Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 23 รอยแผลที่ไม่หายสนิท

Share

ตอนที่ 23 รอยแผลที่ไม่หายสนิท

แสงสีส้มของยามเย็นสาดเข้ามาในห้อง ส่องผ่านหน้าต่างบานเล็กที่เปิดไว้เพียงบางส่วน ความสงบเงียบของช่วงเวลาพลบค่ำถูกทำลายด้วยเสียงหอบหายใจแผ่วเบาของชายที่นอนนิ่งบนเตียง เอรอสลืมตาขึ้นช้าๆ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง ราวกับทุกอวัยวะต่างกรีดร้องพร้อมกัน หัวใจของเขาเต้นอย่างเชื่องช้าและหนักอึ้ง ราวกับย้ำเตือนให้รู้ว่าอาการบาดเจ็บนั้นยังคงฝังลึกอยู่ทุกวินาที

เขาพยายามขยับตัว ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แต่ทันทีที่เปลี่ยนท่าทาง ความเจ็บปวดจากอวัยวะภายใน ก็เริ่มปะทุขึ้นเหมือนไฟลุกโหมทำให้เขาหยุดชะงักในทันที เขากัดฟันแน่นเพื่อข่มเสียงครางไม่ให้เล็ดรอดออกมา มือข้างหนึ่งกดลงบนหน้าท้อง หวังบรรเทาความเจ็บปวด แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้น เหงื่อเย็นไหลซึมลงตามกรอบหน้าผาก จนทำให้ผมของเขาชื้นไปหมด ร่างกายนี้ อยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าที่เขาคาดคิด

เมื่อเอรอสเหลือบสายตาไปที่กระจกบานเล็กข้างเตียง ภาพสะท้อนที่ปรากฏคือใบหน้าของ อาร์วิน มันดูซีดขาว และ ไร้ชีวิตจนทำให้รู้สึกน่าสังเวช เขาจ้องมันอยู่ชั่วครู่ ราวกับกำลังประเมินสภาพตัวเอง ก่อนพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแห้งผาก

“หนักกว่าที่คิด...”ความหงุดหงิดพลุ่งพล่านในใจ เพราะไม่อาจควบคุมร่างนี้ได้อย่างที่ต้องการ

สายตาของเอรอสเหลือบไปสะดุดกับกระดุมเม็ดเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง อุปกรณ์เวทมนตร์ที่เขาใช้ส่งสัญญาณเรียกเอเลน่ามาตั้งแต่หลบหนีขึ้นมาบนพื้นดิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น สถานการณ์ในตอนนั้นค่อนข้างเสี่ยงมากๆ แต่โชคดีที่เธอยังมาทันเวลา แต่มันจะดีกว่านี้หากเขาหลบหนีออกไปจากเมืองได้ โดยที่ไม่ต้องเจอเธอ

ในขณะที่เขาพยายามรวบรวมสติ เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นจากด้านนอก เอรอสหันไปมอง ประตูที่ค่อยๆแง้มเปิดออก เผยให้เห็นร่างของเอเลน่าเดินก้าวเข้ามา เธอยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอ จ้องมองเขาอย่างละเอียด พยายามจับสังเกตบางสิ่งที่ผิดปกติ ยังคงมีร่องรอยความสงสัยแฝงอยู่ในแววตา แม้เธอจะยังไม่พูดอะไรออกมา แต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอึดอัดที่ยากจะปิดบัง

“นายเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นรึยัง?”เอเลน่าถามเบาๆขณะนั่งลงข้างเตียง น้ำเสียงของเธอฟังดูนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความไม่สบายใจ

เอรอสพยายามฝืนยิ้ม แม้จะรู้ดีว่ามันดูไม่เป็นธรรมชาติ“ค่อนข้างดีขึ้นแล้ว...”เขาตอบด้วยเสียงที่แหบแห้ง ความเจ็บลึกทำให้ต้องหายใจยาว ก่อนกัดฟันแน่นเมื่อความปวดแผ่ซ่านขึ้นอีกครั้ง

เอเลน่ามองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย“ทำไมตอนนั้นถึงไม่บอกฉันว่าอาการนายไม่ค่อยสู้ดี? ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นด้วย?”

