Beranda / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

Share

ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

Penulis: Abyssgloom
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-16 08:32:18

“ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด

“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”

เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง

“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย

“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”

เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”

“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่

“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เราถึงจะสามารถประกาศต่อสาธารณชน พร้อมๆกับกำจัดข่าวลือพวกนั้นได้”

เขาหยุดหายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

“และที่สำคัญ... พวกเราต้องการรู้ให้แน่ชัด ว่าท่าน…. ผู้ที่ครอบครองหัวใจของจอมปราชญ์มีอัตลักษณ์พลังเวทย์ประเภทใด และได้รับผลกระทบเช่นไรจากมันบ้าง”

ดวงตาของจอมเวทย์เฒ่าหรี่ลงเล็กน้อย ขณะมองตรงไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า โดยไร้ซึ่งความลังเล

“และนั่นอาจเป็นเหตุผลสำคัญ... อาจเป็นเพราะท่านได้สูญเสียพลังประจำตระกูลไป ทำให้ดวงตาของท่านเป็นสีเช่นนี้… อย่างไรเราก็ควรตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อจะบอกให้คนอื่นๆระวังตัวมากขึ้น”

คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย เงาของความลังเลฉายผ่านสีหน้าชั่วครู่ ราวกับความคิดบางอย่างพุ่งกลับมาในหัว

‘สูญเสียอัตลักษณ์พลังเวทย์งั้นหรือ?…. มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ อยู่ในร่างของอาร์วินแล้ว สีของดวงตากลับไม่เปลี่ยน หรือว่ามันไม่เกี่ยวกับร่างกายเลย แต่เป็นสิ่งที่ลึกกว่านั้น?’

‘...หรือเป็นเพราะ กลืนกิน ตอนที่ตายไปแล้ว ร่างกายที่ได้มาก็เลยไม่สมบูรณ์? หากเป็นแบบนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องดวงตานี้ แถมยังใช้เป็นข้ออ้างที่น่าเชื่อถือได้อีกด้วย และที่สำคัญ… มันจะช่วยลดแรงกดดันที่ตระกูลวัลธอเรนต้องแบกรับได้ ก็ไมไ่ด้แย่อะไร’

เขาหลุบตาลง ราวกับไตร่ตรองจบ ก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดแน่น แล้วเอ่ยตอบอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมอ่อนข้อ

“ตกลง ถึงจะไม่แน่ใจว่าอัตลักษณ์พลังเวทย์ถูกขโมยไปจริงๆอย่างที่เห็นรึเปล่า แต่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่”

เอลดริกมองสบดวงตาคู่นั้น ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเย็นลงอย่างสัมผัสได้

“อย่างไรก็ตาม... ถึงแม้ว่าอัตลักษณ์ของท่านจะหายไป แต่ท่านก็ยังใช้เวทมนตร์ได้ปกติ แถมท่านยังถือครองหัวใจของปราชญ์อีก…. มันจะดีกว่านี้ หากท่านสามารถสร้างวงแหวนเวทย์ได้ในเร็ววัน”

ชายชราโน้มตัวเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน

“เพราะฉะนั้น พวกเราจะให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”

เอรอสย่นคิ้ว สายตามองอีกฝ่ายนิ่งงัน ริมฝีปากขยับอย่างไม่รีบร้อน

“ให้ความช่วยเหลือ? หอคอยที่ยึดหลักเป็นกลางมาตลอด... กำลังจะเลือกข้างแล้วงั้นหรอ?”

บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ แรงลมจากหน้าต่างเบาๆ คล้ายเสียดใบไม้ให้ดังยิ่งขึ้นในความเงียบ

เขากล่าวต่อด้วยเสียงเรียบเฉียบ

“ท่านก็รู้สถานะการณ์ของผมในตอนนี้ แรกเริ่มการที่ผมมีหัวใจของจอมปราชญ์ ก็เพียงพอจะยกดับอำนาจเพียงพอแล้ว แต่หากหอคอยที่เป็นกลางเข้ามาสนับสนุนเพิ่มอีก  จะส่งผลต่อสมดุลอำนาจทางการเมืองระหว่างทั้ง 3 อย่างชัดเจน”

“สองตระกูลที่เคยมีอำนาจเหนือกว่า จะถูกตระกูลผู้ปกครองกดลงอย่างเห็นได้ชัด หอคอยที่เป็นกลาง จะยอมเสี่ยง เพื่อขัดแย้งกับอีก 2 ตระกูลจริงๆหรอ?”

