แชร์

ตอนที่ 21 เส้นทางการหลบหนี

ภายในโกดังเก็บของที่อึมครึม แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ยังอ่อนแรงค่อย ๆ ส่องผ่านหน้าต่างบานเดียวที่ฝุ่นจับหนา ทำให้ภายในโกดังยังคงมืดสลัว เงาของลังไม้ที่วางซ้อนกันสูงบดบังพื้นที่บางส่วน แต่เงาเหล่านั้นกลับเป็นข้อได้เปรียบที่เอรอสใช้ให้เกิดประโยชน์

เขาหลบซ่อนตัวในเงามืด ดวงตาจับจ้องไปยังประตู มือกำแน่นข้างลำตัว ความกดดันค่อยๆ เพิ่มขึ้นพร้อมเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังไม่หยุดยั้ง เหมือนจะคอยย้ำเตือนถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ

ทันใดนั้น เสียงบานประตูเหล็กของโกดังตรงหน้าดังขึ้น ก้องสะท้อนท่ามกลางความเงียบ เสียงคล้ายโลหะกระทบกันเมื่อวงเวทย์ที่ปิดผนึกไว้ถูกปลดออก เสียงนั้นเป็นเหมือนเสียงเตือนให้เอรอสตระหนักถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้ จนบรรยากาศภายในโกดังยิ่งอึดอัดกว่าเดิม เขาตั้งสมาธิอีกครั้ง พลางรู้สึกถึงสัมผัสมานาที่เริ่มกลับมาบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่มากพอที่จะรู้จำนวนคนที่เข้ามา ทำให้เขาประหม่าเล็กน้อย

ไม่นานนัก จอมเวทย์แปลกหน้าสองคนพุ่งเข้ามาภายในโกดังด้วยความระมัดระวัง พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างช่ำชองและสำรวจทุกจุดราวกับคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี

เอรอสยังคงนิ่ง หลบตัวอยู่ในเงาอย่างสมบูรณ์แบบ เขาชะลอลมหายใจ ควบคุมการเต้นของหัวใจให้สงบนิ่งมากที่สุดอย่างมีสติ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงจุดจบ ทว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ความกังวลมีอำนาจเหนือกว่าสติของตนเอง

ในจังหวะที่ยามคนแรกเดินเข้ามาใกล้ เอรอสพุ่งตัวออกจากเงามืดอย่างเงียบเชียบ มือขวาของเขาคว้าแขนของจอมเวทย์คนแรก ก่อนจะบิด และ เหวี่ยงมันเต็มแรงจนได้ยินเสียงกระดูกแตกดังกรอบแกรบในอากาศ ใบหน้าของจอมเวทย์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จอมเวทย์คนที่สองหันมาทันที 

ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มือยกขึ้นเตรียมจะร่ายเวทย์ป้องกันตัว แต่ยังไม่ทันร่ายคาถาใดๆ เอรอสก็พุ่งหมัดอัดเข้าเต็มลำตัวของจอมเวทย์คนนั้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนร่างของเขาล้มลงสลบไป

เมื่อเห็นว่าจอมเวทย์ทั้งสองหมดสติ เอรอสจึงหยิบผ้าคลุมของยามคนหนึ่งขึ้นมาคลุมใบหน้าเพื่อปิดบังตัวตน พร้อมกับหยิบคฑาไม้เก่าๆ ที่วางอยู่ใกล้ๆเขา สูดลมหายใจลึกดึงความมั่นใจกลับมา เตรียมก้าวออกไปเผชิญกับสิ่งที่อยู่ด้านนอก ประตูโกดังที่แง้มอยู่นั้นเผยให้เห็นลานโล่งกว้างเบื้องหน้า แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบพื้นที่โดยรอบทำให้เห็นรายละเอียดของพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้น ทั่วทั้งลานมีเพียงต้นไม้ไม่กี่ต้นขึ้นเป็นหย่อมๆ กระจายห่างๆ กัน สายลมยามเช้าพัดเบาๆ ทำให้บรรยากาศที่ดูโล่งนั้นน่าหวาดระแวงขึ้นเล็กน้อย

เขากวาดสายตาประเมินเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียด เป้าหมายของเขาอยู่ที่เขตตอนใต้ของเมือง แต่การพุ่งไปตรง ๆ ในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้จะเสี่ยงเกินไป เขาจึงตัดสินใจเบี่ยงเส้นทางไปทางตะวันตกที่เป็นประตูเมือง เพื่อสร้างภาพหลอกให้ศัตรูคิดว่าเขากำลังพยายามหลบหนีออกจากเมืองอย่างรีบร้อน ก่อนที่เขาจะหาทางกลับเข้าไปในเขตใต้ตอนกลางคืนเมื่อความปลอดภัยมากขึ้น

