Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 11 ในเงามืดแห่งความสงสัย

Share

ตอนที่ 11 ในเงามืดแห่งความสงสัย

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2024-10-28 23:08:30

"น่าสนใจใช่ไหม?" หญิงสาวพูดขึ้น เธอสังเกตสีหน้าของเอรอสอย่างพึงพอใจ “แต่ละคนก็มีเรื่องราวและพลังของตัวเอง น่าเสียดายที่ไม่มีใครผ่านการทดสอบได้เลย”

เธอพูดอย่างนั้น ก่อนจะสบัดมืออีกครั้ง คริสตัลเหล่านั้นหายไปเบื้องหน้าเขาเพียงชั่วพริบตา ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของพื้นดินที่ถูกคริสตัลเหล่านั้นกดทับ แต่เพียงชั่วครู่ พื้นที่เหล่านั้นก็ถูกฟื้นฟูจนกลับมาเหมือนใหม่ รู้สึกได้ถึงมานาโดยรอบกำลังซึมลงสู่พื้นดินอย่างช้าๆ คล้ายหยาดน้ำค้างตอนรุ่งอรุณ อากาศโดยรอบมีกลิ่นหอมจางๆ เหมือนกลิ่นไม้สดใหม่ พื้นที่ที่เคยถูกคริสตัลกดทับกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งราวกับเวลาถูกย้อนคืน พื้นที่นั้นฟื้นฟูด้วยตัวเอง ราวกับมีชีวิต มานาที่แทรกซึมลงดินกลับทำหน้าที่โดยไม่ต้องอาศัยพลังเวทย์ของหญิงสาว เอรอสหันกลับไปมอง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความไม่ไว้ใจ

"พวกเขาเข้ารับการทดสอบด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?"

หญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนตอบอย่างเรียบง่าย "ใช่ พวกเขามาที่นี่ด้วยความสมัครใจ ตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้าสู่วงเวทย์ที่สุ่มเกิดขึ้นด้านนอก ในตอนนั้นก็ถือว่าพวกเขาต้องการเข้ารับการทดสอบแล้ว"

หญิงสาวยักไหล่เบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"น่าเสียดาย... แต่ของรางวัลในครั้งนี้คือหัวใจของไรอัส ซึ่งทำให้มาตรฐานในการทดสอบสูงขึ้นมากเกินกว่าที่พวกเขาจะผ่านไปได้"

คำว่า ในครั้งนี้ ทำให้เอรอสสะดุด เขาเริ่มตั้งคำถามในใจ ถ้าของรางวัลในครั้งนี้คือหัวใจของไรอัส... แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ?

เขาสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย "แล้วของรางวัลก่อนหน้านี้ล่ะ? มันคืออะไร?"

หญิงสาวไม่ได้ตอบในทันที เธอเพียงยิ้มจางๆส่ายหัวช้าๆก่อนกล่าว

"นายถามเยอะไปแล้ว" น้ำเสียงของเธอแฝงความเย้ยหยันเล็กน้อย "เริ่มรู้สึกไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น... นายควรตอบคำถามของฉันบ้าง"

บรรยากาศรอบตัวเงียบลงในทันที ความเงียบเข้าปกคลุม ราวกับเวลาหยุดเดิน เสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ดูเหมือนจะช้าลง สายลมที่เคยอบอุ่นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก เขารู้สึกถึงน้ำหนักของสายตาที่จ้องมองมา และทุกอณูในร่างกายเหมือนตื่นตัว รอคำตอบที่ยังไม่ได้หลุดออกจากปาก เอรอสยังคงนิ่งเงียบ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แต่หญิงสาวเพียงแค่เผยรอยยิ้มเล็กน้อยราวกับพอใจกับปฏิกิริยาของเขา

"ไม่ต้องห่วง... คำถามของฉันไม่ได้เกี่ยวกับพลังของนายหรอก ฉันแค่อยากรู้บางอย่างเท่านั้น"

เธอเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย สายตาสีเงินเข้มจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง

"นายดูไม่แปลกใจ หรือ สนใจกับสิ่งที่อยู่ที่นี่เลย..." หญิงสาวพูดขึ้น ขณะที่แววตาอันลึกลับที่เหมือนซ่อนเจตนาบางอย่าง กำลังจ้องมองเอรอสอย่างลึกซึ้ง “...มีเพียงมานาและพลังเวทย์เท่านั้นที่นายเฝ้าสังเกต ราวกับว่าสถานที่นี้เป็นที่ที่นายเคยมาก่อน ทั้งที่ทุกอย่างรอบตัวควรทำให้นายรู้สึกไม่สบายใจแท้ๆ”

