แชร์

ตอนที่ 7 สายตาจากเงามืด

เอรอสลืมตาตื่นขึ้นในความมืด ห่างจากจุดที่เขาหายตัวไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านซากอาคารที่พังทลาย แสงจันทร์ที่ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูน่าอึดอัด และ เย็นยะเยือก กลิ่นเหม็นอับจากเศษซากจากกองขยะที่สุมกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียงทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้

แต่เอรอสไม่ได้ใส่ใจสิ่งเหล่านั้น.. เพราะสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดในตอนนี้ คือความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และ ความเจ็บปวดในร่างกายที่ยังคงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย

เขานอนนิ่งไปกับพื้นถนนสักพัก ก่อนจะเลื่อนมือไปแตะที่หน้าอก ในตำแหน่งที่มีรอยฉีกขาด รอยแผลเป็นเล็กๆยังคงมีอาการเจ็บแปลบหลงเหลืออยู่ เป็นเครื่องยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน

“จอมเวทย์ในตำนาน...หรอ?” เอรอสพึมพำถึงจิตวิญญาณของไรอัสที่ติดมากับหัวใจ ตอนนี้จิตวิญญาณนั้นสงบนิ่ง ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับไม่มีเจตจำนงเป็นของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ จิตวิญญาณของเขาที่เคยฉีกขาดค่อยๆ ผสาน และหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ

แต่ถึงแม้มันจะหลอมรวมกัน ก็ยังรู้สึกถึงการแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน เหมือนกับน้ำทะเลสองสายที่มาบรรจบกันแต่ยังคงรักษาความแตกต่าง

“มิน่าล่ะ ถึงได้บอกว่าต้องใช้เวลาเป็นสิบปี” เขาคิดในใจอย่างครุ่นคิด วิญญาณนั้นไม่สามารถผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจิตวิญญาณเหล่านั้นจะถูกครอบงำหรือถูกทำลาย แม้แต่ปีศาจเองก็ทำได้เพียงกักขังจิตวิญญาณและค่อยๆ ซึมซับไอวิญญาณที่หลุดออกมาเท่านั้น

แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่อย่างนั้น จิตวิญญาณของเขาราวกับทารกแรกเกิดที่พร้อมจะดูดซับทุกสิ่ง ทุกประสบการณ์และความรู้สึก เขาสามารถต้านทานการรุกรานจากจิตวิญญาณอื่นที่แฝงอยู่ในตัวได้ แต่เมื่อวิญญาณของเขาฉีกขาด กำแพงที่เคยกั้นขวางระหว่างทั้งสองก็พังทลายลง แม้ว่าตอนนี้จะมีจิตวิญญาณของไรอัสมาช่วยอุดช่องโหว่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความจริงนั้นเปลี่ยนไป

“ก็แค่เปลี่ยนว่าใครจะเข้ามาครอบงำตัวฉันแค่นั้น” เอรอสคิดในใจ เขาค่อยๆ ขยับร่างกายที่อ่อนล้าให้ยืนขึ้น ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายจากเศษหินและซากปรักหักพัง เสียงเสื้อผ้าครูดกับพื้นทำให้บรรยากาศเงียบสงัดราวกับที่นี่ไม่มีชีวิตอื่นใดนอกจากเขา แม้ความเป็นจริงจะไม่ใช่แบบนั้นก็ตาม

ไกลออกไปพอสมควร เขาสัมผัสได้ถึงดวงตาหลายสิบคู่ที่กำลังแอบมองเขาจากซากบ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้าง หากเขาตื่นช้าไปอีกนิด คงโดนพวกมันขโมยของไปแล้ว เขาพยายามเดินออกห่างจากสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว พยายามทำตัวให้ดูสงบมากที่สุด

เอรอสเดินไปตามถนนในเมืองอัลเธอเรียน ความเร่งรีบที่แฝงอยู่ในทุกก้าวไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากนัก แต่เขารับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาที่เขาและเสียงกระซิบจากผู้คนรอบข้าง

“หมอนั่นแปลกๆ... อยู่ๆ ก็โผล่มาจากความว่างเปล่า...น่าสงสัยชะมัด” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังมาจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างทาง

