หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 29 หมาป่าเดียวดาย และ แสงจันทร์

แชร์

ตอนที่ 29 หมาป่าเดียวดาย และ แสงจันทร์

แต่ทันทีที่เห็นเธอ เขาก็ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาสีฟ้าสุกไสวของเธอ สะท้อนแสงอ่อนโยนคล้ายแสงจันทร์ในตอนกลางคืน ชวนให้ละสายตาไม่ได้ ผมยาวสีฟ้าระยับเหมือนเกลียวคลื่นในมหาสมุทรที่โอบรับประกายระยิบระยับของดวงดาว ทุกการเคลื่อนไหวของเธอให้ความรู้สึกที่สงบเยือกเย็น และยังแฝงความลึกลับไว้ลึกๆ ราวกับมีบางสิ่งซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง

เอรอสพยายามดึงตัวเองกลับมาให้หลุดจากความตะลึงนั้น พลางปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม สายตาเยือกเย็นของเขาประสานกับหญิงสาวแปลกหน้าที่ดูมีท่าทีเป็นมิตรและอบอุ่นเกินไป จนทำให้เขารู้สึกแปลกใจและเริ่มระแวดระวัง พร้อมกับตั้งคำถามถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของเธอในใจ

“สวัสดี ฉันเป็นผู้สืบสวนที่เพิ่งย้ายมาเมื่อไม่นานมานี้.. ยินดีที่รู้จัก”

เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่มั่นใจ รอยยิ้มอ่อนๆ แฝงด้วยความเป็นมิตรยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ท่าทีที่เธอแสดงออกทำให้เธอดูเหมือนคนที่เข้าถึงได้ง่าย แต่ในสายตาของเอรอส ความมีเสน่ห์เย้ายวนที่เธอแผ่ออกมานั้นกลับทำให้เขารู้สึกระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม

“ฉันกำลังตามสืบเรื่องกลุ่มคนที่รีดไถเงินในแถวนี้อยู่... เธอพอจะรู้อะไรบ้างไหม?”

เอรอสหรี่ตามองเธอด้วยสายตาเฉยชา แววตาไม่แสดงความสนใจใดๆ ก่อนจะชี้ไปทางกลุ่มอันธพาลที่นอนสลบอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีเย็นชา

“คงไม่ต้องสืบอะไรอีกแล้ว”เขาพูดเบาๆพลางยักไหล่เล็กน้อยอย่างไม่แยแส

“พวกนั้นคงไม่มากวนใครไปอีกสักพัก"ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นเสริมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“แต่ถ้าพวกมันโดนจับตัวตอนนี้…ก็คงจะเงียบหายไปนานล่ะนะ”พูดเสร็จก็นับเหรียญในถุงของตัวเองต่อ โดยไม่สนใจท่าทางของเธอ

หญิงสาวยังคงยิ้มบาง แม้เห็นท่าทีไม่สนใจของเขา แต่ก็ไม่ยอมแพ้ เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพและจริงจัง

“พอดีว่า พวกนั้นขโมยเงินของผู้เสียหายไปหลายคน… เธอพอจะช่วยคืนเงินให้พวกเขาได้ไหม?”

เอรอสหยุดนับเงินไปชั่วครู่ เขาเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วก็ยัดเงินใส่กระเป๋าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ตอบคำถามเธอ จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าตรอกโดยไม่ใส่ใจ

แม้เขาจะเมินเฉย แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอรีบเดินตาม พยายามชวนเขาคุยต่อ

“เธอพักอยู่แถวนี้เหรอคะ? มาคนเดียวหรือเปล่า?”

เอรอสยังคงเดินต่อไปโดยไม่สนใจเสียงที่ตามมาข้างหลัง หญิงสาวก็ยังไม่ลดละ ยังคงพยายามอย่างหนักในการดึงบทสนทนาออกมา

“เธอจัดการพวกนี้ได้เองทั้งหมดเลยเหรอคะ? หรือแค่วันนี้บังเอิญผ่านมาเจอ?”

เอรอสเหลือบตามองเธอด้วยความหงุดหงิด แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เธอเองก็เข้ามาใกล้กว่าเดิม ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ต้องยอมรับว่าฝีมือเธอไม่เบาเลยนะ จัดการคนพวกนั้นได้หมดทุกคน... น่าสนใจจริงๆ”

เขาหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเริ่มหงุดหงิดแต่ยังพยายามเพิกเฉย เธอพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกซึ้ง

“ถ้าเราได้ทำงานด้วยกัน ฉันว่าคงช่วยกันได้เยอะเลยนะ ฉันหาข้อมูล เธอลงมือจัดการ หรือ เธอจะทำทั้งสองอย่างก็ได้นะ เดี๋ยวงานเอกสารฉันจัดการเอง”

เอรอสหยุดกึก หันกลับมามองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว ความรำคาญฉายชัดบนหน้า

“ถ้าอยากได้คู่หูนักล่ะก็ ไปหาคนอื่นเถอะ ฉันไม่สนใจ”

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ โดยไม่ได้แสดงท่าทีโกรธหรือเสียใจแม้แต่น้อย เธอยังคงเดินตามราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ก็ได้ ไม่ต้องรีบตัดสินใจหรอกหน่า แต่บอกฉันหน่อยสิว่าเธอฝึกฝนแบบนี้มาจากไหนกัน? หรือเธอทำแบบนี้เป็นงานประจำ?”

