Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 10 มรดกแห่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

Share

ตอนที่ 10 มรดกแห่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2024-10-28 23:08:18

สายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่นั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับนำพาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า—กลิ่นอายของอดีตที่หวนคืนมาในทุกลมหายใจ

ชายหนุ่มพลิกสมุดภาพในมืออย่างแผ่วเบา ทุกหน้ากระดาษเหมือนพาเขาดำดิ่งลึกลงไปในความทรงจำ ภาพเลือนรางที่เคยจางหายกลับชัดเจนขึ้น เสียงหัวเราะในวัยเยาว์สะท้อนขึ้นมาในใจ คำสัญญาที่หลงลืมกลับมาก่อตัวอีกครั้ง ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย

หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันมามองเขาด้วยสายตาสงสัย “เกิดอะไรขึ้น...” เธอเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสายลมรอบๆ ต้นไม้เริ่มพัดไหวเบาๆ ราวกับกำลังแหวกม่านบางๆ เผยให้เห็นบางสิ่งที่อยู่อีกฟากของเวลา

และแล้ว...ภาพในสมุดภาพก็เหมือนจะก้าวข้ามหน้ากระดาษ

เบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏเป็นภาพลวงตาที่ไม่อาจอธิบายได้ เด็กชายในชุดเรียบง่ายปรากฏตัวพร้อมเด็กสาวสองคน พวกเขาหัวเราะสดใสราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของผู้ชมจากอนาคต ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเหมือนมองผ่านหน้าต่างแห่งเวลา

หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มมองภาพเหล่านั้นอย่างตกตะลึง “นี่มัน...” เธออ้าปากค้าง แต่เสียงของเธอกลับถูกกลืนหายไปกับเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดังมาจากภาพลวงตา

ในภาพ เด็กชายในวัยเยาว์วิ่งเล่นรอบต้นไม้ใหญ่กับเด็กสาวสองคน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายสดใส ขณะที่เสียงหัวเราะของพวกเขาก้องอยู่ใต้ท้องฟ้าอันอบอุ่น

เด็กสาวผมสีเงินกอดสมุดวาดภาพแน่น มือเล็กๆ ของเธอค่อยๆ เปิดมันออก ขณะที่เด็กสาวผมสีทองนั่งลงพร้อมกล่องดินสอสี “มาวาดรูปกัน!” เด็กสาวผมสีเงินเอ่ยอย่างตื่นเต้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเบิกบาน

ชายหนุ่มเฝ้ามองภาพในอดีตด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน ทั้งอ่อนหวานและเจ็บปวด ขณะที่หญิงสาวข้างกายเหลือบมองเขาด้วยความสงสัย “ภาพเหล่านี้...” เธอเริ่มพูดแต่หยุดไว้แค่นั้น เพราะภาพในสมุดภาพเริ่มมีชีวิตอีกครั้ง

“รู้ไหม?” เสียงของเด็กสาวผมสีเงินดังขึ้นอย่างหนักแน่น “มีตำนานเล่าว่า ถ้าเราขอพรจากต้นไม้นี้ คำขอของเราจะเป็นจริง!”

เด็กสาวผมสีทองหันมามองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? งั้นฉันจะขอให้ตัวเองแข็งแกร่ง จะได้ปกป้องทุกคนที่อ่อนแอ!”

“ส่วนฉัน...” เด็กสาวผมสีเงินลุกขึ้นยืน ตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ “ฉันจะขอให้โลกนี้สงบสุข ไม่มีใครต้องเจ็บปวดอีก!”

เด็กชายในภาพยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันขอให้คำขอของพวกเธอเป็นจริง”

“ขออะไรที่เป็นของตัวเองสิ!” เด็กสาวผมสีทองหันมาแกล้งทำหน้านิ่ว แต่เสียงหัวเราะของเธอก็เผยให้เห็นว่าเธอไม่ได้จริงจังนัก

เขาหัวเราะเบาๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ “นี่แหละความปรารถนาของฉัน ต่อให้ต้นไม้ไม่ช่วย ฉันจะช่วยพวกเธอเอง”

ภาพในอดีตดำเนินต่อไปเหมือนการฉายซ้ำ เด็กๆ หัวเราะ วิ่งเล่น และช่วยกันฝังสมุดภาพไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ เด็กสาวผมสีเงินหันมามองพวกเขาด้วยสายตาจริงจัง

“เราจะกลับมาที่นี่ด้วยกันอีกใช่ไหม?”

“แน่นอน!” เด็กชายตอบเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าเราจะห่างกันแค่ไหน พวกเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง...ด้วยกัน”

หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มยืนนิ่ง มองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยคำถามและความเข้าใจใหม่

และแล้ว ภาพเหล่านั้นก็เริ่มเลือนลาง เสียงหัวเราะค่อยๆจางหาย สายลมที่พัดผ่านเหมือนกระซิบบางอย่างในใจ เขาก้มมองสมุดภาพในมือที่เหมือนจะมีชีวิต ความทรงจำที่เลือนรางค่อยๆหวนคืน ความอบอุ่นจากเสียงหัวเราะของเด็กๆ ในภาพสะท้อนกลับมาในจิตใจ ทำให้รู้สึกว่าอดีตไม่ได้ถูกลืมเลือนไป แต่มันยังอยู่ตรงนี้ ท่ามกลางสายลมและเงาของต้นไม้ใหญ่ในปัจจุบัน มันดูหนักแน่นขึ้นในความรู้สึก ก่อนจะเงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า

