หลังจากที่หญิงสาวหลับไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
ไฟไหม้สองจุดในคืนเดียว—หนึ่งคือห้องของเขาเอง สถานที่ที่เคยอบอวลไปด้วยเงาของความทรงจำ ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นชีวิตของเขาและเธอ หนังสือที่เคยวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน เฟอร์นิเจอร์ที่เขาเลือกเองถูกเผาผลาญจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวันคืนที่เคยมีร่วมกัน มอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวเพลิง ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก…
มือขวาของเขากำแน่นจนข้อกระดูกปูดขึ้นมา เขาบีบมือจนเจ็บ แต่พยายามข่มความรู้สึกโกรธเอาไว้ แม้จะพยายามทำเช่นนั้น แววตากลับยังคงสะท้อนความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ภายใน เขาหายใจเข้าลึก พยายามประคองสติขณะที่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
อีกแห่งคือโรงพยาบาลกลางเมือง... สถานที่ๆซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย หากต้องการลบตัวตนของเขาจริงๆ แค่เผาห้องพักก็เพียงพอ แต่ทำไมต้องเผาโรงพยาบาล?
เรื่องมันใหญ่เกินไป… หรือทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นตอนที่เกิดเรื่องกับเขาพอดี? แต่ถ้านี้เป็นแผนของใครบางคน แล้วพวกมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำเช่นนี้?
ชายหนุ่มนั่งครุ่นคิด ขณะนั่งอยู่ข้างเตียง ใกล้ๆกับหญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ ลมหายใจเริ่มลึกและสม่ำเสมอ บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ ราวกับความฝันกำลังโอบล้อมเธอไว้ในอ้อมกอดที่ปลอดภัย
เขาจ้องมองเธอเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ทำลายความเงียบในทันที ชายหนุ่มเหลือบมองเอเลน่าอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ตื่น ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู
ชายรับใช้ในชุดเรียบง่ายยืนอยู่ด้านนอก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและเย้ยหยัน ปึกหนังสือพิมพ์ในมือดูเหมือนหนักสำหรับเขา เขามองอาร์วินด้วยสายตาที่ขาดความเคารพ
"หนังสือพิมพ์ที่ท่านสั่งให้รวบรวมไว้ครบแล้ว เสียเวลาข้าจริงๆเลย ทีหลังถ้าจะให้ทำอะไรแบบนี้อีก อย่าลืมติดเงินมาให้ด้วยล่ะ"
คำพูดของเขาแฝงด้วยน้ำเสียงห้วนๆและหยิ่งผยอง เหมือนจงใจล้ำเส้น ราวกับคิดว่าตัวตนตรงหน้าไม่มีทางตอบโต้ หรือทำอะไรเขาแน่นอน หากเป็นเขาคนเดิม แต่เขาคิดผิด
บรรยากาศบริเวณโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป พลังเวทย์ที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ราวกับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นค่อยๆกดทับชายที่อยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีเทาเข้มของเขาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก แต่ความเย็นเยือกที่ส่งผ่านมานั้นทำให้ชายรับใช้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด
ชายหนุ่มพูดขึ้นช้าๆแต่ชัดเจน แต่ละคำเหมือนเสียงของน้ำแข็งที่กำลังแตกร้าว
“การที่แกเสียมารยาทกับผู้เป็นนาย...ดูเหมือนว่าแกอยากจะโดนตัดลิ้นมากสินะ”
ข้ารับใช้ตรงหน้าชะงักไปทันที ขาของเขาสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวดูแน่นขึ้นจนเขาหายใจไม่ออก แผ่นหลังชื้นเหงื่อ รู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองหนัก ไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่มีใครสนใจ.....ถ้าจะมีใครสักคนหายไปเพราะความปากพล่อยหรอกน่ะ แกอยากลองดูไหมหล่ะ?”
