แชร์

ตอนที่ 9 เหมือนกับคนตาบอด

"เป็นอะไรไปล่ะ? ทำไมไม่ตอบ?" เฟลิเซียเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแต่แฝงด้วยความสงสัย เธอยืนมองเอรอสที่ยังไม่ยอมตอบคำถาม ความเงียบนี้ช่างอึดอัดราวกับสายลมหนาวที่พัดผ่านหัวใจ เธอไม่ได้เร่งรัด เพียงจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างละเอียด

เอรอสยืนนิ่ง มือของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย ความเจ็บปวดแปลบที่หน้าอกจากหัวใจของไรอัสเริ่มทวีความรุนแรง มันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกว่างเปล่า เหมือนบางอย่างภายในถูกดึงออกไปทีละน้อย ความสามารถการรับรู้ของเขาหายไป ทำให้ต้องตระหนักถึงสถานการณ์อย่างรอบคอบมากขึ้น

“พวกเบื้องบนน่ะ ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้กับนายเลย……"เธอพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา

“คิดแค่ว่าเสียงร้องเรียนของพวกชนชั้นสูงมันน่ารำคาญ ก็เลยกะจะหาคนมารับผิดชอบให้มันจบๆไป”

ก่อนจะพูดต่อ เฟลิเซีย มองเอรอสตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับพยายามสำรวจเขาอย่างละเอียด

"แต่ดันให้ผลลัพท์เหนือความคาดหมาย….นายหาทางเข้าที่บังเอิญเกิดขึ้นมาแค่เพียงเสี้ยววินาทีได้ยังไง?”

เธอเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะถามอย่างคาดคั้น

“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตรวจสอบเรื่องนั้น ที่สำคัญกว่า.…..นายได้รับอะไรมาจากแม่มด?”

เอรอสคิดในใจ "แม่มด? เธอน่ะเหรอ?" ก่อนจะนิ่งคิดถึงมานาที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดของเธอ เขารู้ว่ามานาของเธอนั้นมหาศาล เกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะมี อาจจะเทียบเคียงกับมานาของเผ่ามังกรเสียด้วยซ้ำ

“พวกเราคิดว่านายได้ของอะไรบางอย่างจากแม่มด นายมีมันใช่ไหม?” เฟลิเซียถามย้ำต่อ น้ำเสียงของเธอยังคงราบเรียบ ไม่มีร่องรอยของความรีบร้อน

เอรอสไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ เขาเหลือบมองขวดน้ำยาที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋า ไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้มันในเร็วนี้ๆ มันยังเป็นเพียงแค่ของทดลอง….แต่สถานการณ์ในตอนนี้ มันช่วยไม่ได้จริงๆ

เมื่อรู้ว่านี้ไม่ใช่สถานการณ์จะลังเล เขาจับขวดน้ำยานั้นแน่น ก่อนจะเขวี้ยงมันกระแทกกับพื้นๆ ขวดแตกออก ทันใดนั้นหมอกควันสีขาวขุ่นก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณรอบตัวเอรอสในพริบตา

“อย่าตื่นตระหนก ล้อมเขาเอาไว้”เฟลิเซียออกคำสั่งอย่างใจเย็น นักเวทย์รอบตัวเธอเริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง และเตรียมพร้อมที่จะร่ายคาถา ในขณะที่ควันหนาทึบเริ่มกระจายออกไป ทำให้มานาในบริเวณนั้นแปรปรวน

เอรอสใช้โอกาสนี้รีบหยิบกล่องที่เก็บแก่นมานาออกมา สายตาของเขาจับจ้องไปที่มัน เขาเปิดกล่องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทำอะไรสักอย่างกับมัน โดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น

ภายในหมอกนั้นควันยังฟุ้งกระจาย บดบังความเคลื่อนไหวของเขา เฟลิเซียพยายามจับสัมผัสถึงมานาที่อยู่ภายในแต่ก็ไม่มีผล มานาโดยรอบขัดแย้งกัน จนทำให้สัมผัสถึงอะไรไม่ได้ แต่เธอก็ไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนก เธอรู้ว่าเอรอสต้องทำอะไรบางอย่างในนั้น แต่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาทำอะไรลงไป

ในขณะที่พวกเขาเฝ้าระวัง เอรอสฉวยโอกาสนั้นในการหลบหนี เขาวิ่งผ่านม่านควันที่ปกคลุมไว้ พร้อมยิงกระสุนจากปืนมานาของเขาไปทางกลุ่มนักเวทย์ หวังที่จะถ่วงเวลาให้มากที่สุด การโจมตีไม่ได้รุนแรงพอจะสร้างความเสียหายจริงจัง แต่มันมากพอที่จะทำให้พวกเขาชะงักงัน วงเวทย์ป้องกันถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่การโจมตีจะถงตัว

“นี้มันเหนือความคาดหมายจริงๆ” หนึ่งในนักเวทย์พูดอย่างลืมตัว หากเมื่อกี้นี้เขาไม่ได้กางเวทย์ป้องกันเผื่อเอาไว้ ก็คงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไปแล้ว เขาได้อ่านข้อมูลเอรอสมาก่อนหน้าที่จะมา ได้ยินว่าไม่มีมานาอยู่ในตัว แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะสามารถยิงปืนมานาได้อย่างแม่นยำขนาดนี้ แต่ก็ยังมีความรู้สึกบางอย่างแปลกๆ

เอรอสได้รับอะไรบางอย่างจากแม่มด นั้นเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดันใช้แค่ปืนมานาเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าเขาได้อะไรมา เลยจำเป็นต้องเฝ้าระวัง แต่จนถึงตอนนี้ กลับไม่ยอมใช้ของสิ่งนั้นสักที…

“ไอ้นั่น... มันไม่คิดจะบอกสิน่ะว่าได้อะไรมา” นักเวทย์อีกคนเอ่ยถามพลางเหลือบมองเฟลิเซีย เธอยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่ารู้คำตอบอยู่แล้วว่าเขาคงไม่ยอมใช้มันง่ายๆ

“ไม่จำเป็นต้องรีบ” เธอสั่งการอย่างใจเย็น แม้เอรอสจะเริ่มทิ้งห่างพวกเขาไปเล็กน้อย

“จับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของเขา อย่าประมาทเป็นอันขาด”

เอรอสยังคงวิ่งต่อไป พยายามใช้ทุกเสี้ยววินาทีในการสร้างระยะห่างจากกลุ่มนักเวทย์ที่ตามไล่ล่า เสียงปืนมานายังดังต่อเนื่อง แต่ในใจเขารู้ดีว่ามันจะไม่สามารถยืดเวลาได้อีกนาน

“นี้มันชิบหายแล้วไง…… สัมผัสมานายังไม่กลับมา”เอรอสคิดในใจ พลางตรวจสอบหัวใจที่อยู่ในตัวเขา หัวใจเริ่มได้รับการเติมมานาเล็กน้อย  แต่ยังคงไม่ได้รับการเติมเต็ม มันยังพยายามดูดบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในท้องของเขาอยู่

ขณะที่เขาคิดว่าจะหนีออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร ทันใดนั้น เขาวิ่งชนบางอย่างที่มองไม่เห็นเต็มแรง ร่างของเขาถูกดีดกลับไปเล็กน้อย เขายกมือขึ้นแตะเบาๆที่กำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งครอบคลุมพื้นที่อยู่

“เขตแดนงั้นเหรอ…” เอรอสพึมพำ เฟลิเซียยืนอยู่ห่างออกไป มองดูเขาด้วยสายตาเยือกเย็น แต่รอยยิ้มที่มุมปากนั้นกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“คิดว่าพวกเราไม่ได้เตรียมอะไรไว้รึไง?"

ในขณะที่เสียงฝีเท้าของนักเวทย์เริ่มดังเข้ามาใกล้ เอรอสรู้สึกถึงการอันตรายที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาไหวตัวทัน และ เตรียมหลบออก แต่หลบไม่พ้น เวทมนตร์ที่พุ่งเข้ามา มันเร็วเกินกว่าประสาทสัมผัสที่เขามีในตอนนี้จะตอบสนองทัน

เมื่อเวทมนตร์สัมผัสที่เท้าของเขา เถาวัลย์จำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน รัดตัวเขาอย่างรวดเร็ว พวกมันมีลักษณะเป็นเถาวัลย์สีดำขลิบที่มีลวดลายเรืองแสง สะท้อนถึงพลังมานาที่ถูกใช้ในการร่ายเวท เมื่อเถาวัลย์เข้ามารัดตัวเขา มันไม่เพียงแต่ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้ แต่ยังทำให้เกิดความเจ็บปวดจากการบีบรัดด้วย

