หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 26 เส้นทางลับสู่องค์กร

แชร์

ตอนที่ 26 เส้นทางลับสู่องค์กร

เอรอสในร่างของเรย์นาร์คเดินลึกเข้าไปในเขตตอนใต้ของเมือง เขาคลุมผ้าคลุมศีรษะให้มิดชิดเพื่อซ่อนใบหน้า ดวงตาคมกวาดมองรอบๆ อย่างระมัดระวัง แสงไฟจากร้านค้าและแสงเทียนสลัวๆ ตามตรอกซอกซอยสะท้อนให้เห็นบรรยากาศที่มืดมน ราวกับโลกอีกใบที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใต้เมืองอันศิวิไลซ์ ถนนเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้ง และมีกลิ่นเหม็นอับจากของไม่พึงประสงค์วางเรียงรายอยู่ในแผงลอย เหล่าพ่อค้าแม่ค้ากำลังลักลอบขายของต้องห้ามอย่างลับๆ เสียงการเจรจาต่อรองดังขึ้นเป็นระยะ เติมเต็มบรรยากาศแห่งนี้ไปด้วยความรู้สึกทะแม่งๆ แต่สำหรับที่นี้ มันเป็นเรื่องปกติ

เอรอสแทรกตัวเข้าไปในฝูงชนอย่างแนบเนียน เดินลัดเลาะผ่านตรอกซอยที่สลับซับซ้อนจนกระทั่งมาถึงร้านขายของจิปาถะตามจุด จากสายตาคนทั่วไป ร้านนี้ดูธรรมดาๆ เหมือนร้านขายของทั่วไป แต่นี่เป็นเพียงฉากบังหน้าขององค์กรเขาเท่านั้น ภายในสถานที่แห่งนี้ มีทางเข้าที่เชื่อมไปถึงฐานทัพขององค์กรที่เขาอยู่

เมื่อเขาเดินเข้ามา กลิ่นธูปหอมอ่อนๆ ลอยตลบอบอวลไปทั่วร้าน บนชั้นวางสินค้าถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ มีผลิตภัณฑ์มากมายที่องค์กรของเขาผลิตขึ้น วางปะปนอยู่กับสินค้าประเภทอื่นๆ สินค้าของพวกเขามีราคาย่อมเยาและใช้งานได้จริง ทำให้แทรกซึมอยู่ในบ้านเรือนของผู้คนเป็นจำนวนมาก จนแทบจะกล่าวได้ว่า ในบ้านแต่ละหลังมีสิ่งของที่เขาสามารถใช้เพื่อหลบหนี หรือ ขโมย อยู่ในสถานที่ทุกแห่งในเมืองนี้ เครื่องหอมที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

เขาเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่หญิงสูงวัยยืนอยู่ สายตาเธอสบกับเขาแวบหนึ่งก่อนเบนไปทางหลังร้าน เสียงของเธอเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่หนักแน่น

“อยากได้ของพิเศษบ้างไหม?”เอรอสพยักหน้า และ กล่าวรหัสลับที่ใช้มาตลอดอย่างเบาๆ ทว่านิ่งชัดเจน หญิงสูงวัยพยักหน้ารับ แล้วเลื่อนกุญแจที่ซ่อนอยู่ใต้เคาน์เตอร์ออกมา ไขประตูบานเล็กที่ซ่อนอยู่หลังชั้นวาง ก่อนที่เขาจะก้าวผ่านประตูนั้นไปยังเส้นทางลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังร้านขายของ

เมื่อประตูปิดลง ความมืดและอากาศอับชื้นต้อนรับเขา ทางเดินคับแคบ และ ขรุขระเหมือนเดินผ่านเขาวงกตใต้ดินที่ถูกซ่อนเร้น แสงไฟริบหรี่จากหินเรืองแสงโบราณติดประปรายตามกำแพงหินที่มีรอยร้าว และ ร่องรอยการทรุดโทรมจากกาลเวลา ทางเดินนี้ยังเต็มไปด้วยเถาวัลย์หนาที่เลื้อยพันแน่น เสียงน้ำหยดเป็นจังหวะจากสายธารบางๆ ที่ซึมผ่านกำแพงดินช่วยให้สัมผัสถึงความชื้นและกลิ่นดินเก่าแก่ที่ปกคลุมทั่วอากาศ ทำให้รู้สึกถึงความลึกลับและบรรยากาศที่แฝงไปด้วยความอันตราย