แววตายที่เต็มไปด้วยความสงสัย ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้กระทั่งไอลีนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง แต่ยังไม่ทันที่เอลดริกจะเอ่ยตอบ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ

“เครื่องมาถึงแล้วค่ะ”

เสียงของหญิงสาวดังลอดเข้ามาจากด้านนอก ก่อนที่ผู้อาวุโสจะหันมามองเชิงขออนุญาต เอรอสจึงพยักหน้าเล็กน้อย เขาจึงเรียกให้เข้ามาได้

เมื่อประตูเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ร่างของหญิงสาวในชุดคลุมฮู้ดยาวสีเข้มก็ก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง เส้นผมสีแดงเพลิงที่ยาวสลวยแผ่กระจายอยู่ใต้ชายฮู้ด แม้จะพยายามปิดบังแค่ไหน แต่สีสดของมันก็ยังสะดุดตาเกินกว่าจะมองข้าม

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าของหญิงสาวที่ก้มต่ำ หลบสายตาทุกคน เป็นเธอเมื่อตอนนั้น—เฟลิเซีย

เขาจำหญิงสาวได้ในทันที… อดีตลูกศิษย์ที่พบเจอเมื่อหลายปีก่อนในย่านสลัมพร้อมๆกับแม่ของเธอ ก่อนที่จะโดนตระกูลพากลับไปเพราะเห็นถึงพรสวรรค์ คิดว่าน่าจะได้ใช้ชีวิตที่ดีในตระกูล

แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือจัดการกับเธอในตอนนั้น แต่ตอนนี้กลับมีรอยฟกช้ำจางๆบริเวณแก้มด้านขวา ราวกับถูกตบเข้าอย่างแรง

เฟลิเซียไม่พูดอะไรเลย เธอเดินตรงไปยังโต๊ะเล็กตรงกลางอย่างเงียบเชียบ สองมือกุมกล่องไม้อย่างแน่น ข้อนิ้วซีดขาวโผล่ออกมาจากชายเสื้อของเธอที่สั่นไหวเบาๆ ตามจังหวะการหายใจที่สั่นเล็กน้อย เธอพยายามประคองความสงบนิ่ง แต่ฝีเท้าที่ก้าวอย่างไม่มั่นคงและหัวไหล่ที่ไหวเพียงเล็กน้อย ก็บอกว่าเธอกำลังตื่นตัว

“เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม”

เอลดริกหันไปสั่งเสียงเรียบโดยไม่หันไปมอง เธอพยักหน้าตอบเล็กน้อย เปิดกล่องไม้ด้วยความเคยชิน มือเรียวที่ยังคงสั่นน้อยๆ ค่อยๆหยิบลูกแก้วทรงกลม และ แผ่นตราเวทออกมาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

ท่ามกลางความเงียบงัน เขามองเธอพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา โดยไม่เจาะจงมองใคร

“...ไม่คิดว่าคนของหอคอย จะลงมือกับคนของตัวเองอย่างเปิดเผยน่ะเนี่ย”

คำพูดนั้นเรียกให้บรรยากาศเงียบลงอย่างน่าประหลาด เฟลิเซียชะงักมือลงทันที นิ้วเรียวที่กำลังวางผลึกพลันสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบวางสิ่งของที่เหลือลงอย่างรวดเร็ว แล้วถอยกลับไปยืนเงียบอยู่ด้านหลังเอลดริก ราวกับต้องการหลบสายตาทุกคู่ จนแม้แต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังก็สังเกตุเห็นถึงรอยบวมบนใบหน้า

จอมเวทย์เฒ่าเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับไม่คิดจะตอบ แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ สายตาอ่อนลงเล็กน้อย

“ขออภัยที่ให้เห็นภาพไม่น่ามอง... นางทำผิดพลาดบางอย่าง เลยถูกผู้อาวุโสลงโทษ”

เฟลิเซียสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตนเองเป็นหัวข้อสนทนา หัวไหล่เธอหดลงอย่างไม่รู้ตัว สองมือที่ประสานไว้ข้างลำตัวกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ เธอก้มหน้าแนบอก ราวกับกลัวว่าจะมีใครมองเห็นสีหน้าตอนนี้

เขาเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ

“ถามได้รึเปล่า?”

