แชร์

ตอนที่ 13 หอคอยนักปราชญ์

คำพูดของเฟรย์ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเงียบงัน ลีน่ากับโซเฟียสบตากันอย่างเคร่งเครียด หอคอยนักปราชญ์เป็นหนึ่งในองค์กรที่ทรงอำนาจที่สุดในประเทศ มีอิทธิพลเทียบเท่ากับตระกูลขุนนางชั้นสูงและราชวงศ์ เป็นศูนย์กลางขององค์ความรู้และเวทมนตร์ หากใครปรารถนาจะก้าวขึ้นเป็นจอมเวทชั้นแนวหน้า หอคอยนี้คือที่ที่พวกเขาต้องผ่านไป ไม่เพียงแต่ขึ้นชื่อในเรื่องการสอนเวทมนตร์ แต่ยังสร้างนักเวทผู้ทรงพลังมานับไม่ถ้วน

การคัดเลือกผู้เข้าสู่หอคอยนั้นแสนเข้มงวด ผู้สมัครต้องมีวงแหวนอย่างน้อยสองวง และอายุไม่เกิน 20 ปี แม้ว่าพวกเขาจะผ่านเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ การอยู่รอดในหอคอยก็ยังเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่น เพราะภายในนั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน และการต่อสู้เพื่อความเป็นหนึ่ง ที่นั่นยังเป็นสถานที่รวมเหล่าลูกหลานขุนนางที่ทรงอำนาจไว้อย่างมากมาย ทุกย่างก้าวในหอคอยจึงเต็มไปด้วยความอันตรายอยู่เสมอ

เฟรย์เอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “ไม่คิดเลยว่าหอคอยจะเข้ามาเกี่ยวข้อง... มันอันตรายเกินไปที่เราจะยุ่งกับเรื่องนี้”

พวกทุกคนเข้าใจถึงความอันตรายของหอคอยเป็นอย่างดี เอรอสได้บอกข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับหอคอย และ เตือนพวกเขาว่าห้ามไปยุ่ง หรือ หาเรื่องกับองค์กรนี้เด็ดขาด

ภายในหอคอยนักปราชญ์นั้นมีการแบ่งขั้วอำนาจกันอย่างชัดเจน ผู้นำของหอคอยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งนำโดยเซนริก เวลด์รอส จอมเวทผู้สุขุมและเยือกเย็น เขายึดถืออุดมการณ์ในการรักษาความมั่นคงของหอคอย มากกว่าการแสวงหาอำนาจ และไม่ฝักใฝ่การเมืองหรือยุ่งเกี่ยวกับขุนนางใดๆ เซนริกได้รับการนับถือจากเหล่าจอมเวทที่ภักดีต่อหอคอยอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม นิสัยไม่เปิดเผยของเขาทำให้คนทั่วไปไม่รู้เรื่องส่วนตัวมากนัก แม้จะมีข่าวลือว่าเขามีคนรักอย่างลับๆ แต่ข่าวนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันใดๆ ท่าทีเย็นชาของเขามักถูกจับตามอง และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าขุนนางเสมอ

อีกฝ่ายหนึ่งคือเรย์น่า คาไลสตร้า หญิงสาวที่มีเสน่ห์และพลังอำนาจ เธอเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่ต้องการขยายอำนาจของตนไปทั่วดินแดน เรย์น่าได้รับการสนับสนุนลับๆ จากตระกูลแบล็คการ์ด และ ดราโกร์น  อำนาจของเรย์น่าไม่ได้มีดีแค่เปลือกเหมือนเหล่าขุนนางทั่วไป เธอมีเครือข่ายข้อมูลที่กว้างขวาง มีสายสืบอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นนักฆ่า พ่อค้า คนรับใช้ หรือแม้แต่ชาวเมือง ทุกคนล้วนเป็นหูตาให้กับเธอ ด้วยการมอบแก่นมานาระดับกลางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ให้กับเหล่าผู้คนที่มอบข้อมูลที่มีค่ามาให้

แก่นมานามอนเตอร์เป็นสิ่งที่หาได้ยาก โดยเฉพาะจากมอนเตอร์ระดับกลางขึ้นไป ซึ่งแก่นเหล่านี้มีมานาของมอนเตอร์ที่ตายไปสถิตอยู่ มันสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานของอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างมากมาย และยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างอาวุธหรือสิ่งประดิษฐ์พิเศษ

