รอยยิ้มของดาเนียผลิบานเหมือนกับกลีบดอกไม้ เธอตะแคงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อที่จะจ้องมองเขาได้อย่างถนัด
“ก็..ไม่เชิงว่าเป็นอย่างนั้น” เมื่อกล่าวจบแลนดรีก็เดินออกมาในทันที แต่ดาเนียไม่ยินยอมให้เขาได้มีโอกาสเดินหนีเธอไปเฉยๆ หรอกนะ เมื่อพบบุรุษที่ถูกใจเธอจะไม่ยอมกลับไปนอนฝันถึงเขาอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ “ข้าอยากทราบชื่อท่านค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก..ดาเนียค่ะ ดาเนียจากตระกูลเลเซิน” แลนดรีรู้จักท่านเซอร์เลเซินดีมากทีเดียว เพราะว่าบิดาของสตรีผู้นี้คือท่านอาจารย์ของเขาเอง และนั่นทำให้แลนดรีไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบุตรีของท่านอาจารย์ที่แสนโหดเหี้ยมผู้นั้นเลยจริงๆ “ครับ” นอกจากเขาจะไม่แนะนำตัวเองกลับแล้วเขายังกระทำการอันเสียมารยาทมากๆ อย่างเช่นการเดินหนีเธอไป ดาเนียยกมือขึ้นมาเท้าเอวมองแผ่นหลังของบุรุษผู้นั้น คิ้วของเธอขมวดปมเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ “ให้ตายสิ จะเย็นชาก็ควรจะมีขอบเขตหน่อยไหม” หรือว่าเธอไม่สวยกันนะ? ดาเนียยกมือขึ้นมาตบที่แก้มของตัวเองเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกสติ เธออาจจะไม่สวยในสายตาของเขา แต่เธอยังสามารถสวยในสายตาของบุรุษท่านอื่นได้นี่นา เพราะแบบนั้นการมายืนเศร้ามันไม่เหมาะกับคนน่ารักๆ แบบเธอหรอกนะ เข้างานดีกว่า เพื่อนรักของเธอกำลังรออยู่ วันนี้เป็นวันแรกที่วิหารได้จัดงานเพื่อให้เลดี้ที่จะเข้าร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะในพระราชวังได้มาทำพิธีชำระล้างจิตใจที่วิหารเป็นระยะเวลาสองสัปดาห์ ดาเนียเคยทำพิธีนี้แล้ว บอกได้คำเดียวว่าคาดินันเอดิตนั้นแซ่บลืมมากทีเดียว นอกจากที่เขาจะหล่อเหลามากๆ แล้วเขายังมีความสามารถในการล่อลวงสตรีอีกด้วย เป็นบุรุษที่แพรวพราวจนต้องยอมเลย พิธีชำระล้างจิตใจอะไรกัน นี่คืองานเลี้ยงที่มีเอาไว้เพื่อให้บุรุษและสตรีใกล้ชิดกันต่างหาก เหล่าบุรุษชนชั้นสูงจะมาที่นี่เพื่อมามองหาสตรีที่ตัวเองพึงพอใจ หลังจากนั้นเมื่องานเลี้ยงจัดขึ้นที่พระราชวังพวกเขาจะไปร้องขอสตรีที่พึงใจเต้นรำด้วยกัน ดาเนียยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเธอมองเห็นแมดดี้ที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้า ปีนี้มีสตรีเข้าร่วมงานพิธีบรรลุนิติภาวะแค่สิบคนเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ อีกทั้งไฮไลท์ของปีนี้คือเดมเกโลทีส และ เลดี้เรเซเดนที่เข้าร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะพร้อมกันอีกต่างหาก นอกจากบุรุษจากสามตระกูลดังแล้ว ยังคงมีบุรุษมากมายที่ต้องการสตรีที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ไปให้กำเนิดทายาทของตัวเอง ดาเนียถูมือไปมา ดูท่าว่าปีนี้จะน่าสนุกมากเลยแฮะ.. แมเดอลีนส่งยิ้มให้กับดาเนียที่นั่งอยู่แถวหลัง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยอาการง่วงนอน เพราะเมื่อคืนเอาแต่อ่านนิยายจนเกือบเช้า มันเลยทำให้เธอภาวนาอยากจะให้พิธีในวันนี้จบลงโดยเร็วที่สุด “เลดี้ไม่สบายรึเปล่าคะ?” เมื่อแมเดอลีนหันไปตามเสียงนั้นเธอก็พบเจอกัน ออร่าที่เจิดจ้าจนแสบตาของนางเอก เดมเกโลทีส เลลานี่ อ่า..