เสียงที่แผ่วเบาของเขากลับดังก้องในหัวของชายรับใช้ ราวกับคมมีดที่กรีดลงบนจิตใจ ชายตรงหน้ารีบโค้งตัวต่ำทันที
"ข้าผิดไปแล้ว ท่านโปรดยกโทษให้ด้วย!" เขากล่าวด้วยเสียงสั่น ร่างกายเริ่มลนลาน
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเล็กน้อย แต่แววตาของเขายังคงเย็นชา
"จำไว้ ถ้าฉันเรียกเมื่อไหร่ แกต้องมา ไม่งั้น..." เขาไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายชัดเจนเกินพอ
ข้ารับใช้ชายหมุนตัว เตรียมจะเดินหนีอย่างลนลาน แต่ยังไม่ทันก้าว เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่กลับทรงพลัง
“หนังสือพิมพ์….”
ข้ารับใช้ชะงัก และรีบยื่นปึกหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่มาให้ มือของเขาสั่นจนแทบจับมันไม่อยู่
ชายหนุ่มหยิบหนังสือพิมพ์ไปอย่างใจเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบข้างหูชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“และอีกอย่าง...ห้ามบอกเรื่องที่ฉันพูดกับแกให้ใครฟัง ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องนี้หลุดออกไป...” เขาหยุดครู่หนึ่ง เสียงแผ่วลงราวกับมีดปลายแหลมกรีดเข้าหูชายหนุ่ม
“...ฉันจะเป็นคนตัดลิ้นแกเอง”
ชายรับใช้ตัวแข็งทื่อ สะดุ้งเฮือกก่อนรีบพยักหน้าอย่างลนลานและวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
ชายหนุ่มปิดประตูอย่างแผ่วเบา เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ เขาวางปึกหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะทอดสายตามองเอเลน่าที่หลับอยู่ แววตาของเขากลับมาสงบอีกครั้ง ปล่อยให้ความรู้สึกของร่างนี้ ที่ยังหลงเหลืออยู่จากการที่ปล่อยให้มันครอบงำก่อนหน้านี้หายไป เพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติ
เขานั่งพิงพนักเก้าอี้ ปลายนิ้วเคาะกับที่วางแขนเบาๆ ในขณะที่สายตาจ้องมองไปยังประตูที่ชายรับใช้เพิ่งออกไป เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเลือนหายไปในระยะไกล ความเงียบกลับคืนสู่ห้องอีกครั้ง เขาลูบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ
"ที่สำคัญ..." เขาคิดในใจ เสียงความคิดของเขาชัดเจนและหนักแน่น
“…จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะใช้วางแผนในอนาคต”
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ปึกหนังสือพิมพ์ ก่อนที่จะหยิบฉบับบนสุดขึ้นมาอ่าน ดวงตาสีเทาเข้มจ้องมองอย่างตั้งใจราวกับพยายามรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองในช่วงที่เขาไม่อยู่
แสงแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่าง ส่องประกายอ่อนๆ ในห้องที่เงียบสงบ ขณะที่เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ พร้อมจมอยู่กับความคิดที่เรียงร้อยอย่างมีระเบียบเพื่อวางแผนการสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง
ในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกัน
ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีน้ำตาลของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีน้ำตาลอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายใน
ตอนนี้เธอกำลังไปทำหน้าที่เสริมความปลอดภัยให้คู่หมั้นของเพื่อนสนิทของตน ที่ตอนนี้เธอออกไปทำธุระบางอย่างอีกเมืองนึง กว่าจะกลับมาก็พรุ่งนี้ ซึ่งในวันนี้ เธอได้รับหน้าที่ให้คุ้มครองความปลอดภัยของเขาชั่วคราว
แสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยินขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดิน แต่แล้วกลับเหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์
ร่างนั้นคือคู่หมั้นของเพื่อนสนิทเธอ เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตน
เขาก้าวเดินอย่างเงียบเชียบ ลัดเลาะผ่านแนวพุ่มไม้ด้านข้างของคฤหาสน์ ท่าทางของเขาดูระมัดระวังในทุกย่างก้าว ราวกับพยายามหลีกเลี่ยงการถูกจับตามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอหรี่ลงด้วยความสงสัย
