนกินเมื่อเกือบสิบปีก่อน ในตอนที่ยังอยู่ในตระกูล แม้เหตุการณ์จะผ่านมานาน แต่จิตวิญญาณของมัน ก็ยังคงติดอยู่ในตัวเขา และทุกครั้งที่เขาใช้พลังนั้น มันก็จะทิ้งร่องรอย และ ความเสียหายไว้ในจิตใจเสมอเมื่อก่อนเธอเป็นเหมือนกำลังใจสำคัญ ทุกครั้งที่เขาเริ่มถูกครอบงำ เธอจะดึงเขากลับมา แต่เมื่อไม่มีเธอ ทุกอย่างก็เหมือนจะพังทลาย พลังนั้นเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน มันกลับต่อต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 4 ปลายทางของอุดมคติ

    ชายหนุ่มก้าวเข้าสู่ห้องทำงานในแผนกสืบสวน แสงอ่อนจากหน้าต่างสูงเพียงจุดเดียวพาดลงบนพื้นไม้เย็น เงาทอดยาวไปบนความว่างเปล่ารอบตัว เขากวาดสายตามองรอบห้อง—โต๊ะเก้าอี้จัดเรียงอย่างเรียบร้อยแต่ไร้ชีวิต ราวกับมีเขาคนเดียวที่มาที่นี้สายตาเหล่มองนาฬิกาบนฝาผนัง ก่อนจะพึมพำเบาๆ “เรียกมาตั้งแต่เช้า แต่ไม่เห็นโผล่หัวออกมาสักตัว อะไรกันว่ะเนี่ย?” เสียงสะท้อนกลับมากระทบห้องว่างเปล่ามือเอื้อมหยิบลูกบอลแสงสีทองจากกระเป๋าหนัง มันเปล่งแสงสลัวคล้ายจันทร์คืนมืด ก่อนจะถูกวางลงบนแท่นเล็กที่โต๊ะ สัญญาณแสงสีฟ้ากะพริบขึ้นช้าๆ เป็นจังหวะบอกว่าการรายงานตัวเสร็จสมบูรณ์ แต่ความเงียบยังคงปกคลุมทั่วบริเวณโดยรอบชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินไปตามทางเดินเล็กมุมห้องที่นำไปสู่ห้องทำงานส่วนตัว ห้องนั้นเล็ก และ อับแต่สงบ โต๊ะไม้เก่าเต็มไปด้วยฝุ่นและกองเอกสารที่วางกองกันอยู่ มุมหนึ่งยังมีปากกาดินสอที่เริ่มกร่อนตามกาลเวลา บ่งบอกถึงการถูกทิ้งร้างเขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แขนกอดอกแน่น สายตาจ้องเอกสารบนโต๊ะที่ดูเหมือนถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายในรายงานคือข้อมูลการหายตัวไปของจอมเวทย์หนุ่มสาวจากตระกูลขุนนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 5 เมื่อหมอกทับซ้อนความจริง

    เอรอสเดินงัวเงียผ่านซอกซอยในย่านเมืองหลวง หลังจากที่ไปพบกับกลุ่มผู้เสียหายที่เพิ่งถูกพบตัวไม่นาน หลายคนให้ความร่วมมือกับเขาด้วยท่าทางอ่อนล้า เหมือนยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เต็มที่ บางคนแม้จะมองเห็นเขาอยู่ตรงหน้า แต่ก็เหมือนสายตาล่องลอยออกไปที่อื่นขณะที่เอรอสคุยกับพวกเขา เขาสังเกตได้ว่าความทรงจำที่ขาดหายไปนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ช่วงเวลาที่พวกเขาหายตัวไปเท่านั้น แต่ยังมีบางส่วนของเหตุการณ์ก่อนการหายตัวที่ดูเหมือนจะถูกลบออกไปด้วย ผู้เสียหายแต่ละคนต่างจำเหตุการณ์หรือสถานการณ์ก่อนหน้าของตัวเองได้เพียงลางๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาสูญเสียช่วงเวลาสำคัญของตัวเองไปแม้ว่าการสอบปากคำจะไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่สำคัญ แต่เอรอสยังพอจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง—ร่องรอยของมานาที่ดูแปลกประหลาด แผ่กระจายอำนาจและพลังที่ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของโลก ในนั้นมีความรู้สึกอันรุนแรงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ชัดเจน ราวกับเป็นอำนาจที่สามารถหักล้างทุกกฎที่เคยรู้จักหนึ่งในตัวตนที่เขานึกถึงก็คือแม่มด ผู้ที่ลือกันว่าเป็นผู้เดียวที่มีพลังสามารถดัดแปลงและฝืนกฏเกณฑ์ของโลกได้ เอรอสจดบันทึกข้อมูลนี้ไว้ในใจ พลางเดินเปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 53 อดีตของเด็กสาวไร้ชื่อ

    ใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและสนิมเหล็กตลบอบอวลเหมือนกลิ่นความตาย กรงขังที่ทำจากเหล็กเส้นเก่าๆ ถูกสร้างไว้ตามผนังของคุกโบราณแห่งนี้ แสงจากรูเล็กๆบนเพดานสูงเปิดให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของท้องฟ้าด้านบน เป็นแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้พื้นที่รอบตัวสว่าง แต่เพียงพอที่จะเตือนให้เธอจำได้ว่ายังมีโลกภายนอกเธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองแสงที่ลอดผ่านลงมา ราวกับหวังว่ามันจะพาเธอหลุดพ้นจากกรงแห่งนี้ ผมสีดำยุ่งเหยิงของเธอห้อยปิดหน้าซีดเซียวที่ครั้งหนึ่งเคยดูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเธอถูกกักขังในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเธอจำได้ถึงคืนที่ทุกอย่างพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยสงบสุขกลายเป็นนรกบนดินเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามา เพลิงไฟโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงไม้ลั่นดังขณะบ้านพังถล่ม ทุกสิ่งดูเหมือนภาพฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเสียงแม่ตะโกนเรียกเธอท่ามกลางควันไฟ แล้วความมืดก็เข้าครอบงำสองเดือนก่อน เธอยังอยู่บนเรือทาส ลอยกลางทะเลอันกว้างใหญ่ เสียงน้ำทะเลซัดกระแทกกับไม้กระดานดังแผ่วเบา แต่สำหรับเด็กสาวไร้ชื่อ เสียงนี้เหมือนเพลงบรรเลงแห่งความสิ้นหวัง แสงจัน

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 52 ผู้ครอบครองแก่นสีดำ

    ห้องลับใต้ดิน คลินิกหลังจากตกลงแผนการทั้งหมด พวกเขาเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของคลินิก โจชัวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์และแก่นเวทย์สีดำไว้ในมือ ขณะที่เอรอสเดินตามหลังมาเงียบๆ ความเงียบครอบงำบรรยากาศ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่ดังก้องในทางเดินแคบเมื่อมาถึงห้องทดลองใต้ดิน ประตูเหล็กบานหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา โจชัวเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นเครื่องมือและอุปกรณ์มากมายที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะกลางห้องมีเตียงหินสำหรับการผ่าตัด โจชัววางกล่องลงก่อนหันไปมองเอรอส“ฉันต้องถามอีกครั้ง” โจชัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำตอนนี้? อย่างน้อยถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกสักวัน…”เอรอสส่ายหัว “ไม่จำเป็น เริ่มลงมือกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความกดดันโจชัวถอนหายใจยาว “ก็ได้… ถ้างั้นขึ้นไปนอนบนเตียง ผมจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน”เอรอสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงหิน เย็นเยียบจากพื้นหินแผ่ซ่านผ่านร่างกาย แต่เขากลับไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังเพดานห้อง ขณะที่โจชัวจัดเตรียมเครื่องมือ มีดเวทย์เรืองแสงสีฟ้า และแก่นเวทย์สีดำที่ยังคงเปล่งประกายลึกลับ“ถึงจะมั่นใจในฝีมือ” โจชัวพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องมือ “แต่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 51 ความจริงในรสขม

