Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 16 เงาที่กรอบประตู

Share

ตอนที่ 16 เงาที่กรอบประตู

ในยามที่ดวงจันทร์หลบซ่อนอยู่หลังม่านหมอกหนา ความเงียบเยือกเย็นปกคลุมทั่วบริเวณเหมือนกับผืนโลกถูกแช่แข็ง เสียงลมหวีดหวิวผ่านทางเดินแคบๆ ของอุโมงค์ใต้ดินรกร้าง บรรยากาศอึมครึมที่ไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตอื่นเพิ่มความรู้สึกอึดอัดเข้าไปอีก

เสียงฝีเท้าหนักแน่นของยามคนใหม่สะท้อนก้องภายในอุโมงค์ เสียงนั้นเชื่องช้า หนักหน่วงเหมือนพลังงานในตัวเขาเหลือเพียงน้อยนิด ราวกับเขาถูกถ่วงด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานมายาวนานจนไม่ใส่ใจความรวดเร็วอีกแล้ว เขายกมือขึ้นลูบเคราที่เริ่มยาวและหยาบ พลางหาวเบาๆ ความง่วงค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่จิตใจ

ถึงกระนั้นเขายังคงก้าวเดินต่อไปตามหน้าที่ จนมาถึงหน้าห้องขัง เหลียวมองเห็นยามหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงกำแพงหินเย็นเยียบด้วยท่าทางเงียบขรึม

“มาช้าจัง” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงแววความสงสัยในน้ำเสียง ดวงตาของเขาจ้องอีกฝ่ายอย่างคมกริบ

“ตีสามตรงขนาดนี้ ยังจะเรียกว่าช้าอีกรึ??” ชายแก่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจ ขณะยักไหล่อย่างไม่คิดมาก

ชายแก่เดินเข้าไปใกล้ประตูเหล็กหนาที่กั้นหน้าห้องขัง มองมันอย่างเชื่องช้า ดวงตาแสดงถึงความชินชาในการทำงานแบบนี้มาเป็นเวลานาน

ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนขยับตัวจากตำแหน่งที่ยืนพิงอยู่ แต่ยังไม่ทันได้ก้าว ชายแก่ก็เอ่ยขึ้น

“ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?”น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่ถามไปเพราะจำเป็นต้องถาม ไม่ได้แสดงถึงความตื่นเต้นหรือกังวลใดๆ

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ไม่มีอะไร”เขาตอบเสียงแผ่วเบา ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปจ้องมองห้องขังเพียงเสี้ยววินาที แล้วหันกลับมามองอีกฝ่าย

ชายแก่พยักหน้าเบาๆ ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวล “อืม ขอบใจที่บอก ฉันจะดูแลต่อเอง” เขาพูดง่ายๆก่อนจะรับคทาจากมือของชายหนุ่มที่ยื่นส่งมา

แต่เมื่อยามหนุ่มหันกลับไปมองที่ประตูห้องขังอีกครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่เงามืดตรงมุมประตู สิ่งที่เขาพบเห็น มันเต็มไปด้วยคราบสนิม และ รอยเปื้อนประหลาด เงามืดตรงมุมกรอบประตูนั้น มันไม่ใช่แค่เงาปกติ มันดำทึบกว่าความมืดทั่วไป ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ลมหายใจของเขาหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากเงานั้น เป็นสายตาที่เยือกเย็น จ้องมองอย่างไม่กระพริบ เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ในความเงียบงัน

ชายหนุ่มก้าวถอยหลังเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นแรง ราวกับถูกบีบอัดด้วยความหวาดกลัว ความเยือกเย็นจากพื้นหินไต่ขึ้นมาตามร่างกาย ทำให้เขาหนาวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ เงามืดตรงกรอบประตูนั้นดูเหมือนจะยิ่งมืดทึบขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่เพราะแสงน้อย แต่เพราะมันมีบางสิ่งซ่อนอยู่ในความมืดนั้น ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง ทำให้เขาขนลุกซู่ สิ่งนั้นไม่ใช่เวทมนตร์ แต่มันเป็นพลังที่มืดมนและชั่วร้าย บางทีอาจเกี่ยวข้องกับวิญญาณ หรือภูตผี ที่พร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ

