แชร์

ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-11 10:11:00

เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออก

บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็น

อาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"

เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิด

อาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง

"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉันไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่วันหนึ่ง จู่ๆก็มีวงแหวนประหลาดเกิดขึ้นในห้องขัง มันเปล่งแสงสว่างจ้าและส่งเสียงก้องไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันอันตราย แต่ตอนนั้น ฉันไม่มีทางเลือกอื่น... ฉันเลยลองเข้าไป"

เอเลน่าเลิกคิ้วเล็กน้อย เธอพยายามจินตนาการถึงสิ่งที่เขาเล่า แต่มันก็แปลกเกินกว่าจะเชื่อสนิทใจ หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เมื่อภาพในหัวเริ่มเรียงร้อยเป็นภาพของวงแหวนแสงและห้องขังอันมืดมิด

"แล้วมันพาเธอไปไหน?" เธอถาม น้ำเสียงพยายามรักษาความสงบนิ่ง แม้จะรู้สึกว่ามันสั่นน้อยๆ

อาร์วินมองเธอแวบหนึ่งก่อนเล่าต่อ "ที่อีกฝั่งของวงแหวน... ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในสวนที่ดูเหมือนจากโลกอื่น มีต้นไม้ใหญ่ที่แตะถึงโดม และในศาลาใกล้ๆ กับต้นไม้นั้น... ฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่ง"

เอเลน่าขมวดคิ้ว คำพูดของเขาดูน่าเหลือเชื่อจนเธออดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามในใจ แต่เธอก็ยังคงนิ่งฟัง เธอจับสังเกตได้ถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาเล็กน้อย เขาดูเหมือนกำลังดึงความทรงจำที่ฝังลึกออกมาเล่า

"เธอบอกกับฉันว่า ฉันต้องเข้ารับการทดสอบความเข้ากันได้กับหัวใจ"

"หัวใจ?" เอเลน่าทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธอรู้สึกว่าคำพูดนั้นมีน้ำหนักบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ

"ใช่..." อาร์วินตอบ ดวงตาเขาดูเหมือนหลบสายตาเธอเล็กน้อย "มันเป็นหัวใจที่เปล่งแสง เต้นอยู่ในกรงนกที่เหมือนทำจากเหล็กสีเงิน เธอบอกว่ามันคือหัวใจของไรอัส จอมปราชญ์ในตำนาน"

คำพูดนั้นทำให้เอเลน่ารู้สึกถึงความกังวลที่ก่อตัวขึ้นในใจ มันก็ฟังดูเหมือนเรื่องเล่ามากกว่าจะเป็นความจริง แต่มันก็สอดคล้องกับข่าวลือที่ไอลีนเล่าให้ฟัง

"แล้วทำไมเธอต้องไปรับการทดสอบด้วย?" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความระมัดระวัง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย

"เธอบอกว่าหัวใจในตัวฉันกำลังจะตาย..." อาร์วินตอบเสียงแผ่ว "และฉันไม่มีทางเลือก ฉันต้องรับหัวใจนั้น ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่รอด เธอก็เห็นสภาพฉันก่อนหน้านี้แล้วหนิ?"

เอเลน่ารู้สึกถึงลมหายใจที่ติดขัดเล็กน้อย ความหมายในคำพูดของเขาดูหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับได้ในทันที แต่เธอก็ยังคงนิ่งฟัง ขณะที่พยายามสงบใจและจัดการกับความคิดที่ปั่นป่วนในหัว

อาร์วินหยุดเล็กน้อย เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะเล่าต่อหรือไม่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม

"แต่เธอเตือนว่า ถ้าฉันเข้ากับหัวใจนั้นไม่ได้... ฉันอาจจะถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดี"

คำพูดนั้นทำให้เอเลน่าเย็นวาบ เธอเพ่งมองเขา ความเงียบระหว่างพวกเขาหนักอึ้งราวกับทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง เธอรู้สึกถึงลมหายใจของตัวเองที่ช้าลง ขณะที่ดวงตาสีเทาคู่นั้นของเขามองมาอย่างลังเล

"แล้วมันเกิดอะไรขึ้นต่อ?" เธอถาม น้ำเสียงแฝงด้วยความไม่แน่ใจ เธอต้องการคำตอบ แต่ก็กลัวในสิ่งที่เขากำลังจะเล่า

อาร์วินหลบสายตาเธออีกครั้ง "ฉันพยายามสัมผัสหัวใจนั้น... และตอนนั้นเอง ฉันก็หมดสติไปทันที แต่ในช่วงที่ฉันสะลืมสะลือตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในของเหลวบางอย่าง คล้ายกับกำลังลอยอยู่ในถังใสขนาดใหญ่"