ต้นไม้ใหญ่ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ที่คอยเฝ้ามองเรื่องราวของชีวิตที่เคยอยู่ใต้ร่มเงาของมัน

ชายหนุ่มยังคงจ้องมองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า ความหนักอึ้งในใจถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น เขาก้มมองสมุดภาพในมือที่เหมือนจะสั่นไหวเบาๆ ใต้ปลายนิ้วของเขา

ทันใดนั้นเอง สายลมรอบๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่เพียงสายลมธรรมดาอีกต่อไป แต่เหมือนเป็นแรงลมหายใจสุดท้ายของสิ่งที่เคยมีชีวิตชีวา พลังงานบางอย่างเริ่มไหลซึมออกมาจากต้นไม้และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเขา

ลำแสงสีทองจากใบไม้ส่องผ่านร่างของชายหนุ่ม คล้ายกับพยายามหล่อหลอมบางสิ่งเข้าไปในตัวเขา เขารู้สึกถึงความร้อนอุ่นวาบที่ไม่ได้เพียงแค่สัมผัสร่างกาย แต่เหมือนมันกำลังฝังลงไปในจิตใจ ลึกเข้าไปในส่วนที่เขาเองไม่เคยเข้าถึงมาก่อน…

“นี่มัน...” เขาพึมพำเสียงเบา ราวกับกลัวว่าคำพูดจะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของช่วงเวลานี้ ความรู้สึกอุ่นวาบแผ่ซ่านจากปลายนิ้วเข้าสู่ร่างกาย ราวกับกระแสคลื่นที่พัดพาความอบอุ่นเข้าสู่หัวใจ พลังนี้ไม่ใช่มานาธรรมดาที่พบเห็นได้ในธรรมชาติ แต่คือสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งที่มีสติปัญญา…พลังเวทย์

พลังเวทของต้นไม้กำลังหลั่งไหลเข้ามา มันไม่ได้มีแค่พลังเพียงอย่างเดียว แต่มันมีเสียงกระซิบของความทรงจำ เรื่องราวที่ถูกจารึกไว้ในวงจรชีวิตของมัน ทุกแผลเป็นบนลำต้น ทุกกิ่งก้านที่แตกหน่อ ทุกใบไม้ที่ร่วงหล่น ล้วนส่งต่อเรื่องราวที่ก้องสะท้อนอยู่ในจิตใจของเขา เป็นการเชื่อมโยง เป็นการสัมผัสถึงแก่นแท้ของชีวิตที่ดำรงอยู่ และ ต่อสู้กับกาลเวลา มันคือการพบกันของอดีตและปัจจุบัน การหลอมรวมของชีวิตที่ต่างกันให้กลายเป็นหนึ่งเดียว…

หญิงสาวข้างกายมองเขาด้วยความตกตะลึง “การหลอมรวมของพลังเวทย์!?...เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ราวกับรู้ว่าเธอกำลังเป็นพยานในสิ่งที่ยากจะบรรยาย เธอเพียงยืนมองเขาอยู่ไม่ไกล แต่สายตาของเธอแฝงความคาดหวังบางอย่าง

ชายหนุ่มกุมสมุดภาพในมือแน่นขึ้น แต่สมุดภาพในมือเริ่มสั่นไหว เส้นร่างและสีสันที่เคยชัดเจนบนหน้ากระดาษค่อยๆเลือนหายไป ราวกับมันถูกลบออกจากความทรงจำ ขอบกระดาษกร่อนตัวเป็นเศษฝุ่นที่ปลิวไปกับสายลม กล่องเก็บสมุดภาพที่วางอยู่ไม่ไกลก็เริ่มแตกสลาย เศษซากเล็กๆ ร่วงหล่นสู่พื้นก่อนจะกลายเป็นละอองแสง

เขายืนมองสิ่งเหล่านั้นอย่างเงียบงัน จนในที่สุด สิ่งที่เคยอยู่ในมือของเขาก็ไม่เหลืออะไรเลย

“ความทรงจำเหล่านี้...” เขากระซิบเบาๆ ขณะความอบอุ่นจากพลังเวทแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับกระแสชีวิตที่ต้นไม้เก็บรักษามานับพันปีถูกถ่ายทอดมายังเขา ทุกภาพ ทุกเสียง ทุกคำสัญญา ทุกความรู้สึกที่มันเคยเป็นพยานค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ คล้ายกับคลื่นทะเลที่ไม่มีวันสงบลง และในชั่วขณะนั้น เขารับรู้ได้ถึงสิ่งที่ต้นไม้พยายามบอกเล่า มันได้หยุดเวลาของตัวเองไว้ยาวนานเพียงเพื่อรอคอยวันนี้—วันที่มันจะได้พบกับเขาอีกครั้งและส่งต่อสิ่งสุดท้ายของตัวเองให้เขาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนจะหลับตาลงรับมันไว้ทั้งหมด

ต้นไม้ที่เคยสง่างามค่อยๆ เสื่อมสลาย ลำต้นที่เคยตั้งตระหง่านกลายเป็นเถ้าฝุ่น ปลิวกระจายไปทั่วอากาศ สายลมพัดเอาเศษซากเหล่านั้นไปราวกับกระซิบบางอย่างในใจของเขา