อย่างไรก็ตาม แก่นมานาที่ใช้แล้วนั้นจะมีพลังงานน้อยลง และ ขาดความเสถียร แต่ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่เรียกได้ว่าสูงมากๆ มันก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้คนในตลาดมืดอยู่เสมอ  การได้ครอบครองแม้เพียงแก่นมานาที่ใช้แล้วจึงถือเป็นของล้ำค่าสำหรับคนธรรมดา หรือ นักเวทก็ตาม

โซเฟียพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“หากเป็นความต้องการของเบื้องบนจริงๆ เราก็รับมือไม่ไหว เพียงแต่…”

เธอหยุดครู่หนึ่ง ราวกับกำลังชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ “มันมีอะไรแปลกเกินไป”

ลีน่าหันไปมองเธออย่างเคร่งเครียด “แปลกยังไง?”

“หลักฐานยังไงล่ะ…” โซเฟียเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว

“หากเป็นเรย์น่า คาไลสตร้า….มันก็สมเหตุสมผล ถ้าเธอจะให้ความร่วมมือในการลักพาตัวว่าที่ลูกเขาของตระกูลวัลธอเรนไป เพียงแต่…ถ้าเธอสั่งการเรื่องนี้จริงๆ ฉันไม่คิดว่าลูกน้องของเธอ จะเหลือร่องรอยให้พวกเราตามเจอได้ง่ายๆขนาดนี้”

ลีน่าขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เธอพูดถูก ถ้าเป็นเรย์น่าจริง ไม่มีทางที่จะเหลือร่องรอยไว้แน่ๆ...แปลว่าคนที่ลงมือต้องไม่ใช่ลูกน้องของเธอ”

โซเฟียหันกลับมาสบตาลีน่าอย่างสงสัย “งั้นเธอคิดว่าใคร?”

ลีน่าหันไปทางไคลน์ ซึ่งยังคงยืนเงียบอยู่ เขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่ลังเลที่จะพูดออกมา เธอจึงเอ่ยถามเขา“ไคลน์ ร่องรอยที่นายไปเจอ มันเป็นอะไร?”

ไคลน์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว และ พูดออกมา

“แน่นอน แม้ว่าจะเหลือเพียงเล็กน้อย แต่หนูของฉันได้กลิ่นสิ่งนี้…มานาธาตุแสง อันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลแอคนัส และ กลิ่นเหม็นฉุนที่มาจากการอยู่กับแก่นมอนเตอร์มาเป็นเวลานาน”

เขาล้วงไปที่กระเป๋า หยิบขวดใสเล็กๆขึ้นมา ภายในมีมานาธาตุแสงสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นข้อบ่งชี้ถึงคนจากตระกูลแอคนัสจริงๆ และขวดอีกใบซึ่งมีเศษผ้าชิ้นเล็กๆ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้ไวต่อมานา พวกเขาจะไม่ได้กลิ่นแก่นมอนเตอร์ เว้นแต่พวกสัตว์ที่ไวต่อกลิ่นเท่านั้น ซึ่งกลิ่นนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสัมผัสกับแก่นมานานานพอ หรือยุ่งเกี่ยวกับมันเป็นเวลานาน มีเพียงแค่คนไม่กี่จำพวกที่จะยุ่งเกี่ยวกับแก่นมานาขนาดนั้น

ไคลน์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการติดตาม และ แกะรอยที่ยากจะหาใครเทียบได้ ด้วยความสามารถพิเศษของเขาในการสื่อสารกับสัตว์ และ หนูของเขาก็มีความสามารถในการติดตามมานา และ สามารถแยกแยะพลังงานที่ละเอียดอ่อนได้ เช่น มานาธาตุแสง และกลิ่นเฉพาะตัวจากแก่นมอนเตอร์ ความสามารถนี้มีความแม่นยำอย่างมากถึงขั้นที่สามารถติดตามร่องรอยที่คนทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็นได้

ไคลน์เว้นระยะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “ฉันลองไปถามพวกนกแถวนั้นดูแล้ว ดูเหมือนว่ากลุ่มคนที่ลักพาตัวไป จะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แถมดูท่าทางอายุก็ไม่ได้เยอะมากด้วย”

