"ลูกข้าต้องเหมือนข้า ได้โปรดเถิดหากพระเจ้าทรงเมตตาขอให้เด็กน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกคนนี้ มีสีผมที่เหมือนกันกับข้าด้วยเถิด" คำร้องขอของแมเดอลีนดูสิ้นหวังมากทีเดียวเมื่อเธอเห็นหน้าลูกสาวที่พึ่งคลอดออกมา
View Moreการปฏิเสธเขาคงยากมากพอๆ กับที่ห้ามตัวเองไม่ให้หายใจ มือทั้งสองข้างของเธอจับเข้าที่เรือนผมสีเงินของเขาอย่างลืมตัวแมเดอลีนนั่งอยู่บนขอบอ่าง แผ่นหลังของเธอแนบชิดติดกับกำแพง เรียวขาขาวเนียนถูกจับแยกออก ก่อนที่เขาจะมุดใบหน้าเข้าไปในซอกขาที่กางออกและสั่นเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืน เธอขบกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับร้องครางออกมาเสียงดัง ลิ้นของเขาตวัดเลียอย่างชำนาญและหิวกระหายมองจากมุมนี้ เธอมองเห็นเพียงเส้นผมของเขาเท่านั้น และในความรู้สึกฉายชัดถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปลายลิ้นร้อนของเขาให้ความรู้สึกสุขสมที่แตกต่างจากนิ้วมือพอเขาละใบหน้าออกมาจากตรงนั้น มุมปากของเขาก็เลอะคราบน้ำหวาน เอสเตบันกำแก่นกายที่พร้อมนานแล้วดันเข้าไปอย่างไม่รอช้า การสอดแทรกรวดเร็วป่าเถื่อนเหมือนกับที่เขาละเลงลิ้นเมื่อครู่“อะ..อ่า..ช้า..ช้าลงหน่อยค่ะ!”หลังของเธอกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏให้เห็น มีแต่ความสุขสมที่แผ่ซ่านขึ้นมาในร่างกายเขาก้มหน้าลงแล้วงับยอดอกที่กำลังชูชันของเธอเบาๆ เสียงดูดดึงดังขึ้นมาจนแมเดอลีนรู้สึกเขินอายไม่น้อยเธอยกขาขึ้นมาเกี
ใบหน้าหวานของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อท่านดยุคถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก ตามมาด้วยเสื้อตัวในและกางเกงที่เขาสวมเธอจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ในอ่างเรียบร้อยแล้ว และแมเดอลีนกำลังก้มหน้าลงเพื่อรอคอยให้ท่านดยุคที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดินลงไปในอ่างน้ำที่ทำจากไม้ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเคยอยู่ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยคิดว่าเขาจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร“อายอะไรกัน มิใช่ว่าทุกส่วนบนร่างกายของข้านั้น เจ้าเคยเห็นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เธอเคยเห็นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามันเป็นในช่วงเวลายามราตรีที่ทั่วทั้งห้องไม่มีแสงไฟสักดวง ในคืนนั้นมีแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างและเป็นพยานให้เรา..เมื่อเอสเตบันเห็นว่าแมเดอลีนเงียบไป เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ บอกตามตรงว่าเขาชื่นชอบบ้านหลังนี้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย่อส่วนไปหมด ห้องอาบน้ำเล็กๆ อ่างน้ำเล็กๆ ที่เข้าไปนั่งสองคนคงจะอึดอัด..มือของเอสเตนบันเอื้อมไปที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะดึงรั้งผ้ากันเปื้อนออกจากเอวของแมดดี้“ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด..”เธอช้อนสายตามองหน้าเขา“ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่คำลวงแสนหวานที่