    “ไหนบอกว่านัดไว้แล้วไง ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง?” ไอลีนหันมากระซิบถามอาร์วินด้วยสีหน้าไม่สบายใจอาร์วินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองโจชัวที่ยังคงจับจ้องพวกเขาด้วยสายตานิ่งสงบ แฝงแววประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ"จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราเคยเดินทางด้วยกันตั้งเป็นเดือน? ตอนนั้นฉันต้องพกงานวิจัยของนายติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่านายจะสติหลุดแล้วเผลอทำลายมันไปซะเอง ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม? หรือว่าเผลอทำหายไปแล้ว?"คำพูดของอาร์วินทำให้โจชัวชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเขาที่เดิมดูระวังตัว กลับฉายแววสงสัยปนระลึกอะไรบางอย่าง“งานวิจัย...” เขาทวนคำเบาๆคล้ายจะนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆราวกับจับทิศทางได้แล้ว“อ้อ คุณนี่เอง” โจชัวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า“จำได้แล้วครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนสบายๆ แต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่านยาก“ใช่ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฉันก็สงสัยอยู่ว่านายจะยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ทีทางลืมหรอกครับ” โจชัวตอบ พลางหัวเราะเบาๆอาร์วินเอน

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 50 คนที่ไม่คุ้นเคย

    ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีม่วงอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายในแสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ จับจ้องไปยังเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์ร่างนั้นคืออาร์วิน เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตนเขาก้าวเดินอย่างเ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

    แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมันเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงข

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 47 ในความสงบของรุ่งสาง

    เอรอสก้าวออกจากป่าทึบในรูปลักษณ์ของอาร์วิน สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตัวเขาอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์ยังคงสลัวทำให้เห็นเงาของคฤหาสน์ตระกูลวัลธอเรนลางๆ อยู่ไม่ไกล จุดที่เขามุ่งหน้าไปคือบริเวณใต้หน้าต่างห้องพักของเขาเองก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายแปลกหน้าที่เอรอสช่วยเหลือไว้ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาวราวกับหยิบยกมาจากยุคโบราณ ชายคนนี้ดูเหมือนนักเดินทางที่หลงยุค เขาอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เอรอสจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยมาให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 46 ทายาทแห่งดาบ

    คลินิกของโจชัว ตั้งอยู่ในเขตสามัญชน ตัวอาคารหินสีซีดดูเรียบง่ายแฝงความล้าสมัย ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว คลินิกนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนโรงพยาบาล แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยประมาณสิบคน เหมาะสำหรับการดูแลแบบส่วนตัวยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น เอรอสยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามคลินิก แม้ลมหนาวจะพัดแรง แต่ร่างกายของเอรอสกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อความเย็น ราวกับความหนาวนั้นไม่อาจแตะต้องเขาได้ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท นั่นเป็นห้องทำงานของโจชัว ซึ่งเขาใช้สำหรับจัดการเอกสารในช่วงกลางวัน แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    คาร์ลีนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในดันเจี้ยนที่ผสานเขากับเขตแดนของเธอ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ความสัมพันธ์ลึกลับนี้ ทำให้คาร์ลีนรับรู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของชายที่มีฉายาว่า จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มาเนิ่นนาน แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากของเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับคำพูดนั้นหนักเกินกว่าจะเปล่งออกมาดวงตาสีม่วงเข้มของเธอสะท้อนแสงจากโคมไฟ เธอนั่งนิ่งราวกับขบคิด แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ ความหนักใจเหมือนสายลมหนาวที่แผ่วผ่านกลับถูกเติมเต็มด้วยความหวังอันเปราะบาง เธออยากให้เขามาหา อยากได

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status