เขายังคงยืนนิ่ง มองละอองเหล่านั้นล่องลอยหายไปเรื่อยๆ เขาหลับตาลง ปล่อยให้พลังสุดท้ายของต้นไม้ซึมซับเข้าสู่จิตใจ เรื่องราวทั้งหมดของมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา

เขาลืมตาขึ้น ดวงตาสีเทาของเขาเปล่งประกายแสงเรืองรองเบาบาง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นคง “เวลาของมันถูกหยุดเอาไว้มานานมากแล้ว ตอนนี้มันก็ได้พักเสียที”

เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายลมแผ่วเบาพัดผ่านราวกับกำลังบอกลาบางสิ่งที่เคยอยู่ ณ ที่แห่งนี้มานานแสนนาน ลำแสงสุดท้ายจากต้นไม้ใหญ่จางหายไปพร้อมกับเศษละอองแสงที่ค่อยๆ ล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

"มันจบแล้ว..." เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างกาย ใบหน้าของเธอยังคงแสดงความเศร้าสร้อย แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป

"ไม่หรอก" เธอพูดเสียงเบา แต่หนักแน่น "มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น"

เขาหันมามองเธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย "เธอหมายความว่าอะไร?"

หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก้มหน้าลงราวกับลังเล แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอกลับเปล่งประกายแสงที่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่

"นายไม่เข้าใจงั้นหรอ?" เธอพูดช้าๆ ราวกับต้องการให้ทุกคำสลักลึกลงไปในใจของเขา

"สิ่งที่ฉันรอมานาน...หวังว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง และในที่สุด ฉันก็ได้เจอกับความหวังนั้นเสียที"

"สิ่งที่เธอรอ?" เขาถามกลับ เสียงของเขาแฝงความกังวล "จอมปราชญ์ไรอัส...อย่างนั้นหรือ?"

ชื่อที่เขาเอ่ยทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ

"ใช่ ไรอัส..." เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เขา "นายคือภาชนะที่เหมาะสมที่สุด เป็นคนเดียวที่สามารถรับหัวใจของเขาได้โดยไม่ถูกมันทำลาย และที่สำคัญ………สามารถจะกลายเป็นเขาได้"

เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างในอากาศ ความนิ่งสงบของสายลมเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความตึงเครียดที่ไม่อาจอธิบาย

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาของเธอฉายแววโศกเศร้าแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ

"ฉันพยายามแล้ว...พยายามที่จะตัดใจจากเขาโดยตลอด" เธอก้าวเข้าไปใกล้อีก จนกระทั่งระยะห่างระหว่างพวกเขาแทบไม่มีเหลือ "ฉันไม่อยากทำแบบนี้ แต่ความจริงก็คือ...การที่นายสามารถจะกลายเป็นเขาได้ มันทำให้ฉันได้เห็นถึงความหวัง"

ลมที่เคยนิ่งสงบเริ่มหมุนวนเป็นพายุขนาดเล็ก เงาของเธอทอดยาวออกไปบนพื้นราวกับบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติกำลังปลดปล่อยตัวเอง

ชายหนุ่มพยายามเอื้อมมือไปคว้าปืนที่ห้อยอยู่ข้างลำตัว แต่ก่อนที่นิ้วจะสัมผัสมัน พลังที่มองไม่เห็นกลับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาถูกตรึงแน่นในอากาศ ราวกับเชือกที่มองไม่เห็นพันธนาการทุกส่วนไว้ ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว ปากของเขาถูกปิดด้วยพลังบางอย่างที่กดทับแน่นจนไม่สามารถส่งเสียงใดออกมาได้

"………..!" เขาพยายามเปล่งเสียง ดวงตาฉายแววกร้าว แต่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงกระซิบเล็ดลอดออกไป หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อการต่อต้านของเขา เธอหลับตาลง สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเลและเจ็บปวด ราวกับกำลังต่อสู้กับความคิดบางอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ภายในจิตใจ

"ขอโทษ..." เสียงกระซิบของเธอแผ่วเบา แทบจมหายไปกับสายลม ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมา ความตั้งใจบางอย่างฉายชัดในแววตาของเธอ ขณะที่พลังที่ตรึงเขาไว้ยิ่งรัดแน่นขึ้นอีก...

"นายทำให้ฉันไม่มีทางเลือก" เธอเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ในคำพูดนั้นกลับเต็มไปด้วยน้ำหนักของการตัดสินใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 11 การรอคอยในความเงียบสงบ

