Beranda / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

Share

ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

Penulis: Abyssgloom
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-16 08:03:44

โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดา

พื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุด

คาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆ

เธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้

แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

มือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบไม่พร่องเลยตั้งแต่วางไว้

“ยินดีต้อนรับ… ไม่ได้เจอกันนานพอสมควรเลย” เสียงของเธอนุ่มลึก แฝงด้วยอำนาจเล็กน้อย

โจชัวหยุดยืนอยู่กลางห้อง แววตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววประหลาดใจเพียงครู่ ก่อนจะกลับเป็นเรียบนิ่งอีกครั้ง เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่ก้าวเข้าไปใกล้เธอ ชั่วขณะหนึ่งเงาของเขาและเงาของเธอซ้อนทับกันบนพื้นไม้

เขาค้อมศีรษะเล็กน้อย คล้ายเป็นการแสดงความเคารพ

“คุณเรียกผมมา…มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”

คาร์ลินวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างเบามือ เสียงกระทบถ้วยกับจานรองแผ่วเบาจนแทบจะไร้เสียง เสียงเดียวที่ดังกว่าคือเสียงนาฬิกาแขวนผนังที่เดินเป็นจังหวะเนิบช้า

“เมื่อคืน…เรย์นาร์คได้ไปหาคุณใช่ไหมคะ?”

คำถามของเธอเรียบง่าย ไม่มีแววตำหนิหรือกดดัน หากแต่แฝงความรู้สึกบางอย่างที่จับต้องไม่ได้ มันทำให้คิ้วของโจชัวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

เขาไม่ได้ตอบในทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย — ความไม่พอใจบางอย่างฉายผ่านแววตา ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เขาเริ่มรู้สึกว่ามีแต่เรื่องของชายที่ทำให้เขาอารมณ์เสียคนนั้นอยู่ในหัว

‘อีกแล้วเหรอ…เรื่องของหมอนั่น’

เมื่อคืนเขาเพิ่งถูกเรย์นาร์คปั่นหัวจนแทบคลั่ง แต่ท้ายที่สุด ชายคนนั้นกลับทิ้งคำพูดง่ายๆไว้เพียงว่า ‘ถือว่าหนี้บุญคุณหายกัน’ ราวกับเรื่องทั้งหมดไมไ่ด้สำคัญอะไร

“…ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น” เขาตอบหลังจากปล่อยให้ความเงียบทอดผ่านไปชั่วครู่ ดวงตาฉายแววระแวดระวัง เขาไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวตรงหน้า กับเรย์นาร์คนั้นลึกซึ้งแค่ไหน แต่ยังไงหมอนั้นก็ได้บอกให้เขาทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะงั้นเขาก็ไม่สามารถบอกเธอได้

คาร์ลินพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้โต้เถียง ไม่แสดงความไม่พอใจใดๆ ท่าทีของเธอยังคงสงบนิ่งดังเดิม แม้แววตาจะมีบางอย่างฉายแววครุ่นคิด

“ฉันเข้าใจค่ะ… งั้นเปลี่ยนเรื่องละกัน” เธอกล่าว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ข้างตัว แล้วยื่นส่งให้

โจชัวรับมาอย่างลังเล นิ้วมือข้างหนึ่งสอดใต้ปกแฟ้มแล้วเปิดออก หน้าแรกคือภาพถ่ายชายหนุ่มคนนึง ดวงตาสีเทาคมกริบจ้องตรงมายังกล้องอย่างเฉยเมย ผมของเขาถูกจัดทรงไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมกับชุดของทางการ ปรากฏชื่อใต้ภาพว่า “เอรอส”

เขากวาดสายตาอ่านข้อมูลใต้ภาพด้วยสีหน้าครุ่นคิด — อดีตนักสืบเอกชน ผู้เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน มีตราประทับรับรองการตายจากหอคอยจอมเวทย์ไว้ด้วย

เขาเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลินอย่างสงสัย พยายามคาดเดาเจตนา บ่อยครั้งที่มีการจัดฉากการตายปลอมๆ และ ส่วนมากคนที่ทำแบบนี้ เบื้องหลังมักจะมีประวัติที่ไม่ดีนัก เพราะงั้นเจตนาน่าจะเป็น…..