เธอหันไปมองต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากศาลา แสงสีทองอ่อนๆ ส่องลอดผ่านกิ่งก้านที่แผ่กว้างออกไป ราวกับโอบล้อมพื้นที่รอบตัวด้วยความอบอุ่น มานาสีขาวไหลเอื่อยลงมาตามลำต้น คล้ายสายธารแห่งแสงที่หลั่งลงมาจากฟากฟ้า ราวกับเป็นของขวัญล้ำค่าที่ไม่ควรปรากฏในโลกแห่งความจริง

ถึงแม้ภาพนั้นจะชวนให้น่าหลงใหลและผิดธรรมชาติ แต่เอรอสกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย สายตาของเขาจับจ้องอยู่เพียงแค่อากาศรอบตัวที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์ และหญิงสาวผู้ยืนอยู่ตรงหน้า ราวกับว่าพวกมันคือสิ่งที่เขาเห็นว่าควรค่าแก่การเฝ้าระวังที่สุดในสถานที่แห่งนี้

"...นายไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่เข้ามาที่นี่" หญิงสาวกล่าวต่อ น้ำเสียงแฝงความสงสัย "คนพวกนั้นมักจะตื่นตระหนก หวาดระแวง แม้แต่ต้นไม้หรือหินทุกก้อน... แต่นายกลับดูเหมือนจะคุ้นเคย เหมือนว่าที่นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับนาย"

เอรอสยังคงนิ่งเงียบ ราวกับชั่งน้ำหนักคำถามนั้นในใจ บรรยากาศรอบตัวกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมพัดผ่านใบไม้ที่ดังแผ่วเบาเหมือนเป็นเสียงประกอบการเผชิญหน้าที่กำลังดำเนินไป

เขาเหลือบมองหญิงสาวที่ตั้งใจรอฟังคำตอบของเขา แต่ก็ยังยืนกรานในใจว่าจะไม่บอกเธอ มันไม่มีเหตุผลใดที่เขาต้องเปิดเผยสิ่งเหล่านั้นให้คนแปลกหน้าฟัง โดยเฉพาะหญิงสาวที่ดูมีเลศนัย เขาคิดย้อนถึงภาพหลอนและความทรงจำที่คอยหลอกหลอนตั้งแต่อดีต ภาพเหล่านั้นทำให้เขาแยกแยะสิ่งที่เห็นไม่ได้ว่าเป็นความจริง หรือ เป็นเพียงภาพซ้อนทับของความทรงจำปลอมๆที่เกิดขึ้น

ความทรงจำและภาพหลอนเหล่านั้นเคยหายไปจากชีวิตเขานานถึง 6 ปี และปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงอาการหลอนธรรมดา แต่พอเดินเข้ามาในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ภาพหลอนเหล่านั้นกลับยิ่งชัดเจนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงขั้นทำให้เขาเห็นตัวเองกลายเป็นเด็กซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้น

แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังเห็นร่างสลัวของเด็กสามคนยืนอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่แห่งเดียวในสถานที่แห่งนี้ แม้ใบหน้าของพวกเขาจะเลือนรางจนแทบมองไม่เห็น แต่เขารู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังจ้องมองเขา

มันไม่ใช่ความกลัว หรือความรู้สึกขนลุกเหมือนการถูกจับจ้องโดยสิ่งลึกลับ แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ชวนให้สบายใจและผ่อนคลาย เหมือนกับครั้งหนึ่งที่เขาเคยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกแบบนี้

“แต่มันก็แค่ภาพหลอน…” เขาบอกตัวเองในใจ พลางเบือนสายตาออกไป แม้ความทรงจำเหล่านั้นจะดูคุ้นเคยจนไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เอรอสยังคงเชื่อในเหตุผลมากกว่าความรู้สึก

“ถ้าพวกมันสำคัญจริงๆ….. เขาคงไม่ลืมมันหรอก”

เอรอสยืนเงียบอยู่นาน ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้า ราวกับกำลังค้นหาคำตอบที่ซ่อนอยู่ในสายตาของเธอ เขาตั้งใจจะปฏิเสธคำถามของเธออย่างชัดเจน แต่ก่อนที่คำพูดจะหลุดจากปาก ความรู้สึกบางอย่างกลับผุดขึ้นมาในใจเขา เป็นความรู้สึกที่เขาพยายามเก็บซ่อนไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา—ความเสียใจ

มันเป็นความเสียใจที่เขาเคยเผชิญในวันที่หญิงสาวอีกคนหนึ่งหายตัวไปจากชีวิตเขา เขายังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เป็นวันที่หญิงสาวที่เปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของเขา หายตัวไปอย่างปริศนา

