หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 14 พันธนาการแห่งคำสัญญา

แชร์

ตอนที่ 14 พันธนาการแห่งคำสัญญา

ในความมืดมิด เอรอสลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางเงาดำไร้ขอบเขต พื้นที่เขาเหยียบย่ำเป็นแอ่งน้ำสีดำสนิท ลึกจนไร้ก้นบึ้ง ทุกสิ่งเงียบงันจนดูเหมือนเวลาได้หยุดลง ความเย็นเฉียบของบรรยากาศนั้นไม่เพียงแค่โอบล้อมร่างกายของเขา แต่ราวกับแทรกซึมลึกเข้าไปในไขกระดูก เย็นจนแสบซ่าน ทรมานจนหัวใจของเขาเต้นรัว เสียงกระซิบแผ่วเบาจากเงามืดดังขึ้นรอบตัวเขา คล้ายกับความคิดแฝงซ่อนอยู่ในหัวของเขาเองที่คอยกัดกร่อน

“ยังมีสัญญาที่ยังทำไม่สำเร็จอีกไม่ใช่หรือ? จะยอมแพ้แล้วงั้นหรอ?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่อนั้นเอรอสหันไปมอง เขาเห็นตัวเอง... ในอีกรูปแบบหนึ่ง รูปร่างนั้นผ่ายผอม ใบหน้าอิดโรย ความเหนื่อยล้าฉายชัดบนใบหน้าของร่างนั้น แต่ดวงตา และ ท่าทางกลับแน่วแน่ดั่งก้อนหินที่ไม่อาจถูกทำลาย

เมื่อเอรอสหันมองไปรอบๆ เขาพบว่ามีตัวเองอีกนับสิบยืนล้อมรอบเขาอยู่ บางคนดูมั่นคง เยือกเย็น ราวกับผู้นำที่ยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบพร้อมด้วยชุดเกราะสีเงินที่เปล่งประกาย บางคนสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่ท่าทางยังแฝงความเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดล้วนสะท้อนตัวตนของเขาในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเหมือนดวงตาของเหยี่ยวที่ไม่เคยละสายตาจากเหยื่อ หนึ่งในนั้นร้องตะโกนเสียงดังจนก้องสะท้อนในเงามืดที่ไร้ขอบเขต

“พวกเรายังมีสัญญาที่ยังทำไว้ไม่สำเร็จอีกมาก จะทิ้งมันไปงั้นหรือ?”

เสียงนี้มาจากตัวเขาอีกคนหนึ่งที่สวมผ้าคลุมสีแดงสด ดวงตาของร่างนั้นเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ใบหน้าบ่งบอกถึงความดุดันราวกับแม่ทัพที่ยืนหยัดท่ามกลางการศึกโดยไม่ยอมถอยแม้แต่วินาทีเดียว

เอรอสเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักอึ้ง มันเหมือนกับกำแพงที่บีบอัดรอบตัวเขาจนแทบหายใจไม่ออก ทุกเสียงที่ดังก้องท่วมท้นอยู่ในหัวของเขา มันดังจนปวดร้าว ร่างกายของเขาถอยหลังไปอย่างช้าๆ พยายามที่จะหลบหนีจากแรงกดดันเหล่านั้น แต่ขาของเขากลับหยุดนิ่ง ราวกับถูกตรึงอยู่กับพื้น แรงกดดันจากสายตาของตัวเองที่ยืนล้อมรอบทำให้เขาขยับไม่ได้ เสียงเหล่านั้นยังคงดังขึ้น ก้องอยู่ในจิตใจราวกับเสียงสะท้อนที่ไม่มีวันหายไป

“เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้งั้นหรือ?”

เสียงใหม่ดังขึ้นจากด้านหน้า เอรอสหันไปเจอกับตัวเองในร่างที่สูงโปร่ง สวมชุดที่เปื้อนฝุ่นและเลือดจากการต่อสู้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผล รอยช้ำ แต่ดวงตากลับคมกริบราวกับมีดที่พร้อมเฉือนทุกสิ่ง

“ยังมีชีวิตอีกมากที่รอการช่วยเหลือ ยังมีชีวิตที่รอการปกป้อง เจ้าจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปจริงๆหรือ?”

