แชร์

ตอนที่ 24 ความเปราะบาง

เอเลน่านั่งเงียบอยู่ข้างเตียงในห้องที่แสงเทียนสลัวๆ กำลังเต้นรำไปตามแรงลมที่ลอดผ่านเข้ามา บรรยากาศรอบตัวราวกับหยุดนิ่ง ไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงลมหายใจเบาๆ ของเธอ ใบหน้าที่เธอคุ้นเคย แต่มีบางสิ่งที่แปลกไป—บางสิ่งที่เธอไม่สามารถอธิบายได้ ความปั่นป่วนในใจกลับค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทีละน้อย

รอยยิ้มอบอุ่นของอาร์วิน และความอ่อนโยนในแววตาของเขาทำให้เธอเคยรู้สึกปลอดภัยเสมอ แต่ครั้งนี้... เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ต่างไป มันอาจเป็นเพียงความเครียดจากสถานการณ์รอบตัวหรือความเหนื่อยล้าที่สะสม แต่ไม่ว่าสิ่งใดในตอนนี้ ตัวเขาดูจะไม่เหมือนเดิม ถึงแม้ใบหน้าของเขายังคงเหมือนอาร์วินทุกประการ ยกเว้นเพียงสีของดวงตาที่ไม่ใช่ฟ้าอมเงินอีกต่อไป ตอนนี้มันกลายเป็นสีเทานิ่งเรียบ—สีที่แตกต่างจากความทรงจำของเธอ คล้ายกับใครบางคนที่เธอรู้จัก

เอเลน่าถอนหายใจเบาๆ พลางบีบจดหมายในมือแน่นขึ้น จดหมายที่นำพาความทรงจำอันเจ็บปวดเกี่ยวกับการถูกไล่ล่าโดย "จอมเชือด" ภาพเหตุการณ์นั้นยังคงแจ่มชัดในหัวเธอ เลือดที่หลั่งไหล และ เสียงฝีเท้าของผู้ไล่ล่าเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจลืมได้

การได้เจอกับอาร์วินอีกครั้ง แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัสก็เป็นความหวังที่เธอแทบจะถอดใจไปแล้ว แค่ได้อยู่ใกล้เขา เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการปกป้อง แม้กระทั่งในยามที่ทุกสิ่งรอบตัวดูสับสน และ วุ่นวาย การที่มีเขาอยู่เคียงข้าง ก็ช่วยคลายความกังวลในใจของเธอได้พอสมควร

เธอสูดหายใจลึก แล้วพิงพนักเก้าอี้เพื่อพักเอาแรง ร่างกายอ่อนล้าจากการตามหาเขามาตลอดหลายวันทำให้ดวงตาเธอใกล้จะปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนที่ความง่วงจะเข้าครอบงำในที่สุด เอเลน่าผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ในห้วงฝันที่ก่อตัวขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ความทรงจำวัยเด็กของเอเลน่าค่อยๆ หวนกลับไปยังเหตุการณ์ที่ฝังแน่นในจิตใจ—คฤหาสน์ตระกูลของเธอในวันนั้น วันที่ จอมเชือด บุกเข้ามาเพื่อปลิดชีวิตเธอ

เธอย้อนกลับไปในวัยเด็ก เมื่อทุกสิ่งรอบตัวถูกทำลายจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เสียงโลหะกระทบกันดังก้องอยู่รอบตัว ขณะที่เธอจ้องมองชายร่างสูงผู้คลุ้มคลั่ง ตาสีเลือดจ้องมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกปลดปล่อย ความกลัวแผ่กระจายทั่วร่างจนหัวใจเต้นแรงแทบจะขาดอากาศหายใจ

ในวินาทีนั้น พลังในสายเลือดของเธอพลันถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สายลมรุนแรงพุ่งออกจากตัวเธอ ฟาดฟันใส่ "จอมเชือด" จนร่างสูงให้ตรงหน้าล้มลงไปกับพื้น

