แชร์

ตอนที่ 22 คำลวงในรุ่งอรุณ

เสียงนกร้องแว่วเบาๆในสวนยามเช้าจากที่ไกลๆ แสงแดดอ่อนๆเริ่มทอประกายบนยอดไม้ แต่ความเงียบสงบกลับตัดกับภาพของชายหนุ่มที่ถูกจับตรึงไว้กับพื้น ใบไม้สั่นไหวตามแรงลมแรงที่เคยเกิดขึ้น ทว่าบรรยากาศโดยภายในกลับขัดแย้งกับสภาพอากาศโดยรอบ

เมื่อเอเลน่าพยามวิ่งเข้ามาเพื่อดูอาการของเอรอส หนึ่งในจอมเวทย์อาวุโสขวางทางเอเลน่าเอาไว้ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เอรอสด้วยสายตาเคร่งขรึม มุมปากกระตุกเบาๆ สายตานั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แววตายังคงลังเลกับใส่สิ่งที่เห็น ก่อนจะหันไปพูดกับเอเลน่าที่อยู่ตรงหน้า

 "ท่านเอเลน่า เรายังไม่อาจเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่ท่านรู้จัก จนกว่าจะพิสูจน์ให้แน่ชัด…" เสียงนั้นเย็นชาและเด็ดขาด

เอเลน่าชะงักไปชั่วครู่ เธอกลืนน้ำลายลงคอแล้วปรับสีหน้าจากความอ่อนโยนเป็นเยือกเย็น ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มเล็กๆด้วยความเสแสร้ง

"นี่คือวิธีที่พวกคุณปฏิบัติต่อคู่หมั้นของฉันหรอ?"เธอกล่าวอย่างเด็ดขาด แววตามุ่งมั่นแสดงถึงการตัดสินใจที่จะไม่ยอมอ่อนข้อใดๆ

ชายทั้งสามคนสบตากันอย่างลังเล ในที่สุดลูกน้องของเขา ก็ยอมปล่อยเอรอสจากการจับกุม เอรอสพยายามลุกแต่ แต่ด้วยสภาพของร่างกายนี้ทำให้เขาร่วงลงไปกับพื้นอีกรอบ ทำให้เอเลน่ารีบเข้าไปประคองร่างชายหนุ่มขึ้นมา เขาทรุดลงกับเธออย่างอ่อนแรง ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ทำให้เขาส่งเสียงครางไปด้วยความเจ็บปวดเบาๆ

"เกิดอะไรขึ้นกับนาย?" เอเลน่าถามเบาๆ แววตาเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย

เอรอสในร่างอาร์วินแสร้งยิ้มอย่างอ่อนแรง

"มันค่อนข้างยากที่จะพูดในตอนนี้..." เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวเล็กน้อย ทำให้ดูเหมือนว่าความเจ็บปวด และ ความเหนื่อยล้าได้พรากเรี่ยวแรงไปหมด

แต่ในขณะที่เอเลน่ามองไปที่เขา เธอก็สะดุดกับดวงตาของเขาที่ผิดแปลกไปจากเดิม

"ทำไมดวงตาของนายถึงเป็นสีเทา?" เอเลน่าถามด้วยความสับสน เธอจำได้ว่าอาร์วินมีดวงตาสีน้ำเงินเข้มเสมอ และสีของดวงตานี้ ยังคล้ายกับคนที่เธอเคยรู้จัก และ ไม่อยากนึกถึง

"นั่นแหละ" หนึ่งในจอมเวทย์อาวุโสฉวยโอกาส

"เขาอาจจะไม่ใช่ท่านอาร์วิน อาจเป็นตัวปลอมก็ได้"

เอเลน่าชะงักไป ใจเธอสั่นคลอนกับความคิดนี้ แต่เมื่อมองชายตรงหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความเหนื่อยล้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร เอรอสรีบคว้าช่วงเวลาแห่งความลังเลนั้น

"ผมถูกลักพาตัวไปขังไว้ในคุกที่พวกท่านแอบซ่อนไว้!" เขาหอบหายใจ พยายามทำให้เสียงของเขาสั่นอย่างจงใจ

"พวกมันทรมานผมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคดีที่ประตูแห่งการทดสอบถูกเปิดออก ผมถึงได้ผ่านมันมา และได้รับความช่วยเหลือจนหนีออกมาได้..." เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสั่นเครือ ราวกับบาดแผลที่เกือบคร่าชีวิตยังคงฝังลึก ทว่าในแววตากลับมีรอยยิ้มบิดเบี้ยวซ่อนเร้น มองผู้อาวุโสทั้งสองด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความขมขื่น

