หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 27 ฉากหน้า และ ฉากหลัง

แชร์

ตอนที่ 27 ฉากหน้า และ ฉากหลัง

เอรอสยืนคุยกับกลุ่มสมาชิกอยู่ที่โถงทางเดิน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อระหว่างพวกเขา

“จะว่าไปพี่ใหญ่ พี่มาประชุมงั้นหรอ?” หนึ่งในสมาชิกถามพลางยิ้มกว้าง

เอรอสทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนที่จะคำถามออกมา“ประชุม? เรื่องอะไร?”

ชายวัยกลางคนทำสีหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมา

“เฮ้อ ก็เรื่องของโบสถ์นั้นแหละ แม่หนูนั้นยังดื้อด้าน ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเราดีๆเลยเนี่ยสิ”ชายวัยกลางคนทำท่าปวดหัว และ เบื่อหน่ายพอสมควร 

เอรอสถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น โบสถ์ที่พวกเขาเคยพยายามจะให้เป็นพันธมิตรทางการค้าเพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่เพียงไม่กี่เดือนก่อน นักบวชระดับสูงคนหนึ่งถูกจับเพราะยักยอกเงินบริจาค แถมยังไปกู้หนี้จากองค์กรอื่นมาใช้จ่ายส่วนตัว ปล่อยให้โบสถ์ต้องเผชิญหนี้สินมหาศาลจนสาขาหลักตัดความช่วยเหลือ สถานการณ์ของโบสถ์จึงเสี่ยงล่มสลายเต็มที

แม้การที่นักบวชคนนั้นยักยอกเงินจะเป็นผลจากแผนของพวกเขา แต่การที่เขากลับไปกู้ยืมเงินจากองค์กรอื่นโดยไม่บอก แถมยังชิงฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดกลับทำให้เรื่องราวยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม อำนาจทั้งหมดตกไปอยู่ในมือผู้นำคนใหม่ หญิงสาวผู้ดื้อรั้นและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับพวกเขาทุกทาง แต่ละวันเธอพยายามดิ้นรนไปที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อหาคนรักษาและรับบริจาค แม้ว่าเงินที่หามาได้จะพอแค่จ่ายดอกบางส่วน ในขณะที่หนี้ของโบสถ์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาเสนอความช่วยเหลือแลกกับให้โบสถ์เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าขององค์กร แต่ผู้นำหญิงผู้นั้นยังปฏิเสธ และดื้อรั้นไม่ยอมรับข้อเสนอถึงวันนี้

เอรอสครุ่นคิดพลางพึมพำเบา ๆ “เมื่อวานฉันถูกจับตัวไป เด็ก ๆ ที่นั่นจะได้กินข้าวไหมนะ?” โบสถ์ที่ผู้นำหญิงดูแลมีเด็กกำพร้าอยู่หลายคน ในตอนแรกเขามอบอาหารให้เพื่อซื้อใจเธอ แต่เวลาผ่านไปกลับกลายเป็นกิจวัตรที่ทำด้วยใจ เขามักแวะไปเล่นกับเด็ก ๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า แรก ๆ เธอไม่ชอบหน้าเขานักเพราะคิดว่าเขาตามจีบเธอ แต่ไม่นานพวกเขาก็เริ่มรู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น

“แล้วจะเอายังไงดี ลูกพี่ จะเข้าประชุมไหม?” หนึ่งในกลุ่มถามขึ้น พร้อมทั้งยักคิ้วอย่างรอคำตอบ เอรอสพยักหน้ารับเบาๆ

“ก็น่ะ เธอคงอารมณ์เสียแล้วแน่ๆ…ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”

เขามองหญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ข้างๆ ราวกับรอให้เธอเป็นผู้นำทาง เธอส่งยิ้มเป็นมิตร และทำท่าเชื้อเชิญเขา ให้เดินตามไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปยังห้องประชุม

ระหว่างทางเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะค่อยๆ ลดน้อยลง เหลือเพียงเสียงฝีเท้าที่ก้องไปตามทางเดินแคบๆ ที่แสงไฟสลัวส่องกระทบกำแพงหินเย็นเยียบ เมื่อถึงหน้าห้องประชุม เอรอสสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะก้าวผ่านประตูเข้าไปด้านใน เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลง กลายเป็นบรรยากาศอึมครึมที่แผ่ซ่านด้วยแสงเทียนสลัวๆ ส่องสะท้อนเงาร่างของคาร์ลีน เดวานิส ผู้นำหญิงที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

คาร์ลีนมีผิวขาวซีดที่ดูราวกับสลักจากหินอ่อน ตัดกับเส้นผมสีดำขลับที่ล้อมกรอบใบหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ ดวงตาสีม่วงเข้มลึกล้ำของเธอจ้องพวกเขาเพียงแวบหนึ่ง แต่แฝงด้วยความมุ่งมั่นและความเด็ดขาดที่สัมผัสได้ทันที เธอพยักหน้าเชิงอนุญาตให้เอรอสนั่งลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่นราวกับน้ำแข็งเยือกเย็น