เอลดริกนิ่งคิดเล็กน้อย สีหน้าเขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“ข้าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดนัก... แต่ข้าบังเอิญเดินผ่านตอนที่นางถูกลงโทษ ได้ยินว่าเป็นเพราะนางประมาท เลินเล่อ ไม่ได้ลงอาคมไว้บนตัวนักโทษ ทำให้นักโทษหลบหนีออกไปได้ แถมยังแอบวางยาใส่อาหารผู้คุม เพื่อทดลองยาใหม่ ทำให้ผู้คุมหลายคนท้องเสียพร้อมกัน จนไม่สามารถประจำหน้าที่ได้”

เขาหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ

“และเพราะแบบนั้น… จึงถูกลงโทษอย่างหนัก ข้าสงสาร เลยยืมตัวนางมาใช้งาน เพื่อไม่ให้เจอกับผู้อาวุโสอีกในช่วงนี้”

ผู้อาวุโสพูดจบ สีหน้าก็ดูลำบากใจเล็กน้อย แต่เอรอสที่นั่งฟังอย่างเงียบๆตลอดเวลา นิ่งไปเล็กน้อย ภายในใจกลับเชื่อมโยงเหตุการณ์เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

'วันนั้น ผู้คุมที่ประจำการอยู่ค่อนข้างน้อยเป็นพิเศษ ทำเข้าใจมาตลอดว่า เป็นเพราะตั้งใจจะให้หลบหนี จะได้ทดสอบว่าได้ของรางวัลอะไรมา ก็เลยไม่ได้สนใจ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของเธอ… และนั้นก็หมายความว่าที่หลบหนีมาได้เพราะเธอ’

“แล้ว… จะปล่อยให้หน้าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ น่ะหรอ?”

เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ความไม่พอใจเล็กๆแฝงอยู่ในถ้อยคำ แต่เอลดริกทำแค่ถอนหายใจเบาๆ

“น่าเสียดาย ตอนที่ตบ ผู้อาวุโสใช้พลังเวทย์ผสานเข้าไปด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์รักษาได้ ตอนนี้ต้องรอให้พลังเวทย์ที่แฝงคลายออกตามเวลาเท่านั้น ถึงแม้ว่าข้าจะอยากลงมือช่วย ก็มีแต่จะทำให้มันแย่ลงเท่านั้น”

เอรอสเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ แล้วลุกจากเก้าอี้ไม้ที่นั่งอยู่ เดินตรงไปยังร่างของเฟลิเซียที่ยังยืนก้มหน้า ไม่พูดไม่จาอยู่เบื้องหลัง

เฟลิเซียเห็นฝีเท้าของเขาใกล้เข้ามา ร่างกายพลันตึงเครียดขึ้นทันที มือทั้งสองข้างจิกชายเสื้อแน่นจนสั่น เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นใช้ปลายนิ้วเชิดคางของเธอให้เงยขึ้น สบตากันอย่างตรงไปตรงมา

ใบหน้าที่สวยงามซึ่งถูกปกปิดไว้ใต้ฮู้ด ค่อยๆเปิดเผยให้เห็นรอยช้ำที่ยังคงขึ้นสีแดง เธอหลุบตาลงหลบแววตาของชายตรงหน้า แต่ร่างกายกลับไม่อาจขัดขืนสัมผัสนั้นได้

เอรอสพิจารณาใบหน้าเธออย่างละเอียด เขาเอ่ยเสียงเบา

“ขอเสียมารยาทหน่อยนะ”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและสุภาพกว่าทุกครั้ง จนเฟลิเซียเผลอลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ ดวงตาของเธอสั่นระริก

เขายื่นมืออีกข้างไปแตะแผ่วเบาลงบนแก้มของเธอที่ยังคงขึ้นสีแดง พลังเวทจากเขาไหลออกช้าๆ ผ่านปลายนิ้วอย่างละเอียดอ่อน

รอยแดงบนใบหน้าของหญิงสาวสั่นระริกเล็กน้อย แสงจากพลังเวทย์ค่อยๆผสานกับพลังเวทย์ที่ฝังอยู่ข้างใน จนสุดท้ายมันก็ค่อยๆเจือจาง และสลายหายไปอย่างนุ่มนวล

เฟลิเซียมองด้วยความตกใจ เธอพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา แต่เขากลับได้ยินชัดเจน