“สภาพแบบนั้น คิดจะไปไหนกัน?” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจติดตามเขาอย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในแนวป่าจนถึงเขตเมือง กลิ่นอายของผู้คนเริ่มแตะจมูกของเธอที่แอบตามมาเงียบๆ เสียงพูดคุยและความเคลื่อนไหวของตลาดกลางคืนแว่วเข้ามา เธอหยุดอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบระหว่างร้านค้าเล็กๆ“ทำไมต้องแอบมาเข้าเมืองมาในเวลานี้ด้วย น่าสงสัยจริงๆ…” หญิงสาวคิดในใจ ก่อนปรับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับและเริ่มตามเขาเข้าไปในตรอกที่ดูคับแคบและอับทึบ มีกลิ่นอับของความชื้นผสมกับกลิ่นไม้เก่าจากกำแพงร้านค้าหญิงสาวที่กวาดสายตาเหลือบมองไปรอบข้าง ก่อนที่จะเห็นเงาของเขาเลี้ยวหายเข้าไปในซอยเล็กๆ เธอเห็นดังนั้น จึบรีบเร่งก้าวตามโดยไม่ลดความระมัดระวัง แต่เมื่อพ้นมุมซอยเข้าไป ร่างสูงของชายหนุ่มก็พุ่งพรวดเข้ามามาจากมุมที่เขาเข้าไป ชายหนุ่มเคลื่อนตัวรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว เธอถูกผลักชนเข้าติดกับกำแพงผนังด้านหลัง“อึก—!” เสียงร้องสั้นกระชับของเธอดังขึ้นในความเงียบ คทาในมือถูกปัดกระเด็นไปด้วยแรงที่เหนือชั้น ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอหยุดชะงักทันที ปลายมีดเย็นเฉียบจ่ออยู่ห่างจากดวงตาของเธอเพียงเส้นขน ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นทำ
"นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย?" หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่พวกเขาเลี้ยวเข้าตรอกซอยแคบๆแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของความวุ่นวายในย่านนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น"ฉันไม่ได้พาเธอ เธอตามฉันมาเอง" ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าตอบเสียงห้วนๆ แต่ยังไม่หยุดเดิน เขาไม่แม้จะหันมามองด้วยซ้ำก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นคนที่พูดจานุ่มนวล สุภาพ และมีมารยาทเสมอเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ทุกสิ่งที่เธอรู้จักเกี่ยวกับตัวเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อคมมีดหันมาจ่อที่ตาของเธอ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คืออาร์วินคนเดิมที่เธอเคยรู้จักแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เลนส์แว่นสีน้ำตาลอมแดง เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มันเป็นสายตาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความแปลกใจอย่างชัดเจนเธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่เขาก้าวเดินอย่างชำนาญ แต่ทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยความระแวง เขามองไปรอบตัวเหมือนกับคนที่กำลังหลบหนี หรือไม่ก็เหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป เธอเริ่มสงสัยว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสูญเสียวงแหวนเวทมนตร์ไป ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษหญิงสาวหยุดชะงักเมื่ออาร์วินหย
โจชัวถือถาดที่วางชาและขนมอบสดใหม่ เขาก้าวเข้ามาในห้องพยาบาลอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องนั้นมีเพียงอาร์วินและไอลีนที่กำลังรออยู่ อาร์วินนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ริมเตียง ท่าทีเฉยชา แต่นัยน์ตาของเขาดูคมกริบราวกับจับสังเกตทุกสิ่งรอบตัว ในขณะที่ไอลีนยังคงรักษามารยาทสมบูรณ์แบบ นั่งหลังตรง มือวางบนตักอย่างสง่างาม"ชาร้อนและขนมอบสดใหม่ครับ" โจชัวกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะเล็กๆ ตรงกลางห้อง"ผมโจชัว เป็นหมอเวทย์ที่นี่ ยินดีที่ได้พบ" เขากล่าวแนะนำตัว ก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งข้างไอลีน "แล้วคุณคือ...?"อาร์วินสบตาเขาด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนตอบเสียงเรียบ "ขอผมแนะนำตัว อาร์วิน แคร์นัส ส่วนนี้ไอลีน ตอนนี้น่าจะกำลังคุ้มกันผมอยู่""น่าจะ อะไรของนาย" ไอลีนหันไปแย้งเบาๆ ก่อนจะยิ้มสุภาพ แต่ดวงตายังคงแฝงความระแวงเล็กน้อย"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณโจชัว ฉันเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของตระกูลวัลธอเรน และกำลังให้การคุ้มครองเขาอยู่ค่ะ""ยินดีเช่นกันครับ คุณไอลีน" โจชัวตอบรับ ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบมองไปยังอาร์วิน ซึ่งกำลังหยิบขนมขึ้นมากัดโดยไม่ลังเลขนมที่ดูปกติกลับมีรสขมจัด แต่ชายหนุ่มกลับกินมันได้อ