ความคิดหนึ่งพุ่งเข้ามาในหัวเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย หากเขาไม่พูดหรือทำอะไรในตอนนี้ ชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าอาจตกอยู่ในอันตราย และถึงแม้เขาจะพยายามบอกตัวเองว่าอาจแค่คิดไปเอง แต่ลึกๆในใจ เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ เสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาคิดจะเตือนชายแก่ แต่เขาหยุดตัวเองได้ทัน ความกลัวในใจเขาพุ่งสูงขึ้น ถ้าเขาบอกความจริงตอนนี้ บางทีสิ่งนั้นอาจโจมตีทันที เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างลังเล ใจเต้นระทึก รู้ว่ากำลังแข่งกับเวลา

ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมความรู้สึก เขาพยายามจะรักษาความสงบในสถานการณ์นี้ แต่ในใจรู้ดีว่าเขาไม่มีเวลามากนัก

ชายแก่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของชายหนุ่ม “มีอะไรรึ?”

ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สมองของเขาหมุนอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าหากไม่ทำอะไรตอนนี้ ชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าอาจตกอยู่ในอันตรายได้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรบอกออกไปหรือไม่ ถ้าเขาบอกสิ่งที่เห็น บางทีสิ่งนั้นอาจเคลื่อนไหวทันที เขาตัดสินใจในเสี้ยววินาที เปลี่ยนเรื่องอย่างเร่งรีบ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชายแก่ และเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาให้สิ่งนั้นได้เห็น

“มีเรื่องหนึ่งอยากถาม” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเล็กน้อย แต่แฝงไว้ด้วยความตั้งใจ ดวงตาของเขาฉายแววคมกริบและจริงจังขึ้นทันที

ชายแก่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ แล้วตอบเขาไป“ว่ามาสิ”

“คุณเคยได้ยินชื่อ ‘ไอลีน ฟรอนเทียร์’ ไหม?”

ชายแก่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “ใครล่ะนั้น?”

“ไอลีน... ผมยาวสีฟ้า ตาสีฟ้า เป็นนักสืบของกิลด์นักผจญภัย เมื่อ 4-5 ปีก่อน เธอเคยอยู่ในทีมสำรวจของหอคอยที่คุณทำงานอยู่นี้ด้วย” ชายหนุ่มตอบ พลางจ้องมองชายแก่ด้วยสายตาเข้มข้น

ชายแก่ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้“อ๋อ... ฉันรู้จักเธอนะ ตอนนั้นเธอทำงานกับพวกเราบ่อยๆ”

ชายหนุ่มยังคงตั้งใจฟัง ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงความอยากรู้

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง? เธอเป็นคนยังไง?”

ชายแก่ทำสีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง อย่างจริงจังขึ้น แต่ก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“เธอเป็นคนสดใสร่าเริง มีความเป็นมืออาชีพ... ขยันขันแข็งมากกว่านักสืบคนอื่นๆที่เคยร่วมงานกับเราเสียอีก”

เขาพูดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่มีแววอ่อนล้าแฝงอยู่

“ตอนนั้น... ฉันเคยคิดว่าเธออาจจะเป็นคนรักของท่านผู้นำก็ได้ เห็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆ” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างไม่จริงจังนัก

ยามหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ “เคยงั้นหรือ?”