“คุณต้องการให้ผมจัดการเขา?” เขาถามตรงๆ

เธอส่ายหน้าทันที

“ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการให้คุณ ‘จัดการ’ ใครทั้งนั้น”

น้ำเสียงของเธอราบเรียบ แต่แฝงแววบางอย่างที่ยากจะอธิบาย

เธอหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่ออย่างมั่นคง

“เขาคือเรย์นาร์คที่คุณรู้จัก — นี้คือตัวตนที่แท้จริงของเขาค่ะ”

ดวงตาของโจชัวเบิกขึ้นเล็กน้อย ข้อมือที่ถือแฟ้มสั่นไหวเพียงนิด ความเงียบปกคลุมห้องราวม่านหมอกที่โรยตัวลงอย่างรวดเร็ว

“…อะไรนะ…? เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงของเขาเบา แหบพร่า แฝงความตกใจอย่างไม่ปิดบัง

เขานิ่งไปพักใหญ่ สายตาจ้องภาพถ่ายบนแฟ้มอย่างไม่วางตา

“นี่มัน…หมายความว่ายังไง”

เขาเม้มริมฝีปากแน่น ลมหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ

“ขอเวลาอ่านให้ละเอียดหน่อย…ได้ไหมครับ”

คาร์ลินพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ไม่มีท่าทีรีบเร่งแม้แต่น้อย

“ได้สิคะ…ฉันรอได้เสมอ”

โจชัวไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตากลับยังคงตรึงแน่นอยู่ที่ภาพถ่ายตรงหน้า แววตานิ่งขรึมของเขาทอประกายระแวดระวังด้วยความไม่เข้าใจ

ใบหน้าของชายหนุ่มที่เขาพบเมื่อคืน อาร์วิน แคร์นัส คู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรน ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสองสัปดาห์ก่อนปรากฏขึ้นในหัว เป็นรูปลักษณ์ที่เขาปรากฏตัวในตอนแรกในค่ำคืนที่ผ่านมา

ตอนแรกเขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ทำไมชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ถึงได้มาหาเขาในตอนกลางคืน แทนที่จะเป็นเรย์นาร์คที่นัดกันไว้ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่เคยเห็นตรงหน้าเขา เขาก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

แม้ตลอดเวลาเขาจะอารมณ์ไม่ดีนัก อีกทั้งยังถูกอีกฝ่าย “ตัดความสัมพันธ์” อย่างไม่ให้ทันตั้งตัว...จิตใจจึงไม่เปิดรับอะไรดี แต่ในยามนี้ เมื่อได้นั่งเผชิญหน้ากับความจริงซึ่งถูกพิมพ์ไว้ในหน้ากระดาษตรงหน้า มันกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างในสมองของเขาถูกเปิดออก

“แสดงว่าเขา...มีพลังเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้…”

เสียงพึมพำต่ำดังออกจากลำคอ เขาขยับตัวเล็กน้อย เอนหลังพิงเก้าอี้แต่ยังไม่ละสายตาจากเอกสาร

ชื่อจริง: เอรอส

อาชีพเดิม: นักสืบเอกชน (สถานะ: เสียชีวิตแล้ว)

อายุ: 22 ปี

ดวงตาของโจชัวสั่นไหววูบเล็กน้อย ขณะความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว—‘เขา...อายุน้อยกว่าฉัน?’

เขาเชื่อเสมอว่าเรย์นาร์คต้องเป็นบุรุษมากวัย ผ่านประสบการณ์ร้อยพันมาแล้ว ด้วยกิตติศัพท์ของ “จอมเชือด” ที่สะท้านโลกมานานเกือบสามทศวรรษ สีหน้าเยือกเย็น และการเคลื่อนไหวที่ไร้ช่องโหว่—สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีได้

แต่นี่…กลับเป็นคนคนเดียวกัน

โจชัวขมวดคิ้ว เอกสารในมือถูกบีบแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาเงียบอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะไล่สายตาอ่านต่อ…จนสะดุดเข้ากับประโยคที่ทำให้ลมหายใจของเขาชะงักเล็กน้อย