“…ขอบ…คุณ”

เธอกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างต่อ แต่สุดท้ายชายตรงหน้ากลับเลือกเดินกลับไปยังที่นั่งของตนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีโอกาสพูดคำใดต่อ ก่อนที่สุดท้าย เธอจะหลุบตาต่ำลงอีกครั้ง

เอรอสเหลือบตามองชายชราที่กำลังสับสน ก่อนจะถามขึ้นเสียงเรียบ แต่แฝงนัยยะเอาไว้

“แล้ว...การสนับสนุนที่ท่านพูดถึงนั้น มีถึงขั้นไหน?”

เสียงเขาไม่ได้ดัง แต่ก็ทำให้ทุกคนเงียบลงทันที เอลดริกที่เหมือนเพิ่งได้สติจากภวังค์ของตน เงยหน้าขึ้น ก่อนจะตอบกลับอย่างมั่นคง

“ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบ หากท่าน คุ้มค่าแก่การลงทุน หอคอยก็สามารถยกระดับตระกูลของตัวท่านเอง ให้เทียบเคียงกับอีกสามตระกูลหลักได้ มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา”

คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศในห้องสั่นสะเทือนแผ่วเบา

ไอลีนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอรอส ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่ทรงพลัง

“ระวังคำพูดของท่านด้วย ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลวัลธอเรน—ท่านไม่มีสิทธิ์กล่าวสิ่งนั้นอย่างไม่ระมัดระวัง”

เธอยังพูดไม่ทันจบดี เอลดริกก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวตัดบทเสียงหนักแน่น

“เป้าหมายของพวกเรานั้น...ไม่ได้ต้องการดูหมิ่นใคร แต่กำลังบอกว่า หากชายคนนี้...มีคุณค่าพอ หอคอยทั้งทวีปจะพร้อมสนับสนุนเขาอย่างไม่มีข้อแม้”

เสียงของเอลดริกไม่มีความโกรธ ไม่มีอารมณ์ เหมือนเพียงกล่าวความจริงตามหลักการ

ไอลีนกัดริมฝีปากเล็กน้อย แม้จะไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งออกมาได้โดยไม่เสียกิริยา ในระหว่างที่กำลังคิดว่าจะตอบกลับยังไง กลับถูกเสียงของเอรอสแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้าอย่างนั้น...ก็มาเริ่มการตรวจสอบกัน ส่วนเรื่องการสนับสนุน...”

เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก

“ค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน”

เอลดริกพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะขยับตัวไปยังจุดที่เตรียมไว้สำหรับพิธีการตรวจสอบ

เอรอสหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะมองเงาสะท้อนในลูกแก้วคริสตัลที่วางอยู่ด้านหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่นัยน์ตานั้นกลับแน่นิ่ง ในใจของเขาก็เอ่ยถ้อยคำกับตัวเองเงียบๆ

'ดูเหมือนว่าครั้งนี้ คงต้อง ‘เอาลือดแลกทอง’ จริงๆ'

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 1 ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

    เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจนตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาย และ หญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็ก และ ไร้เสียงท่ามกลางความโกลาหลนี้ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขาราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้นเสียงเบาๆของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขาทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ"นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชายเด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขี

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 2 ด้านมืดของรุ่งอรุณ

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบสีดำสนิทออกมา มันเป็นชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต—เสื้อเชิ้ตพอดีตัวเน้นความคล่องตัว และเสื้อโค้ทยาวที่ชายเสื้อจรดสะโพก ด้านในบุซับกันหนาวและมีกระเป๋าลับซ่อนอยู่หลายจุด เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในงานเฉพาะทางของเขาเมื่อสวมชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำขึ้นมาเพื่อดับกระหาย แต่ทันทีที่สัมผัสเขาก็ชะงัก อุณหภูมิของมันอุ่นเกินไป ตู้เย็นไม่ทำงานเหมือนเคยเขาเลิกคิ้ว สายตาคมจ้องไปยังแหล่งพลังงานด้านหลังตู้เย็น ก่อนจะเปิดช่องเล็กๆ ออกมา ข้างในมีแก่นพลังเวทย์ขนาดเล็กที่เคยเปล่งแสงสีเหลืองอ่อน แต่ตอนนี้กลับซีดจางจนแทบไร้สี บ่งบอกว่าพลังงานในนั้นหมดสิ้น“หมดอีกแล้วสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่เตียง ยื่นมือไปใต้ฐานเตียงแล้วหยิบแก่นสำรองที่ซ่อนไว้ออกมามือหนึ่งถือแก่นที่ซ่อนเอาไว้ ส่วนอีกมือจับแก่นที่หมดพลังงาน เขาจัดท่าทางให้มั่นคง ระบายลมหายใจยาวช้าๆ ขณะที่เริ่มถ่ายเทพลังเวทย์จากแก่นหนึ่งไปสู่อีกแก่นหนึ่งกระแสพลังงานไหลเวียนจากฝ่ามือของเขาเหมือนน้ำในลำธารสงบ แก่นที่เคยซีดจางค่อยๆ เปลี่ยนสี

