หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 5 จุดจบของผู้พิทักษ์

แชร์

ตอนที่ 5 จุดจบของผู้พิทักษ์

ในชั่วพริบตา วงเวทขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้า มันแผ่กระจายแสงสีแดงเข้มออกมาอย่างน่ากลัว พลังเวทที่แผ่ซ่านออกมากดทับทุกสิ่งรอบตัวจนบิดเบือนมานาในบรรยากาศกลายเป็นพายุหมุน เส้นอักขระซับซ้อนที่เคลื่อนที่บนวงเวทบ่งบอกถึงความรุนแรงและบ้าคลั่ง แม้เอรอสจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของมันโดยตรง แต่ความรู้สึกเย็นวาบที่วิ่งผ่านร่างบอกเขาว่า วงเวทนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายเขาโดยเฉพาะ

"บางอย่าง...กำลังจะมา" เอรอสพึมพำเบาๆ ขณะที่พยายามรวบรวมสมาธิ

แต่ก่อนที่เขาจะเตรียมพร้อมได้เต็มที่ ศรเวทสีเงินก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว มันเร็วราวกับฉีกอากาศออกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่ทันได้เห็นมันอย่างชัดเจนด้วยซ้ำ สัญชาตญาณของเขาบังคับให้ยกแขนขึ้นป้องกัน แต่ศรนั้นพุ่งทะลุผ่านแขนของเขาไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าแขนของเขาไร้ความหมายต่อพลังนั้น

ไม่มีแรงกระแทก ไม่มีความรู้สึกจากการสัมผัสเนื้อหนัง—แค่ความเจ็บปวดที่เกิดจากพลังบางอย่างที่ลึกกว่าร่างกาย ศรเวทนั้นพุ่งเข้าปักกลางอกของเขาอย่างแม่นยำ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านราวกับคลื่นพลังที่แทรกซึมลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา เอรอสทรุดลงกับพื้นทันที ร่างกายแทบจะตอบสนองไม่ได้ ความเจ็บปวดนั้นล้นทะลักเกินกว่าจะรับไหว เหมือนทุกสิ่งภายในตัวเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

“นี่มัน...” เอรอสกัดฟัน น้ำเสียงสั่นสะท้านเมื่อความเจ็บปวดแผ่ซ่านจากหน้าอก เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังถูกฉีกออกจากจิตวิญญาณ ความทรงจำบางอย่างเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวและความรู้สึกถึงการสูญเสียที่ค่อยๆ ทวีขึ้น

แต่ก่อนที่เขาจะสิ้นสติ ต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้าเขาก็สั่นไหว กิ่งก้านยืดออกมาโอบล้อมเขา ใบไม้สีเขียวอ่อนเปล่งแสงสว่างออกมาต้านทานพลังมืดที่ถาโถมเข้ามา กิ่งก้านของมันยืดออกเหมือนเกราะคุ้มกันที่อ่อนโยน แต่มั่นคง รากใหญ่ของมันโอบล้อมเอรอสไว้เหมือนแม่ที่ปกป้องลูก แม้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่มันช่วยลดความเจ็บปวดได้ในขณะที่เขาพยายามตั้งสติ

อย่างไรก็ตาม การโจมตีจากวงเวทไม่หยุดลง พลังเวทมหาศาลถาโถมใส่ต้นไม้อย่างไม่หยุดยั้ง เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ราวกับโลกทั้งใบกำลังตอบสนองต่อพลังนี้ กิ่งก้านที่เคยแข็งแกร่งเริ่มแตกหัก เปลือกไม้ที่เคยหนาแน่นเริ่มแยกออกเป็นชิ้นๆ ใบไม้ร่วงโรยลงมาเป็นชั้นๆ ต้นไม้ที่เคยเป็นที่พึ่งพิงของเอรอสกำลังถูกทำลายไปอย่างช้าๆ

“ไม่… ไม่นะ…” เอรอสพึมพำ เสียงแผ่วเบาของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวด หัวใจของเขาหนักอึ้ง เขาพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่ร่างของเขาถูกตรึงไว้แน่น พลังเวทที่กัดกินจิตวิญญาณของเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ความเจ็บปวดจากภายในร่างกายทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลุดลอย ความทรงจำหายไปทีละชั้น เหมือนถูกลบเลือนอย่างไร้ปรานี