“เป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดันเจี้ยนถล่มเพียงคนเดียว แต่ตอนเข้าไปอายุเพียง 10 ปี หายไปเพียงวันเดียว—ออกมากลับอายุ 12 ปี”

“…อะไรนะ?” เขาขมวดคิ้วแน่น พลิกกระดาษอีกหน้า ริมฝีปากขยับช้าๆ ราวกับพึมพำตามตัวอักษร

ดวงตานิ่งค้างอยู่ตรงบรรทัดนั้นนานกว่าปกติ ลึกลงไปในแววตา ปรากฏเงาของความสงสัย และ ความไม่เข้าใจ

“เมื่อออกจากดันเจี้ยน ความทรงจำบางส่วน และเส้นพลังเวทในร่างได้หายไปโดยไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก”

“มีผู้คนในเมืองกล่าวหาว่าเขาอาจไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น ‘บางสิ่ง’ ที่สวมรูปลักษณ์มนุษย์เข้ามา และ ต้นเหตุของโศกนาฏกรรมดันเจี้ยนถล่ม…. อย่างไรก็ตาม เพราะว่าไม่ได้มีพิษภัยอะไร และ ได้มีการพิสูจน์ร่างกายแล้ว ข้อกล่าวหานี้จึงถูกปัดตกไป”

บรรยากาศในห้องเหมือนจะเงียบลงไปอีกระดับ เสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินกลายเป็นสิ่งเดียวที่ยังขยับอย่างมั่นคง

โจชัวผ่อนลมหายใจออกอย่างหนักหน่วงขณะคิดในใจ—

‘…นั่นสินะ ถ้าไม่มีพลัง ใครจะสนใจว่าเขาคืออะไร แต่ถึงขั้นมีคนกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรม...ก็เกินไปหน่อย’

เขาเลื่อนสายตาอ่านต่อไป จนมาหยุดที่อีกหน้าหนึ่ง—หัวข้อใหม่ที่ถูกขีดเส้นไว้ด้วยปากกาสีแดง

“เหตุการณ์ไฟไหม้ตระกูลวัลธอเรน ช่วงอายุ 14 ปี มีผู้บุกรุกเข้าไปหมายสังหาร ลูกสาวของตระกูลผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียว แต่ล้มเหลว ลือกันว่าคนร้ายคือ ‘จอมเชือด’หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน กลับพบเด็กชายคนนั้นอยู่บริเวณชายป่า คาดเดากันว่าเขาถูกลักพาตัวหลังจากล้มเหลวในการสังหาร แต่เพราะว่าไม่มีประโยชน์ในฐานะตัวประกัน และ สิ่งแลกเปลี่ยน จึงถูกทิ้ง”

“อย่างนี้นี่เอง...ถึงว่า...”เสียงพึมพำแผ่วเบาดังลอดไรฟัน ขณะชายหนุ่มผู้แบกรอยแผลในอดีตทอดสายตามองกระดาษตรงหน้า

“ถึงว่าทำไมข่าวลือเกี่ยวกับจอมเชือดถึงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง...ราวกับเป็นคนละคน”

โจชัวเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากช้าๆ แววตาฉายแววครุ่นคิด ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่ในหัวเขากำลังเชื่อมโยงเส้นใยความทรงจำกับข่าวลือมากมายที่เคยได้ยินผ่านมาเป็นเส้นตรงเดียวกัน

ชื่อเสียงของ “จอมเชือด” ปรากฏขึ้นเมื่อประมาณ 25 ปีก่อน ในตอนนั้น จอมเชือดยังเป็นเพียง เด็กชายที่มีอายุเพียง 10 ปี ขื่อเสียงของเขาไม่ได้มาจากเวทมนตร์ หรือ ทักษะการต่อสู้ แต่มาจาก “พลังการฟื้นฟู” ที่ผิดมนุษย์อย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะโดนฟัน โดนแทงกี่ครั้ง ก็ลุกขึ้นได้เสมอ ไม่มีแม้เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เหมือนร่างกายไม่มีความรู้สึกเหล่านั้น ราวกับเกิดมาไม่เคยมีมันอยู่”