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 3 อำนาจสามตระกูล

    ขณะที่ชายหนุ่มก้าวไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่ที่ทำงานอย่างคุ้นเคย ภาพของพวกทาสในรถม้าคันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ใบหน้าอ่อนล้าของพวกเขาสะท้อนความหมดหวังอย่างเงียบงัน ทว่าเพียงพริบตาเดียวที่เขาได้เห็น มันกลับฝังลึกในความคิดหากย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน รถม้าแบบนี้คงไม่มีทางเข้ามาถึงเมืองได้อย่างแน่นอน พวกเราสองคน เคยร่วมกันตระเวณทำลายเครือข่ายค้าทาสในทวีปจนราบคาบ ทำให้ชื่อเสียง และ ตัวตนของ "จอมเชือด" เป็นที่หวาดกลัว และ โจษจัน จนพวกมันไม่แม้แต่จะกล้าเอาเรือเฉียดเข้ามาในทวีปด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นับตั้งแต่ตอนที่เธอหายตัวไปพลังที่เขาใช้สร้างชื่อเสียง และ ความหวาดกลัวนั้นไม่ใช่ของเขาเอง แต่มาจากตัวตนที่เขาเคยใช้พลังกลืนกินเมื่อเกือบสิบปีก่อน ในตอนที่ยังอยู่ในตระกูล แม้เหตุการณ์จะผ่านมานาน แต่จิตวิญญาณของมัน ก็ยังคงติดอยู่ในตัวเขา และทุกครั้งที่เขาใช้พลังนั้น มันก็จะทิ้งร่องรอย และ ความเสียหายไว้ในจิตใจเสมอเมื่อก่อนเธอเป็นเหมือนกำลังใจสำคัญ ทุกครั้งที่เขาเริ่มถูกครอบงำ เธอจะดึงเขากลับมา แต่เมื่อไม่มีเธอ ทุกอย่างก็เหมือนจะพังทลาย พลังนั้นเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน มันกลับต่อต

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 4 ปลายทางของอุดมคติ

    ชายหนุ่มก้าวเข้าสู่ห้องทำงานในแผนกสืบสวน แสงอ่อนจากหน้าต่างสูงเพียงจุดเดียวพาดลงบนพื้นไม้เย็น เงาทอดยาวไปบนความว่างเปล่ารอบตัว เขากวาดสายตามองรอบห้อง—โต๊ะเก้าอี้จัดเรียงอย่างเรียบร้อยแต่ไร้ชีวิต ราวกับมีเขาคนเดียวที่มาที่นี้สายตาเหล่มองนาฬิกาบนฝาผนัง ก่อนจะพึมพำเบาๆ “เรียกมาตั้งแต่เช้า แต่ไม่เห็นโผล่หัวออกมาสักตัว อะไรกันว่ะเนี่ย?” เสียงสะท้อนกลับมากระทบห้องว่างเปล่ามือเอื้อมหยิบลูกบอลแสงสีทองจากกระเป๋าหนัง มันเปล่งแสงสลัวคล้ายจันทร์คืนมืด ก่อนจะถูกวางลงบนแท่นเล็กที่โต๊ะ สัญญาณแสงสีฟ้ากะพริบขึ้นช้าๆ เป็นจังหวะบอกว่าการรายงานตัวเสร็จสมบูรณ์ แต่ความเงียบยังคงปกคลุมทั่วบริเวณโดยรอบชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินไปตามทางเดินเล็กมุมห้องที่นำไปสู่ห้องทำงานส่วนตัว ห้องนั้นเล็ก และ อับแต่สงบ โต๊ะไม้เก่าเต็มไปด้วยฝุ่นและกองเอกสารที่วางกองกันอยู่ มุมหนึ่งยังมีปากกาดินสอที่เริ่มกร่อนตามกาลเวลา บ่งบอกถึงการถูกทิ้งร้างเขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แขนกอดอกแน่น สายตาจ้องเอกสารบนโต๊ะที่ดูเหมือนถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายในรายงานคือข้อมูลการหายตัวไปของจอมเวทย์หนุ่มสาวจากตระกูลขุนนา