เขาหยุดเล็กน้อย น้ำเสียงเริ่มสั่น "และตอนนั้นเอง... ฉันเห็นเอรอส เขายืนอยู่ข้างแม่มด ราวกับกำลังจับตาดูฉัน และดวงตาของฉัน... มันอยู่บนใบหน้าของเขา"

เอเลน่ารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกความเย็นวาบแทรกผ่าน เธอมองหน้าอาร์วินนิ่ง หากเป็นอาร์วินคนเดิมที่เธอรู้จัก เธอคงเชื่อเขาอย่างสนิทใจโดยไม่ตั้งข้อสงสัยใดๆ แต่เมื่อเธอจ้องไปยังดวงตาคู่นั้น ที่บัดนี้กลายเป็นสีเทาเหมือนกับเอรอส ความลังเลและความสงสัยก็พลันผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่ทันตั้งตัว

ภาพในวันที่เธอเห็นดวงตาสีเทาของเขาเป็นครั้งแรกแวบเข้ามาในความคิด เธอจำได้ว่าหัวใจในตอนนั้นเต้นแรงและสับสนเพียงใด แววตาคู่นั้นให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนมีบางสิ่งในตัวอาร์วินที่เปลี่ยนไป

แต่เธอก็รีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัว พร้อมบอกตัวเองว่าเธออาจคิดมากเกินไป ทุกอย่างในตัวเขาดูเหมือนอาร์วินที่เธอรู้จัก น้ำเสียงอบอุ่นที่เธอคุ้นเคย ท่าทางที่เต็มไปด้วยความจริงใจ และแม้กระทั่งสัมผัสที่ยังคงมอบความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเหมือนเดิม

ทว่าลึกลงไปในใจ เธอกลับอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่คืออาร์วินจริงๆ ใช่ไหม? ความทรงจำในวันเก่าๆ ของเขาเริ่มขัดแย้งกับสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้ รอยยิ้มและสายตาที่เคยเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน บัดนี้ดูเหมือนกำลังซ่อนบางสิ่งที่เธอไม่อาจเข้าใจ

“มันก็แค่ดวงตาของเขาที่เปลี่ยนไป...” เธอบอกตัวเองในใจ พยายามทำให้ตัวเองสงบ แม้ว่าในส่วนลึกของจิตใจ จะยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ และไม่อาจอธิบายได้

เอเลน่าสูดลมหายใจลึก พยายามจัดระเบียบความคิดก่อนเอ่ย "หากทุกอย่างที่นายว่ามาเป็นเรื่องจริง... เหตุการณ์นี้ก็คงเกิดขึ้นเมื่อวานซืน ตอนที่เขากลับมาที่เมืองพอดี ถึงแม้ว่าเขาจะ..." เธอหยุดคำพูดไว้เพียงชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ถึงแม้ว่าเขาจะตายไปแล้วก็ตาม"

ดวงตาของอาร์วินหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย "ตายไปแล้ว? เกิดอะไรขึ้น?"

เอเลน่าจ้องมองเขา ก่อนจะเริ่มเล่า "เมื่อคืนวันนั้น... ช่วงราวๆตี 1 อยู่ๆเขาก็เสียสติ บุกเข้าไปทำร้ายนักเวทย์ของหอคอยที่เดินผ่านมาพอดี มีคนได้รับบาดเจ็บหนัก จากนั้นเขาก็กลับไปที่พักของตัวเอง"

เธอหยุดไปชั่วครู่ ดวงตาฉายแววเจ็บปวด ก่อนกล่าวต่อ "แล้วเขา... เขาจุดไฟเผาตัวเองไปพร้อมกับที่พัก ตอนนี้ร่างของเขา และ ห้องพักถูกไฟเผาจนแทบไม่เหลือ แต่หอคอยได้เก็บร่างนั้นไว้เพื่อตรวจสอบ เพราะคนที่เขาทำร้ายเป็นจอมเวทย์ของหอคอย และ..."

เอเลน่าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น เอรอสเคยเป็นคนของตระกูลเธอ เป็นอดีตคู่หมั้นที่เธอเคยฝากความหวังไว้ และยังเป็นคนที่เธอตั้งใจจะขอให้ช่วยตามหาอาร์วิน น่าเสียดายที่จุดจบของเขากลับกลายเป็นเช่นนี้ เธอหลบสายตาอาร์วิน ราวกับลังเลที่จะพูดต่อ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกออกมา

"พวกเขาคิดว่าเขาอาจเป็นคนเดียวกันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุขึ้นเมื่อไม่นานมานี้"

ความเงียบที่ตามมาหนักอึ้ง ราวกับอากาศรอบตัวกลายเป็นน้ำหนักถ่วง อาร์วินนิ่งเงียบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่มือของเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาชัดเจน

แต่ไม่นานนัก มือของเขาก็คลายออก สีหน้าที่เคยเปลี่ยนไปกลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม ราวกับเขากำลังฟังเรื่องราวของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง อาร์วินนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"งั้นหรอ... บางทีเขาอาจจะได้รับอะไรบางอย่างมาจากแม่มด จนทำให้เสียสติไปก็ได้ ฉันก็ต้องระวังตัวเองเหมือนกัน"

เขาหันไปมองเอเลน่าด้วยสายตาจริงจัง "แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น... ฉันไม่อยากให้ใครรู้เกี่ยวกับดวงตาของฉัน เพราะงั้น เอเลน่า ฉันขอร้องเธอช่วยไปสั่งทำคอนแทคเลนส์สีเดียวกับดวงตาเดิมของฉันที่เมืองถัดไปได้ไหม?"

เอเลน่าขมวดคิ้วด้วยความกังวล "ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น?"

อาร์วินสูดลมหายใจลึก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่น

"ฉันไม่อยากให้ใครสงสัยว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเอรอส ดวงตานี้เป็นจุดที่คนอาจจับผิดได้ คอนแทคเลนส์จะช่วยให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม และ... เธอต้องไปด้วยตัวเอง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้ เข้าใจไหม?"

เอเลน่าจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ฉายความลังเล ใบหน้าเธอขมวดเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก "ได้ ฉันจะไป แต่... นายต้องระวังตัวด้วย อาร์วิน" เธอเอื้อมมือแตะแขนเขาเบาๆก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ฉันจะให้ไอลีนมาเฝ้าเธอเอง จะได้สบายใจขึ้นมาหน่อยตอนที่ฉันไม่อยู่"

"งั้นเธอนอนพักสักหน่อย ตอนเที่ยงค่อยไปล่ะกัน" อาร์วินพูดขึ้น พร้อมยกมือแตะไหล่เธอเบาๆ ราวกับปลอบโยน น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายและมั่นคงจนเหมือนว่าไม่มีเรื่องใดให้กังวล "ฉันจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนหรอก เธอหลับไปก่อนเลย" เขายิ้มให้บางๆ ขณะจับชายผ้าห่มของเธอขึ้นมาคลุมให้อย่างอ่อนโยน

เอเลน่าขยับตัวเล็กน้อย ดึงผ้าห่มเข้าหาตัวมากขึ้น พลางเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังเปี่ยมด้วยความไว้วางใจ "อืม... งั้นปลุกฉันตอนเที่ยงนะ" เธอพึมพำเบาๆ เสียงแผ่วแต่แฝงความอบอุ่น

อาร์วินพยักหน้ารับ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียง ไม่ละสายตาจากเธอแม้แต่น้อย ขณะที่เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ลมหายใจเริ่มลึกและสม่ำเสมอ บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ ราวกับความฝันที่กำลังจะโอบล้อมเธอไว้ในอ้อมกอดที่ปลอดภัย

อาร์วินจ้องมองเธอเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้ เสียงเข็มนาฬิกาดังแผ่วในห้องที่เงียบสงัด เสริมบรรยากาศให้ดูสงบ แต่ในความเงียบนั้นกลับเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำลายความเงียบในทันที อาร์วินเหลือบมองเอเลน่าอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ตื่น ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู

ชายรับใช้ในชุดเรียบง่ายยืนอยู่ด้านนอก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและเย้ยหยัน ปึกหนังสือพิมพ์ในมือดูเหมือนหนักสำหรับเขา เขามองอาร์วินด้วยสายตาที่ขาดความเคารพ

"หนังสือพิมพ์ที่ท่านสั่งให้รวบรวมไว้ครบแล้ว เสียเวลาข้าจริงๆเลย ทีหลังถ้าจะให้ทำอะไรแบบนี้อีก อย่าลืมติดเงินมาให้ด้วยล่ะ"

คำพูดของเขาแฝงด้วยน้ำเสียงห้วนๆและหยิ่งผยอง เหมือนจงใจล้ำเส้น ราวกับคิดว่าตัวตนตรงหน้าไม่มีทางตอบโต้ หรือทำอะไรเขาแน่นอน แต่เขาคิดผิด

บรรยากาศบริเวณโดยรอบเปลี่ยนไปทันที ความเงียบแผ่ซ่านออกมาจากตัวอาร์วินราวกับแรงกดดันที่มองไม่เห็น ดวงตาสีเทาเข้มของเขาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก แต่ความเย็นเยือกที่ส่งผ่านมานั้นทำให้ชายรับใช้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด

เอรอสพูดขึ้นช้าๆแต่ละคำเหมือนเสียงของน้ำแข็งที่กำลังแตกร้าว

“การที่แกเสียมารยาทกับผู้เป็นนาย...ดูเหมือนว่าแกอยากจะโดนตัดลิ้นมากสินะ”

ชายหนุ่มชะงักไปทันที ขาของเขาสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว อากาศรอบตัวดูแน่นขึ้นจนเขาหายใจไม่ออก แผ่นหลังชื้นเหงื่อ และเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างมองเขาจากความมืด

“ไม่มีใครสนใจ...” เอรอสเว้นจังหวะ รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้น “...ถ้าข้ารับใช้ที่ไม่มีค่า หายไปเพราะความปากพล่อย แกอยากลองเสี่ยงดูไหม?”