และยิ่งผิดธรรมชาติมากขึ้นไปอีกคือ “พลังกาย”ในตอนนั้น—แขนเล็กๆกลับมีแรงบดขยี้กระดูกผู้ใหญ่ที่เสริมพลังเวทย์ได้ราวกับกิ่งไม้แห้ง

การสังหารแต่ละครั้งทิ้งไว้เพียงรอยแผลเดียวที่แม่นยำราวกับไม่ต้องการให้ตัวเองเปื้อนเลือด ไม่มีเหยื่อคนใดหนีรอดไปได้ แต่การสังหารแต่ล่ะครั้งกลับไม่มีผู้บริสุทธิ์มาเกี่ยวข้อง ในหมู่มือสังหารระดับสูง...ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ “จอมเชือด”

...แต่ข่าวลือที่น่าสนใจที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องฝีมือ หากแต่เป็น "การเปลี่ยนแปลง"

ราว 10 กว่าปีต่อมา พฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยน กลายเป็นจอมสังหารโหดเหี้ยม ผู้ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง การโจมตีด้วยความบ้าคลั่ง ไร้จุดหมาย ราวกับเครื่องจักรสังหารที่ไร้เหตุผล แต่สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ราวๆ 7–8 ปีก่อน

เขากลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อฆ่า แต่เพื่อ “สังหารความอยุติธรรม”

ข่าวลือกระซิบกันว่า เขาไล่ล่าองค์กรลับ ปราบปรามกลุ่มค้ามนุษย์ ถล่มเครือข่ายทาสในพื้นที่รกร้าง และแม้ข่าวเหล่านั้นจะไม่มีการยืนยัน แต่ก็มีพยานหลายคนที่รับรองว่าเป็นเขาจริงๆ แม้จะไม่มีหลักฐานก็ตาม

โจชัวลูบนิ้วไปตามขอบกระดาษเบาๆ ขณะหรี่ตาลง พลิกเอกสารหน้าใหม่ช้าๆ ดั่งคนที่ไม่แน่ใจว่าควรจะรู้ความจริงต่อไปหรือไม่

“ตอนอายุ 16 ปี หลังจากถูกขับไล่ออกจากตระกูล การรับรองตัวตนก็ถูกยกเลิก”

เขาหยุดนิ่งอยู่ตรงประโยคนั้นนานกว่าปกติ แววตาที่เคยอ่านอย่างรีบร้อนกลับเงียบลง ราวกับใจหนึ่งกำลังย้อนกลับไปคิดถึงภาพในอดีต

ในสังคมนี้ การไม่มี “การรับรองตัวตน” คือคำพิพากษาทางสังคม ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนเมือง ไม่มีบันทึกการเกิด ไม่มีหลักฐานการศึกษา ไม่มีสิทธิ์ใดๆ แม้กระทั่ง “สิทธิ์ที่จะมีชีวิตในเมือง”

พวกเขากลายเป็น เงา สิ่งมีชีวิตที่ระบบไม่ยอมรับ ไม่สามารถเรียน ไม่สามารถทำงาน ไม่สามารถรักษาตัว ไม่สามารถซื้อหรือเช่าที่อยู่ได้

“...ก็แค่เงาเดินดิน...รอวันตายอย่างเงียบเชียบในสลัมที่สักวันก็จะถูกลืม”

จนกระทั่ง หญิงสาวผู้หนึ่ง เธอที่ซึ่งชื่อของเธอถูกลบออกไปจากกระดาษ ได้เข้ามารับรองตัวเขาในตอนนั้น

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-16
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 1 ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

    เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจนตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาย และ หญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็ก และ ไร้เสียงท่ามกลางความโกลาหลนี้ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขาราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้นเสียงเบาๆของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขาทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ"นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชายเด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขี

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 2 ด้านมืดของรุ่งอรุณ

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบสีดำสนิทออกมา มันเป็นชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต—เสื้อเชิ้ตพอดีตัวเน้นความคล่องตัว และเสื้อโค้ทยาวที่ชายเสื้อจรดสะโพก ด้านในบุซับกันหนาวและมีกระเป๋าลับซ่อนอยู่หลายจุด เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในงานเฉพาะทางของเขาเมื่อสวมชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำขึ้นมาเพื่อดับกระหาย แต่ทันทีที่สัมผัสเขาก็ชะงัก อุณหภูมิของมันอุ่นเกินไป ตู้เย็นไม่ทำงานเหมือนเคยเขาเลิกคิ้ว สายตาคมจ้องไปยังแหล่งพลังงานด้านหลังตู้เย็น ก่อนจะเปิดช่องเล็กๆ ออกมา ข้างในมีแก่นพลังเวทย์ขนาดเล็กที่เคยเปล่งแสงสีเหลืองอ่อน แต่ตอนนี้กลับซีดจางจนแทบไร้สี บ่งบอกว่าพลังงานในนั้นหมดสิ้น“หมดอีกแล้วสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่เตียง ยื่นมือไปใต้ฐานเตียงแล้วหยิบแก่นสำรองที่ซ่อนไว้ออกมามือหนึ่งถือแก่นที่ซ่อนเอาไว้ ส่วนอีกมือจับแก่นที่หมดพลังงาน เขาจัดท่าทางให้มั่นคง ระบายลมหายใจยาวช้าๆ ขณะที่เริ่มถ่ายเทพลังเวทย์จากแก่นหนึ่งไปสู่อีกแก่นหนึ่งกระแสพลังงานไหลเวียนจากฝ่ามือของเขาเหมือนน้ำในลำธารสงบ แก่นที่เคยซีดจางค่อยๆ เปลี่ยนสี

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 3 อำนาจสามตระกูล

    ขณะที่ชายหนุ่มก้าวไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่ที่ทำงานอย่างคุ้นเคย ภาพของพวกทาสในรถม้าคันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ใบหน้าอ่อนล้าของพวกเขาสะท้อนความหมดหวังอย่างเงียบงัน ทว่าเพียงพริบตาเดียวที่เขาได้เห็น มันกลับฝังลึกในความคิดหากย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน รถม้าแบบนี้คงไม่มีทางเข้ามาถึงเมืองได้อย่างแน่นอน พวกเราสองคน เคยร่วมกันตระเวณทำลายเครือข่ายค้าทาสในทวีปจนราบคาบ ทำให้ชื่อเสียง และ ตัวตนของ "จอมเชือด" เป็นที่หวาดกลัว และ โจษจัน จนพวกมันไม่แม้แต่จะกล้าเอาเรือเฉียดเข้ามาในทวีปด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นับตั้งแต่ตอนที่เธอหายตัวไปพลังที่เขาใช้สร้างชื่อเสียง และ ความหวาดกลัวนั้นไม่ใช่ของเขาเอง แต่มาจากตัวตนที่เขาเคยใช้พลังกลืนกินเมื่อเกือบสิบปีก่อน ในตอนที่ยังอยู่ในตระกูล แม้เหตุการณ์จะผ่านมานาน แต่จิตวิญญาณของมัน ก็ยังคงติดอยู่ในตัวเขา และทุกครั้งที่เขาใช้พลังนั้น มันก็จะทิ้งร่องรอย และ ความเสียหายไว้ในจิตใจเสมอเมื่อก่อนเธอเป็นเหมือนกำลังใจสำคัญ ทุกครั้งที่เขาเริ่มถูกครอบงำ เธอจะดึงเขากลับมา แต่เมื่อไม่มีเธอ ทุกอย่างก็เหมือนจะพังทลาย พลังนั้นเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน มันกลับต่อต