เอรอสถูกพันธนาการทันที ร่างของเขาถูกบีบให้คุกเข่าลงกับพื้น ความรู้สึกอึดอัดเข้าครอบงำ ขณะที่เขาตระหนักว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายเกินไป การถูกมัดด้วยเวทมนตนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ไม่สามารถขยับได้ แต่ยังลดทอนกำลังกายอย่างช้าๆ ทำให้เขาอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือแรงต่อสู้หรือตอบโต้ได้อีกต่อไป

เฟลิเซียเดินเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งแตะเบาๆที่คทาของเธอ เธอยังคงเฝ้าระวังเขาไม่ประมาท ด้วยท่าทางระวัง

“ค้นตัวเขา” เธอออกคำสั่งด้วยเสียงเยือกเย็น

ลูกน้องหลายคนเดินเข้ามาค้นร่างของเอรอสอย่างละเอียด สายตาจับจ้องมองหาสิ่งของที่อาจซ่อนอยู่ แต่ก็พบสิ่งที่น่าสงสัยเพียงกล่องแก่นมานาที่ว่างเปล่า และ รอยแผลที่หน้าอกซ้ายเท่านั้น

“กล่องว่างเปล่าครับท่านเฟลิเซีย และ พบรอยแผลที่อกด้านซ้าย ดูเหมือนมันพึ่งเกิดได้ไม่นาน…”

เฟลิเซียมองดูแผลนั้นอย่างครุ่นคิด ความคิดในหัวของเธอเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองนักเวทย์คนหนึ่ง และ เอ่ยคำสั่งต่อ “ใช้เวทมนตร์ล้างสมอง ให้เขาพูดความจริงออกมา”

นักเวทย์พยักหน้า ก่อนจะเริ่มร่ายเวทมนตร์ล้างสมองใส่เอรอส แต่ทันทีที่คาถานั้นเริ่มทำงาน มานาที่ถูกปล่อยออกมานั้น กลับถูกดูดหายเข้าไปในร่างของเอรอสแทน นักเวทย์รู้สึกถึงพลังที่หายไป รีบหันไปมองเฟลิเซียด้วยความตกใจ

“เวทมนตร์ใช้ไม่ได้ผลครับท่าน มานาของผมถูกมันดูดเข้าไป”

"เจ้านี่ได้อะไรกันแน่..." เฟลิเซียบ่นพึมพำเบาๆ สายตาของเธอยังเยือกเย็นไม่เปลี่ยน เธอไม่เร่งร้อนจะสรุป เธอยืนคิดสักพัก ก่อนจะออกคำสั่งเรียบๆ

“ถ้าอย่างนั้น... ซ้อมเขาจนกว่าจะยอมพูดความจริงออกมา”

นักเวทย์สองคนรีบเดินเข้ามาซ้อมเอรอสอย่างหนัก หมัดและเท้ากระแทกเข้ากับร่างของเขา แต่เอรอสยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากของเขา แม้ว่าความเจ็บปวดจะท่วมท้น

“ท่านเฟลิเซีย เขตแดนกำลังสลาย พวกเราต้องรีบไปแล้ว ก่อนที่คนอื่นจะมาถึง”หนึ่งในลูกน้องกล่าวขึ้นเสียงสั่นเล็กน้อย เฟลิเซียมองเอรอสที่ยังคงไม่ยอมเปิดปาก แม้จะถูกทำร้ายอย่างหนัก

“นำตัวเขากลับหอคอย ทิ้งคนไว้ค้นห้องเขาให้ละเอียด อย่าปล่อยให้พลาดแม้แต่จุดเดียว”เธอออกคำสั่งเรียบ ๆ ก่อนจะใช้คทาที่ถืออยู่ในมือ ทุบไปที่คอของเอรอสอย่างแม่นยำ ทำให้เขาเกือบสลบไปทันที ก่อนจะได้ยินประโยคสุดท้ายที่เธอพูดออกมา

"จะว่าไป…เรามีคนทรยศนั้นอยู่นี้น่า?…….. ไม่ต้องให้บอกใช่มั้ยต้องใช้มันยังไง?"

คำพูดนั้นก้องในหัวของเอรอส ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินสติเขาเข้าไปในทันที...

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status