สุดท้าย เสียงแตกหักสุดท้ายก็ดังขึ้น ต้นไม้ที่ปกป้องเขาแตกสลายลง กิ่งก้านและรากที่โอบล้อมเขาหายไปเหมือนผุยผงที่กระจายสู่พื้นดิน ความหวังที่เขาเคยมีถูกทำลายลงพร้อมกับต้นไม้ใหญ่ที่เคยยืนหยัดอย่างสง่างาม

เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนจะสิ้นสุด วงเวทที่เคยหมุนวนด้วยความบ้าคลั่งก็ค่อยๆ หยุดลง อักขระที่วิ่งไปมาบนวงเวทก็หายไปเหมือนควันบางเบา บรรยากาศรอบตัวกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ราวกับพายุที่พัดผ่านไป

“…มันปกป้องฉัน…” เอรอสพูดเบาๆ จิตวิญญาณของเขาบางส่วนถูกทำลายไป แม้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ความรู้สึกบางอย่างในตัวเขาได้สูญหายไปตลอดกาล ร่างกายของเขาหนักอึ้ง เหมือนถูกกดทับด้วยความโศกเศร้า เขานอนหายใจหนักอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

ทันใดนั้น ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามา เธอหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ มองลงมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้เอรอสจะสับสนและเจ็บปวด แต่เขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้าใจความรู้สึกของเขา… ราวกับเธอเคยสูญเสียมาก่อน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าและความรู้สึกผิด

“ขอโทษนะ…” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

"เจตจำนงแห่งโลก…มันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะขัดขวางได้ ตราบใดที่มานายังมีอยู่ มันก็จะไม่หยุด ใครก็ตามที่ขัดขวางมันก็จะถูกทำลาย...เหมือนกับต้นไม้นี้"

เอรอสมองซากต้นไม้ที่แตกสลายเป็นเถ้าถ่าน ความรู้สึกโทษตัวเองแฝงอยู่ในน้ำเสียงของหญิงสาว เขาไม่ตอบอะไร แค่จ้องมองลงไปที่พื้นดินเย็นเยียบ ความคิดมากมายวิ่งพล่านอยู่ในหัวของเขา ร่างกายของเขายังคงสั่นสะท้านจากความเจ็บปวดที่แทรกซึมลึกถึงจิตวิญญาณ

ร่างกายเขาแทบจะตอบสนองไม่ได้ ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นนี้ ราวกับทำให้โลกรอบตัวเขาเบลอไปชั่วขณะ หูของเขาได้ยินเสียงแตกของกิ่งไม้ เสียงใบไม้ที่ร่วงหล่น แม้กระทั่งลมหายใจของตัวเองก็ฟังดูไกลออกไปเรื่อยๆ แต่ในความเบลอนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่บางสิ่งใต้ต้นไม้ที่กำลังพังทลาย—กล่องไม้เล็กๆ ที่เขาเคยลืมมันไป ร่างกายที่บอบช้ำถูกบังคับให้เคลื่อนไหว เอรอสค่อยๆ ยืดมือไปขุดดินตงนั้น ราวกับว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่ยังยึดเหนี่ยวความเป็นตัวของเขาไว้"

"ในที่สุด..." เสียงของเขาเบา แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่แทรกผ่านความเจ็บปวดในใจ เอรอสดึงกล่องขึ้นมา มือของเขายังคงสั่นเล็กน้อยเมื่อเปิดฝา เสียงสนิมขัดของบานพับดังก้องขึ้น ฝาฝนของกล่องเปิดออก เผยให้เห็นสมุดภาพเล่มเก่าและดินสอสีที่เคยถูกเก็บไว้อย่างดี

สายตาของเขาจับจ้องไปที่สมุดภาพนั้น เขาเปิดมันออกอย่างระมัดระวัง ภาพวาดแต่ละหน้าเผยให้เห็นความไร้เดียงสาในวัยเด็ก ทุกภาพสะท้อนความทรงจำที่เคยสดใส และ มีชีวิตชีวา แต่ในเวลานี้ ทุกสิ่งที่ปรากฏกลับเป็นเพียงเงาของสิ่งที่สูญเสียไป