ทุกเสียงสะท้อนในจิตใจของเขาอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาสั่นระริก พยายามจะหาคำตอบให้กับตัวเอง แต่มันเหมือนกับถูกบีบรัดจนแทบไม่เหลือทางหายใจ เขามองไปรอบๆ อีกครั้ง และพบว่าร่างเหล่านั้นไม่ใช่เพียงภาพลวงตา แต่เป็นส่วนหนึ่งของเขาเอง ทุกคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ทุกความรับผิดชอบ ทุกชีวิตที่เขาเคยยึดถือ—พวกมันคือพันธนาการที่ไม่มีทางปลดได้

"เดินต่อไป เอรอส! อย่าหยุดอยู่แค่นี้! เจ้ายังมีชีวิตที่ต้องรักษา สัญญาที่ต้องทำให้ลุล่วง อย่าทิ้งมันไว้เบื้องหลัง!"

เสียงนั้นก้องมาจากตัวเขาที่สวมผ้าคลุมสีเทา ยาวถึงพื้น น้ำเสียงของมันดุดันเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ แรงกระตุ้นนี้ทำให้เอรอสรู้สึกถึงพลังที่ดึงเขาให้ลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง แม้ว่าในใจเขาจะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่เสียงของตัวตนเหล่านั้นก็กระตุ้นให้เขาต้องเดินต่อไป

"เจ้าจะหยุดไม่ได้!"

เสียงสุดท้ายดังขึ้นจากตัวเขาในร่างที่แข็งแกร่งกว่าทุกคนในนั้น ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันแตกสลาย ผ้าคลุมสีแดงปลิวสะบัดด้วยแรงลมที่ไม่มีที่มา เสียงนั้นไม่ใช่เพียงคำเตือน แต่เป็นคำประกาศเจตจำนงที่ไม่ยอมให้เขาหยุด ความมุ่งมั่นนี้กลายเป็นพลังที่ดึงเขาให้ลุกขึ้นต่อสู้

เอรอสกัดฟันแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาไม่อาจหลบหนีตัวตนเหล่านี้ได้ เพราะพวกมันคือส่วนหนึ่งของเขา และเขาไม่สามารถละทิ้งสิ่งที่เคยสัญญาไว้ได้


เอรอสลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าคือกำแพงหินเย็นเฉียบและซี่กรงเหล็กปิดกั้นอิสรภาพ กลิ่นอับชื้นคลุ้งทั่วบริเวณ บรรยากาศในคุกนั้นเงียบสงัด จนเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง แต่เสียงฝันร้ายยังคงก้องในหัวของเขา เขาขยับตัว ความเจ็บปวดจากการถูกทรมานคอยเตือนถึงความจริงอันโหดร้าย สายตาของเขาจับจ้องไปยังแสงเล็ก ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่าง ทุกอย่างในที่นี่ราวกับบีบคั้นเขาให้ไม่มีทางหนี

“อีกแล้วเหรอวะ...” เขาพึมพำเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและขุ่นเคือง เขาเอนตัวพิงกำแพง ปล่อยลมหายใจหนัก ๆ ออกมาเพื่อคลายความอึดอัดจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาไม่หยุด

เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านนอก เอรอสหันไปมองทันที เฟลิเซียยืนอยู่ที่นั่น เธอเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ดวงตาจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น แต่ลึกๆ ยังมีแววสับสนซ่อนอยู่

“ตื่นแล้วสินะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ราวกับพยายามเก็บกดบางอย่างไว้

“นายคงสงสัยว่าจะเจอกับอะไรต่อไปใช่ไหม?”

เอรอสไม่ตอบ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธออย่างระมัดระวัง ความเงียบของเฟลิเซียและแววตาที่ซ่อนความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้สึกถึงสิ่งที่ไม่ปกติ เธอพิงกำแพงและกอดอก ราวกับกำลังแบกรับภาระที่หนักหน่วง ดวงตาของเธอแม้จะยังเย็นชา แต่ก็แฝงไว้ด้วยความลังเลที่เอรอสสังเกตเห็นได้ชัดเจน

“นายคงสงสัยว่าจะเจอกับอะไรต่อไปใช่ไหม?”

เอรอสไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขาจ้องตรงไปที่เฟลิเซียด้วยความระมัดระวัง เขาพยายามประเมินสถานการณ์รอบตัว แต่ความเงียบของเธอและสายตาที่ดูเหมือนซ่อนความรู้สึกไว้ทำให้เขาเริ่มสังเกตถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ

เฟลิเซียก้าวเข้ามาใกล้กรงเหล็ก แต่ยังคงรักษาระยะห่าง เธอพิงกำแพงอย่างเหนื่อยล้า ราวกับแบกรับบางอย่างที่หนักเกินกว่าจะปล่อยวางได้ ดวงตาของเธอแม้จะยังเย็นชา แต่ก็แฝงไว้ด้วยความกังวลเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วง... ในตอนนี้เรายังไม่คิดจะทำอะไรกับนาย” เธอเอ่ยเบา ๆ แต่แววตาดูเหมือนกำลังชั่งใจ น้ำเสียงนั้นแม้จะพยายามนิ่งเฉย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความอึดอัด

“เราจะรอให้ผู้นำของเรากลับมาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับนายดี”

เอรอสรับฟังคำพูดของเธอ หายใจลึกเพื่อพยายามรวบรวมสติ แต่ความรู้สึกในคำพูดของเฟลิเซียทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันและความไม่แน่นอนที่เธอเองก็คงรับรู้ได้เช่นกัน

“นายมีเวลาทั้งคืน คิดให้ดีว่าจะพูดอะไรออกมา” เธอกล่าวต่อ น้ำเสียงยังคงเย็นชา แต่ไม่มีร่องรอยของความพึงพอใจหรือการเยาะเย้ยในคำพูดเหมือนที่เขาคาดไว้ในตอนแรก มันฟังดูเหมือนคนที่ไม่อยากพูดคำนี้ออกมาเลย

เอรอสเงียบเขาจ้องมองเธออย่างสงบ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความคิดที่วิ่งวนอยู่ตลอดเวลา เขาสังเกตเห็นบางอย่างในท่าทางของเฟลิเซีย เธอเหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างไว้

เฟลิเซียกำหมัดเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอมองตรงไปที่กำแพง ราวกับกำลังต่อสู้กับความคิดบางอย่างในใจ

“เขตแดนของห้องขังนี้ถูกเชื่อมต่อกับสายธารมานา ต่อให้มีอะไรก็ตามที่อยู่ในตัวนายจะดูดกลืนมานามากแค่ไหน... มันก็ไม่พังหรอก” น้ำเสียงของเธอยังคงจริงจัง แต่แฝงความรู้สึกเหมือนต้องพูดตามหน้าที่

“และที่สำคัญ... นายไม่มีที่ให้กลับไปหรอก” เธอกล่าวอย่างราบเรียบ แต่ดวงตาของเธอเริ่มหลบเลี่ยง ไม่กล้าสบตากับเอรอสเหมือนเดิม

“จากที่นายตามสืบเรื่องของพวกเรามาตลอด ก็น่าจะพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น... ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย ราวกับรู้สึกผิดในสิ่งที่ต้องบอก

เอรอสขบฟันแน่น ความคิดต่าง ๆ ถาโถมเข้ามา เขาหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้กระแสความคิดไหลบ่าเข้ามาไม่หยุด

“พวกมันต้องวางแผนจัดฉาก ทำให้ฉันกลายเป็นผู้ต้องหาในสายตาคนอื่น แล้วแสร้งว่าจับตัวฉันไว้ หรือไม่ก็...”

เขาคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่น่าสะพรึงจนร่างกายสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“พวกมันอาจทำให้คนอื่นเชื่อว่าฉันตายไปแล้ว...”

เสียงความคิดของเขาดังก้องในหัว หนักหน่วงและกรีดผ่านความสับสน ทิ้งไว้เพียงความเยียบเย็นของความสิ้นหวัง ราวกับตัวตนของเขาถูกลบออกไปจากโลกนี้ ไม่มีที่ให้ยืน ไม่มีที่ให้กลับไปอีกต่อไป

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status