ชายร่างสูงใหญ่เดินผ่านทางเดินยาวที่ปกคลุมด้วยความเงียบสงัดของพื้นที่ บรรยากาศภายในบริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายทรงพลังที่ทั้งหนักอึ้งและน่าเกรงขาม เขาหยุดชั่วครู่หน้าประตูบานใหญ่ของห้องผู้นำองกรณ์ บานประตูไม้สลักลวดลายละเอียดอ่อนแสดงถึงอำนาจและบทบาทสำคัญของเจ้าของห้อง
ในขณะที่เขาก้าวผ่านหน้าประตู ความรู้สึกหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วร่าง คล้ายมีสายตาจับจ้องจากอีกมิติ พลังจากดันเจี้ยนแห่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการเฝ้ามองของเจ้าของที่นี้อย่างชัดเจน แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆก็ตาม
"ดูเหมือนเธอมีเรื่องที่จะพูดด้วย แต่ก็ลังเลที่จะถามสิน่ะ" เขาคิดในใจ สายตาสีแดงฉานของเขาหันไปมองบานประตูอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะส่ายหัวเบาๆ
ผู้นำของสถานที่แห่งนี้ เป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอเป็นลูกสาวของอดีตผู้นำองกรณ์อาชกรรมขนาดใหญ่ในเมือง แต่ถูกเขาทำลายลงไปเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นเธอยังเยาว์วัย แถมยังเป็นลูกของโสเภณีที่องกรณ์จับตัวมาอีก ทำให้เธอมักจะถูกรังแก และ กลั่นแกล้งดูหมิ่นเสมอ
เธอที่ผ่านความยากลำบากในชีวิตแต่ล่ะวัน ก็ได้มาพบกับเขาในร่างของจอมเชือด ในตอนแรกเธอร้องขอที่จะติดตามเขา แต่ตัวเขาในตอนนั้นปฏิเสธ ไม่อยากจะมีภาระ และ ตั้งใจจะเอาเธอปล่อยไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมืองสักแห่ง
แต่แล้วเขาก็ถูกความมุ่งมั่นของเธอทำลายความคิดนั้นไป เด็กสาวในตอนนั้นได้ผูกสัญญาทาสกับเขาเอง โดยที่เขาไม่ได้สมัครใจ เพื่อแลกกับความเชื่อใจของเธอ เขาจึงได้สนับสนุนการกระทำของเธอมาตลอด จนกระทั่งเธอเติบใหญ่ กลายเป็นผู้นำองกรณ์จนถึงทุุกวันนี้ แต่แล้วก็มีเรื่องที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ความรู้สึกที่เด็กสาวมีให้เขานั้น มันเลยเถิดเกินไปกว่าที่เขาจะเคยคิด
เขาเคยคิดว่าอารมณ์อ่อนไหวของเธอในตอนวัยเยาว์นั้นจะเป็นเพียงความหลงใหลเพียงชั่ววูบ แต่ความจริงกลับไม่ใช่ เธอยังคงแสดงความสนใจต่อเขาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะพยายามรักษาระยะห่างขนาดไหน แต่ความรู้สึกนั้นกลับไม่ได้ลดลงเลย
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะในสายตาของเธอ เขาคือ จอมเชือด มือสังหารที่ช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด ไม่ใช่ เอรอส อดีตนักสืบที่ไร้พลังเวทย์ ตัวตนที่แท้จริงของเขา
“ไว้ครั้งหน้า...ตอนนี้ไม่มีเวลา”ชายร่างสูงใหญ่คิดในใจอย่างเฉยชา ความคิดที่จะแก้ไขสถานการณ์เกิดขึ้นเพียงครู่หนึ่ง แต่เขาก็ปัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากใจอ่อนให้หญิงสาวมากนัก เขาจึงตัดสินใจก้าวต่อไปยังห้องของตัวเองซึ่งอยู่ถัดไปไม่มากนัก
เมื่อประตูบานใหญ่แกะสลักลวดลายซับซ้อนถูกผลักออก ห้องส่วนตัวที่ซ่อนอยู่หลังมัน ก็เผยให้เห็นภาพของสถานที่ที่สะท้อนความทรงพลังและลึกลับของผู้เป็นเจ้าของ ผนังทั้งสี่ด้านถูกปกคลุมด้วยชั้นหนังสือที่บรรจุทั้งตำราโบราณ คัมภีร์ต้องห้าม และบันทึกการวิจัยที่เขาเป็นคนเขียน และ ตีความขึ้นมาใหม่เพื่อใช้สำหรับตัวเอง
ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ ซึ่งแต่ละชิ้นมีกลิ่นอายของพลังเวทย์คละคลุ้งออกมา เศษกระดาษและแผ่นแปลนเวทมนตร์ถูกจัดเรียงแบบลวกๆ พร้อมด้วยแท่นบูชาขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ด้านข้าง พื้นห้องมีลวดลายวงเวทย์ซึ่งถูกสลักไว้ เปื้อนด้วยรอยคราบจางๆของสิ่งที่ดูเหมือนเลือดแห้ง
ด้านหนึ่งของห้อง ตู้กระจกตั้งเรียงราย ในแต่ละตู้จัดแสดงรีริคโบราณที่เปล่งออร่าไม่ชอบมาพากล บางชิ้นถูกแกะสลักด้วยอักษรโบราณที่ไม่มีใครอ่านออก บางชิ้นดูราวกับสามารถขยับเขยื้อนได้เอง
เขาก้าวเข้าไปในห้อง เสียงรองเท้าของเขากระทบพื้นอย่างมั่นคง มือสีคล้ำหยิบแฟ้มเอกสารที่มีหัวข้อเกี่ยวกับวิญญาณจากชั้นวาง เอกสารเล่มนี้เป็นหนึ่งในบันทึกการทดลองที่ได้มาจากอาชญากรของนักโทษในองค์กร มันเคยใช้ชีวิตผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วนเพื่อสร้างเวทมนตร์ที่ช่วยส่งวิญญาณของตนเข้าสู่ร่างใหม่เพื่อยืดอายุของตัวเอง แม้การทดลองนี้จะถูกหยุดลง แต่ความเสียหายที่มันก่อไว้ก็มิอาจจางหาย