วันที่เธอหายตัวไปเป็นวันหยุดที่หาได้ยากยิ่งสำหรับเขา วันเวลาที่ควรจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนกลับไม่ได้สงบสุขอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเธอไม่ได้หยุดด้วย วันนั้นเธอมีภารกิจสำคัญบางอย่างที่ต้องไปทำ เธอออกไปตั้งแต่เช้าตรู่

ภาพความทรงจำเหล่านั้นยังคงแจ่มชัดในหัวของเขา พวกเขากินอาหารเช้าด้วยกันตามปกติ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมรอยยิ้มสดใส รอยยิ้มที่เหมือนกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ในยามเช้า เธอมองเขาอย่างเอ็นดูและทิ้งท้ายประโยคเรียบง่ายที่ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ “อย่าทำหน้าเครียดเกินไปสิ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”

สำหรับเธอ เขาคงเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง คนที่เธอปกป้องและดูแลเหมือนครอบครัว และในตอนนั้น เขาก็เคยคิดเช่นเดียวกัน คิดว่าความรู้สึกที่มีให้เธอเป็นเพียงความผูกพันแบบพี่น้อง

แต่เมื่อเธอหายตัวไป ความจริงที่เขาไม่เคยยอมรับก็เริ่มเปิดเผยตัวมันเอง เขาไม่ได้มองเธอเหมือนพี่สาวหรือครอบครัว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันลึกซึ้งและซับซ้อนกว่านั้น การสูญเสียเธอไปโดยไม่ได้พูดความในใจออกมา กลายเป็นบาดแผลที่เขาต้องแบกรับไว้

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเสียใจมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่เพราะเธอหายไป แต่เพราะเขาไม่มีโอกาสได้พูดสิ่งที่ควรจะพูด ไม่มีโอกาสได้บอกเธอถึงสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ และนั่นก็กลายเป็นความทรงจำที่หลอกหลอนเขาไม่เคยจางหาย

ตอนนี้เหตุการณ์ตรงหน้ากลับดูคล้ายกับวันนั้นจนเกินไป สัญชาตญาณเดียวกันนั้นกำลังบอกเขาอีกครั้ง ให้เขาอย่าเมินเฉยและเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาหลับตาแน่น สูดหายใจลึกเพื่อระงับความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในอก ก่อนจะเปิดตามองหญิงสาวอีกครั้ง เขาปล่อยให้ความทรงจำเหล่านั้นหายไปพร้อมกับลมหายใจ ก่อนจะกลับมาโฟกัสกับหญิงสาวตรงหน้า ความสงสัยยังคงไม่จางหาย

"บางที..." เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "เธออาจจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันก็คงไม่มีทางรู้คำตอบ ถ้าฉันยังเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว"

เขาไม่ได้ไว้ใจเธอ แต่ถ้าเธอมีเบาะแสบางอย่างที่จะช่วยให้เขาเข้าใจสถานที่แห่งนี้ หรือแม้แต่ตัวเขาเอง การบอกเล่าความทรงจำบางอย่างก็อาจไม่ใช่ความคิดที่แย่ที่สุด

"ก็ได้..." เอรอสเอ่ยออกมาในที่สุด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความลังเลแต่ก็แฝงด้วยความจริงจัง "ฉันจะเล่าให้ฟัง แต่แค่บางอย่างเท่านั้น"

Related chapters

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 12 รอยขีดแห่งอดีต

    เอรอสหยุดพูดไปชั่วครู่หลังจากเอ่ยปากว่าจะเล่าเรื่องให้หญิงสาวฟัง ดวงตาสีเทาหม่นของเขามองลงต่ำ ราวกับกำลังพยายามจับความทรงจำที่กระจัดกระจาย“จริงๆแล้ว...ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ซ่อนอารมณ์บางอย่างลึกลงไป“ที่นี่…มันให้ความรู้สึกแปลกๆ….เหมือนว่าฉันเคยมาที่นี่ แต่ฉันกลับจำอะไรไม่ได้เลย”หญิงสาวมองเขาด้วยความสนใจ ดวงตาสีน้ำเงินของเธอเปล่งประกายด้วยความอยากรู้“แล้วอะไรที่ทำให้นายมั่นใจว่านายเคยมาที่นี่จริงๆ?”เอรอสไม่ได้ตอบในทันที เขาเบือนสายตามองไปรอบๆราวกับพยายามค้นหาเศษเสี้ยวความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ ทันใดนั้น เขาก็หยุดนิ่ง ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังมุมเสาของศาลา รอยขีดเล็กๆบนเนื้อไม้ดึงดูดสายตาเขาอย่างประหลาดเขาเดินเข้าไปใกล้ มือยื่นออกไปแตะเสาเบาๆ รอยขีดสามเส้นเล็กๆที่มีระยะห่างเล็กน้อยกันปรากฏชัดในสายตา แม้จะดูธรรมดา แต่กลับทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “นี่มัน…”นิ้วมือของเขาไล้ไปตามรอยขีดนั้น ความหยาบกร้านของเนื้อไม้สะกิดความทรงจำที่เลือนลางให้ชัดเจนขึ้น ดวงตาของเขาเผยแววอารมณ์ที่ซับซ้อน ก่อนจะพึมพำออกมาราวกับพูดกับตัวเอง“เหมือนกับ...ที่ๆเราเค