สายตาของเขากวาดผ่านพื้นที่โล่งและต้นไม้ที่ขึ้นห่างๆอย่างครุ่นคิด ขณะที่เขาวางแผนเส้นทางการหลบหนีอย่างละเอียด เขาต้องการเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ และใช้ทุกสิ่งรอบตัวเป็นที่กำบัง

เอรอสเริ่มต้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางลานกว้างที่ไร้ผู้คน ความเงียบสงบของทุ่งโล่ง และ ต้นไม้ประปรายทำให้เขายิ่งระมัดระวังยิ่งขึ้น แม้สถานการณ์จะมีความอันตราย และ ความเสี่ยงสูง แต่เขาก็ยังมีไพ่ลับอยู่ในมืออีกหนึ่งอย่าง ที่พร้อมจะใช้ทันที หากเกิดเหตุการณ์จนมุมขึ้นมาจริงๆ

การมุ่งหน้าไปทางตะวันตกดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีในตอนแรก แต่ทว่ากลางทางกลับไม่เป็นเช่นนั้น เอรอสหยุดแล้วหันกลับไปมองจากระยะไกล เห็นกลุ่มจอมเวทย์หลายคนเคลื่อนตัวตรงไปยังโกดังที่เขาทิ้งห่างไว้ แม้จะอยู่ไกลพอสมควร แต่จำนวนของจอมเวทย์ที่มุ่งตรงไปยังโกดังทำให้เอรอสเข้าใจทันทีว่าเขาต้องรีบให้มากกว่านี้

เอรอสตัดสินใจใช้มานาที่เขาดูดซึมมาจากแก่นมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้ กระตุ้นพลังในร่างกายเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวทันที โดยไม่ลังเล เพื่อหลบหนีออกจากลานโล่งกว้างที่เสี่ยงจะทำให้เขาโดนล้อมจับเอาได้

 โชคยังดีที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยอณูมานาหนาแน่น ทำให้การตรวจจับมานาที่อยู่ในร่างกายเขาเล็กน้อยเป็นเรื่องยากสำหรับพวกมัน

แต่ในขณะที่เขากำลังโล่งใจ เขาสังเกตเห็นกลุ่มจอมเวทย์ด้านหน้าเขากลุ่มนึง กำลังวิ่งตรงเข้ามาทางเขามากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เอรอสหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่บริเวณโดยรอบนั้นเปิดโล่งเกินไป ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงไปได้

แต่ด้วยความชำนาญจากการใช้ปืนมานามาตลอด เขายกคฑาไม้เก่าในมือ ยิงมานาจำนวนเล็กน้อยไปยังพุ่มไม้ที่เขาผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของจอมเวทย์ เสียง และ การเคลื่อนไหวของพุ่มไม้ กระตุ้นความสนใจให้กลุ่มจอมเวทย์ที่มุ่งมาทางเขา พวกมันหันเหความสนใจไปยังจุดนั้นโดยไม่แสดงท่าทีสงสัยในทิศทางที่เอรอสซ่อนตัวอยู่

เมื่อกลุ่มจอมเวทย์วิ่งผ่านเขาไป เอรอสจึงหลบออกจากจุดซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพุ่งตรงไปในทิศทางที่พวกมันจากมาอย่างไม่ลังเล

เมื่อเอรอสหลุดจากการถูกตามล่าของกลุ่มจอมเวทย์ชุดแรกได้สำเร็จ เขาพุ่งตัวเข้าไปในทางเดินแคบระหว่างพุ่มไม้ ในสวนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับประตูทางออกเมืองพอสมควร เขาเร่งฝีเท้าให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ในใจเขายังรู้สึกกดดันราวกับมีอะไรบางอย่างตามหลังมา ความเงียบสงบรอบตัวกำลังจะถูกทำลายลงในไม่ช้า

เพียงชั่วอึดใจหลังจากที่เอรอสก้าวผ่านพุ่มไม้อีกแถว เสียงกระแสเวทย์พลิ้วไหวบางเบาก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง เขาหยุดชะงัก และเมื่อหันกลับไป ก็พบกับภาพที่ทำให้เขาต้องขบกรามแน่น

จอมเวทย์อาวุโสระดับ 4 วงแหวน สองคนกำลังลอยตัวเหนือพื้น จ้องมองมาที่เขาอย่างจงใจ ราวกับพวกเขาจับตาดูเขามาตั้งแต่แรกเริ่ม ด้านล่างคือชายหนุ่มในวัยใกล้สามสิบ สายตาคมกริบ สะท้อนถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน ท่าทางเยือกเย็นและมั่นใจอย่างยิ่ง