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 4 ปลายทางของอุดมคติ

    ชายหนุ่มก้าวเข้าสู่ห้องทำงานในแผนกสืบสวน แสงอ่อนจากหน้าต่างสูงเพียงจุดเดียวพาดลงบนพื้นไม้เย็น เงาทอดยาวไปบนความว่างเปล่ารอบตัว เขากวาดสายตามองรอบห้อง—โต๊ะเก้าอี้จัดเรียงอย่างเรียบร้อยแต่ไร้ชีวิต ราวกับมีเขาคนเดียวที่มาที่นี้สายตาเหล่มองนาฬิกาบนฝาผนัง ก่อนจะพึมพำเบาๆ “เรียกมาตั้งแต่เช้า แต่ไม่เห็นโผล่หัวออกมาสักตัว อะไรกันว่ะเนี่ย?” เสียงสะท้อนกลับมากระทบห้องว่างเปล่ามือเอื้อมหยิบลูกบอลแสงสีทองจากกระเป๋าหนัง มันเปล่งแสงสลัวคล้ายจันทร์คืนมืด ก่อนจะถูกวางลงบนแท่นเล็กที่โต๊ะ สัญญาณแสงสีฟ้ากะพริบขึ้นช้าๆ เป็นจังหวะบอกว่าการรายงานตัวเสร็จสมบูรณ์ แต่ความเงียบยังคงปกคลุมทั่วบริเวณโดยรอบชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินไปตามทางเดินเล็กมุมห้องที่นำไปสู่ห้องทำงานส่วนตัว ห้องนั้นเล็ก และ อับแต่สงบ โต๊ะไม้เก่าเต็มไปด้วยฝุ่นและกองเอกสารที่วางกองกันอยู่ มุมหนึ่งยังมีปากกาดินสอที่เริ่มกร่อนตามกาลเวลา บ่งบอกถึงการถูกทิ้งร้างเขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แขนกอดอกแน่น สายตาจ้องเอกสารบนโต๊ะที่ดูเหมือนถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายในรายงานคือข้อมูลการหายตัวไปของจอมเวทย์หนุ่มสาวจากตระกูลขุนนา

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 5 เมื่อหมอกทับซ้อนความจริง

    เอรอสเดินงัวเงียผ่านซอกซอยในย่านเมืองหลวง หลังจากที่ไปพบกับกลุ่มผู้เสียหายที่เพิ่งถูกพบตัวไม่นาน หลายคนให้ความร่วมมือกับเขาด้วยท่าทางอ่อนล้า เหมือนยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เต็มที่ บางคนแม้จะมองเห็นเขาอยู่ตรงหน้า แต่ก็เหมือนสายตาล่องลอยออกไปที่อื่นขณะที่เอรอสคุยกับพวกเขา เขาสังเกตได้ว่าความทรงจำที่ขาดหายไปนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ช่วงเวลาที่พวกเขาหายตัวไปเท่านั้น แต่ยังมีบางส่วนของเหตุการณ์ก่อนการหายตัวที่ดูเหมือนจะถูกลบออกไปด้วย ผู้เสียหายแต่ละคนต่างจำเหตุการณ์หรือสถานการณ์ก่อนหน้าของตัวเองได้เพียงลางๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาสูญเสียช่วงเวลาสำคัญของตัวเองไปแม้ว่าการสอบปากคำจะไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่สำคัญ แต่เอรอสยังพอจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง—ร่องรอยของมานาที่ดูแปลกประหลาด แผ่กระจายอำนาจและพลังที่ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของโลก ในนั้นมีความรู้สึกอันรุนแรงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ชัดเจน ราวกับเป็นอำนาจที่สามารถหักล้างทุกกฎที่เคยรู้จักหนึ่งในตัวตนที่เขานึกถึงก็คือแม่มด ผู้ที่ลือกันว่าเป็นผู้เดียวที่มีพลังสามารถดัดแปลงและฝืนกฏเกณฑ์ของโลกได้ เอรอสจดบันทึกข้อมูลนี้ไว้ในใจ พลางเดินเปร