เอรอสถอนหายใจหนักๆ หยุดเดิน หันกลับมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา แววตาแสดงถึงความเบื่อหน่าย

"ทำไมถึงต้องมายุ่งกับฉัน? ไม่ไปถามพวกที่นอนสลบอยู่ตรงนั้นล่ะ? พวกนั้นต่างหากที่ควรไปสอบปากคำ ไม่ใช่ฉัน” เอรอสพูดเสียงแข็ง ใบหน้าเริ่มแสดงความไม่พอใจ

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ฉันก็ว่าจะไปถามเหมือนกัน… แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องราวดีกว่าพวกเขานะ”

เธอเฝ้ามองเขาด้วยสายตาท้าทายพลางรอดูว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร

เอรอสถอนหายใจยาวด้วยความหงุดหงิด รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ช่างเซ้าซี้เสียเหลือเกิน

“ฟังนะ เงินนี่เป็นของฉัน ฉันดักรอพวกมันมานานแล้ว ถ้าเธออยากได้คืนก็ไปเอากับพวกนั้นเอง”เขาตอบเสียงห้วนๆ พลางเร่งฝีเท้าหวังจะเดินหนี

แต่หญิงสาวยังไม่ลดละ เดินตามเขาด้วยท่าทางผ่อนคลาย และ รอยยิ้มที่ยังไม่หายไปไหน

“โอเคๆ ไม่ต้องเล่าทุกอย่างหรอก แต่พวกเขาคงมีพวกอยู่ที่อื่นอีกใช่ไหม? คงไม่หมดแค่นี้หรอกเนาะ?” เธอลองหยั่งเชิงถามอย่างท้าทาย

เอรอสพยายามเพิกเฉย แต่เธอยังไม่ยอมหยุด

“หรือว่าเธอเก่งจนพวกนั้นไม่กล้าโผล่มาอีก?" น้ำเสียงเธอแฝงแววขบขัน "ท่าทางเธอจะเป็นคนมีชื่อเสียงแถวนี้สิน่ะเนี่ย”

เอรอสเหลือบตามองเธอด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเยาะเย้ย

“คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอต้องการอะไร? อยากได้ข้อมูลพวกมันล่ะสิ? หาเอาเองเถอะ” น้ำเสียงเขาฟังดูเฉียบขาด

หญิงสาวยิ้มบาง ส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันแค่อยากให้ที่นี่ปลอดภัยขึ้นต่างหาก ถ้าเธอช่วยอีกแรง คนแถวนี้อาจจะขอบคุณเธอด้วยซ้ำน่ะ”

“งั้นให้พวกเขาขอบคุณเธอเองเถอะ ฉันไม่เกี่ยว”เอรอสตอบเสียงเรียบ เดินเร่งฝีเท้าไปอีก แต่หญิงสาวยังคงตามไม่ห่าง

“อย่างน้อยก็บอกหน่อยสิ พวกที่เหลืออยู่ที่ไหน? ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องรู้เรื่องราวแถวนี้ดีกว่าใครๆ” เธอยังถามต่อด้วยความไม่ลดละ

เอรอสหยุดกึก หันกลับมามองเธออย่างเหนื่อยหน่าย

“อย่าพยายามลากฉันไปช่วยงานของพวกเธอ ฉันมีเรื่องของฉันเองที่ต้องทำ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มแฝงความชัดเจนว่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยว

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนยักไหล่ “ก็ได้… ไม่ได้จะบังคับหรอก แต่ถ้าเจออะไรอีก ก็อย่าลืมบอกกันบ้างนะ อนาคตฉันอาจจะช่วยเธอได้”

เอรอสยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก

“ก็ได้ จะไปไหนก็ไป ฉันมีเรื่องต้องทำ” เอรอสหันหลังและก้าวเดินต่อ พยายามเร่งฝีเท้าให้ห่างจากเธอ

หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างสงบ แต่แววตายังคงเจือด้วยความท้าทาย

“แล้วเจอกันใหม่น่ะ... คุณหมาป่าเดียวดาย”

เอรอสชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง หันกลับมามองเธอด้วยสายตาไม่เชื่อหูตัวเอง เขาหลุดหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียว

เธอมองตามเขาด้วยความพอใจ ในใจรู้สึกสนุกที่ได้ตั้งชื่อให้เด็กหนุ่มผู้ลึกลับคนนี้ ราวกับเพิ่งได้ตั้งชื่อให้ตุ๊กตาตัวโปรด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status