ดาเนียอุ้มมิก้าในอ้อมแขน เธอหอมแก้มสลับกับจุมพิตลงไปบนเส้นผมของหลานสาวตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา“ท่านน้า..ทำไมท่านป้อของมิก้าถึงมาช้าจัง”คำถามที่เต็มไปด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับเด็กๆ นั้นทำให้ดาเนียอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้“มิก้า..เพราะว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ท่านพ่อของมิก้าไม่ได้อยู่กับมิก้าก็จริงแต่ว่าท่านพ่อของมิก้าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนอื่นที่กำลังทุกข์ยากจากสภาวะของสงคราม.."มิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย“สงคราม คืออะไยคะท่านน้า”นั่นสินะ คงยังเร็วไปที่จะบอกกล่าวทุกอย่างกับเด็กน้อยในวัยสามขวบเช่นนี้“เอาเป็นว่าในยามนี้พ่อของหลานกลับมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่รึไง มิก้าเองก็..ควรจะดีใจกับการกลับมาของท่านพ่อนะ”มิก้าหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก“มิก้ามีท่านป้อเหมือนเพื่อนคนอื่นแล้ว..คอยดูเถอะในวันพรุ่งนี้ มิก้าจะพาท่านป้อไปอวดเพื่อน!”ดาเนียพยักหน้า“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ ใครที่เคยล้อมิก้าของน้าต้องสมควรที่จะถูกจัดการ วันพรุ่งนี้หลานพาท่านพ่อของหลานไปจัดการสั่งสอนเด็กคนนั้นเลยเข้าใจไหม”มิก้าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ“ได้เยย
แมดเดอลีนมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอเดินนำเอสเตบันเข้ามาด้านในบ้านหลังน้อยที่ปกติแล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับลูกสาวเท่านั้น ของเล่นที่ทำจากไม้วางเกลื่อนอยู่บนพื้น พร้อมกับภาพวาดที่เด็กสาวตัวน้อยคงจะสร้างสรรค์มันขึ้นมาจากมือเล็กๆที่ไร้เดียงสา ในภาพวาดนั้นมีผู้หญิงที่มีเส้นผมสามเส้น และเด็กน้อยกำลังยืนจับมือกันเอสเตบันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกมากมายในใจ มีกระดาษหลายแผ่นทีเดียวที่วาดภาพเดิมซ้ำๆ ที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นสีของชุดบ้างล่ะ ทรงผมบ้างล่ะ แต่ทว่าในทุกรูปจะมีแค่มิก้าและท่านแม่เท่านั้น..ไม่มีรูปไหนเลยที่มีท่านพ่อหรือว่าผู้ชายสักคนอยู่ในภาพวาดของมิก้าเขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาในใจ เขาไม่โทษทั้งมิก้าและแมดดี้ ที่ในระหว่างเส้นทางที่แสนสวยงามในการเติบโตของลูกสาว มันไม่มีเขาอยู่ในนั้นในมุมมองของเอสเตบัน บางทีแมดดี้อาจจะกลัว มีหลายอย่างที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา หลายอย่างมากทีเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว..ทั้งระยะทาง เวลาที่เราห่างกันมากมายขนาดนั้นเขาไม่ได้ส่งจดหมายไปหาเธอเลยแม้แต่ฉบับเดียว ส่วนเธอเองก็ไม่ได้ส่งจดหมายมา
มิก้ากะพริบตาปริบๆ มองหน้าท่านลุงที่ดูน่ากลัว..“มัง..ฝยั่ง”“อ่า..เจ้ามาที่นี่เพื่อขายเจ้ามันหัวนี้อย่างนั้นหรือ?”มิก้าพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าขายมันราคาเท่าไหร่กันล่ะ”มิก้าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาสองนิ้วท่านลุงคนนั้นพยักหน้า“สองเหรียญสินะ นั่นเป็นราคาที่ค่อนข้างแพงมากไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าเจ้าให้ข้าอุ้ม ข้าจะซื้อมันฝรั่งหัวนั้นพร้อมกับพาเจ้ากลับบ้านด้วยดีไหม?”ท่านแม่เคยสอนว่าอย่างไว้ใจคนแปลกหน้า แต่ทว่าท่านลุงคนนั้นไม่ได้แค่ยื่นเงินให้มิก้าเพียงอย่างเดียว แต่ในมือของท่านลุงที่ไม่น่าไว้ใจมีลูกกวาดสีสวยอยู่ในนั้นด้วยมิก้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาก็พ่ายแพ้ให้กับขนมในมือของคุณลุงที่ไม่น่าไว้ใจมิก้าไม่ได้เห็นแก่กิน แต่มิก้าเหนื่อยเกินที่จะเดินกลับบ้านแล้วต่างหาก!!เอสเตบันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน เขาหลับตาลงก่อนจะโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนเอาไว้แน่น เขาซบใบหน้าลงไปบนไหล่เล็กนั่นด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจเขากำลังตามหาคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเลเซิน แต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่เขามองเห็นเด็กน้อยที่มีเส้นผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าอ่อน นางสวมชุดที