    เวลา 2 ทุ่ม ลมหนาวจากค่ำคืนพัดความหนาวเย็นเอื่อยๆมาแตะผิวเบาๆ ชวนให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงระเบียงยกผ้าคลุมไหล่ขึ้นห่มตัวแน่นขึ้น เธอทอดสายตามองบันไดหินที่ทอดยาวจากถนนเบื้องล่างขึ้นมาถึงหน้าห้องพัก ไม่มีเงาร่างของคนที่เธอเฝ้ารอเธอรอเขามาทั้งบ่าย ทั้งเย็น จนกระทั่งค่ำคืนนี้มาถึงอย่างเงียบงัน เพื่อจะมาขอความช่วยเหลือจากเขา ก่อนหน้านี้ เธอเคยส่งจดหมายไปแล้ว เนื้อความในนั้นสั้นแต่เร่งด่วน เป็นคำร้องขอให้ช่วยตามหาคู่หมั้นของเธอที่หายตัวไป ทว่าจดหมายนั้นกลับไร้คำตอบ กระทั่งเธอได้ยินข่าวมาว่าเขาออกเดินทางไปไกลเสียก่อนจดหมายนั้นจะไปถึงเสียอีกมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เธอโล่งใจที่เขาไม่ได้ตั้งใจเมินเฉยต่อเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่กับความโล่งใจของตัวเอง เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไป ความรู้สึกผิดที่ไม่เคยเลือนหายจากใจและในเช้าวันนี้ เธอจึงตัดสินใจจะทำในสิ่งที่หลีกเลี่ยงมานาน เธอไปดักรอเขาที่ริมถนนสายเล็กๆ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เขามักใช้ประจำจนกระทั่งเธอเห็นเขาชายหนุ่มยืนอยู่ที่อีกฟากของถนน ร่างสูงในชุดทำงาน ใบหน้าของเขานิ่งเฉยจนแทบอ่านอารมณ์ไม่ได้ แต่แววตาของเขา—ดวงตาคู่นั้นเต็มไป

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 12 เงาในห้วงวิญญาณ

    ชายหนุ่มอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น สติเลือนรางขณะที่สายตาเหลือบมองรูโหว่บริเวณหน้าอกของตัวเอง แม้หัวใจจะหายไป แต่ร่างกายของเขากลับไม่ยอมพังทลาย มันกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดด้วยพลังบางอย่างที่ไม่อาจระบุได้ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ มวลมานาขนาดใหญ่แผ่กระจายโอบล้อมร่างที่กำลังถูกแทรกแซงจากจิตวิญญาณอีกดวงที่แฝงตัวอยู่ภายใน มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้เฝ้ามองอีกต่อไป แต่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองด้วยการพยายามครอบงำทุกส่วนของร่างกายเขาผิวสีขาวของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มในหลายจุด ผมที่ดำสนิทกระเซอะกระเซิง บัดนี้มีสีเทาแซมอย่างเด่นชัด ดวงตาข้างหนึ่งกลายเป็นสีแดงเข้ม บ่งบอกถึงการแผ่ขยายอิทธิพลของจิตวิญญาณแปลกปลอม แม้ว่าการครอบงำจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ร่องรอยของมันปรากฏชัดในทุกเส้นสายของร่างกายจิตวิญญาณที่แฝงอยู่พยายามอย่างสิ้นหวังที่จะฟื้นฟูรูโหว่บริเวณหน้าอก โดยการเปลี่ยนพลังงานที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้ฟื้นฟูหัวใจของเขาอย่างสิ้นหวัง แม้ว่ามันจะเป็นการพยายามที่สูญเปล่าก็ตามขณะเดียวกัน หญิงสาวผมดำ ดวงตาสีเงิน จับจ้องเขาด้วยความพึงพอใจปนความระแวดระวังเธอมองเห็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่กำล

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 13 แผนหลบหนีที่พังทลาย

    ยามค่ำคืนที่เงียบสงัดปกคลุมเมืองไว้ด้วยความมืด เข็มนาฬิกาเดินเข้าสู่เวลาสามทุ่มครึ่ง บรรยากาศที่ควรคึกคักกลับดูอึดอัดและไม่ปกติ เอรอสเดินอยู่บนถนนสายเล็ก มุ่งหน้าไปยังหอพัก ดวงตาจับจ้องไปข้างหน้า แต่ในหัวของเขากำลังคำนวณแผนการหลบหนี‘สถานการณ์แบบนี้ อยู่ต่อไม่ได้แน่... ทางที่ดีที่สุดคือหาที่กบดานเมืองอื่นสักครึ่งปี แล้วค่อยกลับมาใหม่’เขาคิดในใจพลางประเมินตัวเลือกต่างๆ การสร้างตัวตนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก หากใช้เครือข่ายเดิมที่มีหรือจ่ายเงินให้คนที่ไว้ใจได้ เขาสามารถแทรกซึมเข้าไปอยู่ในตระกูลสาขาสักตระกูล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นก็ค่อยส่งนักเรียนบางคนแทรกซึมเข้าไปในหอคอย เพื่อล้วงข้อมูลที่จำเป็น‘ขอแค่หนีออกไปจากเมืองนี้ให้ได้ก่อน... แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย’เอรอสเลือกเดินผ่านตรอกวอยเล็กๆ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดไปยังหอพัก ถนนแคบๆ มีเพียงแสงจากโคมไฟเก่าๆ สลัวๆ ให้เห็นทาง เขาชอบทางนี้เพราะมันเปลี่ยวและไม่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่คืนนี้มันกลับเงียบเกินไปอย่างผิดปกติ ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งเมื่อเขาเดินมาถึงลานกว้างข้างหน้า ความรู้สึกผิดปกติเริ่มกัดกินความสงบในใจ มันไม่มีผู้คนอยู่เลย เง

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 14 ศึกแห่งเกียรติยศ และ อำนาจ