เสียงที่แผ่วเบาของเขากลับดังก้องในหัวของชายรับใช้ ราวกับคมมีดที่กรีดลงบนจิตใจ ชายหนุ่มรีบโค้งตัวต่ำทันที

"ข้าผิดไปแล้ว ท่านโปรดยกโทษให้ด้วย!" เขากล่าวด้วยเสียงสั่น ร่างกายเริ่มลนลาน

เอรอสกระตุกยิ้มเล็กน้อย แต่แววตาของเขายังคงเย็นชา "จำไว้ ถ้าฉันเรียกเมื่อไหร่ แกต้องมา ไม่งั้น..." เขาไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายชัดเจนเกินพอ

ชายหนุ่มหมุนตัวจะเดินหนีอย่างลนลาน แต่ยังไม่ทันก้าว เอรอสพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่กลับทรงพลัง

“หนังสือพิมพ์”

ชายหนุ่มชะงัก และรีบยื่นปึกหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่มาให้อาร์วิน มือของเขาสั่นจนแทบจับมันไม่อยู่

เอรอสหยิบหนังสือพิมพ์ไปอย่างใจเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบข้างหูชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“และอีกอย่าง...ห้ามบอกเรื่องที่ฉันพูดให้ใครฟัง ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องนี้หลุดออกไป...” เขาหยุดครู่หนึ่ง เสียงแผ่วลงราวกับมีดปลายแหลมกรีดเข้าหูชายหนุ่ม “...ฉันจะเป็นคนตัดลิ้นแกเอง”

ชายรับใช้ตัวแข็งทื่อ สะดุ้งเฮือกก่อนรีบพยักหน้าอย่างลนลานและวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

เอรอสปิดประตู เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ เขาวางปึกหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะทอดสายตามองเอเลน่าที่หลับอยู่ แววตาของเขากลับมาสงบอีกครั้ง ปล่อยให้ความรู้สึกของอาร์วินที่ยังหลงเหลืออยู่จากการที่เขาปล่อยให้มันครอบงำก่อนหน้านี้หายไป ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติ

เขานั่งพิงพนักเก้าอี้ ปลายนิ้วเคาะกับที่วางแขนเบาๆ ในขณะที่สายตาจ้องมองไปยังประตูที่ชายรับใช้เพิ่งออกไป เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเลือนหายไปในระยะไกล ความเงียบกลับคืนสู่ห้องอีกครั้ง

เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ ดวงตาสีเทาเข้มที่ดูว่างเปล่าเมื่อครู่ค่อยๆทอแสงแห่งความคิดอีกครั้ง

"ถึงจะหัวเสียไปหน่อย…" เอรอสพึมพำเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง “…แต่อย่างน้อยก็ได้ข้ารับใช้มาเพิ่มคนนึง”

มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็น เขาลูบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ

"ที่สำคัญ..." เขาคิดในใจ เสียงความคิดของเขาชัดเจนและหนักแน่น “…ฉันจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะใช้วางแผนในอนาคต”

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ปึกหนังสือพิมพ์ ก่อนที่จะหยิบฉบับบนสุดขึ้นมาอ่าน ดวงตาสีเทาเข้มจ้องมองอย่างตั้งใจราวกับพยายามรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองในช่วงที่เขาไม่อยู่

แสงแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่าง ส่องประกายอ่อนๆ ในห้องที่เงียบสงบ ขณะที่เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ พร้อมจมอยู่กับความคิดที่เรียงร้อยอย่างมีระเบียบเพื่อวางแผนการสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 50 คนที่ไม่คุ้นเคย

    ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีม่วงอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายในแสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ จับจ้องไปยังเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์ร่างนั้นคืออาร์วิน เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตนเขาก้าวเดินอย่างเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 51 ความจริงในรสขม