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 6 ผู้เฝ้าแห่งโดม

    เสียงบางอย่างแว่วมาแต่ไกล ราวกับคลื่นทะเลกระทบชายฝั่ง มันไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย แต่กลับปลอบโยนอย่างน่าประหลาด สติของเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นจากความมืดมิด ดวงตาที่พร่ามัวลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า เหมือนยังติดอยู่ในห้วงฝันที่ยาวนานเขาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่สิ่งที่สัมผัสได้ คือความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ร่างที่เคยเล็กและอ่อนแอกลับมาหนักแน่น นิ้วมือที่เคยเหมือนเด็กเล็กบัดนี้เรียวยาวและหยาบกร้าน รอยแผลที่คุ้นเคยปรากฏบนผิวอย่างชัดเจน มันเป็นหลักฐานของชีวิตที่เขาเคยมีเขาค่อยๆลุกขึ้นยืน ขาที่มั่นคงและร่างกายที่สมส่วน ทำให้เขารู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่หายไปนาน ชุดเสื้อโค้ทสีดำและกางเกงขายาวกลับคืนมาราวกับมันไม่เคยหายไปไหน ความคุ้นเคยที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสของเนื้อผ้า ทำให้เขารู้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง ไม่ใช่ภาพหลอน"เกิดอะไรขึ้น..." เขาพึมพำ เสียงแหบแห้งแต่หนักแน่นกว่าที่เคยเป็นเมื่อมองไปรอบตัว เขาเห็นเพียงหมอกดำหนาทึบที่ปกคลุมทุกสิ่ง แต่ในความมืดนั้น มีบางสิ่งดึงดูดสายตา โดมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านกลางความมืด โครงสร้างสีขาวมุกสะท้อนแสงเลือนรางจากหมอก มันดูทั้งน่าค้นหาและน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกันชาย

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 7 หัวใจต้องห้ามของจอมปราชญ์

    สายลมเย็นพัดผ่านศาลาหินกลางป่า หญิงสาวนั่งบนม้านั่งหิน ท่าทางสงบนิ่ง ข้างกายของเธอคือกรงนกเหล็กที่บรรจุหัวใจสีแดงสดเอาไว้ สายตาสีน้ำเงินเข้มของเธอจับจ้องผู้มาเยือนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทว่าบรรยากาศรอบตัวกลับกดดันราวกับถูกตรวจสอบจากดวงตานับพันมวลมานาอันเข้มข้นปกคลุมทั่วบริเวณ พลังเวทย์ที่แฝงความกดดันจนทำให้รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในกระดูก"นายเข้ามาได้ยังไง?" เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตาไม่ละไปจากเขา "ยังไม่ถึงเวลาทดสอบเลย...ทำไมถึงเข้ามาที่นี้ได้?"คำพูดนั้นทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ยังคงเลือกที่จะเงียบ เธอยิ้มบางๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้านายไม่อยากตอบ ฉันจะไม่บังคับ" เธอเอนตัวพิงพนักม้านั่ง "ดูเหมือนนายจะสงสัยว่าที่นี้คืออะไร….เห็นแก่ความกล้านั้นของนาย ฉันจะยอมให้ถามก่อนก็ได้"หลังจากครุ่นคิด เขาเอ่ยคำถามขึ้น "การทดสอบที่ว่าคืออะไร?"เธอหัวเราะเบาๆ ราวกับพบเรื่องที่น่าสนใจ "นายเข้ามาโดยที่ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ?"สายตาของเธอกวาดมองเขา ก่อนหยุดนิ่งอย่างครุ่นคิด "น่าสนใจ... ในตัวนายไม่มีร่องรอยพลังเวทย์หลงเหลืออยู่เลย… ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีอยู่แท้ๆ"น้ำเสียงราบเรียบแฝงความกดดันของเธอทำให้บรรยากาศ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28

Bab terbaru

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 39 ชื่อของฉันคือ....