เธอคิดว่าทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก่อนที่สติจะดับวูบไป ภาพของเด็กหนุ่มผู้เป็นคู่หมั้นกลับปรากฏขึ้นในสายตา เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างของเขากางปกป้องเธอจากจอมเชือดที่กำลังฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ความอบอุ่นจากร่างของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...ก่อนที่ทุกสิ่งจะจมลงสู่ความมืดมิด

ภาพในฝันค่อยๆ เลือนเปลี่ยนไปสู่เหตุการณ์ที่ยังคงฝังลึกในใจของเอเลน่า วันที่นักฆ่าตามล่าเธอและเอรอส คู่หมั้นของเธอในเวลานั้น จนกระทั่งได้พบกับอาร์วิน

หลังจากการตรวจสภาพจิตใจจากเหตุการณ์ที่จอมเชือดบุกเข้ามา พวกเขาก็ถูกนักฆ่าสะกดรอยตาม เอรอสจับมือเธอแน่น วิ่งพาเธอหนีจากนักฆ่าหลายคนที่ตามไล่ล่า สายตาของเขามองมาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพาเธอเข้าไปซ่อนในที่ปลอดภัย เสียงหายใจของเขาดังอย่างเหน็ดเหนื่อย ขณะที่สายตาจ้องมองย้ำว่าให้เธออยู่นิ่งๆ จากนั้นเขาหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเหล่านักฆ่าเพียงลำพัง

เอเลน่านั่งกอดเข่าอยู่ในมุมมืด ฟังเสียงฝีเท้าของนักฆ่าที่ไล่ตามเอรอสห่างออกไปเรื่อย ๆ แต่แล้วกลับมีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังขึ้นตรงหน้า เสียงนั้นหยุดลง เธอรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเมื่อเห็นนักฆ่าเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ความหวาดกลัวโอบล้อมทุกความคิด จนกระทั่งเธอถูกจับตัวไป

ในขณะนั้น อาร์วินปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ รวดเร็วและเฉียบคม เขาโจมตีนักฆ่าในพริบตา เสียงการต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ราวกับฝันร้ายจบลง แต่ทันใดนั้น เธอก็เห็นเงารางๆ ของจอมเชือด บุคคลที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต กำลังยืนมองเธอจากเงามืด ห่างเพียงไม่กี่ก้าว

ความกลัวแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเธออีกครั้ง ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา ขณะอาร์วินยืนประจันหน้ากับจอมเชือด เขายกไม้เท้าขึ้น ชี้ไปยังร่างตรงหน้า แม้มานาจะหมดสิ้นแล้ว แต่เพียงท่าทีของเขาก็ทำให้จอมเชือดหยุดชะงัก ร่างนั้นค่อยๆ จางหายไปในความมืด ราวกับฝันร้ายที่เลือนลับไป

เอเลน่ายังไม่ทันได้ขอบคุณอาร์วินเต็มปาก ความสับสนก็เข้ามาแทนที่ ในคืนนั้น เอรอสถูกกล่าวหาว่าไร้ความสามารถ และ ถูกขับออกจากตระกูล เนื่องจากทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง แถมยังกลับมาที่ตระกูลคนเดียว ความทรงจำของวันนั้นยังคงติดตรึงในใจเธอ

ในห้วงฝันที่ตามหลอกหลอน ภาพต่างๆเริ่มบิดเบี้ยว ใบหน้าของอาร์วินและชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นเคยในอดีตค่อยๆ ซ้อนทับกัน ความทรงจำที่เคยแจ่มชัดเริ่มสลาย ดวงตาสีฟ้าอมเงินของอาร์วินที่เธอจดจำได้ กลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาเยียบเย็น น้ำเสียงและท่าทางที่เคยคุ้น บัดนี้แปรเปลี่ยนจนเธอไม่อาจเข้าใจ ความคุ้นเคยนั้นราวกับกำลังหลอกหลอนเธอ ทำให้ไม่อาจแยกแยะได้ว่าชายหนุ่มในฝันเป็นใครกันแน่—เป็นอาร์วิน คู่หมั้นที่เธอรัก หรือใครอีกคนที่ซ่อนเร้นอยู่ในเงามืดนั้น