    ในขณะที่หญิงสาวคนนึงกำลังเดินกลับคฤหาสน์ด้วยความเสียใจ เสียงพลังเวทที่แตกกระจายดังก้องสะท้อนผ่านตรอกแคบๆ ในยามค่ำคืน ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก หัวใจของเอเลน่าเต้นแรงด้วยความกังวลและตื่นเต้น เธอกระชับดาบข้างกายและเร่งฝีเท้าตรงไปยังต้นตอของเสียงที่ลานเปิดกลางตรอก เธอพบกลุ่มจอมเวทย์ในชุดคลุมดำยืนล้อมร่างชายคนหนึ่งที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่เวทมนตร์ที่เปล่งแสงริบหรี่ใต้แสงจันทร์ กลิ่นอายเวทมนตร์ที่เข้มข้นแผ่กระจายจนทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง ชายที่ถูกจับมีผ้าคลุมหนาคลุมร่างจนมองไม่เห็นใบหน้า ข้างกายเขามีคฑาเวทมนตร์ที่ปลายแตกหักวางอยู่เอเลน่าก้าวออกจากเงามืด ดวงตาจับจ้องไปยังกลุ่มนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยความมั่นใจ"ข้า เอเลน่า วัลธอเรน ขอถามว่าพวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ที่นี่?"ชายสูงวัยในชุดคลุมดำค่อยๆหันมามองเธอ ใบหน้าใต้ฮู้ดของเขาเผยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจน เขาก้าวออกมาด้านหน้าอย่างมั่นคง ก่อนโค้งตัวเล็กน้อยด้วยท่าทีที่เสแสร้ง "ท่านเอเลน่า แห่งตระกูลวัลธอเรน...นี้เอง นึกไม่ถึงว่าจะได้รับเกียรติพบเจอท่านในยามค่ำคืนเช่นนี้"เอเลน่าขมวดคิ้ว เธอยืดตัวตรงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น "การจั

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 15 เสียงสะท้อนจากตัวตน

    ในความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางเงาดำที่แผ่ขยายไปทุกทิศทาง ราวกับว่าความว่างเปล่าได้กลืนกินทุกสิ่งรอบกายของเขาคือแอ่งน้ำสีดำสนิท เงาสะท้อนของมันไม่ใช่ใบหน้าของเขาเอง แต่กลับเป็นความว่างเปล่าที่ไร้ตัวตนทุกอย่างเงียบงันจนดูเหมือนว่าเวลาได้หยุดลง ความเย็นเยือกของบรรยากาศรอบตัวแทรกซึมลึกลงไปในไขกระดูก หนาวจนแสบซ่าน—ทรมานจนหัวใจของเขาเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะจากเงามืดนั้น เสียงกระซิบแผ่วเบาคล้ายลมหายใจแผ่วดังขึ้นมันไม่ใช่เสียงจากที่ไกลโพ้น แต่เหมือนเป็นเสียงในหัวของเขาเอง เสียงที่กัดกร่อนจิตใจด้วยคำถามที่เขาไม่อยากได้ยิน“ยังมีสัญญาที่ยังทำไม่สำเร็จ เจ้าจะยอมแพ้แล้วงั้นหรือ?”เขาสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปตามเสียงนั้น และพบ…ตัวเอง ตัวเขาที่ดูแตกต่างร่างนั้นผ่ายผอม ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาลึกโหลจนเหมือนเบ้าตาถูกกลืนหายไปในความมืดทว่าภายใต้ความเหนื่อยล้าเหล่านั้น แววตาของร่างนั้นกลับแน่วแน่ ราวกับก้อนหินที่ไม่อาจถูกทำลายเมื่อเขาหันมองรอบตัว สิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจหล่นวูบ ตัวเขา…ตัวเขาอีกหลายสิบคนยืนล้อมรอบ ทุกสายตาจับจ้องมายังเขาบางร่างดูมั่นคงและสง่างาม ดุจผู้นำที่ยืน

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 16 ต่อรอง

    เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านนอก ดังก้องสะท้อนในโถงทางเดินแคบๆ ที่เงียบสงัด ขณะประตูเหล็กที่มีรอยสนิมขึ้นเล็กน้อยถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วเสียงโลหะเสียดสีกันชวนให้ขนลุก ผู้คุมในชุดคลุมยาวสีดำสนิทก้าวเข้ามาในห้อง รัศมีเวทมนตร์บางเบาลอยอ้อยอิ่งรอบตัวเขา ร่างสูงสง่ามีท่าทางเงียบขรึม ดวงตาที่เยือกเย็นจับจ้องมายังชายหนุ่มที่นั่งอยู่กับพื้นโดยไม่เอ่ยคำใด ก่อนที่สุดท้ายผู้คุมจะเดินไปนั่งอยู่ที่มุมโต๊ะที่ถูกจัดเอาไว้หน้าห้องขัง เขาสังเกตุท่าที และ ลักษณะของผู้คุมอย่างละเอียด แม้ว่าภายนอกดูเหมือนจะถูกปิดบังตัวตนอย่างมิดชิด แต่วัสดุของคฑานั้นก็เพียงพอที่เขาจะสามารถเดาออกได้ว่าผู้คุมตรงหน้านั้นมาจากกลุ่มไหน แต่มันก็ยิ่งทำให้เขาสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะวัสดุที่ใช้ทำด้ามคฑานั้น เป็นของที่สั่งทำโดยเฉพาะ และ มีแค่กลุ่มเดียวที่มีวัสดุแบบนี้….หอคอยจอมเวทย์“เป็นไปได้ยังไง? หรือว่าจะถูกขโมยมา?”เขาตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่เห็น ก่อนที่จะสังเกตุบริเวณด้ามจับของคฑาที่ชายคนนั้นถืออย่างละเอียดร่องรอยการสึกกร่อนจากรอยนิ้วมือปรากฏอย่างเด่นชัด ทั้งคราบสกปรก และ รอยถลอก ตรงกับผู้ใช้อย่างชัดเจน ราวกับถูกใช้มาตั