ไดอาน่าเบนสายตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงน้ำชาของท่านหญิงแบล็ค ที่จัดขึ้นมาเป็นงานแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง เจตนาของท่านหญิงก็เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าภริยาของทหารกล้าในวันนี้ที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่แสนวุ่นวาย แต่เพราะว่าไดอาน่ามีจุดประสงค์ต่างหากเธอเดินเจ้าไปหาบารอนเนสที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับภริยาของชนชั้นสูงด้วยกัน“ท่านหญิง..ยินดีที่ได้พบค่ะ”เดวาย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงไดอาน่าแห่งตระกูลวีไซร์“เจ้าสบายดีใช่ไหมบารอนเนส งานเลี้ยงแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฤดูร้อนเวียนกลับมาอีกครั้ง งานเทศกาลมากมายที่กำลังจะจัดขึ้นและเสียงหัวเราะของผู้คน”เดวาพยักหน้า เธอเห็นด้วยกับความคิดของท่านหญิงมากทีเดียว“น่าเสียดายที่งานเลี้ยงเช่นนี้ทั้งแมเดอลีนและมิก้าไม่ได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นมิก้าคงจะกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กพวกนั้น”สายตาของไดอาน่ามองไปที่กลุ่มเด็กเล็กๆ ที่เป็นบุตรและบุตรีของขุนนางกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงแห่งนี้คึกคักขึ้นมา“นั่นสินะคะ..”ไดอาน่ายื่นมือไปจับแขนของเดวาเอ
ผ่านมาแล้วสามเดือนหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ลุควิคกำลังเดินตรวจตราบริเวณรอบๆ กองทัพ ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว และในยามนี้หลงเหลือทหารที่ค่ายชั่วคราวแห่งนี้ไม่ถึงสองร้อยด้วยซ้ำ อาการบาดเจ็บของทุกคนดีขึ้นรวมทั้งอาการบาดเจ็บของเอสด้วย“ขอบคุณนะคะ..ท่านลุง”ลุควิคมองเอสที่กำลังส่งขนมปังให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน5ขวบ นางคือลูกของชาวบ้านแถวนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม สภาพความเป็นอยู่เลยไม่ดีเท่าไหร่นัก“เอานี่ไปให้พ่อและแม่ของเจ้านะ..”เอสเตบันวางเหรียญทอง3เหรียญลงบนมือน้อยๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินของเด็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เด็กน้อยมองทหารที่กำลังเก็บกระโจมและรื้อรั้วของค่ายทหารเมื่อได้ยินคำถามที่แสนน่ารักน่าชังนั่น เอสเตบันก็ลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ“ใช้แล้ว ข้าจะต้องกลับแล้วล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีนะเด็กน้อย..”นางจะตัวเท่านี้รึเปล่านะ หรือว่าจะตัวเล็กมากกว่านี้ โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นสีฟ้าเหมือนกับแม่ เพราะนั่นคงจะทำให้นางดูน่ารักน่าชังในแบบที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน…ลูกสาวของเขาน่ะเมื่อเด็กผู้นั้นวิ่งออกไป ลุควิ
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของแมเดอลีนแล้ว ท่านหญิงไดอาน่าก็ยกยิ้มขึ้นมาเธอเคยลงสนามต่อสู้กับราชวงศ์มากมายที่พระราชวัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์หญิงปลายแถวแต่ทว่าไดอาน่าก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกลับคมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ความคิดของเธอเฉียบแหลมอยู่เสมอในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกสะใภ้ของเธอ นายหญิงและดัชเชสของวีไซร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแมเดอลีน“ข้าไม่มีสิทธิ์จะห้ามเจ้าอยู่แล้วแมเดอลีน ขอให้เจ้าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ และขอให้มิก้าเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข.."