“แบบนั้นมัน…” โซเฟียขมวดคิ้ว

ไคลน์สบตากับลีน่า และ โซเฟีย “จากความคิดของฉัน…. น่าจะเป็นฝีมือของพวกนักเรียนมากกว่า”

“นักเรียน?” ลีน่าทวนคำด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ใช่ พวกนักเรียน บางที่พวกเขาอาจจะทำด้วยตนเอง โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใคร” ไคลน์ตอบ

โซเฟียนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะวิเคราะห์ต่อ “ถ้าพวกนั้นเป็นนักเรียน แปลว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเบื้องบน หรืออาจไม่มีใครสั่งการให้พวกนั้นทำด้วยซ้ำ พวกเขาทำกันเอง?”

เฟรย์ที่นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็พูดขึ้นมา“และนั่นก็หมายความว่าพวกเรายังพอมีโอกาสอยู่"

ลีน่าพูดขึ้นมา"ถ้าอย่างนั้น ฉัน เอเลน่า และ ไคลน์ จะออกไปดูสำรวจสถานที่รอบๆนั้นเพิ่มเติม เผื่อจะได้หลักฐานมากขึ้น"

โซเฟียพูดเสริมขึ้นมา "งั้นฉันกับเฟรย์จะไปสอบถามข้อมูลจากเหล่านักเรียนล่ะกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง"

เฟรย์และโซเฟียทำงานร่วมกันมานาน ทั้งคู่รู้จุดแข็งของกันและกันดี โซเฟียมีทักษะในการเจรจาและเข้ากับคนได้ง่าย ความเป็นมิตรของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ การถามข้อมูลจากนักเรียนชายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและถามไถ่อย่างเป็นกันเอง นักเรียนชายก็เริ่มคลายความระมัดระวังและเปิดปากพูดอย่างง่ายดาย นอกจากนี้เธอยังมีเทคนิคในการสังเกตพฤติกรรมของคนอื่น ซึ่งช่วยให้เธอสามารถแยกแยะว่าข้อมูลใดจริงหรือเท็จได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนเฟรย์เองก็มีจุดแข็งในแบบของเขา ความสงบนิ่งและสุภาพทำให้เขาเป็นที่น่าไว้วางใจในสายตาของคนทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่มักรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้พูดคุยกับเขา เฟรย์รู้วิธีที่จะตั้งคำถามที่ไม่กดดัน แต่เจาะลึกและได้ข้อมูลมากกว่าที่คนทั่วไปจะคิด เมื่อเขาถามคำถามด้วยท่าทีใจเย็นและสุภาพ นักเรียนหญิงมักจะตอบคำถามของเขาโดยไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังให้ข้อมูลสำคัญออกมา

โซเฟียหันไปทางเฟรย์พร้อมรอยยิ้มมั่นใจ “ฉันจะจัดการกับนักเรียนชายเอง ไม่น่าจะมีปัญหา” เธอรู้ดีว่าเฟรย์จะทำหน้าที่ของเขาได้ดีเช่นกัน

เฟรย์พยักหน้าเบาๆตอบกลับอย่างสุภาพ “ฉันจะรับผิดชอบนักเรียหหญิงเอง ถึงจะไม่อยาก แต่มันจำเป็น…”

ลีน่าหันไปทางเอเลน่าที่กำลังตรวจสอบอุปกรณ์เวทมนตร์ที่พกติดตัวมา เอเลน่าพยักหน้า ก่อนตอบ

“ถ้ามีการใช้เครื่องมือเวทมนตร์ จะต้องมีร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้แน่นอน ฉันจะตรวจสอบให้ละเอียดที่สุด”

โซเฟียยิ้มอย่างมั่นใจ "ถ้างั้นเราแยกย้ายกันไปจัดการตามหน้าที่กันเถอะ"

บรรยากาศในห้องประชุมที่เงียบงันก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้ง เมื่อทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองและพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า พวกเขาแต่ละคนต่างแยกย้ายไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองโดยมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการตามหาตัวอาร์วิน แคร์นัส ที่ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพ เป็น หรือ ตาย ก็ต้องพาเขากลับมาให้ได้

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status