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยเหล่านี้ไม่ได้ถูกทำลายลงไป เขามองมันในฐานะเครื่องมือที่ยังมีศักยภาพ การปล่อยให้มันสูญเปล่าจะยิ่งทำให้การตายของผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นไร้ความหมาย
เขาเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน วางเอกสารลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเครื่องมือสำหรับการปรุงยา และ วงแหวนเวทมนตร์ที่ยังไม่สมบูรณ์ เขาเริ่มอ่านเนื้อหาในเอกสารอย่างตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เมื่ออ่านไปได้สักระยะ เขาก็ถอนหายใจหนักหน่วง ลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะวางหนังสือกลับไปยังชั้นเดิม แล้วหยิบแฟ้มงานวิจัยจำนวนมากขึ้นมาวางแทน น้ำเสียงของกระดาษที่พลิกไปมาดังขึ้นในห้องที่เงียบงัน ขณะเขากลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อเริ่มต้นอ่านอีกครั้ง
เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง กองแฟ้มงานที่สะสมอยู่บนโต๊ะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทว่าบนใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ริมฝีปากของเขาขบเม้มแน่น ขณะที่มือหนาพลิกกระดาษหน้าต่อหน้าอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแฟ้มงานเล่มสุดท้ายถูกปิดลงและวางซ้อนลงบนกองอย่างแรง ราวกับต้องการปลดปล่อยความอึดอัดในใจ
เขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง กุมใบหน้าของตนไว้แน่น ดวงตาปิดสนิท ความเหนื่อยล้าและผิดหวังสะท้อนออกมาผ่านอากัปกิริยาเหมือนผู้ที่ไร้ทางออก
“เสียเวลาชะมัด...” เสียงบ่นของเขาแผ่วเบา ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แต่กลับเต็มไปด้วยความขมขื่น
เขาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง เวลาค่อยๆใกล้จะหมดลงเรื่อยๆ เขาต้องรีบกลับไปที่คฤหาสน์ เพื่อรักษาบทบาทและแผนการของตน เขาลุกขึ้นรีบหยิบรีริคและของใช้ที่จำเป็นติดตัวไปด้วย แต่สายตากลับสะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างในตู้โชว์
มันเป็นสิ่งเล็กๆที่ดูคล้ายกระดุมเม็ดหนึ่ง วางอยู่ในมุมของตู้กระจกเก่าๆ สิ่งนั้นทำให้เขานึกถึงรีริคชิ้นหนึ่ง—รีริคที่นำเขาไปพบกับอาร์วินในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ภาพความทรงจำผุดขึ้นในหัวทันที วันนั้นที่เขาพบกับอาร์วินที่กำลังนอนรอความตายอยู่เพียงลำพังในคุกใต้ดินที่หนาวเหน็บ เสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายยังคงก้องในหัว ความเดียวดายและความสิ้นหวังของชายคนนั้นยังคงติดตรึงในใจเขา
ความหนาวเหน็บจากความทรงจำเริ่มแทรกซึมเข้ามา ความรู้สึกผิดที่เขาไม่อยากยอมรับค่อยๆทวีความชัดเจนขึ้น หากวันนั้นเขาไม่ออกเดินทางไปจากเมืองในช่วงเวลานั้นพอดี หากเขาไม่ละเลยความวุ่นวายในเมือง หรือ เมินเฉยต่อเธอในตอนเช้าวั้นนั้น อาร์วินก็อาจจะยังมีชีวิต และเอเลน่าก็อาจจะไม่ต้องสูญเสียเขาไป
เขาถอนหายใจหนักๆ ความลังเลกัดกินใจจนเขาแทบไม่อาจมองหาทางออกอื่นได้ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับความจริง
“บางที...อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากหมอนั่น” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบแล้วมองดูมันใกล้ๆ สัญลักษณ์ใบโคลเวอร์สีดำบนพื้นผิวของมันดูเหมือนจะขับดันความลังเลในจิตใจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เขาเก็บรีริคเข้าไปในกระเป๋า หยิบของใช้ที่จำเป็น ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เส้นทางข้างหน้ามีเพียงแต่ความไม่แน่นอน แต่เขารู้ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงอีกแล้ว
เขามุ่งหน้าไปหาโจชัว เรนฮาร์ท ชายที่อาจเป็นทั้งความหวังสุดท้าย หรือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด.
หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมสีม่วงอมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในสถานที่แห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ทำให้เธอรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของมือสังหาร จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มานานแล้ว แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับเรื่องราวนั้น หนักเกินกว่าจะเล่าออกมาดวงตาสีชมพูอ่อนสะท้อนแสงจากโคมไฟ หญิงสาวนั่งนิ่งราวกับกำลังขบคิดอะไรบาง แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ อยากให้ชายหนุ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่เธอก็รู้ดี เขาก็ยังเป็นตัวเขา—คนที่เลือกจะแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง ไม่ยอมพึ่ง
คลินิกตรงหน้าตั้งอยู่ห่างจากเขตใจกลางเมืองเล็กน้อย ตัวอาคารหินสีซีด ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยจำนวนนึงยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น ร่างสูงใหญ่ยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาตรงข้ามกับสถานที่ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท เป็นสถานที่ทำงานของเจ้าของสถานที่แห่งนั้น แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เมื่อแน่ใจแล้ว เขาดึงจดหมายจากกระเป๋าออกมา มันเป็นเศษกระดาษที่เขาเก็บได้แถวนี้ จดหมายนั้นเขียนด้วยลายมือเร่งรีบ เนื้อความสั้นๆระบุเพียงเวลาและสถานที่ ไม่ได้บอกถึงความต้
ก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายที่เขาช่วยเหลือไว้สวมชุดแปลกๆราวกับมาจากอีกทวีป ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาว ภาษาที่ใช้ ก็ดูเหมือนจะถูกๆผิดๆแต่กลับเต็มไปด้วยสำบัดสำนวนมากมายราวกับจงใจชายคนนั้นอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เขาจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีของคนอื่นมาด้วยเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยไปให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นศาสตร์ลับในดินแดนของตน หนังสือเล่มนี้บันทึกเกี่ยวกับวิธีการปกปิด และ ซ่อนเร้น โดยใช้พลังที่ผสานระหว่างธรรมชาติและเจตจำนงในตอนแรก เขารับหนังสือเ
แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆกลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับอยากกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันจนเธอไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งพิงหลับอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าสงบนิ่งภายใต้เงามืด เส้นผมสีทองของเขาสว่างไสวเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เผยให้เห็นอีกด้านนึงที่เธอคุ้นเคย—ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่างก่อนหน้านี้ ทำให้เธอโล่งใจขึ้นเล็กน้อย “อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อออกมาเบาๆเหมือนจะยืนยันการมีตัวตนอยู่ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อพึ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองนอนอยู่บนเตียงของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ขณะที่พยายามเรียกความทรงจำที่เลือนรางกลับคืนมาภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในความทรงจำ จำได้ว่าเธอ และ เพื่อนพูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องของรางวัลในการทดสอบที่
ความกังวลในใจของเธอคลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่หมดสิ้น ราวกับไม่สามารถสลัดคำถามนั้นออกจากหัวไปได้ ก่อนจะหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าอีกครั้ง“ฉันรู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะที่จะถามอะไรแบบนี้ ในตอนที่นายเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา…”เธอหยุดเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของเขา แต่ชายหนุ่มยังคงนิ่ง เหมือนไม่มีความสับสนใดๆ“มันมีหลายเรื่องที่ฉันอยากจะถามนาย แต่…” เธอลดสายตาลงมองแก้วชาที่อุ่นในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “เรื่องที่สำคัญกว่านั้น—ฉันอยากรู้... นายได้รับอะไรจากการทดสอบนั้น?”ชายหนุ่มมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตอบอย่างอึดอัด"ขอโทษด้วย มันเป็นความลับเฉพาะฝ่ายนักเวทย์ ไม่สามารถบอกได้""ฉันรู้เกี่ยวกับการทดสอบนั้นแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าของรางวัลอาจจะเป็นชิ้นส่วนร่างกายของจอมปราชญ์ไรอัส นายไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอก"เขาชะงักเล็กน้อย หยุดคิดไปชั่วขณะก่อนจะพูดออกมา"รู้มาจากไอริสสิน่ะ? เธอคนนั้นไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของฝ่ายอัศวิน กับ จอมเวทย์รึไง?""แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ารู้แล้ว?""ถ้ารู้แล้วก็ไม่เป็นอะไร" เขาพูดเสียงต่ำ แล้วเขาก็ถอนหายใจ"ฟังแล้วก็อย่าไปบอกใครล่ะ แล้วก็ห้ามบอกด้วยว่าเธอรู้มาจากไอริ
หลังจากที่หญิงสาวหลับไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไฟไหม้สองจุดในคืนเดียว—หนึ่งคือห้องของเขาเอง สถานที่ที่เคยอบอวลไปด้วยเงาของความทรงจำ ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นชีวิตของเขาและเธอ หนังสือที่เคยวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน เฟอร์นิเจอร์ที่เขาเลือกเองถูกเผาผลาญจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวันคืนที่เคยมีร่วมกัน มอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวเพลิง ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก…มือขวาของเขากำแน่นจนข้อกระดูกปูดขึ้นมา เขาบีบมือจนเจ็บ แต่พยายามข่มความรู้สึกโกรธเอาไว้ แม้จะพยายามทำเช่นนั้น แววตากลับยังคงสะท้อนความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ภายใน เขาหายใจเข้าลึก พยายามประคองสติขณะที่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวอีกแห่งคือโรงพยาบาลกลางเมือง... สถานที่ๆซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย หากต้องการลบตัวตนของเขาจริงๆ แค่เผาห้องพักก็เพียงพอ แต่ทำไมต้องเผาโรงพยาบาล?เรื่องมันใหญ่เกินไป… หรือทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นตอนที่เกิดเรื่องกับเขาพอดี? แต่ถ้านี้เป็นแผนของใครบางคน แล้วพวกมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำเช่นนี้?ชายหนุ่มนั่งครุ่
ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในแนวป่าจนถึงเขตเมือง กลิ่นอายของผู้คนเริ่มแตะจมูกของเธอที่แอบตามมาเงียบๆ เสียงพูดคุยและความเคลื่อนไหวของตลาดกลางคืนแว่วเข้ามา เธอหยุดอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบระหว่างร้านค้าเล็กๆ“ทำไมต้องแอบมาเข้าเมืองมาในเวลานี้ด้วย น่าสงสัยจริงๆ…” หญิงสาวคิดในใจ ก่อนปรับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับและเริ่มตามเขาเข้าไปในตรอกที่ดูคับแคบและอับทึบ มีกลิ่นอับของความชื้นผสมกับกลิ่นไม้เก่าจากกำแพงร้านค้าหญิงสาวที่กวาดสายตาเหลือบมองไปรอบข้าง ก่อนที่จะเห็นเงาของเขาเลี้ยวหายเข้าไปในซอยเล็กๆ เธอเห็นดังนั้น จึบรีบเร่งก้าวตามโดยไม่ลดความระมัดระวัง แต่เมื่อพ้นมุมซอยเข้าไป ร่างสูงของชายหนุ่มก็พุ่งพรวดเข้ามามาจากมุมที่เขาเข้าไป ชายหนุ่มเคลื่อนตัวรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว เธอถูกผลักชนเข้าติดกับกำแพงผนังด้านหลัง“อึก—!” เสียงร้องสั้นกระชับของเธอดังขึ้นในความเงียบ คทาในมือถูกปัดกระเด็นไปด้วยแรงที่เหนือชั้น ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอหยุดชะงักทันที ปลายมีดเย็นเฉียบจ่ออยู่ห่างจากดวงตาของเธอเพียงเส้นขน ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นทำ
"นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย?" หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่พวกเขาเลี้ยวเข้าตรอกซอยแคบๆแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของความวุ่นวายในย่านนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น"ฉันไม่ได้พาเธอ เธอตามฉันมาเอง" ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าตอบเสียงห้วนๆ แต่ยังไม่หยุดเดิน เขาไม่แม้จะหันมามองด้วยซ้ำก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นคนที่พูดจานุ่มนวล สุภาพ และมีมารยาทเสมอเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ทุกสิ่งที่เธอรู้จักเกี่ยวกับตัวเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อคมมีดหันมาจ่อที่ตาของเธอ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คืออาร์วินคนเดิมที่เธอเคยรู้จักแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เลนส์แว่นสีน้ำตาลอมแดง เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มันเป็นสายตาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความแปลกใจอย่างชัดเจนเธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่เขาก้าวเดินอย่างชำนาญ แต่ทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยความระแวง เขามองไปรอบตัวเหมือนกับคนที่กำลังหลบหนี หรือไม่ก็เหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป เธอเริ่มสงสัยว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสูญเสียวงแหวนเวทมนตร์ไป ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษหญิงสาวหยุดชะงักเมื่ออาร์วินหย
"นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย?" หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่พวกเขาเลี้ยวเข้าตรอกซอยแคบๆแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของความวุ่นวายในย่านนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น"ฉันไม่ได้พาเธอ เธอตามฉันมาเอง" ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าตอบเสียงห้วนๆ แต่ยังไม่หยุดเดิน เขาไม่แม้จะหันมามองด้วยซ้ำก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นคนที่พูดจานุ่มนวล สุภาพ และมีมารยาทเสมอเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ทุกสิ่งที่เธอรู้จักเกี่ยวกับตัวเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อคมมีดหันมาจ่อที่ตาของเธอ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คืออาร์วินคนเดิมที่เธอเคยรู้จักแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เลนส์แว่นสีน้ำตาลอมแดง เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มันเป็นสายตาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความแปลกใจอย่างชัดเจนเธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่เขาก้าวเดินอย่างชำนาญ แต่ทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยความระแวง เขามองไปรอบตัวเหมือนกับคนที่กำลังหลบหนี หรือไม่ก็เหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป เธอเริ่มสงสัยว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสูญเสียวงแหวนเวทมนตร์ไป ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษหญิงสาวหยุดชะงักเมื่ออาร์วินหย
ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในแนวป่าจนถึงเขตเมือง กลิ่นอายของผู้คนเริ่มแตะจมูกของเธอที่แอบตามมาเงียบๆ เสียงพูดคุยและความเคลื่อนไหวของตลาดกลางคืนแว่วเข้ามา เธอหยุดอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบระหว่างร้านค้าเล็กๆ“ทำไมต้องแอบมาเข้าเมืองมาในเวลานี้ด้วย น่าสงสัยจริงๆ…” หญิงสาวคิดในใจ ก่อนปรับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับและเริ่มตามเขาเข้าไปในตรอกที่ดูคับแคบและอับทึบ มีกลิ่นอับของความชื้นผสมกับกลิ่นไม้เก่าจากกำแพงร้านค้าหญิงสาวที่กวาดสายตาเหลือบมองไปรอบข้าง ก่อนที่จะเห็นเงาของเขาเลี้ยวหายเข้าไปในซอยเล็กๆ เธอเห็นดังนั้น จึบรีบเร่งก้าวตามโดยไม่ลดความระมัดระวัง แต่เมื่อพ้นมุมซอยเข้าไป ร่างสูงของชายหนุ่มก็พุ่งพรวดเข้ามามาจากมุมที่เขาเข้าไป ชายหนุ่มเคลื่อนตัวรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว เธอถูกผลักชนเข้าติดกับกำแพงผนังด้านหลัง“อึก—!” เสียงร้องสั้นกระชับของเธอดังขึ้นในความเงียบ คทาในมือถูกปัดกระเด็นไปด้วยแรงที่เหนือชั้น ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอหยุดชะงักทันที ปลายมีดเย็นเฉียบจ่ออยู่ห่างจากดวงตาของเธอเพียงเส้นขน ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นทำ