"แล้วทำไมพวกท่านถึงยังกล้าสงสัยผม ในเมื่อผมถูกขังอยู่ในคุกของพวกท่านจนแทบเน่าตาย โดยที่ไม่มีใครแม้แต่จะรับรู้!" เขาตะโกนใส่ทั้งคู่ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด แม้ร่างกายจะสั่นสะท้านจากบาดแผลและความอ่อนล้าที่แทรกซึมลึก เขารู้ว่าตัวเองทุ่มสุดแรงเพื่อแสดงในครั้งนี้ กระทั่งเมื่อความเจ็บปวดในช่องอกทะลักออกมาเป็นเลือดคำหนึ่ง เขาก็เพียงฝืนยืนตัวตรง รักษาท่าทีดุดันไม่ให้สั่นไหว หวังเพียงให้พวกเขารับรู้ถึงบาดแผลและความสิ้นหวังที่เขาต้องเผชิญ

เอเลน่ายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ความสับสน และ สงสัยแฝงอยู่ในแววตา ดวงตาสีเทานั้นดูผิดแปลกไปจากที่เธอเคยรู้จัก มันทำให้เธอไม่อาจแน่ใจว่าเขาเป็นคนเดียวกับคู่หมั้นของเธอจริงๆ แต่เมื่อเห็นบาดแผลที่ทารุณบนร่างของเขา เธอก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ลังเล และ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่

"เราจะกลับคฤหาสน์ หวังว่าพวกท่านคงไม่มีข้อโต้แย้ง?"เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ขณะมองจอมเวทย์อาวุโสทั้งสามด้วยสายตาท้าทาย ก่อนจะค่อยๆประคองร่างเอรอสขึ้นมา ชายทั้งสามได้แต่มองสบตากันอย่างขัดใจ แต่ไม่มีใครกล้าขัดขวางเธอ

ถึงแม้ใบหน้าของเอเลน่าจะดูมั่นคงแน่วแน่ แต่ภายในใจยังคงเต็มไปด้วยความว้าวุ่น และข้อสงสัย ดวงตาสีเทาของเอรอสทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เธอพยายามลืม แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาชีวิตของเขา ก่อนที่บาดแผลจะย่ำแย่ลงไปกว่านี้

เธอพยุงร่างอ่อนแรงของเอรอสขึ้นอย่างระมัดระวัง ขณะที่พาเขาค่อยๆเดินห่างจากชายทั้งสาม ผู้อาวุโสได้แต่ยืนมองอย่างขัดใจ

เมื่อออกจากสายตาพวกเขาไป เอรอสแสยะยิ้มบางๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ความเหนื่อยล้า ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนที่เขาวางไว้ แม้จะเรื่องเหนือความคาดหมายเขาอยู่บ้างก็ตาม

หลังจากที่เอเลน่าพยุงเอรอสจนลับสายตาไป บรรยากาศเงียบสงบของเช้าตรู่ใกล้แปดโมงก็กลับคืนมาอีกครั้ง แสงแดดอ่อนสาดส่องผ่านหมอกที่ยังคลอเคลียอยู่รอบต้นไม้ใหญ่ เงาเคลื่อนไหวไปตามจังหวะลม ราวกับจะซ่อนบางสิ่งไว้ในความเงียบสงัดนั้น จอมเวทย์อาวุโสทั้งสองยืนนิ่งท่ามกลางแสงเช้าที่ค่อยๆเจิดจ้า มองหน้ากันด้วยสีหน้าสับสน แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

"เป็นไปได้ยังไง?" จอมเวทย์คนแรกเอ่ยขึ้น ขมวดคิ้วแน่นพลางจับมือตัวเองเบาๆ ราวกับพยายามควบคุมความสงสัยที่คุกรุ่นอยู่ภายใน

"ข้าตรวจสอบพลังเวทย์ของมันแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติที่จะบอกว่ามันเป็นตัวปลอม"

อีกคนพยักหน้าอย่างหนักใจ พลางถอนหายใจออกมาเงียบๆแสงแดดส่องกระทบใบหน้าที่มีริ้วรอยแสดงความกังวลชัดเจน ดวงตาเหลือบมองไปยังทิศทางที่เอเลน่าและเอรอสเพิ่งหายไป น้ำเสียงที่เขาพูดเบาๆ แต่หนักแน่น

