หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 28 เส้นแบ่งที่ไม่ควรข้าม

แชร์

ตอนที่ 28 เส้นแบ่งที่ไม่ควรข้าม

เอรอสนั่งนิ่ง มองจดหมายที่อยู่ในมืออย่างเงียงงัน หัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง แม้ใบหน้าจะดูสงบนิ่งไร้อารมณ์ แต่ภายในกลับสับสนวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม เขาหันไปยังคาร์ลีนก่อนจะพูดออกมา

“สนามประลองจะเริ่มเมื่อไหร่?” เอรอสเอ่ยถาม น้ำเสียงต่ำและหนักแน่น สะท้อนความถึงมุ่งมั่นที่กำลังถูกสั่นคลอนอยู่ลึกๆ

คาร์ลีนช้อนตามองเขา ความสงสัยปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในแววตาของเธอ

“อีกห้าวัน... พวกมันต้องเวลาในการโปรโมทงาน และ ดึงดูดความสนใจจากชนชั้นสูงทุกระดับ”

คำตอบของเธอทำให้เอรอสถึงกับนิ่งไป เสียงของคาร์ลีนค่อยๆเลือนหายไปในความคิดของเขา เขานึกถึงวงแหวนมานาที่ถูกทำลายในเขตแดน ในช่วงที่เขากำลังถูกครอบงำ ส่งผลให้พลังเวทของเขาลดน้อยลง จนแทบจะใช้งานอะไรไม่ได้ การฟื้นฟูวงแหวนมานาในเวลาสั้นๆมันมีวิธีอยู่ ถึงแม้ว่าลึกๆแล้ว เขาจะไม่อยากใช้มันก็ตาม

"คงต้องใช้วิธีนั้นแล้วสินะ…” เอรอสคิดอย่างฝืนใจ แม้จะรู้ดีว่านี่คือการข้ามเส้นในสิ่งที่ไม่ควรทำ ความหวาดหวั่นบางอย่างแทรกซึมในใจจนรู้สึกถึงมันได้ชัดเจนเอรอสคิดอย่างฝืนใจ แม้จะรู้ดีว่าจะเป็นการข้ามเส้นในสิ่งที่ไม่ควรทำ

คาร์ลีนมองเขาด้วยความสงสัย คิ้วของเธอขมวดแน่นขึ้น

“ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างในใจนะ? นายอยากจะพูดอะไรไหม?”

“ไม่เป็นไร แค่ให้ฉันใช้เวลาคิดอะไรคนเดียวสักหน่อย…. เดี่ยวจะตามไป”เอรอสตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามปกปิดความรู้สึกว้าวุ่นในใจ เขาหลบสายตาของคาร์ลีนและหลับตาลงลึก ๆ ราวกับต้องการปิดกั้นโลกภายนอก

คาร์ลีนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง พร้อมกับหญิงสาวข้างกายเธอ ปล่อยให้เอรอสอยู่คนเดียวในห้องประชุมอันเงียบงันเพียงลำพัง แสงจันทร์ที่ถูกจำลงอขึ้นมาลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เงาของเขาทอดยาวบนพื้นเย็น

เอรอสนั่งนิ่ง พลางหวนคิดถึงวันเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้น

ครั้งหนึ่ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจัดการลัทธิประหลาดนอกตัวเมือง เอรอสในวัยสิบเจ็ดปีเดินเข้าไปในห้องลับที่เต็มไปด้วยเอกสารที่มีกลิ่นอายของความลับที่ไม่ควรเปิดเผย เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาด้วยความสนใจ ขณะที่อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีเพิ่มมานาและสร้างวงแหวนผ่านการดึงมันมาจากร่างของคนอื่น ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา แววตาเจือด้วยความตื่นเต้นที่ยากจะซ่อน

“ถ้าใช้วิธีนี้ล่ะก็… ฉันก็จะมีวงแหวนมานาเหมือนคนอื่นๆ…” เอรอสพึมพำเบาๆ น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เขาสัมผัสได้ถึงโอกาสที่จะทำให้เขาหลุดพ้นจากความอ่อนแอที่มีอยู่ โดยมันจะทำให้ให้เขา ไม่ต้องกลับไปใช้ร่างนั้นอีก

แต่ไม่ทันที่เขาจะอ่านจบ มือเรียวของรุ่นพี่ก็คว้าเอกสารไปจากมือเขา ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเธอจ้องเขาอย่างดุดัน แต่ในแววตานั้นกลับแฝงความห่วงใยลึกๆ เธอสูดหายใจเข้า คุมโทนเสียงให้นุ่มนวลแม้แฝงด้วยความเคร่งขรึม

“นายไม่ควรอ่านอะไรแบบนี้นะ” เธอกล่าวเตือน

เอรอสเลิกคิ้ว สบตาเธอพร้อมตอบแย้ง “แต่ว่า…ถ้าใช้วิธีนี้ ฉันก็จะมีวงแหวนมานาไม่ต่างจากคนอื่นๆ…. พวกมันเป็นแค่อาชญากร จะให้ค่ามันทำไมกัน?”