ชายแก่พยักหน้าเบาๆ พร้อมเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ “ใช่ แต่เธอย้ายไปที่อื่นกะทันหันเมื่อสัก 3-4 ปีก่อน... พอดีกับที่พวกเราอยู่ในช่วงสำรวจเขาวงกตนั่นแหละ จำได้ว่ามีคนเคยคิดจะร้องเรียนพฤติกรรมของเธอ แต่ท่านผู้นำห้ามไว้เอง... เรื่องมันก็จบแค่นั้น”เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะหันมาถามกลับบ้าง“ว่าแต่ถามทำไมหรือ?”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเล็กน้อยราวกับมีอะไรบางอย่างในใจที่ยังคาใจอยู่ เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยนิดหน่อย... ขอบใจสำหรับคำตอบ”

เขากำลังจะหมุนตัวเดินจากไป แต่เหมือนกับยังมีคำถามที่ผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง เขาหยุดแล้วหันกลับมาจ้องมองชายแก่ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

“ว่าแต่ทำไมต้องจับหมอนี่ไว้ที่นี่ด้วย? ปกติแค่ห้องขังธรรมดาก็พอแล้วหนิ?"

ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “มันไม่ควรจะซับซ้อนขนาดนี้หนิ?”

ชายแก่หรี่ตาลงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น

“เพื่อความลับและความปลอดภัย เราไม่สามารถให้หมอนี่ถูกใครมองเห็น หรือรู้ว่ามันถูกย้ายไปไหนได้”

ชายหนุ่มมองด้วยสายตาสงสัยมากขึ้น "จำเป็นต้องถึงขนาดนี้เชียว? หมอนี้มันมีอะไรกันแน่?”

ชายแก่ยกมือขึ้นลูบเคราตัวเองอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ไม่รู้ และ ก็ไม่อยากรู้ด้วย….. แต่นี้เป็นแค่ความคิดเห็นของฉัน"ชายแก่ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

"เราไม่แน่ใจว่าหมอนี่มีอะไรติดตัวมาบ้าง อาจจะเป็นเครื่องส่งสัญญาณ หรืออุปกรณ์อันตรายที่อาจทำลายทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วลึกขึ้น “แล้วจะตรวจสอบยังไง? รอจนกว่าจะถึงเขตวิจัยเหรอ?”

ชายแก่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“นักวิจัยบางส่วนจากที่นั่นจะมาที่นี่ก่อนตอนเที่ยง… พวกเขาจะตรวจสอบให้ละเอียด ก่อนจะส่งตัวหมอนี่ออกจากที่นี่ในตอนเย็น”เขายักไหล่เล็กน้อย พลางหาวเบาๆ

“ก็เป็นเรื่องของการเตรียมตัวและความปลอดภัยล่ะน่ะ อย่าไปใส่ใจมากเลย”

ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ เข้าใจในเหตุผล เขาถอนหายใจสั้นๆก่อนจะตอบกลับ

“อืม... เข้าใจละ ขอบคุณมาก ไว้เจอกันพรุ่งนี้น่ะล่ะตาแก่ อย่าเผลอหลับเชียวหล่ะ”

น้ำเสียงของเขาเรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน ชายแก่พยักหน้าตอบกลับให้เล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงแต่ความเงียบในอุโมงค์ที่กลับมาปกคลุมอีกครั้ง

ชายแก่ไม่ได้รอให้เวลาผ่านไปนาน เขาใช้มือที่หยาบกร้าน เอื้อมไปจับลูกบิดอย่างมั่นคง ก่อนจะบิดมันให้เปิดออก เสียงเสียดสีของโลหะดังสะท้อนเบาๆ เมื่อประตูถูกผลักให้เปิดออกเผยให้เห็นห้องขังด้านในที่มีแสงสลัว

ภายในห้องนั้น เอรอสถูกล่ามโซ่ในกรงขังที่อยู่ข้างใน สายตาของเขาจ้องมองตรงมาที่ชายแก่ราวกับรู้ว่าเขาจะเข้ามา ทั้งห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงัด แต่ความเงียบนี้ไม่ได้ทำให้ชายแก่สะท้านแม้แต่น้อย เขาก้าวเข้าไปด้านในอย่างแน่วแน่

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status