Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 25 รอยประทับของมหาจอมเวทย์

Share

ตอนที่ 25 รอยประทับของมหาจอมเวทย์

หลังจากที่เอเลน่าเรียกอัศวินและสาวใช้ไปดูแลอาร์วิน เธอก็ตั้งใจที่จะกลับห้อง พลางยกมือขึ้นแตะขมับเบาๆด้วยอาการเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน แต่แล้ว ขณะที่เธอเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาวเชื่อมระหว่างห้องโถงหลักกับสวนในคฤหาสน์ เสียงสนทนาของกลุ่มอัศวินที่ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆก็แว่วเข้าหู

“รู้เรื่องที่ท่านอาร์วินสูญเสียวงแหวนมานาไปรึยัง?”หนึ่งในอัศวินเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่ไม่เบาพอที่จะหลุดรอดจากการได้ยินของเธอ

เอเลน่าชะงักฝีเท้า หัวใจเต้นแรงขณะที่เธอพยายามทำท่าเดินผ่านไปอย่างเรียบเฉย แต่ความกังวลกลับเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอีกคนหนึ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ได้ยินจากสาวใช้แล้ว บาดแผลสาหัสแทบจะกลายเป็นคนพิการ หนำซ้ำยังสูญเสียวงแหวนมานาไปอีก”

“ท่านผู้อาวุโสคงไม่ปล่อยเอาไว้หรอก ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ตระกูลอาจจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอาได้”

“บางที… อาจถึงขั้นขับออกจากตระกูล” เสียงนั้นราบเรียบแต่กลับแฝงความเย็นยะเยือกไว้ จนเอเลน่ารู้สึกเหมือนเงามืดคืบคลานเข้ามารอบตัว

“การอยู่ในตระกูลโดยไร้วงแหวนมานา ก็เป็นได้แค่ตัวภาระเปล่าๆ ดีซะอีกที่ยังเมตตาให้มีชีวิตอยู่"หลังจากนั้นเขาดูครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา

"แต่หากทำเพื่อตระกูลล่ะก็…. ตายไปซ่ะยังจะดีกว่า คนไร้ความสามารถหน่ะ แค่คนเดียวก็พอแล้ว”เขาพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ขณะที่อีกคนทำท่าไม่เห็นพอใจพอสมควร แต่ก็ไม่มีท่าทีจะโต้แย้งกลับ การจะอยู่สังคมชั้นสูงนั้น ความสามารถคือทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นดั่งตัวกำหนดโชคชะตาของตระกูลด้วยซ้ำ

หัวใจของเธอคล้ายถูกบีบรัดด้วยความวิตก เธอรู้ดีว่าคำพูดของอัศวินอาจจะดูรุนแรง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ความจริงนั้นทิ่มแทงใจของเธอเช่นกัน ความอ่อนแอของอาร์วินย่อมกระทบต่อตระกูล และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อนาคตของเขาอาจถึงขั้นต้องดับลงเลยก็ได้

สถานะของตระกูลในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมในอดีต พ่อของเธอ และ ลูกหลานของสามัญชนจำนวนมากที่เข้ารับการทดสอบในวันนั้นต่างก็หายตัวไปในเหตุการณ์ดันเจี้ยนถล่ม ความหวังสุดท้ายคู่หมั้นคนแรกที่รอดชีวิตกลับมา เคยเป็นว่าที่นักผจญภัยฝีมือดี อนาคตไกล ก็ต้องฝันสลาย กลายเป็นคนไร้ความทรงจำ ไร้ความสามารถ แถมมีอาการจิตเภทอีก

แล้วถ้ารวมเรื่องที่คู่หมั้นคนปัจจุปันของเธอเสียวงแหวนมานาไปล่ะก็ ชื่อเสียงของตระกูลได้ถูกทำลายจนหมดสิ้นแน่ๆ หลังจากนั้น พวกผู้อาวุโสจะบังคับให้เราตัดขาดกับตระกูลแคลนัส ส่งผลทำให้ตระกูลของเขาล่มสลาย เธอไม่อยากทำให้ตระกูลของคนที่เธอรักพังลง แต่หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ ก็ยากที่จะแก้ไข หรือโต้แย้งใดๆ 