ห้องทำงานของโจชัวยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แสงจากโคมไฟด้านบนส่องวูบไหวไปตามผนังห้องที่เรียงรายด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอย่างบิดเบี้ยว ราวกับมีบางสิ่งกำลังคืบคลานในความมืดโจชัวยืนพิงโต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งกำปากกาแน่นจนปลายเล็บซีดขาว ส่วนอีกข้างวางทับลงบนหนังสือเวทมนตร์เก่าๆที่เปิดค้างไว้ หน้าเอกสารเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และสูตรเวทที่ซับซ้อนซึ่งสะท้อนแสงแวววาวตรงหน้าของเขา—ชายวัยกลางคน ผิวสีแทน ผมสีเทา ดวงตาสีแดงฉาน กำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เรย์นาร์ค ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน ราวกับเงาที่โผล่จากความมืด ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มขุนนาง แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปลักษณ์ที่เขาเคยเจอในอดีตโจชัวมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแต่ก็ยังคงระแวดระวัง"นี่มันอะไรกัน? รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้คืออะไร? คุณเปลี่ยนร่างได้งั้นเหรอ?"เรย์นาร์คไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองมา สายตาของเขาเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่หนักอึ้ง ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตอบคำถามของนาย"น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาเหมือนมือที่กดลงบนไห
เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่าเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวี
เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดชะงักกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เพียงชั่วพริบตาแล้วร่างนั้นก็พุ่งผ่านเธอไปรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองทัน—ราวกับสายลมสีดำที่พัดผ่านไปเงียบงันเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะทันหันไปมอง ขวานสีทองตวัดฟาดลงอย่างไร้ความลังเล เสียงเนื้อฉีกสะท้อนก้องในอากาศ ลำคอของชายคนแรกถูกกรีดขาดสะบั้น เลือดพุ่งเป็นสายสาดกระเซ็นลงบนกำแพงหินเย็นเฉียบ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงราวกับหุ่นเชิดที่ขาดด้าย ร่างนั้นปรากฏตัวกลางวงศัตรู ราวกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากความมืดเหล่าผู้คุมที่เหลือแข็งค้าง—ลมหายใจขาดห้วงในอก พวกมันพึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังกลืนกินแต่ไม่ทันแล้วชายสองคนที่อยู่ใกล้สุดตั้งสติได้ก่อน เงื้อดาบหมายจะสังหาร ทว่าเสียงโลหะเฉือนเนื้อดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะฟันลง ขวานสีทองพุ่งเป็นแนวเฉียง ตัดทะลุร่างทั้งสอง รอยแผลฉีกลึกถึงกระดูก เลือดร้อนๆ กระเซ็นเปรอะเต็มพื้นหินเสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจากพวกด้านหลัง—แต่เขาเร็วกว่าพวกมันขวานถูกเหวี่ยงออกไปด้วยพลังและความแม่นยำ ปักเข้ากลางอกของนักเวทย์คนหนึ่งเต็มแรง เสียงเนื้อฉีกกระชากดังก้องในอากาศ ร่างนั้นทรุดลง มือขาวซีดสั่