“ขอโทษ... ฉันแค่ไม่อยากให้เธอต้องกังวล” เอรอสพูดเบา ๆ เสียงแผ่วจนแทบกลืนไปกับอากาศ เขาหลบสายตาเล็กน้อย หวังจะซ่อนความรู้สึกที่ไหววูบอยู่ในใจ—ทั้งความกังวลและความสับสนที่เริ่มกัดกินเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

เอเลน่านั่งลงข้างเขา มองด้วยสายตาอ่อนโยน แต่แฝงความไม่แน่ใจเอาไว้ เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอื้อมมือไปจับมือของเขา สัมผัสอ่อนโยนนั้น ราวกับต้องการบอกให้เขารู้ว่าเธออยู่ข้างเขาจริงๆ

เอรอสรู้สึกเหมือนมีคามรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรมีเกิดขึ้น หัวใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว—ความทรงจำและอารมณ์ที่อาร์วินมีต่อเธอ ค่อยๆแทรกเข้ามาในจิตวิญญาณของเขา มันเป็นความรู้สึกอ่อนโยนและอบอุ่น แต่กลับทำให้เขาหวาดหวั่น

“ฉันจะอยู่ข้างนาย จนกว่านายจะดีขึ้น”เอเลน่าบีบมือเขาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและ เต็มไปด้วยความจริงใจ

เอรอสฝืนยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูเจื่อนจางเกินกว่าจะหลอกใครได้

“ฉันไม่เป็นไรหรอก... อีกไม่นานฉันก็จะดีขึ้น”เขาพูดราวกับกำลังปลอบทั้งเธอและตัวเอง แต่ในใจลึกๆเขารู้ดีว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้เป็นของตัวเขา กำลังเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ และถ้าปล่อยมันเอาไว้ มันอาจนำเขาไปสู่จุดที่ไม่มีวันหวนกลับได้อีก

เอเลน่าจ้องเขาด้วยสายตาสงสัย แววตาของเธอเหมือนกำลังพยายามอ่านความคิดของเขา

“นายดูไม่เป็นตัวเองเลย...” เธอพึมพำเบาๆดวงตายังคงจับจ้องอย่างพินิจพิเคราะห์

เอรอสพยายามฝืนพูดออกมา แม้ความเจ็บปวดจะกัดกินทุกถ้อยคำ“ขอโทษนะ...” เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เผลอหยุดหายใจสั้นๆ เพื่อกลั้นความเจ็บ

“ตอนนี้... มันยังเหมือนฝันอยู่เลย…”เขาหอบเบาๆแต่ก็พยายามพูดต่อ

“แม้แต่ตอนนี้...ก็ยังไม่อยากเชื่อ...ว่าจะหนีออกมาได้จริงๆ”เขาฝืนพูดจนจบ ก็ไอออกมาเบาๆ ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาราวกับลึกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน แต่เขาพยายามกลั้นเสียงไอเอาไว้ เพื่อไม่ให้ดูอ่อนแอไปมากกว่านี้

เอเลน่ามองเขาด้วยความกังวลา เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง แล้วหยิบโพชั่นฟื้นฟูขวดเล็กออกมาแล้วยื่นให้เขา

"ดื่มนี่เถอะ มันจะช่วยให้อาการนายดีขึ้นบ้าง" เธอกล่าวเบาๆพร้อมเปิดจุกฝาขวดออก แล้วจับขวดไว้ในมือเขา

เอรอสรับโพชั่นมา แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ได้มีผลรักษาในทันที และหากดื่มติดต่อกัน ประสิทธิภาพจะลดลง แต่เขาก็ฝืนยกมันขึ้นจิบช้าๆ ความเจ็บที่บรรเทาลงเพียงเล็กน้อยช่วยให้เขาผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แม้จะยังเจ็บปวดอยู่ก็ตาม

หลังจากดื่มเสร็จ เอรอสสังเกตุเห็นท่าทีของเอเลน่า ที่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเขาใช่อาร์วินตัวจริงรึเปล่า เอรอสจึงตัดสินใจพูดเรื่องขึ้นมาเพื่อเบี่ยงประเด็น

“ฉันถูกลูกชายของตระกูลดราโกร์นกับแบล็คการ์ดจับตัวไปหน่ะ… ครั้งนี้พวกมันเตรียมตัวมาดีจริงๆ” เอรอสพูดขึ้น พยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูปกติ

เอเลน่าขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อได้ยินชื่อของตระกูลคู่แค้น

“พวกนั้นงั้นเหรอ? คราวนี้ชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว ถึงขั้นบุกเข้ามาจับตัวนายถึงในคฤหาสน์…”

แต่ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานพอจะเอาผิดพวกนั้นได้” เอรอสพูดเสียงเรียบ พยายามปกปิดความจริงที่ว่าอาจมีคนทรยศอยู่ในตระกูลของเธอ