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 17 ไฟสีฟ้า

    1 ชั่วโมงก่อนการหลบหนี เกิดเหตุไฟไหม้ที่สถานพยาบาลของเมืองในห้องสอบปากคำที่มืดสลัว มีเพียงแสงจากโคมไฟเวทมนตร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศช่วยให้เห็นใบหน้าของลีน่า หญิงสาวผมสีส้มอมทองที่สวมแว่นหนาๆ และชุดเครื่องแบบของกิล เธอก้มมองสมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยลายมือเรียบเรียงอย่างละเอียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายผู้รอดชีวิตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม"คุณช่วยเล่าอีกครั้งได้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น?" ลีน่าถามเสียงนุ่ม แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง เธอยกปากกาขนนกขึ้นจรดลงบนกระดาษ ขณะที่มองจ้องมองอีกฝ่าย ชายผู้นั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่า“มันเกิดขึ้นเร็วมากครับ ตอนนั้นพวกผมกำลังนั่งเฝ้าผู้ป่วยอยู่ในห้อง แต่แล้วชายคนหนึ่งก็ถูกพยาบาลพาตัวเข้ามา...เขาดูซีดเซียวเหมือนไม่มีแรง”ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ"ผมได้ยินพวกพยาบาลพูดกัน เห็นว่าเป็นคนที่ลูกสาวของตระกูลวัลธอเรนให้พาตัวมา ทุกคนก็เลยไม่ได้สงสัย หรือ สนใจอะไรเกี่ยวกับตัวเขามากนัก…."หญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงให้เขาเล่าต่อ "แล้วอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นคะ?""จู่ๆ ร่างกายของเขาก็ลุกเป็นไฟครับ! ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน ไฟพวกนั้นดูไม่ใช่ไฟธรรมดา มันมีสีฟ้าสว

    Last Updated : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 18 พบกับคนที่ไม่คาดฝัน

    เอรอสก้าวออกจากคุกอย่างเงียบงัน สายตาของเขาสำรวจชายที่ถูกสิงอยู่เบื้องหน้า แต่พบเพียงคฑาและชุดคลุมเวทมนตร์ ไม่มีสิ่งของอื่นใดที่จะใช้ประโยชน์ได้ ชายตรงหน้าเคร่งครัดต่อหน้าที่จนไม่พกสิ่งใดที่นอกเหนือความจำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ในขณะที่เขากำลังคิดหาทางต่อ เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น ฝ่าความเงียบในคุกใต้ดิน เสียงที่แหบต่ำและเย็นเยียบ ราวกับเล็ดลอดออกมาจากรอยแยกในโลกแห่งความตาย“ข้าทำตามสัญญาแล้ว... ถึงเวลาที่เจ้าต้องชดใช้”เสียงนั้นไม่ได้ออกมาจากปากของชายที่ถูกสิง แต่มันดังขึ้นราวกับสะท้อนมาจากทุกมุมของห้อง ร่างของชายที่ถูกครอบงำค่อยๆ เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเซียว ดวงตาของเขาไร้แววชีวิต ทว่ากลับมีประกายสีดำลุกวาวอยู่ภายในจากมือของเขา มีดสีดำสนิทปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มันยื่นไปทางเอรอส ราวกับมีชีวิตของมันเองเขารับมีดมาอย่างระมัดระวัง สายตาของเขาจ้องปีศาจโดยไม่หลบเลี่ยง แต่ไม่ทันที่เขาจะลงมือ เสียงของปีศาจก็ดังก้องขึ้นอีกครั้ง“เจ้าไม่คิดจะเปลี่ยนข้อกลงเป็นวิญญาณของชายผู้นี้หรือ? คิดว่าเลือดของตัวเองมีค่าพอจะชดเชยกับสิ่งที่ข้าทำให้หรือไง

    Last Updated : 2024-10-28

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 39 ชื่อของฉันคือ....