โพรงหินขนาดมหึมาขยายตัวออกเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปในความมืด เสาหินโบราณตั้งเรียงรายตามระเบียงทางเดินสูงต่ำ ราวกับขั้นบันไดแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาแต่แทนที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงซากโบราณสถานที่รกร้าง กลับมีเหล็กกล้าสนิมเขรอะ ปราการคุมขัง และกรงเหล็กที่แขวนห้อยอยู่ตามแนวผนัง บ่งบอกว่ามันได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคุกใต้ดินอันโหดร้ายและในตอนนี้—มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปรอะไปด้วยเลือดเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนจากกำแพงหินขรุขระ ขณะที่เหล่าผู้ช่วยเหลือนำกลุ่มทาสเด็กที่รอดชีวิตฝ่าความเงียบสงัดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เปลวไฟริบหรี่สาดเงาทอดยาวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบสีแดงฉาน"อย่าหันไปมองรอบๆ มุ่งหน้าต่อไป" เสียงกระซิบดังขึ้นเป็นระยะๆจากเหล่าผู้นำทางเด็กหลายคนก้มหน้าลง มองเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้นหินเย็นเยียบ แต่ความอยากรู้อยากเห็น และกลิ่นเลือดคาวคลุ้งที่อบอวล ทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองรอบด้านร่างของผู้คุมถูกแขวนคว่ำอยู่กับเสาหิน ศพของพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยหอกและดาบ บางร่างถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนบันไดหินที่ทอดยาวลงไปสู่ระดับลึกกว่า เลือดไหลเป็นทา
ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่
ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่
โพรงหินขนาดมหึมาขยายตัวออกเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปในความมืด เสาหินโบราณตั้งเรียงรายตามระเบียงทางเดินสูงต่ำ ราวกับขั้นบันไดแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาแต่แทนที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงซากโบราณสถานที่รกร้าง กลับมีเหล็กกล้าสนิมเขรอะ ปราการคุมขัง และกรงเหล็กที่แขวนห้อยอยู่ตามแนวผนัง บ่งบอกว่ามันได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคุกใต้ดินอันโหดร้ายและในตอนนี้—มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปรอะไปด้วยเลือดเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนจากกำแพงหินขรุขระ ขณะที่เหล่าผู้ช่วยเหลือนำกลุ่มทาสเด็กที่รอดชีวิตฝ่าความเงียบสงัดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เปลวไฟริบหรี่สาดเงาทอดยาวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบสีแดงฉาน"อย่าหันไปมองรอบๆ มุ่งหน้าต่อไป" เสียงกระซิบดังขึ้นเป็นระยะๆจากเหล่าผู้นำทางเด็กหลายคนก้มหน้าลง มองเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้นหินเย็นเยียบ แต่ความอยากรู้อยากเห็น และกลิ่นเลือดคาวคลุ้งที่อบอวล ทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองรอบด้านร่างของผู้คุมถูกแขวนคว่ำอยู่กับเสาหิน ศพของพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยหอกและดาบ บางร่างถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนบันไดหินที่ทอดยาวลงไปสู่ระดับลึกกว่า เลือดไหลเป็นทา
เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดชะงักกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เพียงชั่วพริบตาแล้วร่างนั้นก็พุ่งผ่านเธอไปรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองทัน—ราวกับสายลมสีดำที่พัดผ่านไปเงียบงันเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะทันหันไปมอง ขวานสีทองตวัดฟาดลงอย่างไร้ความลังเล เสียงเนื้อฉีกสะท้อนก้องในอากาศ ลำคอของชายคนแรกถูกกรีดขาดสะบั้น เลือดพุ่งเป็นสายสาดกระเซ็นลงบนกำแพงหินเย็นเฉียบ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงราวกับหุ่นเชิดที่ขาดด้าย ร่างนั้นปรากฏตัวกลางวงศัตรู ราวกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากความมืดเหล่าผู้คุมที่เหลือแข็งค้าง—ลมหายใจขาดห้วงในอก พวกมันพึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังกลืนกินแต่ไม่ทันแล้วชายสองคนที่อยู่ใกล้สุดตั้งสติได้ก่อน เงื้อดาบหมายจะสังหาร ทว่าเสียงโลหะเฉือนเนื้อดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะฟันลง ขวานสีทองพุ่งเป็นแนวเฉียง ตัดทะลุร่างทั้งสอง รอยแผลฉีกลึกถึงกระดูก เลือดร้อนๆ กระเซ็นเปรอะเต็มพื้นหินเสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจากพวกด้านหลัง—แต่เขาเร็วกว่าพวกมันขวานถูกเหวี่ยงออกไปด้วยพลังและความแม่นยำ ปักเข้ากลางอกของนักเวทย์คนหนึ่งเต็มแรง เสียงเนื้อฉีกกระชากดังก้องในอากาศ ร่างนั้นทรุดลง มือขาวซีดสั่
เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่าเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวี
ห้องทำงานของโจชัวยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แสงจากโคมไฟด้านบนส่องวูบไหวไปตามผนังห้องที่เรียงรายด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอย่างบิดเบี้ยว ราวกับมีบางสิ่งกำลังคืบคลานในความมืดโจชัวยืนพิงโต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งกำปากกาแน่นจนปลายเล็บซีดขาว ส่วนอีกข้างวางทับลงบนหนังสือเวทมนตร์เก่าๆที่เปิดค้างไว้ หน้าเอกสารเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และสูตรเวทที่ซับซ้อนซึ่งสะท้อนแสงแวววาวตรงหน้าของเขา—ชายวัยกลางคน ผิวสีแทน ผมสีเทา ดวงตาสีแดงฉาน กำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เรย์นาร์ค ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน ราวกับเงาที่โผล่จากความมืด ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มขุนนาง แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปลักษณ์ที่เขาเคยเจอในอดีตโจชัวมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแต่ก็ยังคงระแวดระวัง"นี่มันอะไรกัน? รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้คืออะไร? คุณเปลี่ยนร่างได้งั้นเหรอ?"เรย์นาร์คไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองมา สายตาของเขาเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่หนักอึ้ง ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตอบคำถามของนาย"น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาเหมือนมือที่กดลงบนไห
โจชัวถือถาดที่วางชาและขนมอบสดใหม่ เขาก้าวเข้ามาในห้องพยาบาลอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องนั้นมีเพียงอาร์วินและไอลีนที่กำลังรออยู่ อาร์วินนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ริมเตียง ท่าทีเฉยชา แต่นัยน์ตาของเขาดูคมกริบราวกับจับสังเกตทุกสิ่งรอบตัว ในขณะที่ไอลีนยังคงรักษามารยาทสมบูรณ์แบบ นั่งหลังตรง มือวางบนตักอย่างสง่างาม"ชาร้อนและขนมอบสดใหม่ครับ" โจชัวกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะเล็กๆ ตรงกลางห้อง"ผมโจชัว เป็นหมอเวทย์ที่นี่ ยินดีที่ได้พบ" เขากล่าวแนะนำตัว ก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งข้างไอลีน "แล้วคุณคือ...?"อาร์วินสบตาเขาด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนตอบเสียงเรียบ "ขอผมแนะนำตัว อาร์วิน แคร์นัส ส่วนนี้ไอลีน ตอนนี้น่าจะกำลังคุ้มกันผมอยู่""น่าจะ อะไรของนาย" ไอลีนหันไปแย้งเบาๆ ก่อนจะยิ้มสุภาพ แต่ดวงตายังคงแฝงความระแวงเล็กน้อย"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณโจชัว ฉันเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของตระกูลวัลธอเรน และกำลังให้การคุ้มครองเขาอยู่ค่ะ""ยินดีเช่นกันครับ คุณไอลีน" โจชัวตอบรับ ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบมองไปยังอาร์วิน ซึ่งกำลังหยิบขนมขึ้นมากัดโดยไม่ลังเลขนมที่ดูปกติกลับมีรสขมจัด แต่ชายหนุ่มกลับกินมันได้อ
"นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย?" หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่พวกเขาเลี้ยวเข้าตรอกซอยแคบๆแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของความวุ่นวายในย่านนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น"ฉันไม่ได้พาเธอ เธอตามฉันมาเอง" ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าตอบเสียงห้วนๆ แต่ยังไม่หยุดเดิน เขาไม่แม้จะหันมามองด้วยซ้ำก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นคนที่พูดจานุ่มนวล สุภาพ และมีมารยาทเสมอเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ทุกสิ่งที่เธอรู้จักเกี่ยวกับตัวเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อคมมีดหันมาจ่อที่ตาของเธอ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คืออาร์วินคนเดิมที่เธอเคยรู้จักแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เลนส์แว่นสีน้ำตาลอมแดง เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มันเป็นสายตาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความแปลกใจอย่างชัดเจนเธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่เขาก้าวเดินอย่างชำนาญ แต่ทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยความระแวง เขามองไปรอบตัวเหมือนกับคนที่กำลังหลบหนี หรือไม่ก็เหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป เธอเริ่มสงสัยว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสูญเสียวงแหวนเวทมนตร์ไป ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษหญิงสาวหยุดชะงักเมื่ออาร์วินหย
ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในแนวป่าจนถึงเขตเมือง กลิ่นอายของผู้คนเริ่มแตะจมูกของเธอที่แอบตามมาเงียบๆ เสียงพูดคุยและความเคลื่อนไหวของตลาดกลางคืนแว่วเข้ามา เธอหยุดอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบระหว่างร้านค้าเล็กๆ“ทำไมต้องแอบมาเข้าเมืองมาในเวลานี้ด้วย น่าสงสัยจริงๆ…” หญิงสาวคิดในใจ ก่อนปรับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับและเริ่มตามเขาเข้าไปในตรอกที่ดูคับแคบและอับทึบ มีกลิ่นอับของความชื้นผสมกับกลิ่นไม้เก่าจากกำแพงร้านค้าหญิงสาวที่กวาดสายตาเหลือบมองไปรอบข้าง ก่อนที่จะเห็นเงาของเขาเลี้ยวหายเข้าไปในซอยเล็กๆ เธอเห็นดังนั้น จึบรีบเร่งก้าวตามโดยไม่ลดความระมัดระวัง แต่เมื่อพ้นมุมซอยเข้าไป ร่างสูงของชายหนุ่มก็พุ่งพรวดเข้ามามาจากมุมที่เขาเข้าไป ชายหนุ่มเคลื่อนตัวรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว เธอถูกผลักชนเข้าติดกับกำแพงผนังด้านหลัง“อึก—!” เสียงร้องสั้นกระชับของเธอดังขึ้นในความเงียบ คทาในมือถูกปัดกระเด็นไปด้วยแรงที่เหนือชั้น ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอหยุดชะงักทันที ปลายมีดเย็นเฉียบจ่ออยู่ห่างจากดวงตาของเธอเพียงเส้นขน ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นทำ
หลังจากที่หญิงสาวหลับไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไฟไหม้สองจุดในคืนเดียว—หนึ่งคือห้องของเขาเอง สถานที่ที่เคยอบอวลไปด้วยเงาของความทรงจำ ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นชีวิตของเขาและเธอ หนังสือที่เคยวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน เฟอร์นิเจอร์ที่เขาเลือกเองถูกเผาผลาญจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวันคืนที่เคยมีร่วมกัน มอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวเพลิง ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก…มือขวาของเขากำแน่นจนข้อกระดูกปูดขึ้นมา เขาบีบมือจนเจ็บ แต่พยายามข่มความรู้สึกโกรธเอาไว้ แม้จะพยายามทำเช่นนั้น แววตากลับยังคงสะท้อนความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ภายใน เขาหายใจเข้าลึก พยายามประคองสติขณะที่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวอีกแห่งคือโรงพยาบาลกลางเมือง... สถานที่ๆซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย หากต้องการลบตัวตนของเขาจริงๆ แค่เผาห้องพักก็เพียงพอ แต่ทำไมต้องเผาโรงพยาบาล?เรื่องมันใหญ่เกินไป… หรือทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นตอนที่เกิดเรื่องกับเขาพอดี? แต่ถ้านี้เป็นแผนของใครบางคน แล้วพวกมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำเช่นนี้?ชายหนุ่มนั่งครุ่