    “ไหนบอกว่านัดไว้แล้วไง ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง?” ไอลีนหันมากระซิบถามอาร์วินด้วยสีหน้าไม่สบายใจอาร์วินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองโจชัวที่ยังคงจับจ้องพวกเขาด้วยสายตานิ่งสงบ แฝงแววประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ"จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราเคยเดินทางด้วยกันตั้งเป็นเดือน? ตอนนั้นฉันต้องพกงานวิจัยของนายติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่านายจะสติหลุดแล้วเผลอทำลายมันไปซะเอง ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม? หรือว่าเผลอทำหายไปแล้ว?"คำพูดของอาร์วินทำให้โจชัวชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเขาที่เดิมดูระวังตัว กลับฉายแววสงสัยปนระลึกอะไรบางอย่าง“งานวิจัย...” เขาทวนคำเบาๆคล้ายจะนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆราวกับจับทิศทางได้แล้ว“อ้อ คุณนี่เอง” โจชัวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า“จำได้แล้วครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนสบายๆ แต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่านยาก“ใช่ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฉันก็สงสัยอยู่ว่านายจะยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ทีทางลืมหรอกครับ” โจชัวตอบ พลางหัวเราะเบาๆอาร์วินเอน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 52 ผู้ครอบครองแก่นสีดำ

    ห้องลับใต้ดิน คลินิกหลังจากตกลงแผนการทั้งหมด พวกเขาเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของคลินิก โจชัวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์และแก่นเวทย์สีดำไว้ในมือ ขณะที่เอรอสเดินตามหลังมาเงียบๆ ความเงียบครอบงำบรรยากาศ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่ดังก้องในทางเดินแคบเมื่อมาถึงห้องทดลองใต้ดิน ประตูเหล็กบานหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา โจชัวเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นเครื่องมือและอุปกรณ์มากมายที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะกลางห้องมีเตียงหินสำหรับการผ่าตัด โจชัววางกล่องลงก่อนหันไปมองเอรอส“ฉันต้องถามอีกครั้ง” โจชัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำตอนนี้? อย่างน้อยถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกสักวัน…”เอรอสส่ายหัว “ไม่จำเป็น เริ่มลงมือกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความกดดันโจชัวถอนหายใจยาว “ก็ได้… ถ้างั้นขึ้นไปนอนบนเตียง ผมจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน”เอรอสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงหิน เย็นเยียบจากพื้นหินแผ่ซ่านผ่านร่างกาย แต่เขากลับไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังเพดานห้อง ขณะที่โจชัวจัดเตรียมเครื่องมือ มีดเวทย์เรืองแสงสีฟ้า และแก่นเวทย์สีดำที่ยังคงเปล่งประกายลึกลับ“ถึงจะมั่นใจในฝีมือ” โจชัวพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องมือ “แต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 53 อดีตของเด็กสาวไร้ชื่อ

    ใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและสนิมเหล็กตลบอบอวลเหมือนกลิ่นความตาย กรงขังที่ทำจากเหล็กเส้นเก่าๆ ถูกสร้างไว้ตามผนังของคุกโบราณแห่งนี้ แสงจากรูเล็กๆบนเพดานสูงเปิดให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของท้องฟ้าด้านบน เป็นแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้พื้นที่รอบตัวสว่าง แต่เพียงพอที่จะเตือนให้เธอจำได้ว่ายังมีโลกภายนอกเธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองแสงที่ลอดผ่านลงมา ราวกับหวังว่ามันจะพาเธอหลุดพ้นจากกรงแห่งนี้ ผมสีดำยุ่งเหยิงของเธอห้อยปิดหน้าซีดเซียวที่ครั้งหนึ่งเคยดูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเธอถูกกักขังในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเธอจำได้ถึงคืนที่ทุกอย่างพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยสงบสุขกลายเป็นนรกบนดินเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามา เพลิงไฟโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงไม้ลั่นดังขณะบ้านพังถล่ม ทุกสิ่งดูเหมือนภาพฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเสียงแม่ตะโกนเรียกเธอท่ามกลางควันไฟ แล้วความมืดก็เข้าครอบงำสองเดือนก่อน เธอยังอยู่บนเรือทาส ลอยกลางทะเลอันกว้างใหญ่ เสียงน้ำทะเลซัดกระแทกกับไม้กระดานดังแผ่วเบา แต่สำหรับเด็กสาวไร้ชื่อ เสียงนี้เหมือนเพลงบรรเลงแห่งความสิ้นหวัง แสงจัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-30
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 1 ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

    เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจนตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาย และ หญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็ก และ ไร้เสียงท่ามกลางความโกลาหลนี้ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขาราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้นเสียงเบาๆของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขาทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ"นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชายเด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 2 ด้านมืดของรุ่งอรุณ