“นั่งก่อนเถอะ เรามีเรื่องต้องรีบคุย” น้ำเสียงสงบที่แฝงความกดดันของเธอทำให้เอรอสรู้สึกถึงความจริงจังที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดเรียบง่ายนั้น เขาทิ้งตัวลงนั่ง ขณะที่คาร์ลีนเริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่น้ำเสียงนี้แฝงความแน่วแน่ที่ทำให้ทุกคนต้องตั้งใจฟัง

โบสถ์ปฏิเสธข้อเสนอของเรา” คำประกาศของคาร์ลีนทำให้ห้องประชุมเงียบกริบ ราวกับเวลาถูกหยุดนิ่ง สีหน้าของสมาชิกบางคนเปลี่ยนไปทันที หนึ่งในนั้นขบกรามแน่นอย่างไม่พอใจ ขณะที่อีกคนหรี่ตาและส่ายหน้าอย่างผิดหวัง บางคนจับจ้องคาร์ลีนด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม

“เราให้โอกาสพวกเขาแล้ว ยื่นข้อเสนอให้โบสถ์ใช้สินค้าของเราเพื่อเผยแพร่ความเชื่อ แต่พวกมันกลับกลัวว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองมัวหมอง”

คาร์ลีนหยุดนิ่งครู่หนึ่ง จ้องมองสมาชิกแต่ละคนด้วยดวงตาคมดั่งมีด

“และที่เลวร้ายไปกว่านั้น องค์กรที่ไอ้บ้านั่นไปกู้เงินมา กำลังวางแผนจะลักพาตัวผู้นำโบสถ์ไปใช้หนี้ พวกมันกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย อีกไม่นานก็คงต้องล่มสลายแน่นอน”

บรรยากาศในห้องยิ่งตึงเครียดขึ้น สายตาของสมาชิกทุกคนสะท้อนความไม่พอใจต่อการถูกปฏิเสธครั้งนี้ การที่พันธมิตรซึ่งพวกเขาวางแผนไว้อย่างดีกลับล้มเหลวอย่างไม่คาดคิดสร้างแรงกดดันในห้องประชุมไม่น้อย

หนึ่งในที่ประชุมเผยรอยยิ้มเย็นชาพลางกอดอกก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “หรือว่า เราควรจะปล่อยให้ข่าวเรื่องนี้มันหลุดไปข้างนอกบ้างดี? ให้พวกชาวเมืองรู้ว่าโบสถ์กำลังมีปัญหา”

เขาหัวเราะเบาๆ เหมือนคิดว่าตัวเองมีความคิดที่ดี แต่เสียงหัวเราะนั้นขาดหายไปเมื่อได้ยินเสียงตอบโต้ที่แหลมคม

ไม่ได้” อีกคนตอบปฏิเสธเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความแน่วแน่ สายตาจับจ้องคู่สนทนาอย่างไม่พอใจ

“ถ้าโบสถ์เสียชื่อเสียงไป สินค้าของเราก็ขายไม่ออกเหมือนกัน”

อีกคนขมวดคิ้วพลางเสนอทางเลือกใหม่อย่างเคร่งขรึม “งั้นเราส่งคนไปกดดันพวกเขาให้ยอมร่วมมือ… จ้างพวกนักเลงไปขู่ให้กลัวดีไหม? อาละวาดนิดหน่อยแล้วก็ถอยออกมา”

“แล้ววิธีนี้มันจะต่างจากวิธีแรกยังไง?” อีกคนแย้งเสียงเรียบ แฝงด้วยความไม่พอใจ “ถ้าข่าวลือเรื่องหนี้สินของโบสถ์แพร่ออกไป สุดท้ายภาพลักษณ์พวกเขาก็ต้องพังอยู่ดี”

บรรยากาศรอบโต๊ะนิ่งเงียบ ชวนให้อึดอัด ผู้นำหญิงที่นั่งนิ่งอยู่นานสบตาเอรอส พลางเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำและแฝงความเย็นชา “แล้วนายคิดยังไงล่ะ? จะจัดการคนที่ดื้อรั้นขนาดนั้นได้ไหม?”

เอรอสขบกรามแน่นก่อนตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ก็พอมีแผนอยู่ในใจ…แต่ขอเวลาอีกสักหน่อย ฉันต้องดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อน”

ผู้นำหญิงพยักหน้ารับคำพลางปรายตามองรอบโต๊ะ “ดี แต่ให้รีบจัดการ”

เอรอสเอ่ยถามเสียงเรียบ “แล้วรู้ไหมว่าพวกนั้นจะลักพาตัวเธอไปเมื่อไหร่?”