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 5 เมื่อหมอกทับซ้อนความจริง

    เอรอสเดินงัวเงียผ่านซอกซอยในย่านเมืองหลวง หลังจากที่ไปพบกับกลุ่มผู้เสียหายที่เพิ่งถูกพบตัวไม่นาน หลายคนให้ความร่วมมือกับเขาด้วยท่าทางอ่อนล้า เหมือนยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เต็มที่ บางคนแม้จะมองเห็นเขาอยู่ตรงหน้า แต่ก็เหมือนสายตาล่องลอยออกไปที่อื่นขณะที่เอรอสคุยกับพวกเขา เขาสังเกตได้ว่าความทรงจำที่ขาดหายไปนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ช่วงเวลาที่พวกเขาหายตัวไปเท่านั้น แต่ยังมีบางส่วนของเหตุการณ์ก่อนการหายตัวที่ดูเหมือนจะถูกลบออกไปด้วย ผู้เสียหายแต่ละคนต่างจำเหตุการณ์หรือสถานการณ์ก่อนหน้าของตัวเองได้เพียงลางๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาสูญเสียช่วงเวลาสำคัญของตัวเองไปแม้ว่าการสอบปากคำจะไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่สำคัญ แต่เอรอสยังพอจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง—ร่องรอยของมานาที่ดูแปลกประหลาด แผ่กระจายอำนาจและพลังที่ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของโลก ในนั้นมีความรู้สึกอันรุนแรงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ชัดเจน ราวกับเป็นอำนาจที่สามารถหักล้างทุกกฎที่เคยรู้จักหนึ่งในตัวตนที่เขานึกถึงก็คือแม่มด ผู้ที่ลือกันว่าเป็นผู้เดียวที่มีพลังสามารถดัดแปลงและฝืนกฏเกณฑ์ของโลกได้ เอรอสจดบันทึกข้อมูลนี้ไว้ในใจ พลางเดินเปร

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 6 ผู้เฝ้าแห่งโดม

    เสียงบางอย่างแว่วมาแต่ไกล ราวกับคลื่นทะเลกระทบชายฝั่ง มันไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย แต่กลับปลอบโยนอย่างน่าประหลาด สติของเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นจากความมืดมิด ดวงตาที่พร่ามัวลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า เหมือนยังติดอยู่ในห้วงฝันที่ยาวนานเขาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่สิ่งที่สัมผัสได้ คือความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ร่างที่เคยเล็กและอ่อนแอกลับมาหนักแน่น นิ้วมือที่เคยเหมือนเด็กเล็กบัดนี้เรียวยาวและหยาบกร้าน รอยแผลที่คุ้นเคยปรากฏบนผิวอย่างชัดเจน มันเป็นหลักฐานของชีวิตที่เขาเคยมีเขาค่อยๆลุกขึ้นยืน ขาที่มั่นคงและร่างกายที่สมส่วน ทำให้เขารู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่หายไปนาน ชุดเสื้อโค้ทสีดำและกางเกงขายาวกลับคืนมาราวกับมันไม่เคยหายไปไหน ความคุ้นเคยที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสของเนื้อผ้า ทำให้เขารู้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง ไม่ใช่ภาพหลอน"เกิดอะไรขึ้น..." เขาพึมพำ เสียงแหบแห้งแต่หนักแน่นกว่าที่เคยเป็นเมื่อมองไปรอบตัว เขาเห็นเพียงหมอกดำหนาทึบที่ปกคลุมทุกสิ่ง แต่ในความมืดนั้น มีบางสิ่งดึงดูดสายตา โดมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านกลางความมืด โครงสร้างสีขาวมุกสะท้อนแสงเลือนรางจากหมอก มันดูทั้งน่าค้นหาและน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกันชาย

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 7 หัวใจต้องห้ามของจอมปราชญ์