แมเดอลีนโล่งใจในทันที เธอคิดเอาไว้ว่าท่านหญิงอาจจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พอได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของท่านหญิงแล้ว..นั่นทำให้เธอวางใจอย่างแท้จริง“หวังว่าท่านหญิงจะสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขเช่นกันนะคะ”ไดอาน่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยเรื่องราวมากมายด้วยกัน จนมิก้าตื่นขึ้นมาแมเดอลีนก็บอกลาไดอาน่าพร้อมกับกล่องชูครีมที่ท่านหญิงทำเอง“จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือคะท่านหญิง โอกาสที่จะได้พบเจอและสานสัมพันธ์กับเลดี้แมเดอลีนและคุณหนูมิก้ากำลังหลุดลอยออกไปเรื่อยๆ ..”สาวใช้ข้างกายของไดอาน่ากล่าวออกมาด
“....แมดดี้ แม่เคารพในทุกการตัดสินใจของลูกนะ”เดวากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหล เธอเข้าใจลูกสาวมากทีเดียวที่แมดดี้ต้องการจะพามิก้าไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวัยที่มิก้าสามารถเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ถึงจะพากลับมา แน่นอนว่าในใจของเธอซึ่งเป็นยายนั้นย่อมมีความเป็นห่วงทั้งแมดดี้และมิก้าแต่ทว่าที่ผ่านมา เธอเลี้ยงลูกด้วยความผิดพลาดมาตลอด เพราะมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอและโอทีสหวงแหนแมดดี้ยิ่งว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้และการห่วงที่มากมายนั้นมันทำให้แมดดี้ไม่ได้มองเห็นโลกอีกมุมที่แสนโหดร้าย อันที่จริงหากย้อนเวลากลับไปได้ เดวาอยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องการเลี้ยงลูกของเธอ เธอควรจะให้อิสระกับแมดดี้มากกว่านี้ให้โอกาสในการตัดสินใจและให้โอกาสอีกหลายๆ อย่างที่แมดดี้ไม่ได้ทำมันเพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองเห็นหลานสาวตัวน้อยเติบโตก็ไม่เป็นไร เธออยากให้มิก้ามีอิสระที่แมดดี้ไม่มี และเดวาคิดว่ามแมดดี้เองก็คงอยากจะเลี้ยงลูกของนางด้วยการพาเด็กน้อยไปเปิดหูเปิดตาเพื่อเรียนรู้โลกภายนอก“แต่แมดดี้..”เดวายกมือขึ้นมาตีลงไปบนหลังของสามีที่กำลังทำท่าทางราวกับจะร้องไห้ออกมา
“นี่แมดดี้ ครั้งแรกก็จะต้องเกิดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรทั้งนั้น ก็แค่ทำทุกอย่างไปตามที่หัวใจต้องการ คนเราก็ควรจะมีช่วงเวลาที่ปล่อยให้หัวใจนำทางบ้างไม่ใช่รึไง?”ฉันยกแก้วเหล้ารัมขึ้นมาดื่มพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของเพื่อนรักอย่างดาเนียฉันอยากจะมีครั้งแรกที่สุดแสนจะประทับใจ เหล่าเลดี้ชนชั้นสูงต่างก็ทำเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น การแต่งงานทางการเมืองมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะแบบนั้นในชีวิตของสตรีผู้หนึ่ง ครั้งแรกของเราก็ควรจะส่งมอบให้กับบุรุษที่เห็นแค่ครั้งเดียวก็สามารถบอกได้เต็มปากว่านี่แหละ บุรุษที่พร้อมจะทำให้เรารู้สึกลุ่มหลงทั้งตัวและหัวใจนี่คือร้านสุราที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านเข้าออก กฎของที่นี่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะต้องสวมใส่สร้อยคอที่ทำจากหินเวทมนตร์ความสามารถของสร้อยคอเส้นนี้คือจะให้เช้าวันรุ่งขึ้นความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะถูกลบออกไป เพราะแบบนั้นไม่ว่าวันนี้ฉันจะทำตัวแบบไหนที่นี่ วันพรุ่งนี้จะไม่มีใครจดจำฉันได้ทั้งนั้น“ครั้งแรกก็จะต้องเกิดขึ้นกับบุรุษที่หล่อเหลาหน่อยไม่ใช่รึไง”ดาเนียพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น“ขอให้คืนนี้
Comments