“เอรอส!” เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงหนักแน่น ความไม่พอใจเจือเข้ามาในดวงตา

“ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไรไว้ พวกเรามีหน้าที่ส่งมันให้กฎหมายจัดการ นั่นคือสิ่งที่เราควรทำ”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง สายตาฉายชัดถึงความเป็นห่วง 

“การต่อสู้กับความชั่วร้าย ต้องระวังไม่ให้ตัวเองกลายเป็นแบบนั้นด้วย”

เธอลูบศีรษะเขาเบาๆ ดวงตาของเธอนุ่มนวลขึ้น ราวกับต้องการซึมซับเอาความไร้เดียงสาในตอนนี้ให้มากที่สุด

“ฉันไม่อยากให้นายกลายเป็นคนแบบนั้นนะ… อย่างน้อยก็รักษาความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่เอาไว้ อย่าทำแบบพวกมันเด็ดขาด”

เอรอสชะงักไป ความแน่วแน่ในแววตากลับวูบไหวขึ้น คำพูดของเธอทำให้ความขัดแย้งภายในใจของเขาถูกกดทับ แม้ส่วนหนึ่งของเขาจะยังไม่เห็นด้วยเต็มที่ แต่เขากลับเลือกที่จะไม่โต้แย้ง

รุ่นพี่มองเขาอย่างอบอุ่นก่อนจะวางมือลงบนบ่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“อย่าให้อะไรก็ตาม พรากตัวตนของนายไป นายสามารถเข้มแข็งได้โดยไม่ต้องใช้วิธีแบบนั้น…. ฉันเชื่อว่านายทำได้”

แม้ในใจเอรอสจะยังคงมีข้อสงสัย แต่น้ำเสียงและสัมผัสอ่อนโยนของเธอกลับทำให้เขารู้สึกสงบลง ความเชื่อที่เธอมีต่อเขา เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหันหลังให้กับความคิดมืดมนที่เคยถาโถมเข้ามา และนับจากวันนั้น เขาสัญญาว่าจะไม่ก้าวข้ามเส้นที่เธอได้เคยเตือนเอาไว้อีก

ในห้องประชุมที่เงียบสงัด เอรอสนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าสงบนิ่งแต่ดวงตากลับเปี่ยมด้วยความขัดแย้งภายใน เขาลืมตาขึ้น มองไปยังเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้น คำถามมากมายตีวนอยู่ในหัว ความคิดของเขาพลันกลับไปยังวันที่เขาพบกับรุ่นพี่เป็นครั้งแรก ภาพนั้นชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความทรงจำนั้นยังคงชัดเจนอยู่เสมอ

เมื่อเอรอสถูกขับไล่ออกจากตระกูลในวัย 16 ปี ชีวิตของเขากลับเต็มไปด้วยความท้าทาย และ ยากลำบาก เขาต้องเอาตัวรอดโดยไม่มีใครคอยชี้นำหรือให้คำปรึกษา สังคมที่เคยรู้จักกลายเป็นศัตรู เสมือนว่าเขาอยู่บนโลกนี้ตามลำพัง

ในช่วงเวลาเหล่านั้น เอรอสเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่าเขาทำอะไรผิดพลาดตรงไหน? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับเขา? เขาเลือกจะซ่อนตัวตนอื่นที่อยู่ในร่างกาย เพื่อไม่ให้ เอลน่า และ ผู้คนรอบข้างหวาดกลัวในตัวเขา การกระทำทุกอย่างก็เพื่อปกป้อง เอเลน่า และ ชื่อเสียงของตระกูล แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าเขาถูกตัดขาด และ ถูกทอดทิ้ง จากตระกูลที่เขาทุ่มเทอยู่เสมอ

ความเจ็บปวด และ ความเกรี้ยวกราดในจิตใจ พาเขาให้ตัดสินใจออกเดินทางตามล้างแค้นองค์กรที่ทำลายชีวิตเขา มันเหมือนเงาที่คอยตามหลอกหลอน และ เปลี่ยนชีวิตที่เคยสงบสุขให้กลายเป็นฝันร้าย เอรอสทำลายองค์กรนั้นด้วยความมุ่งมั่นอันเยือกเย็น แต่การแก้แค้นนั้นก็ไม่ได้ช่วยเยียวยาความเจ็บปวด และ ความโดดเดี่ยวในตัวเขาให้จางหายลงไปเลยแม้แต่น้อย…..

ชีวิตของเขาในช่วงเวลาหลังจากนั้น กลายเป็นการใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เพื่ออยู่รอดไปวันๆ เขาใช้ชีวิตอย่างไร้ทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีความหมาย มักจะใช้กำลัง และ ทักษะของตนเองเพื่อเอาตัวรอดในโลกที่มีแต่เขาเพียงลำพัง แต่แล้ววันหนึ่ง การพบกับหญิงสาวแปลกหน้าก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวในขณะที่เอรอสกำลังนั่งอยู่ริมถนน นับเงินที่ได้มาหลังจากจัดการพวกอันธพาลที่มาข่มขู่ และ ไถ่เงินเขา เขาไม่ได้สังเกตว่าเธอกำลังยืนมองเขาอยู่ จนกระทั่งเธอเอ่ยปากทักทาย เอรอสเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่เย็นชา และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ใช่ความกลัว และ ความเกลียดชัง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status