"การหนีคงทำให้เจ้าเหนื่อยไม่ใช่น้อย?" หนึ่งในจอมเวทย์เอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหนือกว่า ทำให้เอรอสต้องข่มใจไม่ให้แสดงอาการหวาดหวั่น แม้สถานการณ์นี้จะเต็มไปด้วยอันตราย

เอรอสกำคฑาไม้ไว้ในมือแน่น พยายามรวบรวมสมาธิ แม้จะรู้ดีว่ามานาของเขาเหลืออยู่เพียงน้อยนิด การต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ดวงตาของเขายังคงมุ่งมั่น บ่งบอกว่าเขาเคยผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้มาแล้ว 

แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว บรรยากาศรอบตัวเริ่มร้อนระอุขึ้นกระทันหัน เมื่อจอมเวทย์คนหนึ่งยกมือขึ้น วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นเหนือมือของเขา เปลวไฟสว่างวาบก่อนจะพุ่งตรงมาทางเอรอสด้วยความเร็วราวกับจะเผาเขาให้มอดไหม้ในทันที

เอรอสเบี่ยงตัวหลบ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและมานาที่แทบจะหมดสิ้น เขาเสียหลักล้มลงกับพื้น แรงลมจากเวทย์ซัดจนร่างของเขาไถลไปตามพื้นดิน ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่าง กำลังที่เหลือน้อยนิดทำให้เขาลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว แต่แววตาของเขายังคงแฝงด้วยความดื้อรั้น ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ทันใดนั้น ชายหนุ่มด้านล่างที่ยืนรอจังหวะอยู่พุ่งเข้ามาอย่างแม่นยำ เขากระชากแขนของเอรอสและกดร่างของเขาลงกับพื้นทันที มือที่แข็งแรงกดไหล่เขาไว้แน่นจนเอรอสรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก ความเยือกเย็นและชำนาญในการต่อสู้ของชายหนุ่มเผยให้เห็นถึงการฝึกฝนที่เข้มงวด และความเป็นมืออาชีพของเขา

“จับมันเอาไว้ให้แน่น ข้าไม่อยากเสียเวลากับมันอีก” จอมเวทย์อาวุโสอีกคนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอำนาจ เอรอสฝืนยิ้มบาง ขณะที่ร่างกายถูกกดอยู่กับพื้น สายตาท้าทายยังคงจ้องมองพวกเขา

ชายหนุ่มผู้จับกุมเริ่มเกิดความสงสัยในใจ เขามองเอรอสอีกครั้ง ราวกับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เขาตัดสินใจดึงผ้าคลุมออกอย่างแรง เผยให้เห็นใบหน้าที่ทำให้เขาต้องชะงัก นี่ไม่ใช่คนที่เขาตั้งใจจะจับตัวเอาไว้ แต่เป็น อาร์วิน ลูกชายของขุนนาง ที่หายตัวไปเกือบสองสัปดาห์แล้ว!

เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังเข้ามาใกล้จากด้านหลัง จอมเวทย์อาวุโสหันไปมองอย่างระแวดระวัง ก่อนที่ดวงตาจะสบเข้ากับเอเลน่า คู่หมั้นของอาร์วิน เธอปรากฏตัวขึ้นพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอมองชายที่ถูกกดลงกับพื้นอย่างโหดร้าย แขนขาของเขาถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนา ลมหายใจของเขาติดขัดขณะที่พยายามดิ้นรนใต้แรงกดดัน มือที่กดลงบนไหล่ของเขาหนักแน่นและไร้ความปรานี ท่ามกลางความเจ็บปวดที่เขาต้องทน

“อาร์วิน... นี่นาย?” เอเลน่าอุทานออกมาด้วยความสับสน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เมื่อได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอก็เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยทันที

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เอเลน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแต่ชัดเจน คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความเฉียบคม สายตาจ้องไปยังชายทั้งสามอย่างไร้ความปรานี ราวกับแสดงถึงอำนาจที่ไม่อาจละเลยได้

“คู่หมั้นของฉันกำลังถูกทำร้ายอยู่ต่อหน้า หวังว่าพวกคุณคงจะมีคำอธิบายดีๆ…. ใช่ไหม?”

บรรยากาศรอบตัวเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด จอมเวทย์อาวุโสชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาสบตากันอย่างเคร่งเครียดเมื่อได้ยินคำพูดของเอเลน่า ร่างกายของจอมเวทย์อาวุโสขยับเพียงเล็กน้อย แต่พอจะสังเกตได้ถึงความลังเล ความเงียบที่ปกคลุมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อาจเพิกเฉยต่อคำพูดของเอเลน่าได้

ในขณะนั้นเอง เอรอสในร่างอาร์วินกลับแอบแสยะยิ้มบางๆ ราวกับทุกสิ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้น

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status