ความสับสนปนเปไปกับความหวาดกลัว ราวกับว่าความจริงและความฝันกำลังทับซ้อนกัน มันหนักหน่วงจนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก ร่างกายเหมือนถูกบีบรัดด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น หัวใจเต้นรัวดังสนั่นในอก ขณะเดียวกันความรู้สึกอบอุ่นจากอาร์วินในความทรงจำก็กลับมาทิ่มแทงจิตใจ ทำให้เธอไม่อาจหนีจากความสับสนนี้ไปได้

จนกระทั่งในที่สุด เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา ท่ามกลางความมืด ใบหน้าของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น มือของเธอกำผ้าห่มแน่น หัวใจยังคงเต้นระรัวอย่างรุนแรง แต่ไม่มีเสียงฝีเท้าหรือความมืดมนของจอมเชือดอีกต่อไป มีเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองที่ก้องอยู่ในห้องเท่านั้น

“อาร์วิน...” เธอกระซิบเสียงเบาๆ ราวกับพูดคุยกับตัวเอง

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด เสียงกระซิบเบาๆ ของ “อาร์วิน” ดังขึ้นมา ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีเทาของเขาแลมองมาที่เธอด้วยความเงียบสงบ แต่กลับดูเหมือนมีอะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสงบนั้น น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่กลับแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจ

“ไปพักผ่อนเถอะ” เขาพูดเบา ๆ “เธอไม่จำเป็นต้องเฝ้าฉันทั้งคืน...ที่นี่ปลอดภัยดี จะมีอัศวินและนักเวทที่คอยดูแล ไม่มีใครทำอะไรฉันได้”

คำพูดของเขาทำให้เธอแปลกใจ แม้ว่าเสียงของเขาจะอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น แต่บางอย่างในน้ำเสียงของเขากลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง มันช่างดูเรียบนิ่งและคำนวณเหมือนคนที่รู้ทุกสิ่งอยู่ก่อนแล้ว เอเลน่ายิ้มบาง ๆ พยายามปกปิดความรู้สึกที่กำลังรุมเร้าใจของเธอ แล้วเลือกจะไปพักผ่อน อย่างที่เขาแนะนำ

“งั้นฉันจะไปบอกอัศวินให้เข้ามาเฝ้าแทน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามคุมให้สงบ แต่ในใจเธอกลับเต็มไปด้วยความสับสนและลังเล

เธอพยายามลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่นาน แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไป ความรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ในใจเธอกลับทำให้เธอต้องหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ แสงเทียนสลัว ๆ ที่สะท้อนอยู่บนใบหน้านั้นดูเงียบสงบและปลอดภัย แต่บางอย่างในดวงตาของเขากลับทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจ

เสียงฝีเท้าของเธอที่เดินออกจากห้องเริ่มจางหายไปในความเงียบ ทันทีที่เธอจากไป เอรอสก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง รอจนกระทั่งความเงียบกลับมาปกคลุมห้องอีกครั้ง เขาจึงค่อยๆ ขยับร่างลุกขึ้นจากเตียง แม้จะรู้สึกเจ็บที่บาดแผล แต่เขาก็บังคับตัวเองให้ทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้ เขาไม่มีทางเลือก เพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีใครโผล่เข้ามากะทันหัน เลยจำเป็นต้องอยู่ในร่างนี้ก่อน