หลังจากที่หญิงสาวหลับไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไฟไหม้สองจุดในคืนเดียว—หนึ่งคือห้องของเขาเอง สถานที่ที่เคยอบอวลไปด้วยเงาของความทรงจำ ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นชีวิตของเขาและเธอ หนังสือที่เคยวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน เฟอร์นิเจอร์ที่เขาเลือกเองถูกเผาผลาญจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวันคืนที่เคยมีร่วมกัน มอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวเพลิง ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก…มือขวาของเขากำแน่นจนข้อกระดูกปูดขึ้นมา เขาบีบมือจนเจ็บ แต่พยายามข่มความรู้สึกโกรธเอาไว้ แม้จะพยายามทำเช่นนั้น แววตากลับยังคงสะท้อนความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ภายใน เขาหายใจเข้าลึก พยายามประคองสติขณะที่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวอีกแห่งคือโรงพยาบาลกลางเมือง... สถานที่ๆซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย หากต้องการลบตัวตนของเขาจริงๆ แค่เผาห้องพักก็เพียงพอ แต่ทำไมต้องเผาโรงพยาบาล?เรื่องมันใหญ่เกินไป… หรือทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นตอนที่เกิดเรื่องกับเขาพอดี? แต่ถ้านี้เป็นแผนของใครบางคน แล้วพวกมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำเช่นนี้?ชายหนุ่มนั่งครุ่
ความกังวลในใจของเธอคลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่หมดสิ้น ราวกับไม่สามารถสลัดคำถามนั้นออกจากหัวไปได้ ก่อนจะหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าอีกครั้ง“ฉันรู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะที่จะถามอะไรแบบนี้ ในตอนที่นายเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา…”เธอหยุดเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของเขา แต่ชายหนุ่มยังคงนิ่ง เหมือนไม่มีความสับสนใดๆ“มันมีหลายเรื่องที่ฉันอยากจะถามนาย แต่…” เธอลดสายตาลงมองแก้วชาที่อุ่นในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “เรื่องที่สำคัญกว่านั้น—ฉันอยากรู้... นายได้รับอะไรจากการทดสอบนั้น?”ชายหนุ่มมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตอบอย่างอึดอัด"ขอโทษด้วย มันเป็นความลับเฉพาะฝ่ายนักเวทย์ ไม่สามารถบอกได้""ฉันรู้เกี่ยวกับการทดสอบนั้นแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าของรางวัลอาจจะเป็นชิ้นส่วนร่างกายของจอมปราชญ์ไรอัส นายไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอก"เขาชะงักเล็กน้อย หยุดคิดไปชั่วขณะก่อนจะพูดออกมา"รู้มาจากไอริสสิน่ะ? เธอคนนั้นไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของฝ่ายอัศวิน กับ จอมเวทย์รึไง?""แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ารู้แล้ว?""ถ้ารู้แล้วก็ไม่เป็นอะไร" เขาพูดเสียงต่ำ แล้วเขาก็ถอนหายใจ"ฟังแล้วก็อย่าไปบอกใครล่ะ แล้วก็ห้ามบอกด้วยว่าเธอรู้มาจากไอริ
แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆกลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับอยากกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันจนเธอไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งพิงหลับอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าสงบนิ่งภายใต้เงามืด เส้นผมสีทองของเขาสว่างไสวเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เผยให้เห็นอีกด้านนึงที่เธอคุ้นเคย—ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่างก่อนหน้านี้ ทำให้เธอโล่งใจขึ้นเล็กน้อย “อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อออกมาเบาๆเหมือนจะยืนยันการมีตัวตนอยู่ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อพึ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองนอนอยู่บนเตียงของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ขณะที่พยายามเรียกความทรงจำที่เลือนรางกลับคืนมาภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในความทรงจำ จำได้ว่าเธอ และ เพื่อนพูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องของรางวัลในการทดสอบที่