    โพรงหินขนาดมหึมาขยายตัวออกเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปในความมืด เสาหินโบราณตั้งเรียงรายตามระเบียงทางเดินสูงต่ำ ราวกับขั้นบันไดแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาแต่แทนที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงซากโบราณสถานที่รกร้าง กลับมีเหล็กกล้าสนิมเขรอะ ปราการคุมขัง และกรงเหล็กที่แขวนห้อยอยู่ตามแนวผนัง บ่งบอกว่ามันได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคุกใต้ดินอันโหดร้ายและในตอนนี้—มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปรอะไปด้วยเลือดเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนจากกำแพงหินขรุขระ ขณะที่เหล่าผู้ช่วยเหลือนำกลุ่มทาสเด็กที่รอดชีวิตฝ่าความเงียบสงัดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เปลวไฟริบหรี่สาดเงาทอดยาวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบสีแดงฉาน"อย่าหันไปมองรอบๆ มุ่งหน้าต่อไป" เสียงกระซิบดังขึ้นเป็นระยะๆจากเหล่าผู้นำทางเด็กหลายคนก้มหน้าลง มองเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้นหินเย็นเยียบ แต่ความอยากรู้อยากเห็น และกลิ่นเลือดคาวคลุ้งที่อบอวล ทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองรอบด้านร่างของผู้คุมถูกแขวนคว่ำอยู่กับเสาหิน ศพของพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยหอกและดาบ บางร่างถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนบันไดหินที่ทอดยาวลงไปสู่ระดับลึกกว่า เลือดไหลเป็นทา

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 38 บทเพลงของ ขวานสีทองและเสียงกรีดร้อง

    เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดชะงักกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เพียงชั่วพริบตาแล้วร่างนั้นก็พุ่งผ่านเธอไปรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองทัน—ราวกับสายลมสีดำที่พัดผ่านไปเงียบงันเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะทันหันไปมอง ขวานสีทองตวัดฟาดลงอย่างไร้ความลังเล เสียงเนื้อฉีกสะท้อนก้องในอากาศ ลำคอของชายคนแรกถูกกรีดขาดสะบั้น เลือดพุ่งเป็นสายสาดกระเซ็นลงบนกำแพงหินเย็นเฉียบ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงราวกับหุ่นเชิดที่ขาดด้าย ร่างนั้นปรากฏตัวกลางวงศัตรู ราวกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากความมืดเหล่าผู้คุมที่เหลือแข็งค้าง—ลมหายใจขาดห้วงในอก พวกมันพึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังกลืนกินแต่ไม่ทันแล้วชายสองคนที่อยู่ใกล้สุดตั้งสติได้ก่อน เงื้อดาบหมายจะสังหาร ทว่าเสียงโลหะเฉือนเนื้อดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะฟันลง ขวานสีทองพุ่งเป็นแนวเฉียง ตัดทะลุร่างทั้งสอง รอยแผลฉีกลึกถึงกระดูก เลือดร้อนๆ กระเซ็นเปรอะเต็มพื้นหินเสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจากพวกด้านหลัง—แต่เขาเร็วกว่าพวกมันขวานถูกเหวี่ยงออกไปด้วยพลังและความแม่นยำ ปักเข้ากลางอกของนักเวทย์คนหนึ่งเต็มแรง เสียงเนื้อฉีกกระชากดังก้องในอากาศ ร่างนั้นทรุดลง มือขาวซีดสั่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 37 ความฝันของนกในกรง

    เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่าเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวี

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 36 ข้อตกลงใต้แสงไฟ

    ห้องทำงานของโจชัวยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แสงจากโคมไฟด้านบนส่องวูบไหวไปตามผนังห้องที่เรียงรายด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอย่างบิดเบี้ยว ราวกับมีบางสิ่งกำลังคืบคลานในความมืดโจชัวยืนพิงโต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งกำปากกาแน่นจนปลายเล็บซีดขาว ส่วนอีกข้างวางทับลงบนหนังสือเวทมนตร์เก่าๆที่เปิดค้างไว้ หน้าเอกสารเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และสูตรเวทที่ซับซ้อนซึ่งสะท้อนแสงแวววาวตรงหน้าของเขา—ชายวัยกลางคน ผิวสีแทน ผมสีเทา ดวงตาสีแดงฉาน กำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เรย์นาร์ค ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน ราวกับเงาที่โผล่จากความมืด ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มขุนนาง แต่พริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปลักษณ์ที่เขาเคยเจอในอดีตโจชัวมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแต่ก็ยังคงระแวดระวัง"นี่มันอะไรกัน? รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้คืออะไร? คุณเปลี่ยนร่างได้งั้นเหรอ?"เรย์นาร์คไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงมองมา สายตาของเขาเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่หนักอึ้ง ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตอบคำถามของนาย"น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาเหมือนมือที่กดลงบนไห

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 35 รสขมของความจริง

    โจชัวถือถาดที่วางชาและขนมอบสดใหม่ เขาก้าวเข้ามาในห้องพยาบาลอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องนั้นมีเพียงอาร์วินและไอลีนที่กำลังรออยู่ อาร์วินนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ริมเตียง ท่าทีเฉยชา แต่นัยน์ตาของเขาดูคมกริบราวกับจับสังเกตทุกสิ่งรอบตัว ในขณะที่ไอลีนยังคงรักษามารยาทสมบูรณ์แบบ นั่งหลังตรง มือวางบนตักอย่างสง่างาม"ชาร้อนและขนมอบสดใหม่ครับ" โจชัวกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะเล็กๆ ตรงกลางห้อง"ผมโจชัว เป็นหมอเวทย์ที่นี่ ยินดีที่ได้พบ" เขากล่าวแนะนำตัว ก่อนหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งข้างไอลีน "แล้วคุณคือ...?"อาร์วินสบตาเขาด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนตอบเสียงเรียบ "ขอผมแนะนำตัว อาร์วิน แคร์นัส ส่วนนี้ไอลีน ตอนนี้น่าจะกำลังคุ้มกันผมอยู่""น่าจะ อะไรของนาย" ไอลีนหันไปแย้งเบาๆ ก่อนจะยิ้มสุภาพ แต่ดวงตายังคงแฝงความระแวงเล็กน้อย"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณโจชัว ฉันเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของตระกูลวัลธอเรน และกำลังให้การคุ้มครองเขาอยู่ค่ะ""ยินดีเช่นกันครับ คุณไอลีน" โจชัวตอบรับ ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบมองไปยังอาร์วิน ซึ่งกำลังหยิบขนมขึ้นมากัดโดยไม่ลังเลขนมที่ดูปกติกลับมีรสขมจัด แต่ชายหนุ่มกลับกินมันได้อ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 34 มรดกของจอมเวทย์สติเฟื่อง