เอรอสเดินไปที่ตู้สมุนไพรใกล้ๆ ค้นหาเครื่องหอมสมุนไพรที่คิดว่าน่าจะมีอยู่ที่นี้ นี่เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษที่องค์กรของเขาทำขาย มันถูกออกแบบให้ดูเหมือนเครื่องหอมธรรมดาที่ใช้ในครัวเรือน แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนคุณสมบัติพิเศษเอาไว้ มันมีส่วนผสมของสมุนไพรสองชนิดที่ออกฤทธิ์ต่างกัน ชนิดหนึ่งช่วยให้ง่วงหลับ ส่วนอีกชนิดกระตุ้นให้เกิดอาการหลับลึกมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพถูกปรับลดลงด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่ผสมให้เหมาะกับการกล่อมหลับในสภาพแวดล้อมที่ไม่สงบ ซึ่งในขั้นตอนนี้เขาต้องใช้แสงเทียนแยกเอาส่วนที่ไม่ต้องการออก เหลือไว้เฉพาะส่วนที่ใช้ เพื่อไม่ให้เครื่องหอมมีกลิ่นที่แปลกไป

หลังจากที่แยกสมุนไพรทั้งหมดออกจากกัน เอรอสค่อยๆบดสมุนไพรสองชนิดเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เทส่วนผสมกลับเข้าไปในถุงใหม่ที่ยังไม่ถูกแกะออก เท่านี้ฤทธิ์ของมันจะมากขึ้นกว่าปกติ แต่กลิ่นยังคงเดิม ทำให้ไม่มีใครจับได้แน่นอน

จากนั้นเขาก็นำมันไปวางไว้ในตู้สมุนไพรที่เดิม ไม่ไกลจากแสงเทียนริบหรี่ที่ยังคงส่องสว่าง เครื่องหอมถูกจัดเตรียมเรียบร้อย เขาหยิบสมุนไพรที่ถูกแยกออกมาจากส่วนที่เหลือ เพื่อใช้ยับยั้งฤทธิ์การหลับลึก ป้องกันไม่ให้ตัวเองได้รับผลจากเครื่องหอมไปด้วย

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เอรอสจึงกลับไปนอนลงบนเตียง ทำท่าทางเหมือนคนนอนหลับ ท่ามกลางความเงียบและแสงเทียนที่ริบหรี่ เขาเฝ้ารอ อัศวิน และ สาวรับใช้เข้ามาจุดเครื่องหอมตามแผนที่เขาวางไว้

ขณะที่เอรอสนอนนิ่งๆ เขาก็เริ่มวางแผนการเดินทางของตัวเอง สิ่งที่เขาจำเป็นต้องรีบทำมากที่สุดคือการกลับไปยังองค์กร วิญญาณของเรย์นาร์คในตัวเขาเริ่มมีอาการ กระวนกระวายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะครอบงำเขาตลอดเวลา ซึ่งโชคดีที่ตอนนี้เขายังสามารถคุมมันได้ เพราะก่อนหน้านี้มันถูกหญิงสาวในเขตแดนทำลายจิตวิญญาณไปบางส่วน ทำให้อ่อนแอลงไปมาก 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พลังและความโกรธของมันจะส่งผลกระทบต่อตัวเขา เอรอสจำเป็นต้องหาทางยืนยันตัวตนของเธอให้แน่ใจว่าเธอเป็นลูกของเรย์นาร์คจริงๆ ทุกอย่างช่างคล้ายกับกับดักที่ถูกวางเอาไว้ แต่หากเป็นความจริง เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไป

เอรอสหายใจลึกอย่างหนัก รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ก่อตัวขึ้นภายใน เขาบีบมือตัวเองแน่น มองเงาสะท้อนในกระจกขณะที่ความคิดวิ่งวนไปถึงชีวิตที่เขาเคยมี ตั้งแต่วันที่เขาถูกลักพาตัวไป พวกมันสร้างเรื่องว่าเขาตายยังไง? คนอื่นมองว่าเขาเป็นยังไงกันแน่? เพราะในท้ายที่สุด เขาก็แค่ต้องการชีวิตที่เป็นของเขาจริงๆ กลับคืนมา—ชีวิตที่เขาได้เป็นตัวของตัวเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status