“นี่มัน…” เอรอสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่ว ขณะที่นิ้วของเขาลูบไปบนภาพวาดสุดท้าย ภาพของเด็กสามคนที่เคยเล่นกันอย่างมีความสุขในวันวาน ภาพใบหน้าของเด็กหญิงผมสีเงินเริ่มเลือนลางตามกาลเวลา ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยชัดเจน ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงภาพที่จางหายไป

ขณะที่เอรอสกำลังจมอยู่ในอดีต หญิงสาวก็ก้าวเข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าของเธอแผ่วเบาแต่หนักแน่นในความเงียบงัน เมื่อเธอหยุดยืนอยู่ใกล้เขา เธอมองไปที่กล่องในมือเขาแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ

“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นของสำคัญมากสินะ…?”

เอรอสเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่คำตอบของเขากลับสั้นและชัดเจน

“มันคืออดีต... อดีตที่ฉันต้องตามหากลับคืนมา”

เขาหลบสายตา ความรู้สึกในใจหนักหน่วงราวกับถูกกดทับด้วยความทรงจำที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่หญิงสาวยืนอยู่ข้างๆ เธอสัมผัสได้ถึงความทุกข์และความเศร้าโศกที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจของเขา

“นาย...” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา และ อบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนๆที่ช่วยปลอบโยน

"ฉันเข้าใจดี ว่ามันยากที่จะปล่อยวางความทรงจำที่เสียไป แต่การยึดติดกับอดีตแบบนี้จะทำให้นายก้าวไปข้างหน้าไม่ได้"

เอรอสถอนหายใจยาว ราวกับทุกลมหายใจถูกดึงเอาความเจ็บปวดจากภายในออกมา

“แต่...ฉันรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียทุกอย่าง ความทรงจำเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หัวใจของเขายังคงหนักหน่วงด้วยความเจ็บปวดที่ไม่จางหาย

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเข้าใจ และ เห็นอกเห็นใจ

“ฉันเข้าใจ... แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการจมอยู่กับอดีต เธอจำเป็นต้องมองไปข้างหน้า” เธอพูดเบาๆแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง

เธอชี้ไปที่หน้าอกของเอรอส ซึ่งบอบช้ำจากการโจมตีเมื่อครู่ โดยที่เขายังไม่ได้สังเกตมาก่อน

“ดูสิ...หัวใจของเธอถูกทำลาย แต่กลับมีหัวใจดวงใหม่กำลังก่อตัวขึ้น...แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมา...เหมือนกับว่าไม่ใช่ของเธอ”

ทันใดนั้น เอรอสรู้สึกถึงความร้อนที่วิ่งผ่านเส้นเลือด ราวกับเปลวไฟที่แผดเผาภายในร่างกายของเขา ผมสีดำที่เคยเรียบลื่นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาหย่อมๆ ผิวที่เคยเนียนกลับกลายเป็นคล้ำ และ หยาบกร้าน เขาสัมผัสได้ถึงมานาสีแดงที่แผ่ซ่านออกมาจากหน้าอกของเขาอย่างน่าสะพรึงกลัว ความโกรธแค้นที่เขาไม่รู้ที่มาถาโถมเข้าใส่ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม มือที่กำแน่นขึ้นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ มีเลือดไหลซึมออกมา แต่เขาไม่สนใจ

หญิงสาวมองดูเขาด้วยความเป็นห่วง รู้ว่ากำลังเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับร่างกายและจิตใจของเอรอส

“ถ้านายต้องการ...ฉันมีวิธี” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงความลังเล

เอรอสขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาฉายแววสงสัย “วิธีอะไร...?”

เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับไม่อยากเอ่ยมันออกมา

“มันจะต้องฝังหัวใจดวงใหม่เข้าไป...แต่ความเสี่ยงมีมาก หากมันไม่ยอมรับร่างของนาย...”

เอรอสยืนนิ่ง ดวงตาของเขาหรี่ลง ขณะที่คำพูดของเธอเหมือนก้องกังวานอยู่ในหู ความคิดวูบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่หัวใจของเขากลับหนักอึ้งกว่าที่เคย

“แล้ว...หัวใจดวงนั้น...มันเป็นของใคร?”

เธอมองตรงมาที่เขา แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าลึก ก่อนตอบเสียงเบา

“มันคือ...หัวใจของไรอัส คนที่ฉันเคยรัก...”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status