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 13 มรดกแห่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

    สายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่นั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับนำพาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า—กลิ่นอายของอดีตที่หวนคืนมาในทุกลมหายใจเอรอสพลิกสมุดภาพในมืออย่างแผ่วเบา ทุกหน้ากระดาษเหมือนพาเขาดำดิ่งลึกลงไปในความทรงจำ ภาพเลือนรางที่เคยจางหายกลับชัดเจนขึ้น เสียงหัวเราะในวัยเยาว์สะท้อนขึ้นมาในใจ คำสัญญาที่หลงลืมกลับมาก่อตัวอีกครั้ง ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อยหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล หันมามองเขาด้วยสายตาสงสัย "เกิดอะไรขึ้น..." เธอเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสายลมรอบๆ ต้นไม้เริ่มพัดไหวเบาๆ เหมือนกำลังแหวกม่านบางๆ เผยให้เห็นบางสิ่งที่อยู่อีกฟากของเวลาและแล้ว...ภาพในสมุดภาพก็เหมือนจะก้าวข้ามหน้ากระดาษเบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏเป็นภาพลวงตาที่ไม่อาจอธิบายได้ เด็กชายในชุดเรียบง่ายปรากฏตัวพร้อมเด็กสาวสองคน พวกเขาหัวเราะสดใสราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของผู้ชมจากอนาคต ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเหมือนมองผ่านหน้าต่างแห่งเวลาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เอรอส มองภาพเหล่านั้นอย่างตกตะลึง "นี่มัน..." เธออ้าปากค้าง แต่เสียงของเธอกลับถูกกลืนหายไปกับเสียงหัวเราะแผ่

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 14 พันธนาการแห่งคำสัญญา

    ในความมืดมิด เอรอสลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางเงาดำไร้ขอบเขต พื้นที่เขาเหยียบย่ำเป็นแอ่งน้ำสีดำสนิท ลึกจนไร้ก้นบึ้ง ทุกสิ่งเงียบงันจนดูเหมือนเวลาได้หยุดลง ความเย็นเฉียบของบรรยากาศนั้นไม่เพียงแค่โอบล้อมร่างกายของเขา แต่ราวกับแทรกซึมลึกเข้าไปในไขกระดูก เย็นจนแสบซ่าน ทรมานจนหัวใจของเขาเต้นรัว เสียงกระซิบแผ่วเบาจากเงามืดดังขึ้นรอบตัวเขา คล้ายกับความคิดแฝงซ่อนอยู่ในหัวของเขาเองที่คอยกัดกร่อน“ยังมีสัญญาที่ยังทำไม่สำเร็จอีกไม่ใช่หรือ? จะยอมแพ้แล้วงั้นหรอ?”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่อนั้นเอรอสหันไปมอง เขาเห็นตัวเอง... ในอีกรูปแบบหนึ่ง รูปร่างนั้นผ่ายผอม ใบหน้าอิดโรย ความเหนื่อยล้าฉายชัดบนใบหน้าของร่างนั้น แต่ดวงตา และ ท่าทางกลับแน่วแน่ดั่งก้อนหินที่ไม่อาจถูกทำลายเมื่อเอรอสหันมองไปรอบๆ เขาพบว่ามีตัวเองอีกนับสิบยืนล้อมรอบเขาอยู่ บางคนดูมั่นคง เยือกเย็น ราวกับผู้นำที่ยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบพร้อมด้วยชุดเกราะสีเงินที่เปล่งประกาย บางคนสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่ท่าทางยังแฝงความเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดล้วนสะท้อนตัวตนของเขาในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกสายตาจับจ้องมาที่เ

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 15 เสี้ยวแห่งความหวัง ท่ามกลางความสิ้นหวัง