"ข้าก็คิดเช่นนั้น... หากมันหนีไปได้โดยเราไม่ทันเห็น... หรือไม่ก็..."เขาหยุดไปครู่หนึ่ง คำพูดขาดหายกลางคัน ราวกับบางสิ่งทำให้ต้องหยุดคิดใหม่อีกครั้ง แววตาฉายแววหวาดระแวง

"เราอาจพลาดอะไรบางอย่างงั้นหรือ?" จอมเวทย์คนแรกกล่าวเสียงเครียดหนัก ขมวดคิ้วลึกจนเห็นชัด สายตาครุ่นคิดแต่ก็ยังมีความไม่สบายใจฉายอยู่

"เป็นไปไม่ได้" เขาพึมพำ แต่สายตากลับจ้องไปทางเอเลน่าจากไปอย่างไร้ความมั่นใจ "พวกเราตรวจสอบแล้วว่ามีร่องรอยของคนๆ เดียวที่ออกไป" แม้คำพูดจะแน่วแน่ แต่ความสงสัยยังคงวาบในดวงตา

"หรือว่ามันจะใช้สิ่งของที่ได้รับจากแม่มดในการหลบหนี โดยที่เราไม่สังเกตเห็น?" คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้งยิ่งขึ้น ราวกับเงามืดบางอย่างแฝงอยู่ใต้แสงแดดที่กำลังทอแสงอ่อนๆ

จอมเวทย์คนที่กล่าวถึงความสงสัยนี้ ถอนหายใจเงียบๆ พร้อมกับกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น น้ำเสียงที่ตอบออกมาเต็มไปด้วยความลึกลับและแฝงด้วยความไม่แน่ใจ

"เป็นไปไม่ได้—ไม่เคยมีใครผ่านการทดสอบพร้อมกันมาก่อน"

“วงเวทย์เข้าเขตแดนหายไปแล้ว นี่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าการทดสอบได้สิ้นสุดลง...” จอมเวทย์คนแรกกล่าวพลางสูดหายใจลึก ราวกับพยายามรวบรวมความคิดให้มั่นคง แต่แววตาไหววูบ

“และแม้ว่าจะไม่อยากจะยอมรับ...แต่ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ทรงพลังแฝงอยู่ในตัวมัน” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่หนักแน่น สายตาเหม่อมองไกลออกไปขณะที่นิ้วมือกำเข้าหากันแน่น

อีกคนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระชับผ้าคลุมแน่นขึ้นเล็กน้อย สีหน้าฉายแววสงสัยระคนกังวล

“หรือบางที...มันอาจยังซ่อนตัวอยู่ในคุกของเราก็เป็นได้” เขาพูดออกมาแผ่วเบา ราวกับคำพูดนั้นทำให้เขาหนักอึ้งกว่าเดิม

คำพูดของจอมเวทย์อาวุโสทำให้บรรยากาศรอบตัวพวกเขาดูเงียบงันยิ่งขึ้น ทุกสิ่งดูเหมือนจะหยุดนิ่ง สายตาของเขาไล่ไปตามเงาที่ทอดตัวบนพื้น ราวกับพยายามมองหาบางสิ่งที่อาจแฝงตัวอยู่ในอากาศว่างเปล่า ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้เริ่มเผยร่องรอยความกลัวที่ปิดบังเอาไว้ไม่มิด

“เราต้องตรวจสอบทุกอย่างให้แน่ใจ” จอมเวทย์คนแรกกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ขึ้น ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความกังวลลึกๆ ที่ยากจะปิดบัง

“หากมีใครซ่อนตัวอยู่ในคุกนั้นจริงๆ เราต้องจับมันให้ได้”

"ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับท่านผู้นำทันที" อีกคนตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด ขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ราวกับกลัวว่าจะมีใครซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและกำลังลอบฟัง

ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรต่อ พวกเขาพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณก่อนจะหันหลัง เดินไปในทิศทางที่ต่างกัน ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าเงียบๆ ที่ค่อยๆ ห่างออกไปในอากาศเช้าที่ยิ่งกระจ่างขึ้น เงาของพวกเขาทอดยาวไปบนพื้นดิน ราวกับความลับและความสงสัยที่ยังคงวนเวียนอยู่ในบรรยากาศ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status