"สองถึงสามวันจากนี้”สมาชิกอีกคนเอ่ยขึ้นพลางเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย เขายกมือขึ้นลูบหน้าผาก พลางถอนหายใจแรงๆ เหมือนกับว่าภาระทุกอย่างถาโถมเข้ามาในคราวเดียว

“พวกนั้นเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะขายเธอให้พ่อค้าทาสที่ชายแดน ต้องรีบเคลื่อนไหวให้ไวหน่อย”

เอรอสพยักหน้ารับ เขานั่งเงียบพลางยกมือขึ้นกุมคาง ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังมุมหนึ่งของห้อง เขาครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ พลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“สองถึงสามวัน… ก็ยังพอมีเวลาให้ลงมือได้" เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้นำ“เข้าใจแล้ว ไว้ฉันจะจัดการเอง เดี่ยวจะรีบจัดการให้”

เสียงเขาพูดหนักแน่น ทำให้บางคนในที่ประชุมแสดงท่าทีโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด สมาชิกที่เอ่ยปากก่อนหน้านี้เมื่อเห็นเอรอสรับปากก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ รอยยิ้มเล็กๆ เผยออกมาจากมุมปาก เขาขยับตัวไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

สมาชิกคนนั้นเมื่อเห็นเอรอสรับปากก็ใจชื่นเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา

รีบหน่อยล่ะกัน พวกช่างฝีมือเริ่มคันไม้คันมืออยากจะรีบผลิตออกมาขายกันแล้ว” เขาแกล้งพูดติดตลกเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดที่สะสมในห้องประชุม

ทว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะแผ่วเบานั้นไม่สามารถละลายความเงียบที่ยังคงแผ่ปกคลุมได้ เมื่อไม่มีใครพูดอะไรต่อ ความเงียบที่ตามมากลับทำให้บรรยากาศดูอึมครึมยิ่งกว่าเดิม

คาร์ลีนกวาดสายตามองสมาชิกแต่ละคนราวกับจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวและความคิดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตา เธอหายใจออกช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและทรงอำนาจ

“ไหนๆเจ้าตัวก็มาถึงแล้ว….. ไม่จำเป็นจะต้องประชุมต่อหรอก” เธอกล่าวจบ กวาดสายตามองรอบโต๊ะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันไปทางเอรอสและหญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ยืนข้างกายเขา

“เรย์นาร์ค… นายอยู่ที่นี้ก่อน” คาร์ลีนพูดพลางจ้องมองไปที่เขา ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังหญิงสาวผมสีน้ำตาลข้างกายเขาชั่วครู่ จากนั้นจึงเบนสายตากลับมาที่เอรอสอีกครั้ง

“ฉันมีเรื่องที่ต้องพูดคุยเป็นการส่วนตัว”เธอกล่าวด้วยท่าทีมั่นคงและความเด็ดขาดที่แฝงความหมายลึกซึ้ง

คาร์ลีนหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ปรายตามองสมาชิกทุกคนอย่างเฉียบขาดราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความคิดและความจงรักภักดีของพวกเขา ด้วยท่าทางมั่นคงและเฉียบขาด 

“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว การประชุมก็จบเพียงเท่านี้ แยกย้ายได้” เสียงของเธอหนักแน่นทำให้สมาชิกคนอื่นๆ พยักหน้ารับ และทยอยกันลุกออกจากห้อง บางคนพูดคุยกันเบาๆขณะเดินออก ส่วนบางคนถอนหายใจอย่างโล่งใจเมื่อบรรยากาศตึงเครียดค่อยๆคลายลง

ขณะที่สมาชิกคนสุดท้ายออกไป ปิดประตูทิ้งให้ห้องประชุมอยู่ในความเงียบ มีเพียงแสงเทียนสลัวๆ สะท้อนเงาร่างของทั้งสามคน

“รู้เรื่องที่ลูกสาวของนายปรากฏตัวที่งานประลองแล้วใช่ไหม?” ผู้นำหญิงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงความหมายลึกซึ้ง จ้องมองเอรอสราวกับจะอ่านท่าทีของเขา

เอรอสพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววที่ไม่อาจปิดบังได้ “เธอน่าจะเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ”

ผู้นำหญิงยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “และที่สำคัญ…พวกมันส่งสิ่งนี้ถึงนายโดยเฉพาะ” เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย จากนั้นหันไปพยักหน้าให้หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ข้างเอรอส หญิงสาวรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบจดหมายเชิญฉบับหนึ่งออกมายื่นให้เขา

เอรอสรับจดหมายมา เปิดออกและอ่านอย่างเงียบงัน เนื้อหาด้านในเต็มไปด้วยข้อความที่ยั่วยุและดูหมิ่นอย่างจงใจ

“กระผมมีลูกสาวของเรย์นาร์ค จอมเชือดในตำนาน หากอยากพบกับลูกสาวของตัวเอง จงมาที่การประลองเสียสิ แล้วผมจะให้คุณได้ชมผลงานที่ผมลงแรงสร้างขึ้นมาต่อจากคุณ… เอาล่ะ ได้เวลาที่หมาที่หนีออกจากบ้าน ต้องกลับเข้ากรงแล้ว!!!”

เอรอสสบตากับผู้นำหญิงนิ่ง สายตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณของเรย์นาร์คที่อยู่ภายในร่างกายของเขากำลังร่ำร้องด้วยความโกรธ ขณะที่ห้องเงียบงันบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status