    เอรอสยังคงนั่งอยู่ในความเงียบ หัวใจของเขาเต้นช้าลงเมื่อความคิดเยือกเย็นและสิ้นหวังเริ่มแผ่ซ่านไปทั่ว ความจริงที่ว่าเขาอาจหายไปจากโลกนี้โดยไม่มีใครพบเจอ ทำให้ทุกอย่างในห้องขังหนักอึ้งกว่าเดิม แม้เขาพยายามปิดกั้นความคิดเหล่านั้น แต่เงาแห่งความกลัวก็ยังคืบคลานเข้ามาความเย็นชาจากพื้นหินและผนังคุกเหมือนซึมลึกเข้ามาในใจ ความสิ้นหวังที่หนักอึ้งขึ้นทุกวินาที แต่ในขณะเดียวกัน เอรอสยังคงบอกตัวเองให้ยืนหยัด และต้องหาทางเอาชีวิตรอดเขามองไปรอบๆ ห้องขังที่เย็นเยียบ พื้นหินแตกร้าวและมีน้ำซึม กลิ่นอับชื้นชวนให้คิดถึงสถานที่ที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครสนใจ และไร้ทางออก แม้เขาบอกตัวเองว่าไม่กลัว แต่ลึกๆ เขารู้ดีว่าการอยู่ที่นี่นานเกินไปจะกัดกร่อนจิตใจของเขา เหมือนกำแพงหินที่ถูกเวลาบั่นทอนลงเรื่อยๆเสียงฝีเท้าของเฟลิเซียยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา แม้ว่าเธอจะเดินจากไปแล้ว สีหน้าของเธอตอนที่บอกว่า “นายจะต้องอยู่ที่นี่... จนกว่าเราจะตัดสินใจ” ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเอรอส เขาจำได้ถึงความสั่นไหวเล็กน้อยในน้ำเสียงของเธอ ราวกับว่าเธอเองก็ไม่ได้มั่นใจในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ แต่เธอไม่มีทางช่วยเขาแน่นอนบานประตูเล

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 16 เงาที่กรอบประตู

    ในยามที่ดวงจันทร์หลบซ่อนอยู่หลังม่านหมอกหนา ความเงียบเยือกเย็นปกคลุมทั่วบริเวณเหมือนกับผืนโลกถูกแช่แข็ง เสียงลมหวีดหวิวผ่านทางเดินแคบๆ ของอุโมงค์ใต้ดินรกร้าง บรรยากาศอึมครึมที่ไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตอื่นเพิ่มความรู้สึกอึดอัดเข้าไปอีกเสียงฝีเท้าหนักแน่นของยามคนใหม่สะท้อนก้องภายในอุโมงค์ เสียงนั้นเชื่องช้า หนักหน่วงเหมือนพลังงานในตัวเขาเหลือเพียงน้อยนิด ราวกับเขาถูกถ่วงด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานมายาวนานจนไม่ใส่ใจความรวดเร็วอีกแล้ว เขายกมือขึ้นลูบเคราที่เริ่มยาวและหยาบ พลางหาวเบาๆ ความง่วงค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่จิตใจถึงกระนั้นเขายังคงก้าวเดินต่อไปตามหน้าที่ จนมาถึงหน้าห้องขัง เหลียวมองเห็นยามหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงกำแพงหินเย็นเยียบด้วยท่าทางเงียบขรึม“มาช้าจัง” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงแววความสงสัยในน้ำเสียง ดวงตาของเขาจ้องอีกฝ่ายอย่างคมกริบ“ตีสามตรงขนาดนี้ ยังจะเรียกว่าช้าอีกรึ??” ชายแก่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจ ขณะยักไหล่อย่างไม่คิดมากชายแก่เดินเข้าไปใกล้ประตูเหล็กหนาที่กั้นหน้าห้องขัง มองมันอย่างเชื่องช้า ดวงตาแสดงถึงความชินชาในการทำงานแบบนี้มา

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 17 การครอบงำ

    ในห้องขังอับทึบและเย็นเยียบ ความเงียบงันครอบงำทุกซอกมุม มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของชายแก่ที่ถูกปีศาจเข้าสิงร่าง เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับถูกแช่แข็งไว้ในความมืด ดวงตาสีแดงฉานที่สะท้อนแสงจากช่องระบายอากาศเพียงเล็กน้อย เป็นเครื่องหมายเดียวที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์เสียงประตูเหล็กหนาหนักที่ถูกปิดด้วยกุญแจและเวทมนตร์ป้องกันเริ่มขยับ มันเปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับไม่มีแรงต้านทาน เสียงโลหะเสียดสีกันเบาๆ ดังขึ้นและสะท้อนก้องไปตามผนังหิน บรรยากาศไม่เป็นธรรมชาตินี้ทำให้ทั้งห้องดูอึดอัดและน่าขนลุกยิ่งขึ้นเอรอสยืนอยู่ตรงกรงขังของตนเอง แววตาของเขาเยือกเย็นและจับจ้องชายแก่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างนิ่งงัน ราวกับคาดการณ์ไว้ว่าสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น เขาก้าวออกจากกรงขังโดยไม่รีบร้อน ชายชรายืนที่อยู่ปล่อยเขาไปโดยไม่ทำอะไร เขาที่ถูกควบคุมจิตใจไม่ได้แสดงท่าทางหรือมีท่าทีใดๆที่จะต่อต้าน หรือ ขัดขวาง เอรอสจึงเดินผ่านไปอย่างราบรื่นเมื่อเอรอสก้าวผ่านไป เขาเหลือบมองชายแก่อยู่ชั่วครู่ก่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่า "ขั้นแรกเสร็จแล้ว..."“ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะทำตามสัญญา”ปีศาจกล่าวพลางเสกมีด และ ถ้วยเ