เอเอรอสก้าวลึกเข้าไปในดันเจี้ยนร้าง เขารู้สึกได้ทันทีถึงแรงกดดันอันหนักอึ้งจากพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากเขตแดนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต มวลมานาไหลเวียนรอบตัวราวกับสายน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง ทั้งหมดนี้ยังคงรักษาความสมบูรณ์ของอาณาเขตเอาไว้ 

แม้คอร์หลักของดันเจี้ยนจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม แต่ผู้นำของสถานที่แห่งนี้ได้ผสานเขตแดนเข้ากับกระแสมานาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ใช้ไอเทมเวทมนตร์โบราณ และ อาคมลี้ลับเป็นรากฐาน ยกระดับอาณาเขตให้กว้างใหญ่และล้ำลึกเกินกว่าที่ขอบเขตทางกายภาพจะกำหนดได้

บรรยากาศอันหนาวเย็น และ อับชื้นที่อาบไล้เขาเหมือนกับกำแพงที่สร้างมาจากมานาที่มีอยู่ในธรรมชาติ สถานที่แห่งนี้จึงไม่เพียงแต่ดำรงอยู่ แต่ยังถูกครอบงำจากตัวตนของดันเจี้ยนที่ถูกฟื้นขึ้นมาจากความว่างเปล่าอีกครั้งในฐานะผู้เฝ้ามองในสถานที่แห่งนี้

ในความเงียบอันลึกล้ำ เอรอสรู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมองมาที่เขา แต่ทว่าความรู้สึกนั้นไม่ได้ชวนให้หวาดกลัวหรืออึดอัด กลับกัน มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความยินดี เหมือนเขาเป็นผู้ที่ดันเจี้ยนแห่งนี้คุ้นเคย และ เฝ้ารอการมาของเขาอยู่เสมอ คล้ายกับได้พบเพื่อนเก่าที่ห่างหายไปนาน

เมื่อเอรอสเดินทะลุผ่านเขตแดนเข้าสู่โถงกลาง สายตาของเขาถูกดึงดูดด้วยทิวทัศน์ที่ชวนให้ต้องหยุดดู อาคารทรงโบราณขนาดกลางตั้งตระหง่านท่ามกลางบรรยากาศเขียวชอุ่ม ประกายแสงจากดอกไม้เรืองแสงประดับอยู่ตามผนังทำให้ที่นี่ดูเหมือนเป็นป่าอันน่าพิศวงที่แฝงตัวอยู่ในมิติอันแปลกตา ท้องฟ้าที่ถูกจำลองขึ้นอย่างปราณีตและสภาพธรรมชาติรอบข้างดูเหมือนจริงจนแทบไม่อาจเชื่อได้ว่านี่คือภายในดันเจี้ยนร้าง สายธารมานาที่ไหลผ่านยังคงหล่อเลี้ยงพลังของเขตแดน ช่วยให้ทุกสิ่งยังคงสภาพและแฝงพลังอันน่าพิศวงที่ไม่เคยมีใครทำลายลงได้

ตัวอาคารมีพลังลึกลับแผ่ออกมา ไอเทมเวทมนตร์หลากชนิดที่ได้มาจากองค์กรหลายแห่งที่เขาเคยทำลาย ถูกนำมาจัดแสดงไว้รอบโถงกลาง ทุกชิ้นแผ่กระแสพลังที่บอกถึงความแข็งแกร่ง และ อันตรายที่ซ่อนเร้น การที่ผู้นำหญิงผู้มากความสามารถนี้สามารถนำไอเทมและพลังเวทเหล่านี้มารวมกันในสถานที่เดียวได้ สะท้อนถึงทั้งความทะเยอทะยานและพลังอำนาจที่เธอสะสมขึ้นใหม่ในนามขององค์กรแห่งนี้

ในโถงกลางอันกว้างใหญ่ เอรอสสัมผัสได้ถึงพลังงานที่สั่นไหวเบาๆ ในอากาศ บรรยากาศเงียบสงบที่แฝงด้วยความอบอุ่น แต่ก็เหมือนกับว่าที่นี่กำลังจับตามองเขาอยู่ตลอดเวลา ขณะที่เขาก้าวเดินเข้ามาใกล้ตัวอาคารมากขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนนั้น เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ผมสีดำยุ่งเหยิง สวมชุดเสื้อผ้าหยาบๆ แต่สะอาดสะอ้าน วิ่งตรงเข้ามาทางเอรอสด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง และเมื่อมาถึงตัวก็เรียกเสียงดังอย่างไม่ลังเล

“พี่ใหญ่! กลับมาแล้วหรือ?”

เอรอสยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยใต้ผ้าคลุมศีรษะ ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่งๆ เขามองเด็กหนุ่มก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความคุ้นเคย

“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว” เอรอสตอบ ก่อนจะปลดผ้าคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อยที่ขัดกับรูปลักษณ์ที่แสดงออกมา 

เด็กหนุ่มยิ้มกว้างขึ้น “ทุกคนกำลังรอพี่ใหญ่อยู่เลยครับ! พอรู้ว่าพี่ใหญ่จะมา ทุกคนก็เตรียมตัวกันใหญ่”

เขาหันไปมองรอบๆ และในไม่ช้าก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้น สมาชิกหลายคนที่สวมชุดหลากหลายรูปแบบ ต่างทยอยเดินออกมาจากมุมต่างๆ ของโถงกลาง บ้างเดินออกมาจากทางเดินลับหลังเสา บ้างโผล่ออกมาจากห้องด้านหลังผ้าม่าน แววตาทุกคู่เต็มไปด้วยความสนิทสนม และ ปีติยินดี

“ยินดีต้อนรับกลับ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลเป็นยาวพาดผ่านแก้ม เขายืนกอดอกด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ก็ยิ้มเล็กๆ ขณะที่เอ่ยทักทาย

“นึกว่าจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก” หญิงสาวรูปร่างสูงสง่า ผมสีน้ำตาลเข้มรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย เธอยืนพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล แววตาฉายแววความอุ่นใจเมื่อเห็นเอรอสกลับมา

เอรอสพยักหน้าเล็กน้อย “ทุกอย่างเรียบร้อยดีที่นี่หรือเปล่า?”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า “เรียบร้อยดี เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกหน่า”

เมื่อเสียงฝีเท้าคนเริ่มเบาบางลงและทุกคนทยอยเข้ามายืนล้อมวงใกล้เอรอส เด็กหนุ่มที่วิ่งมาก่อนหน้านี้ก็เอียงคอมองเขาอย่างแหย่ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่นปนขุ่นเคือง

“พี่ใหญ่ ไอพวกนั้นมันล้อข้าว่าเป็นไอหนุ่มเวอร์จิ้น! เมื่อไหร่ท่านจะพาข้าไปเปิดประสบการณ์เสียที?”

เอรอสหยุดชั่วครู่แล้วเหลือบมองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงขำขันและขี้เล่น

“รออีกปีนึง ไว้ตอนนั้นฉันจะพานายไปเอง ถ้าไปตอนนี้นายโดนพวกสาวๆ ที่นั่นเล่นงานจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้างนิดๆ ก่อนจะยิ้มอย่างเข้าใจ “ท่านสัญญาแล้วนะ!” เขาพูดพลางหัวเราะ

พวกชายที่ยืนอยู่ด้านหลังพากันหัวเราะลั่น ชอบใจกับการหยอกล้อของเอรอสและเด็กหนุ่ม บางคนถึงกับตีไหล่กันเบาๆ ด้วยความสนุกสนาน

เอรอสเลิกคิ้วแล้วหันกลับไปมองพวกที่หัวเราะเสียงดัง “ขืนยังแกล้งเขาอยู่ ข้าจะบอกให้ที่นั้นปิดรับพวกแกเข้าบริการสักเดือนน่ะเว้ย”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นเสียงโอดครวญ พวกชายหนุ่มรีบยกมือขอโทษกันจ้าละหวั่น

“พี่ใหญ่! ข้าขอโทษ ข้าจะไม่แกล้งเขาแล้ว! อย่าทำแบบนั้นเลย!”

เด็กหนุ่มที่ถูกแกล้งอยู่หัวเราะชอบใจ รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แม้ว่าจะถูกล้อเลียนบ้างแต่ก็เป็นการหยอกล้อที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status