Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 10 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

Share

ตอนที่ 10 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ที่กิลนักผจญภัย บรรยากาศในห้องหนึ่งค่อยๆ เงียบลง เสียงจานและแก้วที่กระทบกันอย่างต่อเนื่องในมื้ออาหารเริ่มเบาลง สมาชิกในกลุ่มทั้งห้าต่างจมอยู่ในความคิดของตน มีเพียง “ลีน่า” หญิงสาววัย 20 ปี ที่ดูร้อนใจที่สุด

ลีน่านั่งกุมมือไว้บนตัก ดวงตาสีทองที่ซ่อนอยู่หลังแว่นหนา มองออกไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ความกังวลสะท้อนชัดเจนบนใบหน้าเล็กๆ ของเธอ ผมสีน้ำตาลอมแดงที่มักมัดไว้หลังศีรษะ หลุดออกมาบางส่วน เธอเฝ้ามองนอกหน้าต่างอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันสายตากลับไปยังเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ตรงข้าม แต่ไม่มีใครดูเหมือนจะสนใจความกังวลของเธอมากนัก

"รุ่นพี่เขาจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรอคะ? ไปตั้งแต่เช้าแล้ว... ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย…"

ลีน่าถามเสียงเบาแต่ชัดเจน น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยราวกับพยายามเก็บซ่อนความกังวล

บรรยากาศรอบโต๊ะนิ่งเงียบลงเล็กน้อยจากคำถามของลีน่า เฟรย์ ชายหนุ่มวัยเดียวกัน รูปร่างสูงโปร่ง ผิวซีดแบบขุนนาง เอียงตัวไปข้างหน้าวางข้อศอกลงบนโต๊ะ มือข้างหนึ่งยกแก้วชาขึ้นจิบ ก่อนจะพูดตอบเธอด้วยน้ำเสียงสุขุม

“ไม่เป็นไรหรอกลีน่า เขาไม่ใช่คนที่จะตายง่ายๆขนาดนั้น ก็เห็นรอดกลับมาตลอด”

เขาพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ราวกับเป็นคำถามไร้สาระ แววตาของเฟรย์จ้องไปที่ลีน่า เพื่อย้ำให้เธอรู้สึกมั่นใจขึ้น ทว่าความกังวลในใจของเขาเองก็ไม่ได้ต่างจากลีน่ามากนัก เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่แสดงออก

แม้ว่าลีน่าจะสัมผัสได้ถึงความมั่นใจในน้ำเสียงของเฟรย์ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะสลัดความกังวลในใจของเธอออกไป ตั้งแต่วันที่เธอหนีออกจากตระกูล ชีวิตของเธอในฐานะสามัญชนเต็มไปด้วยอุปสรรค เมื่อตอนที่เธอ และ เพื่อนๆมาถึงเมืองนี้ ก็โดนขโมยเงินตั้งแต่วันแรก แถมยังถูกโกงค่าที่พักที่จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว จนเกือบไม่มีที่อยู่อาศัย แต่แล้วในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูสิ้นหวัง ก็มีใครบางคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ — คนคนนั้นคือ "เอรอส"

การพบกับเอรอสครั้งแรกนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ฝังลึกในใจเธอ เธอหวาดกลัวเขาอย่างมาก แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นมนุษย์ทั่วไป แต่ภายในร่างของเขามีจิตวิญญาณที่บ้าคลั่งซ่อนอยู่ มันพยายามแทรกซึมไปยังจิตใจของเขา และกัดกินวิญญาณของเขาอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เอรอสกลับแสดงออกอย่างปกติ ราวกับไม่รู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเขา เหมือนสิ่งมีชีวิตที่ไม่สนใจปรสิตที่แฝงอยู่ในร่างกาย

และที่สำคัญ เธอมองเห็นอะไรบางอย่างในแก่นวิญญาณของเขา บางสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกจนไม่มีใครนอกจากเธอจะสัมผัสได้ เป็นเหมือนจุดกำเนิดของวิญญาณ แม้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่มันคือแก่นของบางสิ่งที่ใกล้จะถูกย่อยสลายจนหมดสิ้นไปแล้ว มันทำให้เธอเชื่อว่าเอรอสคือปีศาจในร่างมนุษย์ เธอจึงพยายามตีตัวออกห่างจากเขาเสมอ