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบสีดำสนิทออกมา มันเป็นชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต—เสื้อเชิ้ตพอดีตัวเน้นความคล่องตัว และเสื้อโค้ทยาวที่ชายเสื้อจรดสะโพก ด้านในบุซับกันหนาวและมีกระเป๋าลับซ่อนอยู่หลายจุด เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในงานเฉพาะทางของเขาเมื่อสวมชุดเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำขึ้นมาเพื่อดับกระหาย แต่ทันทีที่สัมผัสเขาก็ชะงัก อุณหภูมิของมันอุ่นเกินไป ตู้เย็นไม่ทำงานเหมือนเคยเขาเลิกคิ้ว สายตาคมจ้องไปยังแหล่งพลังงานด้านหลังตู้เย็น ก่อนจะเปิดช่องเล็กๆ ออกมา ข้างในมีแก่นพลังเวทย์ขนาดเล็กที่เคยเปล่งแสงสีเหลืองอ่อน แต่ตอนนี้กลับซีดจางจนแทบไร้สี บ่งบอกว่าพลังงานในนั้นหมดสิ้น“หมดอีกแล้วสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่เตียง ยื่นมือไปใต้ฐานเตียงแล้วหยิบแก่นสำรองที่ซ่อนไว้ออกมามือหนึ่งถือแก่นที่ซ่อนเอาไว้ ส่วนอีกมือจับแก่นที่หมดพลังงาน เขาจัดท่าทางให้มั่นคง ระบายลมหายใจยาวช้าๆ ขณะที่เริ่มถ่ายเทพลังเวทย์จากแก่นหนึ่งไปสู่อีกแก่นหนึ่งกระแสพลังงานไหลเวียนจากฝ่ามือของเขาเหมือนน้ำในลำธารสงบ แก่นที่เคยซีดจางค่อยๆ เปลี่ยนสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 3 อำนาจสามตระกูล

    ขณะที่ชายหนุ่มก้าวไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่ที่ทำงานอย่างคุ้นเคย ภาพของพวกทาสในรถม้าคันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ใบหน้าอ่อนล้าของพวกเขาสะท้อนความหมดหวังอย่างเงียบงัน ทว่าเพียงพริบตาเดียวที่เขาได้เห็น มันกลับฝังลึกในความคิดหากย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน รถม้าแบบนี้คงไม่มีทางเข้ามาถึงเมืองได้อย่างแน่นอน พวกเราสองคน เคยร่วมกันตระเวณทำลายเครือข่ายค้าทาสในทวีปจนราบคาบ ทำให้ชื่อเสียง และ ตัวตนของ "จอมเชือด" เป็นที่หวาดกลัว และ โจษจัน จนพวกมันไม่แม้แต่จะกล้าเอาเรือเฉียดเข้ามาในทวีปด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นับตั้งแต่ตอนที่เธอหายตัวไปพลังที่เขาใช้สร้างชื่อเสียง และ ความหวาดกลัวนั้นไม่ใช่ของเขาเอง แต่มาจากตัวตนที่เขาเคยใช้พลังกลืนกินเมื่อเกือบสิบปีก่อน ในตอนที่ยังอยู่ในตระกูล แม้เหตุการณ์จะผ่านมานาน แต่จิตวิญญาณของมัน ก็ยังคงติดอยู่ในตัวเขา และทุกครั้งที่เขาใช้พลังนั้น มันก็จะทิ้งร่องรอย และ ความเสียหายไว้ในจิตใจเสมอเมื่อก่อนเธอเป็นเหมือนกำลังใจสำคัญ ทุกครั้งที่เขาเริ่มถูกครอบงำ เธอจะดึงเขากลับมา แต่เมื่อไม่มีเธอ ทุกอย่างก็เหมือนจะพังทลาย พลังนั้นเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน มันกลับต่อต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 4 ปลายทางของอุดมคติ

    ชายหนุ่มก้าวเข้าสู่ห้องทำงานในแผนกสืบสวน แสงอ่อนจากหน้าต่างสูงเพียงจุดเดียวพาดลงบนพื้นไม้เย็น เงาทอดยาวไปบนความว่างเปล่ารอบตัว เขากวาดสายตามองรอบห้อง—โต๊ะเก้าอี้จัดเรียงอย่างเรียบร้อยแต่ไร้ชีวิต ราวกับมีเขาคนเดียวที่มาที่นี้สายตาเหล่มองนาฬิกาบนฝาผนัง ก่อนจะพึมพำเบาๆ “เรียกมาตั้งแต่เช้า แต่ไม่เห็นโผล่หัวออกมาสักตัว อะไรกันว่ะเนี่ย?” เสียงสะท้อนกลับมากระทบห้องว่างเปล่ามือเอื้อมหยิบลูกบอลแสงสีทองจากกระเป๋าหนัง มันเปล่งแสงสลัวคล้ายจันทร์คืนมืด ก่อนจะถูกวางลงบนแท่นเล็กที่โต๊ะ สัญญาณแสงสีฟ้ากะพริบขึ้นช้าๆ เป็นจังหวะบอกว่าการรายงานตัวเสร็จสมบูรณ์ แต่ความเงียบยังคงปกคลุมทั่วบริเวณโดยรอบชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินไปตามทางเดินเล็กมุมห้องที่นำไปสู่ห้องทำงานส่วนตัว ห้องนั้นเล็ก และ อับแต่สงบ โต๊ะไม้เก่าเต็มไปด้วยฝุ่นและกองเอกสารที่วางกองกันอยู่ มุมหนึ่งยังมีปากกาดินสอที่เริ่มกร่อนตามกาลเวลา บ่งบอกถึงการถูกทิ้งร้างเขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แขนกอดอกแน่น สายตาจ้องเอกสารบนโต๊ะที่ดูเหมือนถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายในรายงานคือข้อมูลการหายตัวไปของจอมเวทย์หนุ่มสาวจากตระกูลขุนนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 53 อดีตของเด็กสาวไร้ชื่อ

    ใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและสนิมเหล็กตลบอบอวลเหมือนกลิ่นความตาย กรงขังที่ทำจากเหล็กเส้นเก่าๆ ถูกสร้างไว้ตามผนังของคุกโบราณแห่งนี้ แสงจากรูเล็กๆบนเพดานสูงเปิดให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของท้องฟ้าด้านบน เป็นแสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้พื้นที่รอบตัวสว่าง แต่เพียงพอที่จะเตือนให้เธอจำได้ว่ายังมีโลกภายนอกเธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของกรง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองแสงที่ลอดผ่านลงมา ราวกับหวังว่ามันจะพาเธอหลุดพ้นจากกรงแห่งนี้ ผมสีดำยุ่งเหยิงของเธอห้อยปิดหน้าซีดเซียวที่ครั้งหนึ่งเคยดูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเธอถูกกักขังในฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นเธอจำได้ถึงคืนที่ทุกอย่างพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยสงบสุขกลายเป็นนรกบนดินเมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามา เพลิงไฟโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องของผู้คน เสียงไม้ลั่นดังขณะบ้านพังถล่ม ทุกสิ่งดูเหมือนภาพฝันร้ายที่เธอไม่มีวันลืม สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือเสียงแม่ตะโกนเรียกเธอท่ามกลางควันไฟ แล้วความมืดก็เข้าครอบงำสองเดือนก่อน เธอยังอยู่บนเรือทาส ลอยกลางทะเลอันกว้างใหญ่ เสียงน้ำทะเลซัดกระแทกกับไม้กระดานดังแผ่วเบา แต่สำหรับเด็กสาวไร้ชื่อ เสียงนี้เหมือนเพลงบรรเลงแห่งความสิ้นหวัง แสงจัน

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 52 ผู้ครอบครองแก่นสีดำ

    ห้องลับใต้ดิน คลินิกหลังจากตกลงแผนการทั้งหมด พวกเขาเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของคลินิก โจชัวถือกล่องที่ใส่อุปกรณ์และแก่นเวทย์สีดำไว้ในมือ ขณะที่เอรอสเดินตามหลังมาเงียบๆ ความเงียบครอบงำบรรยากาศ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองที่ดังก้องในทางเดินแคบเมื่อมาถึงห้องทดลองใต้ดิน ประตูเหล็กบานหนาถูกปิดอย่างแน่นหนา โจชัวเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นเครื่องมือและอุปกรณ์มากมายที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะกลางห้องมีเตียงหินสำหรับการผ่าตัด โจชัววางกล่องลงก่อนหันไปมองเอรอส“ฉันต้องถามอีกครั้ง” โจชัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำตอนนี้? อย่างน้อยถ้ามีเวลาเตรียมตัวอีกสักวัน…”เอรอสส่ายหัว “ไม่จำเป็น เริ่มลงมือกันเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความกดดันโจชัวถอนหายใจยาว “ก็ได้… ถ้างั้นขึ้นไปนอนบนเตียง ผมจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน”เอรอสปีนขึ้นไปนอนบนเตียงหิน เย็นเยียบจากพื้นหินแผ่ซ่านผ่านร่างกาย แต่เขากลับไม่ใส่ใจ สายตาจับจ้องไปยังเพดานห้อง ขณะที่โจชัวจัดเตรียมเครื่องมือ มีดเวทย์เรืองแสงสีฟ้า และแก่นเวทย์สีดำที่ยังคงเปล่งประกายลึกลับ“ถึงจะมั่นใจในฝีมือ” โจชัวพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องมือ “แต่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 51 ความจริงในรสขม