    "นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย?" หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่พวกเขาเลี้ยวเข้าตรอกซอยแคบๆแห่งหนึ่ง กลิ่นอายของความวุ่นวายในย่านนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น"ฉันไม่ได้พาเธอ เธอตามฉันมาเอง" ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าตอบเสียงห้วนๆ แต่ยังไม่หยุดเดิน เขาไม่แม้จะหันมามองด้วยซ้ำก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นคนที่พูดจานุ่มนวล สุภาพ และมีมารยาทเสมอเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ทุกสิ่งที่เธอรู้จักเกี่ยวกับตัวเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อคมมีดหันมาจ่อที่ตาของเธอ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คืออาร์วินคนเดิมที่เธอเคยรู้จักแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เลนส์แว่นสีน้ำตาลอมแดง เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มันเป็นสายตาที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความแปลกใจอย่างชัดเจนเธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่เขาก้าวเดินอย่างชำนาญ แต่ทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยความระแวง เขามองไปรอบตัวเหมือนกับคนที่กำลังหลบหนี หรือไม่ก็เหมือนคนที่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป เธอเริ่มสงสัยว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสูญเสียวงแหวนเวทมนตร์ไป ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษหญิงสาวหยุดชะงักเมื่ออาร์วินหย

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 33 คนประหลาด

    ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในแนวป่าจนถึงเขตเมือง กลิ่นอายของผู้คนเริ่มแตะจมูกของเธอที่แอบตามมาเงียบๆ เสียงพูดคุยและความเคลื่อนไหวของตลาดกลางคืนแว่วเข้ามา เธอหยุดอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบระหว่างร้านค้าเล็กๆ“ทำไมต้องแอบมาเข้าเมืองมาในเวลานี้ด้วย น่าสงสัยจริงๆ…” หญิงสาวคิดในใจ ก่อนปรับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับและเริ่มตามเขาเข้าไปในตรอกที่ดูคับแคบและอับทึบ มีกลิ่นอับของความชื้นผสมกับกลิ่นไม้เก่าจากกำแพงร้านค้าหญิงสาวที่กวาดสายตาเหลือบมองไปรอบข้าง ก่อนที่จะเห็นเงาของเขาเลี้ยวหายเข้าไปในซอยเล็กๆ เธอเห็นดังนั้น จึบรีบเร่งก้าวตามโดยไม่ลดความระมัดระวัง แต่เมื่อพ้นมุมซอยเข้าไป ร่างสูงของชายหนุ่มก็พุ่งพรวดเข้ามามาจากมุมที่เขาเข้าไป ชายหนุ่มเคลื่อนตัวรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว เธอถูกผลักชนเข้าติดกับกำแพงผนังด้านหลัง“อึก—!” เสียงร้องสั้นกระชับของเธอดังขึ้นในความเงียบ คทาในมือถูกปัดกระเด็นไปด้วยแรงที่เหนือชั้น ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอหยุดชะงักทันที ปลายมีดเย็นเฉียบจ่ออยู่ห่างจากดวงตาของเธอเพียงเส้นขน ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นทำ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 32 ติดตาม

    หลังจากที่หญิงสาวหลับไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไฟไหม้สองจุดในคืนเดียว—หนึ่งคือห้องของเขาเอง สถานที่ที่เคยอบอวลไปด้วยเงาของความทรงจำ ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นชีวิตของเขาและเธอ หนังสือที่เคยวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กลายเป็นเถ้าถ่าน เฟอร์นิเจอร์ที่เขาเลือกเองถูกเผาผลาญจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวันคืนที่เคยมีร่วมกัน มอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวเพลิง ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก…มือขวาของเขากำแน่นจนข้อกระดูกปูดขึ้นมา เขาบีบมือจนเจ็บ แต่พยายามข่มความรู้สึกโกรธเอาไว้ แม้จะพยายามทำเช่นนั้น แววตากลับยังคงสะท้อนความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ภายใน เขาหายใจเข้าลึก พยายามประคองสติขณะที่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวอีกแห่งคือโรงพยาบาลกลางเมือง... สถานที่ๆซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย หากต้องการลบตัวตนของเขาจริงๆ แค่เผาห้องพักก็เพียงพอ แต่ทำไมต้องเผาโรงพยาบาล?เรื่องมันใหญ่เกินไป… หรือทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นตอนที่เกิดเรื่องกับเขาพอดี? แต่ถ้านี้เป็นแผนของใครบางคน แล้วพวกมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำเช่นนี้?ชายหนุ่มนั่งครุ่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status