แต่โชคชะตาเล่นตลก เมื่อเอรอสกลายเป็นรุ่นพี่ที่ดูแลฝึกงานของเธอโดยตรง แม้เธออยากลาออกทันที แต่ก็ไม่มีที่ไป จึงต้องจำใจอยู่ต่อไป

ความกังวลของเธอนั้นอาจจะมากเกินไป เอรอสสังเกตเห็นถึงความอึดอัดของเธอ เขาพยายามเว้นระยะห่าง แต่ยังคอยสอนงานและฝากเอกสารผ่านเพื่อนของเธอ แม้จะดูไม่ดีนัก แต่มันทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆ

แม้ลีน่าจะพยายามใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ แต่โชคชะตาก็ไม่เคยใจดีกับเธอ ลูกชายของผู้จัดการเริ่มรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เมื่อวันหนึ่งแว่นของเธอหลุดออกตอนเดินชนเขา เขาเห็นดวงตาสีทองที่เธอพยายามปกปิด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาเริ่มตามจีบ และ ล่วงเกินเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาวางยานอนหลับและพาเธอไปที่ห้องเอกสาร

แต่ในช่วงที่เธอคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นกลับเป็นแผ่นหลังของชายหนุ่มผมสีเทา ผิวคล้ำที่เข้ามาช่วยไว้ แม้รูปลักษณ์จะต่างออกไป แต่จิตวิญญาณข้างในนั้นเธอจำได้ดี เขาคือรุ่นพี่ที่เธอหวาดกลัวมาตลอด ตัวตนที่เป็นเหมือนฝันร้ายของเธอ กลับกลายเป็นความหวังเดียวที่เข้ามาช่วยในยามที่เธอลำบากที่สุด

แม้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะถูกสรุปว่า ลูกชายของผู้จัดการเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากคนร้ายปริศนา แต่ทุกคนในที่ทำงานต่างก็รู้ดีว่าความจริงเป็นเช่นไร เพียงแต่ตัวตนที่ช่วยเหลือเธอนั้นไม่อาจถูกเปิดเผยหรือยอมรับได้ นั่นทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจไม่น้อย

ในวันถัดมา เธอตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อจะไปขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือ แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบตัวเขา ได้ยินเพียงคำบอกเล่าว่า ก่อนที่เธอจะมาถึงไม่นาน เขาก็อ้างว่ามีธุระด่วนและออกไปแล้ว นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นครั้งแรก ตัวตนที่เธอเคยหวาดกลัวกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบซะอย่างนั้น

สถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้อยู่พักใหญ่ ไม่ว่าเธอจะพยายามส่งจดหมายขอบคุณไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ในบางครั้งที่เธอเห็นเขาจากที่ไกลๆ เขาก็ดูเหมือนจะติดธุระและหายตัวไปก่อนที่เธอจะไปถึงเสมอ

จนกระทั่งการมาถึงของเพื่อนร่วมทีมใหม่ทั้งสามคน เฟรย์ โซเฟีย และไคลน์ ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม เนื่องจากทั้งสามติดปัญหาบางอย่าง ทำให้มาช้ากว่ากำหนดเกือบสองเดือน แต่พวกเขาก็ถูกนับเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเธอ

เนื่องจากจำนวนสมาชิกในทีมเพิ่มมากขึ้น ภารกิจที่พวกเขาได้รับจึงมีความอันตรายมากขึ้นตามไปด้วย ภารกิจล่าสุดในตอนนั้น คือการตามหาเด็กที่ถูกลักพาตัว การประเมินครั้งแรกจัดให้ภารกิจนี้เป็นเพียงงานที่มีความเสี่ยงเล็กน้อย แต่สิ่งที่พวกเขาเจอกลับต่างจากการประเมินโดยสิ้นเชิง