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 18 เสียงลมหายใจสุดท้าย

    เอรอสก้าวออกจากห้องขังอย่างช้าๆท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด เขากวาดสายตาสำรวจรอบๆด้วยความระมัดระวัง ความเย็นเยียบและเงียบงันของคุกใต้ดินทำให้เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าที่แฝงอยู่ ไม่มีเสียงฝีเท้าของผู้คุม หรือแม้แต่เสียงสนทนาของผู้ใด สถานที่นี้ดูเหมือนถูกละเลย หรือแทบไม่มีนักโทษถูกนำมาคุมขังเท่าที่ควรจะเป็นเอรอสสันนิษฐานว่า คุกแห่งนี้อาจมีนักโทษเพียงน้อยนิด หรือบางทีอาจมีเพียงบางคนที่ถูกขังไว้อย่างลับๆ สิ่งที่ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นคือ วงเวทย์ที่เคยสลักบนแผ่นหลังของเขา ซึ่งเคยทำหน้าที่บอกตำแหน่งของเขาต่อหอคอย ตอนนี้มันถูกย้ายไปยังร่างของชายชราที่เข้ามาเฝ้าเขาแทน ขณะนี้ชายชราคนนั้นนอนสลบอยู่บนพื้น ไร้สติ ราวกับหมดแรงจากการถูกครอบงำโดยปีศาจเอรอสคิดได้ในทันที ภายในหกชั่วโมงต่อจากนี้ จะไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ที่เกิดขึ้น เขายังมีเวลาสำรวจสถานที่แห่งนี้ต่อไป บางทีรุ่นพี่ไอลีนอาจถูกกักขังอยู่ที่นี่ แม้ว่าชายชราคนนั้นจะบอกว่า เขาไม่เห็นเธอที่นี่ก็ตาม... แต่เพื่อความแน่ใจ การสำรวจให้ทั่วก่อนเป็นสิ่งจำเป็นเอรอสเดินสำรวจไปตามทางเดินแคบๆท่ามกลางความเงียบสงัด ความมืดที่ปกคลุมทุกซอกทุกมุมร

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 19 กระดุมข้อมือ

    เอรอสค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ร่างของอาร์วินที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น กลิ่นอับชื้นในห้องลับผสานกับกลิ่นเลือดและเหงื่อรุนแรงทำให้บรรยากาศยิ่งกดดัน ดวงตาของเขาสำรวจไปทั่วร่างกายของชายผู้ที่เคยหายตัวไป อาร์วิน แคร์นัส—ชายหนุ่มที่มีความมั่นใจ นัยน์ตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ดูอ่อนแอเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ ใบหน้าซีดเซียวราวกับคนที่ขาดสารอาหารมานานเอรอสนั่งลงข้างๆเขา มือหนึ่งจับที่คอเพื่อตรวจสอบชีพจรที่เต้นแผ่วเบา เอรอสเคยพบเห็นเขาบ่อยๆในตอนที่เขามารับงานปราบมอนเตอร์ในกิล แต่นี่คือครั้งแรกที่เอรอสเห็นอาร์วินในสภาพที่เปราะบางเช่นนี้"เกิดอะไรขึ้นกับนาย..." เขาพึมพำเบาๆ พลางสำรวจบาดแผลตามร่างกายของอาร์วินใกล้ๆบนแขนและขาของอาร์วินเต็มไปด้วยรอยช้ำสีน้ำเงินและดำ บ่งบอกถึงการถูกทุบตีและทำร้ายอย่างรุนแรง ที่แผ่นหลังมีรอยบาดลึกและรอยแส้ที่ขีดข่วนเป็นแผลเก่าและใหม่สลับกันไป บาดแผลเหล่านี้ไม่ได้มาจากการถูกซ้อมเพียงอย่างเดียว แต่บางรอยมีลักษณะผิดธรรมชาติ เหมือนถูกทำร้ายด้วยเวทมนตร์บางอย่าง ร่องรอยที่เอรอสเห็นได้จากบาดแผลเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว"นี่มัน.….สายเกินไปแล้