    โพรงหินขนาดมหึมาขยายตัวออกเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปในความมืด เสาหินโบราณตั้งเรียงรายตามระเบียงทางเดินสูงต่ำ ราวกับขั้นบันไดแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาแต่แทนที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงซากโบราณสถานที่รกร้าง กลับมีเหล็กกล้าสนิมเขรอะ ปราการคุมขัง และกรงเหล็กที่แขวนห้อยอยู่ตามแนวผนัง บ่งบอกว่ามันได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคุกใต้ดินอันโหดร้ายและในตอนนี้—มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปรอะไปด้วยเลือดเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนจากกำแพงหินขรุขระ ขณะที่เหล่าผู้ช่วยเหลือนำกลุ่มทาสเด็กที่รอดชีวิตฝ่าความเงียบสงัดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เปลวไฟริบหรี่สาดเงาทอดยาวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบสีแดงฉาน"อย่าหันไปมองรอบๆ มุ่งหน้าต่อไป" เสียงกระซิบดังขึ้นเป็นระยะๆจากเหล่าผู้นำทางเด็กหลายคนก้มหน้าลง มองเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้นหินเย็นเยียบ แต่ความอยากรู้อยากเห็น และกลิ่นเลือดคาวคลุ้งที่อบอวล ทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองรอบด้านร่างของผู้คุมถูกแขวนคว่ำอยู่กับเสาหิน ศพของพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยหอกและดาบ บางร่างถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนบันไดหินที่ทอดยาวลงไปสู่ระดับลึกกว่า เลือดไหลเป็นทา

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 38 บทเพลงของ ขวานสีทองและเสียงกรีดร้อง

    เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดชะงักกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เพียงชั่วพริบตาแล้วร่างนั้นก็พุ่งผ่านเธอไปรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองทัน—ราวกับสายลมสีดำที่พัดผ่านไปเงียบงันเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะทันหันไปมอง ขวานสีทองตวัดฟาดลงอย่างไร้ความลังเล เสียงเนื้อฉีกสะท้อนก้องในอากาศ ลำคอของชายคนแรกถูกกรีดขาดสะบั้น เลือดพุ่งเป็นสายสาดกระเซ็นลงบนกำแพงหินเย็นเฉียบ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงราวกับหุ่นเชิดที่ขาดด้าย ร่างนั้นปรากฏตัวกลางวงศัตรู ราวกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากความมืดเหล่าผู้คุมที่เหลือแข็งค้าง—ลมหายใจขาดห้วงในอก พวกมันพึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังกลืนกินแต่ไม่ทันแล้วชายสองคนที่อยู่ใกล้สุดตั้งสติได้ก่อน เงื้อดาบหมายจะสังหาร ทว่าเสียงโลหะเฉือนเนื้อดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะฟันลง ขวานสีทองพุ่งเป็นแนวเฉียง ตัดทะลุร่างทั้งสอง รอยแผลฉีกลึกถึงกระดูก เลือดร้อนๆ กระเซ็นเปรอะเต็มพื้นหินเสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจากพวกด้านหลัง—แต่เขาเร็วกว่าพวกมันขวานถูกเหวี่ยงออกไปด้วยพลังและความแม่นยำ ปักเข้ากลางอกของนักเวทย์คนหนึ่งเต็มแรง เสียงเนื้อฉีกกระชากดังก้องในอากาศ ร่างนั้นทรุดลง มือขาวซีดสั่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 37 ความฝันของนกในกรง

    เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่าเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวี

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 36 ข้อตกลงใต้แสงไฟ

    ห้องทำงานของโจชัวยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แสงจากโคมไฟด้านบนส่องวูบไหวไปตามผนังห้องที่เรียงรายด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอย่างบิดเบี้ยว ราวกับมีบางสิ่งกำลังคืบคลานในความมืดโจชัวยืนพิงโต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งกำปากกาแน่นจนปลายเล็บซีดขาว ส่วนอีกข้างวางทับลงบนหนังสือเวทมนตร์เก่าๆที่เปิดค้างไว้ หน้าเอกสารเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และสูตรเวทที่ซับซ้อนซึ่งสะท้อนแสงแวววาวตรงหน้าของเขา—ชายวัยกลางคน ผิวสีแทน ผมสีเทา ดวงตาสีแดงฉาน กำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เรย์นาร์ค ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน ราวกับเงาที่โผล่จากความมืด ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มขุนนาง แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปลักษณ์ที่เขาเคยเจอในอดีตโจชัวมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแต่ก็ยังคงระแวดระวัง"นี่มันอะไรกัน? รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้คืออะไร? คุณเปลี่ยนร่างได้งั้นเหรอ?"เรย์นาร์คไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองมา สายตาของเขาเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่หนักอึ้ง ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตอบคำถามของนาย"น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาเหมือนมือที่กดลงบนไห

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status