ก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายที่เขาช่วยเหลือไว้สวมชุดแปลกๆราวกับมาจากอีกทวีป ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาว ภาษาที่ใช้ ก็ดูเหมือนจะถูกๆผิดๆแต่กลับเต็มไปด้วยสำบัดสำนวนมากมายราวกับจงใจชายคนนั้นอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เขาจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีของคนอื่นมาด้วยเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยไปให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นศาสตร์ลับในดินแดนของตน หนังสือเล่มนี้บันทึกเกี่ยวกับวิธีการปกปิด และ ซ่อนเร้น โดยใช้พลังที่ผสานระหว่างธรรมชาติและเจตจำนงในตอนแรก เขารับหนังสือเ
คลินิกตรงหน้าตั้งอยู่ห่างจากเขตใจกลางเมืองเล็กน้อย ตัวอาคารหินสีซีด ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยจำนวนนึงยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น ร่างสูงใหญ่ยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาตรงข้ามกับสถานที่ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท เป็นสถานที่ทำงานของเจ้าของสถานที่แห่งนั้น แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เมื่อแน่ใจแล้ว เขาดึงจดหมายจากกระเป๋าออกมา มันเป็นเศษกระดาษที่เขาเก็บได้แถวนี้ จดหมายนั้นเขียนด้วยลายมือเร่งรีบ เนื้อความสั้นๆระบุเพียงเวลาและสถานที่ ไม่ได้บอกถึงความต้
หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมสีม่วงอมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในสถานที่แห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ทำให้เธอรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของมือสังหาร จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มานานแล้ว แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับเรื่องราวนั้น หนักเกินกว่าจะเล่าออกมาดวงตาสีชมพูอ่อนสะท้อนแสงจากโคมไฟ หญิงสาวนั่งนิ่งราวกับกำลังขบคิดอะไรบาง แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ อยากให้ชายหนุ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่เธอก็รู้ดี เขาก็ยังเป็นตัวเขา—คนที่เลือกจะแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง ไม่ยอมพึ่ง
ชายร่างสูงใหญ่เดินผ่านทางเดินยาวที่ปกคลุมด้วยความเงียบสงัดของพื้นที่ บรรยากาศภายในบริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายทรงพลังที่ทั้งหนักอึ้งและน่าเกรงขาม เขาหยุดชั่วครู่หน้าประตูบานใหญ่ของห้องผู้นำองกรณ์ บานประตูไม้สลักลวดลายละเอียดอ่อนแสดงถึงอำนาจและบทบาทสำคัญของเจ้าของห้องในขณะที่เขาก้าวผ่านหน้าประตู ความรู้สึกหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วร่าง คล้ายมีสายตาจับจ้องจากอีกมิติ พลังจากดันเจี้ยนแห่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการเฝ้ามองของเจ้าของที่นี้อย่างชัดเจน แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆก็ตาม"ดูเหมือนเธอมีเรื่องที่จะพูดด้วย แต่ก็ลังเลที่จะถามสิน่ะ" เขาคิดในใจ สายตาสีแดงฉานของเขาหันไปมองบานประตูอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะส่ายหัวเบาๆผู้นำของสถานที่แห่งนี้ เป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอเป็นลูกสาวของอดีตผู้นำองกรณ์อาชกรรมขนาดใหญ่ในเมือง แต่ถูกเขาทำลายลงไปเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นเธอยังเยาว์วัย แถมยังเป็นลูกของโสเภณีที่องกรณ์จับตัวมาอีก ทำให้เธอมักจะถูกรังแก และ กลั่นแกล้งดูหมิ่นเสมอเธอที่ผ่านความยากลำบากในชีวิตแต่ล่ะวัน ก็ได้มาพบกับเขาในร่างของจอมเชือด ในตอนแรกเธอร้องขอที่จะติดตามเขา แต่ตัวเขาในตอนนั้นปฏิเสธ ไม่อยาก