    สายลมเย็นพัดผ่านศาลาหินกลางป่า หญิงสาวนั่งบนม้านั่งหิน ท่าทางสงบนิ่ง ข้างกายของเธอคือกรงนกเหล็กที่บรรจุหัวใจสีแดงสดเอาไว้ สายตาสีน้ำเงินเข้มของเธอจับจ้องผู้มาเยือนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทว่าบรรยากาศรอบตัวกลับกดดันราวกับถูกตรวจสอบจากดวงตานับพันมวลมานาอันเข้มข้นปกคลุมทั่วบริเวณ พลังเวทย์ที่แฝงความกดดันจนทำให้รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในกระดูก"นายเข้ามาได้ยังไง?" เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตาไม่ละไปจากเขา "ยังไม่ถึงเวลาทดสอบเลย...ทำไมถึงเข้ามาที่นี้ได้?"คำพูดนั้นทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ยังคงเลือกที่จะเงียบ เธอยิ้มบางๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้านายไม่อยากตอบ ฉันจะไม่บังคับ" เธอเอนตัวพิงพนักม้านั่ง "ดูเหมือนนายจะสงสัยว่าที่นี้คืออะไร….เห็นแก่ความกล้านั้นของนาย ฉันจะยอมให้ถามก่อนก็ได้"หลังจากครุ่นคิด เขาเอ่ยคำถามขึ้น "การทดสอบที่ว่าคืออะไร?"เธอหัวเราะเบาๆ ราวกับพบเรื่องที่น่าสนใจ "นายเข้ามาโดยที่ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ?"สายตาของเธอกวาดมองเขา ก่อนหยุดนิ่งอย่างครุ่นคิด "น่าสนใจ... ในตัวนายไม่มีร่องรอยพลังเวทย์หลงเหลืออยู่เลย… ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีอยู่แท้ๆ"น้ำเสียงราบเรียบแฝงความกดดันของเธอทำให้บรรยากาศ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 8 ในเงามืดแห่งความสงสัย

    "น่าสนใจใช่ไหม?" หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง เธอมองเขาอย่างพึงพอใจ "แต่ล่ะคนก็มีแนวทาง และ วิธีรับมือต่างกันไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถเข้ากับมันได้"เธอสบัดมือ คริสตัลที่รายล้อมหายไปในพริบตา พื้นดินที่เคยถูกกดทับกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้น กลิ่นหอมจางๆของหญ้าสดโชยขึ้นมาจากบริเวณที่โดนกดทับ พร้อมกับมานาที่ซึมลงดินอย่างแผ่วเบา ราวกับมันพยายามทำให้พื้นที่นั้นกลับมาเหมือนเดิมเขามองสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงระวังตัว "พวกเขาสมัครใจรับการทดสอบเองงั้นหรอ?"หญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบเรียบๆ “แน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนที่มาที่นี้ต่างก็สมัครใจรับการทดสอบ”ก่อนจะพูดปิดท้ายอย่างเย้ยหยัน"มีแค่นายเท่านั้นแหละทีี่ไม่รู้อะไรเหมือนคนอื่น"ก่อนจะยักไหล่น้อยๆตอบ น้ำเสียงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจนัก"เอาเถอะ ครั้งนี้การทดสอบมันยากเกินไป ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครได้มันไปอยู่แล้ว"คำว่า "ครั้งนี้" ทำให้เขาสะดุด ใจเขาเริ่มตั้งคำถาม—แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ?เขาจ้องเธออีกครั้ง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย "แล้วของรางวัลก่อนหน้านี้ล่ะ?"หญิงสาวไม่ตอบในทันที เธอเพียงยิ้มบางๆ ก่อนส่ายหัวช้

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-28

Bab terbaru

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 39 ชื่อของฉันคือ....