“ไปแจ้งหอคอยดีไหม? เราอาจได้รางวัลก็ได้นะ” อีกคนหนึ่งตอบ

"ข้าจะไปแจ้งให้หอคอยทราบเอง พวกแกตามมันไป อย่าให้โดนจับได้" เสียงนี้ชัดเจนกว่าคนอื่น เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีคนตั้งใจสะกดรอยตามเขา

เอรอสรู้ตัวทันที—พวกมันกำลังตามเขาอยู่ หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น แต่เขายังคงรักษาความสงบไว้ ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความตื่นตระหนก การวิ่งหนีทันทีคงเป็นทางเลือกที่ผิด เพราะในเวลานี้ มีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องเขาอยู่ เขาไม่อาจเสี่ยงใช้พลังหรือแปลงร่างหนีได้

พวกชาวเมืองเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับหอคอยแห่งอัลเธอเรียน ข้อตกลงลับๆ ระหว่างหอคอยกับประชาชนทำให้ใครก็ตามที่รายงานข้อมูลหรือสิ่งน่าสงสัยจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นหินเวทย์ แม้จะเป็นหินเวทย์ที่พลังงานถูกใช้ไปแล้ว แต่มันก็ยังคงมีคุณค่าในชีวิตประจำวันสำหรับผู้คนทั่วไป หินเวทย์ที่เหลือมานาเพียงเล็กน้อยสามารถนำมาใช้ทำงานเล็กๆ น้อยๆหรือเป็นแหล่งพลังงานชั่วคราว แม้จะไม่ได้มีพลังเพียงพอสำหรับการร่ายเวทมนตร์ขั้นสูง แต่ก็ยังเป็นของล้ำค่าสำหรับชาวเมือง

เขาเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเล็กน้อย พยายามให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เสียงฝีเท้าของผู้สะกดรอยตามเริ่มใกล้เข้ามา แต่เอรอสยังคงรักษาความสงบไว้ เขาต้องหาทางหลบหนี—แต่ไม่ใช่ตอนนี้

“ใจเย็นไว้” เอรอสบอกกับตัวเอง ขณะเร่งก้าวไปข้างหน้า แม้จังหวะหัวใจจะเต้นถี่ขึ้น แต่ภายนอกเขายังคงดูนิ่งสงบ เขาเดินเข้าสู่เขตที่มีผู้คนมากขึ้น เสียงพูดคุยรอบตัวเริ่มแทรกเข้ามาในความคิด

“ได้ยินไหม? มีคนเห็น ‘นักเชือด’ ในเมืองเมื่อไม่นานมานี้”

“เขากลับมาแล้วงั้นเหรอ? ฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย!”

“มันเล็งแต่พวกที่มีตำแหน่งสูงเท่านั้น...รีบกลับบ้านกันดีกว่า”

เอรอสพยายามแทรกตัวผ่านฝูงชน ทุกสายตาที่จ้องมาเหมือนคอยจับผิด ราวกับพวกเขารู้ว่าอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล แม้จะรับรู้ถึงแรงกดดันนั้น เขาก็ยังคงสงบ เขารู้ดี—เขาไม่อาจเสี่ยงเปลี่ยนร่างตอนนี้ได้—สายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องเขาอยู่ หากเปลี่ยนเป็นมันในสถานการณ์นี้ มันคงยิ่งเป็นการดึงความสนใจให้เพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งมันจะทำให้เขาเคลื่อนไหวในอนาคตได้ลำบากขึ้น

เขารีบฝ่าฝูงชนมุ่งหน้ากลับไปยังห้องพักโดยเร็วที่สุด ตราบใดที่เขายังไม่รู้ว่าพวกหอคอยเวทมนตร์ต้องการอะไรจากเขา การเปิดเผยว่าตัวเองมีหัวใจของไรอัสอยู่ในมือถือเป็นเรื่องอันตรายเกินไป

เมื่อเขาแน่ใจว่าสลัดพวกสะกดรอยได้ เอรอสก็หันไปยังเส้นทางเงียบที่เต็มไปด้วยผนังเก่าและสกปรก สถานที่ที่แทบไม่มีใครสนใจ แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นโปสเตอร์เก่าแปะอยู่บนผนัง มันเป็นภาพของหญิงสาวผมสีทองถือดาบด้วยท่าทางสง่างาม