เอเลน่าเดินต่อไปตามทางเดินในคฤหาสน์ รู้สึกเหมือนบรรยากาศโดยรอบเย็นลง แสงไฟจากโคมติดผนังสะท้อนบนพื้นหินเย็นเฉียบราวกับทุกสิ่งกำลังจับจ้องมาที่เธอ เสียงฝีเท้าดังก้องเบาๆ ท่ามกลางความเงียบสงัด ความคิดในหัวเธอเริ่มตีกันวุ่นวาย

และแล้วคำว่า "ประตูแห่งการทดสอบ" ที่เธอเคยได้ยินจากการปากของอาร์วินก็ผุดขึ้นมาในใจ ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนเส้นทางจากห้องของเธอ เพื่อแวะไปที่อื่นก่อน

เอเลน่ายืนอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่งที่ประดับด้วยลวดลายซับซ้อน เสียงเคาะเบาๆ ดังขึ้น ไม่นานนักประตูก็ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นหญิงสาวในชุดคลุมเวทมนตร์สีม่วงอ่อน ผมยาวสีดำเป็นมันถูกมัดหลวมๆ ไว้ด้านหลัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอมองตรงมาที่เอเลน่าด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“เอเลน่า! เธอเองเหรอ?” เสียงอันคุ้นเคยของไอริส เพื่อนสนิทของเธอ ทำให้เอเลน่ารู้สึกโล่งขึ้นเล็กน้อย แต่ความกังวลในใจเธอยังคงไม่คลาย

“ไอริส…” เอเลน่าพูดชื่อเพื่อนเบาๆ สูดลมหายใจลึกเพื่อควบคุมอารมณ์ที่สับสน เธอพยายามฝืนยิ้ม แต่ความกังวลที่ค้างคายังคงฉายชัดในดวงตาของเธอ

ไอริสมองเธออย่างจับสังเกต ขณะที่ความอ่อนโยนในแววตานั้นดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดที่เอเลน่ากำลังเผชิญ

“เธอกำลังกังวลเรื่องของอาร์วินใช่ไหม?” น้ำเสียงของไอริสเบาและนุ่มนวลเหมือนกับจะปลอบใจ ขณะเธอเอื้อมมือมาจับมือเอเลน่าเบาๆ

เอเลน่าพยักหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย “ฉัน… ฉันอดคิดไม่ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”

 ไอริสมองเอเลน่าด้วยความเห็นใจ ก่อนจะเปิดประตูเชิญเธอเข้าไปในห้องส่วนตัว "เข้ามาก่อนเถอะ"

เอเลน่าเดินตามเข้าไปโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่น และ ลึกลับ เธอมองรอบห้อง ก่อนที่จะนั่งลงตามคำเชิญของไอริส

“ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว เอเลน่า” ไอริสตอบเบา ๆ “วงแหวนมานาของเขาถูกทำลาย มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาแน่ๆ”

เอเลน่าก้มหน้าลง เหมือนมีบางอย่างทับถมอยู่บนอก ไอริสจึงเอื้อมมือมาจับไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน

“ไม่ต้องฝืน ถ้าเธออยากพูดก็พูดออกมาได้เสมอ”

เอเลน่าหลับตาลงลึกๆก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยความลังเล “ไอริส… เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับ ประตูแห่งการทดสอบ บ้างไหม?”

ไอริสชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเธอถึงรู้จักคำนั้น?”

“ฉัน…ได้ยินที่อาร์วินพูดกับผู้อาวุโส พวกเขาดูตกใจกับมันมาก” เอลีน่าพูดพร้อมกับหลบสายตา

ไอริสนิ่งคิด ก่อนถอนหายใจ“ฉันไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดหรอก แต่ว่านี่เป็นความลับเฉพาะนักเวทเท่านั้นที่รู้ ขนาดครอบครัวของตัวเองยังบอกไม่ได้เลย”เธอหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปสบตาเพื่อน“แต่เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิท ฉันจะบอกล่ะกัน”

เอเลน่ายิ้มเล็กน้อย แม้จะยังรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ“ขอบใจนะ ไอริส”

ไอริสถอนหายใจลึก ราวกับต้องการเก็บความกังวลที่สะสมไว้ให้หมดไป ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

“ประตูแห่งการทดสอบ… มันเป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ไม่สามารถคาดเดาเวลาที่มันจะเกิดขึ้นได้เลย”