เดิมที อาร์วินเป็นนักเวทย์ที่มีความสามารถสูง พร้อมวงแหวนมานาถึงสามวง แม้จะไม่เทียบเท่าความสามารถของเอเลน่า แต่หากเขาได้รับการสนับสนุนจากคนในตระกูลของเธอ ย่อมไม่มีทางที่เขาจะถูกจับได้

ยิ่งกว่านั้น ในระหว่างการต่อสู้ จู่ๆ มานาในตัวของอาร์วินและอัศวินที่คุ้มกันก็เกิดอาการหนักหน่วงและติดขัด ไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ได้ ทำให้เขาพ่ายแพ้ในที่สุด

เอเลน่ากำหมัดแน่น ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความโกรธ “ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ต้องหามันให้ได้! ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นลอยนวลไปได้แน่”

เอรอสยกมือขึ้นเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เธอใจเย็น“ใจเย็นก่อน... ถ้าเราเผชิญหน้ากับพวกมันในตอนนี้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง เราต้องรอโอกาส"

เขาหยุดเล็กน้อยเพื่อให้เธอรับฟัง จากนั้นพูดต่อด้วยน้ำเสียงสงบ

“อย่างน้อย ตอนนี้เราก็ทำให้หอคอยติดหนี้พวกเราได้บ้าง นั่นจะเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต

เอเลน่าจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจยาวออกมา แม้จะพยักหน้ารับ แต่แววตายังเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ลดละ“ก็ได้… แต่ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบหายไปนานแน่”

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น พ่อบ้านเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “คุณหนูเอเลน่า มีจดหมายส่งมาครับ”

เอเลน่ารับจดหมายมาอย่างรวดเร็ว เธอก้มมองซองในมืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเหลือบมองไปทางหน้าต่างด้วยแววตาราวกับจะขอเวลาสักครู่นึง

เอรอสรับรู้ถึงความต้องการของเธอ เขาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ

“ไปเถอะ”

เอเลน่าจึงเดินไปที่หน้าต่าง เธอเปิดซองจดหมายอย่างระมัดระวัง ก่อนค่อยๆ คลี่กระดาษออกอ่าน ใบหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกเมื่อเห็นข้อความในจดหมาย

เอรอสจ้องมองเธออยู่เงียบๆ พร้อมกับหมุนเวียนมานาที่เหลืออยู่ในร่างกายเล็กน้อยเพื่อเสริมประสิทธิภาพการได้ยิน เขาตั้งสมาธิเต็ม แล้วเงี่ยหูฟังทุกถ้อยคำโดยที่เอเลน่าไม่รู้ตัว

“...บัตรเชิญไปยังสังเวียนใต้ดิน... งานเปิดตัวนักสู้ ลูกสาวของ—จอมเชือด...”

หัวใจเอรอสเต้นรัวแรงขึ้น ในจังหวะนั้น เขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างภายในจิตวิญญาณของตน ราวกับว่ามีแรงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใน วิญญาณของเรย์นาร์ครู้สึกพยายามจะแทรกทะลุออกมา มันพยายามกดดัน เพื่อครอบงำ และ ควบคุมร่างกายของเขาให้ได้

ความรู้สึกนั้นค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น เอรอสต้องตั้งสติแน่วแน่ รวบรวมพลังภายในเพื่อระงับ และ ยับยั้งความปรารถนาของเรย์นาร์คที่พยายามคืบคลานออกมา

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของเอเลน่า

เอเลน่าจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวง และวิตกกังวล ความทรงจำในอดีตพลันหวนกลับมา—วันที่จอมเชือดบุกเข้ามา และ เกือบจะพรากชีวิตของเธอไป หากในตอนนั้นเธอไม่ปลุกพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวขึ้นมา เธอคงไม่มีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความกลัวจากวันนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจ ราวกับบาดแผลที่ไม่มีวันหายสนิท

เธอก้มลงมองจดหมายในมืออีกครั้ง เข้าใจเจตนาที่ในคำเชิญอย่างชัดเจน—มันต้องการให้เธอและตระกูลของเธอไปเป็นสักขีพยานในผลงานใหม่ของพวกมัน

เอเลน่ากำจดหมายแน่นจนข้อนิ้วซีด ความเย็นจากกระดาษเหมือนซึมลึกเข้าสู่ผิว เธอกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อน ข่มความลังเลที่ก่อตัวในใจไม่ให้ปรากฏบนใบหน้า แต่ยิ่งพยายามสงบใจเท่าไร ความหวาดกลัวกลับค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา ราวกับเงามืดที่ไม่มีวันเลือนหาย ความรู้สึกนั้นยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อเธอจินตนาการถึงเขา—ชายที่เคยเกือบจะคร่าชีวิตเธอในครั้งนั้น—อาจปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในงานนี้...

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status