“เอเลน่า...” เอรอสพึมพำชื่อที่แสนคุ้นเคย พร้อมกับอ่านข้อความในโปสเตอร์

“ขอแสดงความยินดีแก่ เอเลน่า วัลธอเรน อัศวินเวทย์ที่เลื่อนระดับวงแหวนมานาเป็น 4 วง ในวัยที่อายุน้อยที่สุดในทวีป”

"เธอจะเป็นความภาคภูมิใจให้แก่เมืองของเรา และเป็นลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของไลออน วัลธอเรน ผู้ล่วงลับ พวกเราจะจดจำเขาไว้ในความทรงจำตลอดไป"

เอรอสยืนนิ่ง ความคิดย้อนกลับไปถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเอเลน่า รวมถึงกล่องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของพวกเขาทั้งสาม เขาเผลอทำมันหลุดมือไปตอนที่โดนเวทมนตร์ของผู้หญิงคนนั้นเล่นงาน...น่าเสียดายที่ไม่ได้พกมันกลับมาด้วย

ความทรงจำเก่าๆ เริ่มผุดขึ้นในใจของเขา...ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อน ในวันที่นักฆ่าโจมตีคฤหาสน์วัลธอเรน ภาพเอเลน่าปลุกพลังสายเลือดเป็นครั้งแรกยังชัดเจนในใจ ช่วงเวลาที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับความตาย แต่ว่าตอนนี้...เธอกลายเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น ส่วนเขา...ได้เลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป

เอรอสสะดุดคิดขึ้นมาได้ถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้ สัญญาที่จะช่วยทำให้ความฝันของเอเลน่าเป็นจริง แต่ตอนนี้มันผ่านมานานแล้ว…

“...เรื่องมันผ่านไปแล้ว...ฉันออกจากตระกูลมาแล้วด้วย”

แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ความรู้สึกผูกพันในอดีตก็ยังคงฝังลึกอยู่ รวมถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้ แม้ว่าในตอนนี้เอเลน่าจะมีคนคอยช่วยเหลืออยู่แล้วก็ตาม…

“...จะช่วยสักหน่อยก็แล้วกัน ถึงมันจะไม่อยู่ในแผนของฉันก็เถอะ” เอรอสถอนสายตาจากโปสเตอร์ แล้วเดินต่อไป

เอรอสคิดถึงเป้าหมายของเอเลน่า เป้าหมายที่ชัดเจนในใจของเธอคือการเป็นอัศวินชั้นสูงเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นของผู้คนในเมือง เขายังจำเธอในสภาพก่อนหน้านี้ได้ ร่างกายของเธอ มีการรั่วไหลของมานา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในอนาคต ความพยายามอันหนักหน่วงของเธออาจถูกมองว่าเป็นการทุ่มเทอย่างจริงจัง แต่เอรอสรู้ดีว่าผลลัพธ์ที่ได้มา อาจจะทำให้ตัวเธอเองพังทลายในอนาคต

“แต่เอเลน่า...ความคิดแบบนั้นมันยังตื้นไป” เขาพึมพำอย่างขมขื่น การพยายามเรียกคืนความเชื่อมั่นโดยการกลบปัญหาไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน เขาหยุดเดินชั่วครู่ หัวสมองทำงานอย่างหนัก ขณะคิดถึงวิธีที่เขาจะดำเนินการต่อไป

“ฉันจะจัดการทุกอย่างด้วยวิธีของฉันเอง...ไว้หลังจากนี้ ค่อยไปหาพวกนั้นแล้วกัน”

คำสัญญาในใจดังก้องอยู่ตลอดเวลา เขาเดินต่อไป สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่เคยจางหายไปเมื่อนานมาแล้ว 

เขาก้าวเดินต่อไป ท่ามกลางความเงียบที่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ พร้อมกับวางแผนอนาคตที่ซับซ้อน แต่ไม่รู้เลยว่าสายตาหลายคู่ของจอมเวทย์ กำลังเฝ้ามองเขาอย่างเงียบงันจากบนอาคารอยู่

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status