    โพรงหินขนาดมหึมาขยายตัวออกเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปในความมืด เสาหินโบราณตั้งเรียงรายตามระเบียงทางเดินสูงต่ำ ราวกับขั้นบันไดแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาแต่แทนที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงซากโบราณสถานที่รกร้าง กลับมีเหล็กกล้าสนิมเขรอะ ปราการคุมขัง และกรงเหล็กที่แขวนห้อยอยู่ตามแนวผนัง บ่งบอกว่ามันได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคุกใต้ดินอันโหดร้ายและในตอนนี้—มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปรอะไปด้วยเลือดเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนจากกำแพงหินขรุขระ ขณะที่เหล่าผู้ช่วยเหลือนำกลุ่มทาสเด็กที่รอดชีวิตฝ่าความเงียบสงัดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เปลวไฟริบหรี่สาดเงาทอดยาวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบสีแดงฉาน"อย่าหันไปมองรอบๆ มุ่งหน้าต่อไป" เสียงกระซิบดังขึ้นเป็นระยะๆจากเหล่าผู้นำทางเด็กหลายคนก้มหน้าลง มองเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้นหินเย็นเยียบ แต่ความอยากรู้อยากเห็น และกลิ่นเลือดคาวคลุ้งที่อบอวล ทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองรอบด้านร่างของผู้คุมถูกแขวนคว่ำอยู่กับเสาหิน ศพของพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยหอกและดาบ บางร่างถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนบันไดหินที่ทอดยาวลงไปสู่ระดับลึกกว่า เลือดไหลเป็นทา

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 38 บทเพลงของ ขวานสีทองและเสียงกรีดร้อง

    เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดชะงักกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เพียงชั่วพริบตาแล้วร่างนั้นก็พุ่งผ่านเธอไปรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองทัน—ราวกับสายลมสีดำที่พัดผ่านไปเงียบงันเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะทันหันไปมอง ขวานสีทองตวัดฟาดลงอย่างไร้ความลังเล เสียงเนื้อฉีกสะท้อนก้องในอากาศ ลำคอของชายคนแรกถูกกรีดขาดสะบั้น เลือดพุ่งเป็นสายสาดกระเซ็นลงบนกำแพงหินเย็นเฉียบ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงราวกับหุ่นเชิดที่ขาดด้าย ร่างนั้นปรากฏตัวกลางวงศัตรู ราวกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากความมืดเหล่าผู้คุมที่เหลือแข็งค้าง—ลมหายใจขาดห้วงในอก พวกมันพึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังกลืนกินแต่ไม่ทันแล้วชายสองคนที่อยู่ใกล้สุดตั้งสติได้ก่อน เงื้อดาบหมายจะสังหาร ทว่าเสียงโลหะเฉือนเนื้อดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะฟันลง ขวานสีทองพุ่งเป็นแนวเฉียง ตัดทะลุร่างทั้งสอง รอยแผลฉีกลึกถึงกระดูก เลือดร้อนๆ กระเซ็นเปรอะเต็มพื้นหินเสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจากพวกด้านหลัง—แต่เขาเร็วกว่าพวกมันขวานถูกเหวี่ยงออกไปด้วยพลังและความแม่นยำ ปักเข้ากลางอกของนักเวทย์คนหนึ่งเต็มแรง เสียงเนื้อฉีกกระชากดังก้องในอากาศ ร่างนั้นทรุดลง มือขาวซีดสั่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 37 ความฝันของนกในกรง

    เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่าเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวี

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 36 ข้อตกลงใต้แสงไฟ

    ห้องทำงานของโจชัวยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แสงจากโคมไฟด้านบนส่องวูบไหวไปตามผนังห้องที่เรียงรายด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอย่างบิดเบี้ยว ราวกับมีบางสิ่งกำลังคืบคลานในความมืดโจชัวยืนพิงโต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งกำปากกาแน่นจนปลายเล็บซีดขาว ส่วนอีกข้างวางทับลงบนหนังสือเวทมนตร์เก่าๆที่เปิดค้างไว้ หน้าเอกสารเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และสูตรเวทที่ซับซ้อนซึ่งสะท้อนแสงแวววาวตรงหน้าของเขา—ชายวัยกลางคน ผิวสีแทน ผมสีเทา ดวงตาสีแดงฉาน กำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เรย์นาร์ค ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน ราวกับเงาที่โผล่จากความมืด ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มขุนนาง แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปลักษณ์ที่เขาเคยเจอในอดีตโจชัวมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแต่ก็ยังคงระแวดระวัง"นี่มันอะไรกัน? รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้คืออะไร? คุณเปลี่ยนร่างได้งั้นเหรอ?"เรย์นาร์คไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองมา สายตาของเขาเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่หนักอึ้ง ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตอบคำถามของนาย"น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาเหมือนมือที่กดลงบนไห

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status