    Last Updated : 2024-10-28

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

    แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมันเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงข

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 47 ในความสงบของรุ่งสาง

    เอรอสก้าวออกจากป่าทึบในรูปลักษณ์ของอาร์วิน สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตัวเขาอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์ยังคงสลัวทำให้เห็นเงาของคฤหาสน์ตระกูลวัลธอเรนลางๆ อยู่ไม่ไกล จุดที่เขามุ่งหน้าไปคือบริเวณใต้หน้าต่างห้องพักของเขาเองก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายแปลกหน้าที่เอรอสช่วยเหลือไว้ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาวราวกับหยิบยกมาจากยุคโบราณ ชายคนนี้ดูเหมือนนักเดินทางที่หลงยุค เขาอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เอรอสจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยมาให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 46 ทายาทแห่งดาบ

    คลินิกของโจชัว ตั้งอยู่ในเขตสามัญชน ตัวอาคารหินสีซีดดูเรียบง่ายแฝงความล้าสมัย ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว คลินิกนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนโรงพยาบาล แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยประมาณสิบคน เหมาะสำหรับการดูแลแบบส่วนตัวยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น เอรอสยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามคลินิก แม้ลมหนาวจะพัดแรง แต่ร่างกายของเอรอสกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อความเย็น ราวกับความหนาวนั้นไม่อาจแตะต้องเขาได้ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท นั่นเป็นห้องทำงานของโจชัว ซึ่งเขาใช้สำหรับจัดการเอกสารในช่วงกลางวัน แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    คาร์ลีนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในดันเจี้ยนที่ผสานเขากับเขตแดนของเธอ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ความสัมพันธ์ลึกลับนี้ ทำให้คาร์ลีนรับรู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของชายที่มีฉายาว่า จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มาเนิ่นนาน แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากของเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับคำพูดนั้นหนักเกินกว่าจะเปล่งออกมาดวงตาสีม่วงเข้มของเธอสะท้อนแสงจากโคมไฟ เธอนั่งนิ่งราวกับขบคิด แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ ความหนักใจเหมือนสายลมหนาวที่แผ่วผ่านกลับถูกเติมเต็มด้วยความหวังอันเปราะบาง เธออยากให้เขามาหา อยากได

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 เรียนรู้

    เอรอสค่อยๆตื่นขึ้นในห้องประชุมท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงแสงริบหรี่ที่ส่องลอดเข้ามาจากขอบประตู ร่องรอยของเวทมนตร์เก่าก่อนยังคงอบอวลอยู่ในอากาศจางๆ แม้แสงจากเทียนเวทมนตร์ที่เคยให้ความสว่างจะดับไปจากการตัดการเชื่อมต่อกับเวทมนตร์ทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกและว่างเปล่า แต่กลิ่นอายของพลังที่เหลืออยู่ยังคงสร้างแรงกดดันให้ผู้ที่อยู่ภายในเล็กน้อยเขาขยับตัวกึ่งลุกกึ่งนั่งจากเก้าอี้ที่ดูเหมือนจะทำให้เขาหลับไปลึกเกินคาด โต๊ะยาวตรงหน้าเขามีแฟ้มเอกสารเล็กๆวางไว้อยู่ ดูเหมือนจะเป็นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะรับปากจะจัดการให้เขาหยิบแฟ้มเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะมาตรวจสอบ ใช้มือสีคล้ำที่มีกล้ามเนื้อชัดเจนลูบเส้นผมสีเทาของตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกความกระปรี้กระเปร่า สายตาสีแดงฉานของเขากวาดมองไปทั่วห้องเล็กๆที่ยังคงอบอวลด้วยบรรากาศที่ชวนให้รู้สึกพิศวง พลางเหลือบมองเวลาที่บอกเขาว่านี้เป็นเวลาตี 1 ดูเหมือนเขาจะเผลอหลับไปแค่ชั่วโมงเดียว ยังดีที่เสียเวลาแค่นั้นหลังจากตรวจดูเอกสารครู่หนึ่งโดยที่ไม่มีใจความสำคัญอะไรที่ทำให้เขาต้องรีบร้อนเป็นพิเศษ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และก้าวออกจาก