    “ไหนบอกว่านัดไว้แล้วไง ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้เรื่อง?” ไอลีนหันมากระซิบถามอาร์วินด้วยสีหน้าไม่สบายใจอาร์วินยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองโจชัวที่ยังคงจับจ้องพวกเขาด้วยสายตานิ่งสงบ แฝงแววประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ"จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเราเคยเดินทางด้วยกันตั้งเป็นเดือน? ตอนนั้นฉันต้องพกงานวิจัยของนายติดตัวไปด้วยตลอด เพราะกลัวว่านายจะสติหลุดแล้วเผลอทำลายมันไปซะเอง ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่ใช่ไหม? หรือว่าเผลอทำหายไปแล้ว?"คำพูดของอาร์วินทำให้โจชัวชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเขาที่เดิมดูระวังตัว กลับฉายแววสงสัยปนระลึกอะไรบางอย่าง“งานวิจัย...” เขาทวนคำเบาๆคล้ายจะนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆราวกับจับทิศทางได้แล้ว“อ้อ คุณนี่เอง” โจชัวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้า“จำได้แล้วครับ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ”อาร์วินพยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนสบายๆ แต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างที่อ่านยาก“ใช่ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ฉันก็สงสัยอยู่ว่านายจะยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ทีทางลืมหรอกครับ” โจชัวตอบ พลางหัวเราะเบาๆอาร์วินเอน

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 50 คนที่ไม่คุ้นเคย

    ไอลีนถือสมุดบันทึกเวทมนตร์เล่มเล็กไว้ในมือ ขณะเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกมัดรวบไว้หลวมๆด้านหลัง ปลายเส้นผมพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน เธอสวมชุดคลุมสีม่วงอ่อนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์สะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย ผ้าคลุมบางเบาดูสง่างามแต่คล่องตัวพอสำหรับการเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน มืออีกข้างถือคทาไม้เนื้อแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ปลายคทาประดับด้วยคริสตัลสีใสที่เปล่งแสงเรืองรองจางๆ ราวกับกักเก็บพลังเวทไว้ภายในแสงจากโคมไฟติดผนังทอดเงาสะท้อนบนพื้นหินเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าของเธอเบาบางจนแทบไม่ได้ยิน เธอสูดลมหายใจลึกขณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ จับจ้องไปยังเงาร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอยู่ด้านล่างของคฤหาสน์ร่างนั้นคืออาร์วิน เขาสวมชุดข้ารับใช้ในที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคาดด้วยเสื้อกั๊กสีดำเข้ารูปและกางเกงสีน้ำตาลเข้มที่พับปลายไว้เล็กน้อย หมวกแบนทรงกลมที่มียอดยกขึ้นนิดหน่อยปกปิดเส้นผมสีทองที่ยุ่งเล็กน้อย แว่นตาสีน้ำตาลอมแดงช่วยบดบังสายตาของเขาจากผู้พบเห็น ดวงตาสีเทาอันลึกลับถูกซ่อนเร้นไว้ราวกับต้องการปิดบังตัวตนเขาก้าวเดินอย่างเ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

    แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมันเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงข

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 47 ในความสงบของรุ่งสาง

    เอรอสก้าวออกจากป่าทึบในรูปลักษณ์ของอาร์วิน สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตัวเขาอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์ยังคงสลัวทำให้เห็นเงาของคฤหาสน์ตระกูลวัลธอเรนลางๆ อยู่ไม่ไกล จุดที่เขามุ่งหน้าไปคือบริเวณใต้หน้าต่างห้องพักของเขาเองก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายแปลกหน้าที่เอรอสช่วยเหลือไว้ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาวราวกับหยิบยกมาจากยุคโบราณ ชายคนนี้ดูเหมือนนักเดินทางที่หลงยุค เขาอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เอรอสจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยมาให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 46 ทายาทแห่งดาบ

    คลินิกของโจชัว ตั้งอยู่ในเขตสามัญชน ตัวอาคารหินสีซีดดูเรียบง่ายแฝงความล้าสมัย ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว คลินิกนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนโรงพยาบาล แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยประมาณสิบคน เหมาะสำหรับการดูแลแบบส่วนตัวยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น เอรอสยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามคลินิก แม้ลมหนาวจะพัดแรง แต่ร่างกายของเอรอสกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อความเย็น ราวกับความหนาวนั้นไม่อาจแตะต้องเขาได้ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท นั่นเป็นห้องทำงานของโจชัว ซึ่งเขาใช้สำหรับจัดการเอกสารในช่วงกลางวัน แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    คาร์ลีนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในดันเจี้ยนที่ผสานเขากับเขตแดนของเธอ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ความสัมพันธ์ลึกลับนี้ ทำให้คาร์ลีนรับรู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของชายที่มีฉายาว่า จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มาเนิ่นนาน แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากของเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับคำพูดนั้นหนักเกินกว่าจะเปล่งออกมาดวงตาสีม่วงเข้มของเธอสะท้อนแสงจากโคมไฟ เธอนั่งนิ่งราวกับขบคิด แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ ความหนักใจเหมือนสายลมหนาวที่แผ่วผ่านกลับถูกเติมเต็มด้วยความหวังอันเปราะบาง เธออยากให้เขามาหา อยากได

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status