พวกเราทั้งห้าคนต้องเผชิญหน้ากับองค์กรลับที่ลักพาตัวผู้คนไปขายยังต่างแดน ศัตรูมีจำนวนกว่าร้อย ในขณะที่พวกเราทั้งหมดมีนักเวทสองวงแหวนสี่คนและสามวงแหวนเพียงหนึ่ง แม้ศัตรูจะมีเพียงวงแหวนเดียว แต่พวกเขากลับมีอาติแฟกต์จำนวนมาก คอยเพิ่มความแข็งแกร่งให้การต่อสู้ ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตที่ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บ แถมยังต้องคอยปกป้องเด็กที่ถูกลักพาตัว พวกเราก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด

ในตอนที่ความหวังดูเหมือนจะหมดลง ขวานยักษ์สีทองก็ถูกฟาดลงมากลางดงศัตรู ราวกับนักรบคลั่งในตำนานได้ปรากฏตัวขึ้น ชายผู้นั้นคล้ายดั่งเทพสงคราม แม้จะโดนโจมตีด้วยห่าฝนของธนู ดาบ และเวทมนตร์ เขาก็ยังคงกำขวานยักษ์ทองคำไว้แน่น กวาดล้างศัตรูหลายสิบคนเพียงลำพัง ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขาดูไม่ได้ทำให้พลังของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย

หลังจากกวาดล้างศัตรูจนหมดสิ้น เขาก็กระโดดหายไปในรูเพดานที่พังถล่ม ทิ้งไว้เพียงพวกเราที่รอดชีวิตและชาวบ้านที่ถูกช่วยเหลือ

ชาวบ้านในตอนนั้นต่างก้มกราบ และ บูชาเขา โดยเรียกเขาว่า "เทพสงครามผู้บ้าคลั่ง ไซออน" ยอดนักรบจากฟากฟ้า ชายผู้ถูกสร้างขึ้นจากพลังแห่งเทพสงคราม เขาถือขวานยักษ์สีทองที่ว่ากันว่าหนักพอจะบดขยี้ภูเขา แต่กลับเบาในมือของเขาราวกับขนนก ฟาดฟันศัตรูจนฟ้าสั่นสะเทือนและพื้นดินแยกออก เขาเป็นดั่งเทพเจ้าในตำนาน ที่ชาวใต้ศรัทธาและยกย่อง

หลังจากพวกเขารอดชีวิตและกลับมายังกิลด์นักผจญภัยได้สำเร็จ พวกเขาก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากชาวเมือง เว้นก็เพียงแค่ชายผู้หนึ่ง—ผู้ที่มาช่วยเหลือพวกเขา กลับไม่เคยถูกเอ่ยถึงเลย

ในระหว่างพิธีฉลอง เธอตั้งใจว่าครั้งนี้ต้องขอบคุณเขาให้ได้ เธอจึงถามไถ่ผู้ใหญ่ที่ทำงานอยู่ จนกระทั่งได้รับที่อยู่ของเขา และตามที่อยู่นั้นไปจนถึงที่พักของเขา เธอยืนอยู่หน้าประตูเก่าโทรมพักใหญ่ ก่อนจะเคาะประตู แต่ไม่มีวี่แววตอบรับ แม้เธอพยายามเรียกเสียงก็เงียบสนิท จนเธอเริ่มถอดใจ

ทันใดนั้นเอง เธอก็สังเกตเห็นหน้าต่างเล็กๆที่ถูกแง้มออกเล็กน้อย ด้วยสัญชาตญาณและความสงสัย เธอจึงตัดสินใจเสียมารยาทแอบมองเข้าไปข้างใน และตอนนั่นเอง คือช่วงเวลาที่เธอได้เห็นเขา... เอรอส ชายที่เคยช่วยเหลือเธอ กำลังถูกจิตวิญญาณบ้าคลั่งที่อยู่ภายในกลืนกินอย่างช้าๆ ราวกับกำลังคืบคลานเข้าครอบงำจนเกือบจะหมดสิ้น

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status