เธอหันมามองเอเลน่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเครียด

“แต่ในช่วงเวลานั้น จะเกิดวงเวทย์ที่สุ่มเวลาเกิดขึ้นมา… มันเป็นทางเข้าไปสู่เขตแดนลี้ลับที่ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”

เอเลน่าเริ่มรู้สึกตื่นเต้นและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน เธอเลื่อนสายตามองไปที่พื้นห้องที่มีแสงเทียนส่องระยิบระยับ ราวกับมีจังหวะเต้นของหัวใจที่ดังขึ้นในหู ขณะที่ไอริสพูดต่อ

“ใครก็ตามที่เดินเข้าไปในนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบของแม่มดที่อาศัยอยู่ข้างใน…” คำพูดของเธอส่งเสียงสะท้อนในหูของเอเลน่า จนทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีลมหายใจของแม่มดอยู่ใกล้ๆ

“การทดสอบจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์…” ไอริสกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงต่ำลง

“ซึ่งหลังจากครบ 2 สัปดาห์แล้ว คนที่เข้าไป ก็จะโผล่กลับมาแบบสุ่มในสถานที่ต่างๆ" ไอริสเสริม ในขณะที่เธอทำท่าทางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์บางอย่าง ก่อนจะพูดต่อ

"ถ้าผ่านการทดสอบ ก็จะได้รับรางวัล… แต่ถ้าไม่…” เธอหยุดไปครู่หนึ่ง เหมือนน้ำเสียงที่พูดต่อจากนี้จะทำให้บรรยากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนไป “ก็จะสูญเสียความทรงจำในช่วงที่ทำการทดสอบไป…”

เอเลน่ารู้สึกหนาวสั่นไหล่ ขณะที่เธอพยายามพยักหน้าให้กำลังใจตัวเอง แต่ความกังวลกลับแทรกซึมเข้ามาในใจอย่างไม่อาจควบคุมได้

“จนถึงตอนนี้… ยังไม่มีข้อมูลของผู้ที่ผ่านการทดสอบเลย”ไอริสพูดต่อ โดยเสียงของเธอเริ่มสั่น

“เพราะในสมัยก่อน ไม่มีการควบคุมผู้เข้ารับการทดสอบ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่บางคนหลังจากผ่านการทดสอบแล้ว ก็ไม่มีการรายงานตัว หรืออยู่ดีๆ ก็หายตัวไปเลย…”

เอเลน่าได้ฟังใจของเธอเหมือนจะหยุดเต้น ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความวิตกกังวล

“แล้วการทดสอบนั้นมีไว้เพื่ออะไร? ทำไมพวกเธอถึงต้องทำการทดสอบนั้น?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ขณะส่งสายตาไปยังไอริสที่ดูเหมือนจะลังเลอยู่

ไอริสหยุดชั่วคราว ราวกับกำลังตัดสินใจว่าจะพูดหรือไม่ “เป็นเรื่องที่เขาลือกัน น่ะเอเลน่า…”เธอเริ่มพูดช้าๆ

“แต่เขาว่ากันว่า…” เสียงของไอริสกระซิบเบาๆดังขึ้น สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

“รางวัลที่ได้… คือการปลูกถ่ายชิ้นส่วนร่างกายบางส่วนของไรอัส มหาจอมเวทย์ในตำนานคนนั้น…” เมื่อได้ยินชื่อของ ไรอัส เอเลน่ารู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง ทำให้เธอตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในการทดสอบนัี้

มหาจอมเวทย์ในตำนาน ไรอัส เป็นบุคคลในตำนานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเวทย์คนแรกและคนเดียวของโลกที่สามารถบรรลุถึงระดับ 10 วงแหวน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่มีเพียงแค่มนุษญ์คนเดียวสามารถไปถึงได้ การปลูกถ่ายชิ้นส่วนร่างกายของเขาอาจหมายถึงการได้รับพลังที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการ หรือ อาจถึงขั้นพลิกประวัติศาสตร์ของโลกเวทมนตร์ได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม พลังอันมหาศาลนั้น…ก็ต้องมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย ยิ่งเป็นชิ้นส่วนของไรอัส เธอไม่ทางเชื่อได้เลยว่าจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status