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 ผู้รับรอง

    เสียงกระซิบแห่งเวทมนตร์ แผ่วเบา แต่ทรงพลัง ดังก้องอยู่ในอากาศอันเย็นเยียบ ริบบิ้นสีดำ ที่ราวกับเงาแห่งความมืดจากอีกโลกหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า มันเคลื่อนไหวดั่งมีชีวิต เลื้อยวนรอบร่างของ เอรอส ซ้อนชั้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับงูพิษที่กำลังจู่โจมเหยื่อ ความแน่นหนาของริบบิ้นทำให้แม้แต่ลมหายใจยังรู้สึกตึงเครียด แขนขาถูกตรึงแน่น ริบบิ้นเลื้อยขึ้นสูง ปิดริมฝีปาก และบดบังดวงตาของเขาไว้อย่างมิดชิด ไม่ว่าจะดิ้นรนหรือใช้พลังทั้งหมดที่มี พันธนาการเหล่านั้นยังคงรัดแน่น น้ำหนักของเวทมนตร์ที่โอบล้อมร่างเขาเหมือนโซ่ตรวนหนักอึ้งที่ไม่มีวันปลดได้จอมเวทย์ผู้ร่ายมนตรามองดูภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากของเขา แฝงความพอใจอย่างปิดไม่มิด ในขณะที่อีกคนหนึ่งในกลุ่มของเขาเดินเข้ามาใกล้ กระชากคอเสื้อของเอรอสอย่างรุนแรง พร้อมๆกับลากเขาไปกับพื้น ราวกับเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่าไม่ไกลออกไป ไอลีน ยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้ ก่อนที่วิ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่ แล้วตะโกนเสียงดังลั่น"หยุดเดี๋ยวนี้! คุณตั้งใจจะพาเขาไปที่ไหน?"น้ำเสียง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง

    เมื่อเอรอสเฝ้ามองไอลีนอยู่นาน สีหน้าเย็นชาของเขาเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ"ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ช่วยหลบไปหน่อย"เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้าง เตรียมเดินผ่าน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป ไอลีนก็ยื่นมือออกมาคว้าข้อมือเขาไว้ ดวงตาของเธอที่เคยลังเลกลับแน่วแน่ขึ้น"ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว" ไอลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บความกังวลเอรอสหยุดชะงัก แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นไม่พอใจชัดเจนยิ่งขึ้น เขาหันไปมองรอบๆ เห็นสายตาของเด็กบางคนที่อาจกำลังแอบมองอยู่จากหน้าต่าง และหญิงชราที่ครัวกำลังหันมามองเช่นกันหลังจากที่ประเมินสถานการณ์ เขาเลื่อนสายตาไปยังมุมโล่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก"ตามมา" เขาเอ่ยสั้นๆก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของเธอ และเดินนำไปยังที่ที่เขาเลือกไว้ไอลีนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินตามเขาไป ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ สายลมอ่อนๆพัดผ่านเบาๆ ท่ามกลางความเงียบที่อึดอัด ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน เอรอสกอดอกและเอนตัวพิงต้นไม้ สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา"พูดมา จะพูดอะไรก็รีบพูด" เขาเร่งด้วยน้ำเสียงที่ราวกับไม่สนใจ แต่ก

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ปลายทางของเหรียญทอง

    บรรยากาศในห้องทำงานของผู้อำนวยการบ้านเด็กกำพร้าช่างอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กลิ่นอับของเอกสารเก่าผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ โอบล้อมพื้นที่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารและบัญชีการเงิน ผู้อำนวยการนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้หนังเก่าซึ่งดูเหมือนพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชวนให้รู้สึกระแวงมากกว่าสบายใจ"คุณเอรอสใช่ไหม? ฉันได้รับการแจ้งมาว่าคุณต้องการบริจาคเงินให้เหล่าเด็กๆที่คุณหนูไอลีนพามา" เสียงของเขาเนิบนาบ ท่าทางเหมือนพยายามจับจุดอีกฝ่ายเอรอสนั่งนิ่งอยู่ตรงข้าม เขาสูงโปร่งสำหรับเด็กหนุ่มวัย 16 ปี สายตาสีเทาของเขาเย็นชาและไม่เปิดเผยความรู้สึกใดๆ“ใช่ ผมมาที่นี่ บริจาคเงิน ให้เด็กๆที่เพิ่งเข้ามา" เขาเอ่ยเสียงเรียบผู้อำนวยการชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ"อืม น่าชื่นชมจริงๆนะครับ แต่การรับผิดชอบเงินจำนวนมากขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอมาจากครอบครัวไหนหรือ ถึงได้ใจกว้างขนาดนี้?"คำถามนั้นเหมือนมีความนัย แต่เอรอสไม่แสดงอาการใดๆ เขาเพียงหยิบถุงเงินออกมาจากกระเป๋าแล้ววางมันลงบนโต๊ะ เสียงเหรียญกระทบกันดังชัดเจน"ไม่จำเป็นต้องถาม" เขาตอบสั้นๆน้ำเสียงราบเรียบ แต่หนักแน่น

DMCA.com Protection Status