แสงที่เปล่งประกายรอบๆ ตัวของนางเอกนี่มันคืออะไรกัน? ออร่าแห่งความสวยงั้นเรอะ นี่เธอเลือกยืนผิดที่ไปหน่อยรึเปล่า เธอไม่ควรมายืนใกล้นางเอกสิ “ไม่เป็นไรค่ะเดม ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง” เดมเลลานี่ส่งยิ้มให้กับแมเดอลีน “พิธีน่าเบื่อนี่ ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ข้าเองก็ไม่ค่อยชอบการต้องมายืนฟังคนแก่พูดเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับการปฏิบัตตน..” เลลานี่คือเดมที่เก่งกาจและงดงามมากทีเดียว นางไม่ใช่นางเอกสายหวานแต่เป็นสตรีที่สามารถเป็นเดมได้ตั้งแต่อายุ17ปี เพราะเกิดในตระกูลของนักรบ เลลานี่จึงตั้งใจจะเป็นซอทมาสเตอร์เหมือนกับท่านพ่อของนาง “ชุดเดรสนี่ก็เหมือนกัน สตรีทนใส่ชุดที่หนักขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ” แมเดอรีนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับท่าทางเช่นนั้นของเดมเลลานี่ เพราะปกติเดมจะสวมใส่เครื่องแบบของทหารสินะ การมาสวมกระโปรงเช่นนี้ก็เลยทำให้นางเอกของเรื่องไม่ชอบเท่าไหร่นัก “แต่เดมงดงามมากเลยนะคะ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนท่านก็งดงามมากทีเดียว” เลลานี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่คงเป็นคำชมที่รับได้ยากมากที เพราะว่าสตรีที่ชมว่าเธองดงามนั้นเจิดจรัสมากทีเดียว เส้นผมสีแดงสดนั่นทำให้มองปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือสตรีที่เกิดในตระกูลเรเซเดนอย่างแน่นอน ดวงหน้างดงามที่หาไม่ได้จากสตรีทั่วไป ดวงตาสีฟ้าอ่อนทำให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนในทุกครั้งที่สบตากับนาง “เลดี้เองก็..เจิดจ้ามากเลยนะคะ..” นี่นางเอกกำลังชมฉันงั้นเหรอ? ใบหน้าของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ คนอื่นชมเธอยังไม่รู้สึกเขินเท่ากับนางเอกของเรื่องชมเลยนะ ให้ตายสิ ดวงตาสีอำพันจ้องมองไปยังสตรีสองนางที่กำลังพูดคุยกัน เรือนผมสีแดงเช่นนั้นเลดี้จากตระกูลเรเซเดนสินะ เรื่องความงดงามเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก เพราะมารดาของนางคือหญิงงามแห่งยุคนี่ มารดาของนางเดิมทีเป็นคนจากตระกูลเกโททีส เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาที่เลดี้เรเซเดนและเลลานี่อยู่ด้วยกัน พวกนางทั้งสองคนถึงได้ดูโดดเด่นมากกว่าสตรีอื่น เอสเตบันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาสตรีที่ยังคงติดค้างอยู่ในความทรงจำ หากให้เขาเดา สตรีผู้นั้นคงจะไม่ได้งดงามเจิดจรัสมากเท่าไหร่นัก เพราะหากว่านางงดงามมาก คงจะมีบุรุษตามเกี้ยวนางไม่หยุดหย่อนอย่างแน่นอน เขาหลับตาลงช้าๆ มีอะไรบ้างนะที่จะทำให้เขาจดจำนางได้บ้าง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาด้วยความออดอ้อน ริมฝีปากเล็กๆ ที่เผยอออกมาเมื่อเขาต้องการ หรือว่า..กลิ่นหายหอมกรุ่นที่ไม่เหมือนกัน “.....” กลิ่นกายที่ไม่เหมือนใครของนาง เอสเตบันดีดนิ้วเบาๆ ราวกับว่าเขาคิดอะไรออก เห็นทีว่าคืนนี้เขาจะต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของวิหารแห่งนี้ซะแล้วสิ เป็นไปได้มากทีเดียวที่สตรีผู้นั้นจะอยู่ที่นี่เพราะเท่าที่เขาดูแล้วนางน่าจะยังไม่ได้จัดงานพิธีบรรลุนิติภาวะ ไม่อย่างนั้นนางคงจะไม่สามารถมาเที่ยวที่ร้านสุราเช่นนั้นได้หรอก “....” เขามองเห็นลุควิคที่กำลังเดินเข้าไปหาเลล่า หมอนั่นเข้าร่วมการสนทนาได้อย่างราบรื่นมากทีเดียว “ไม่เข้าไปหรือครับ ท่านดยุคไม่กลัวว่าท่านเคาน์จะแย่งชิงเลลานี่ไปอย่างนั้นหรือ?” เอสเตบันแค่นหัวเราะก่อนที่เขาจะยื่นมือไปรับแก้วสุราที่อาดาลส่งให้ “ข้าไม่สนใจเรื่องความรู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกนะอาดาล เลลานี่จะเป็นดัชเชสของข้าอย่างแน่นอน เพราะข้าให้สิ่งที่นางต้องการได้มากกว่าลุควิคอยู่แล้ว” อาดาลจิ๊ปากเบาๆ “แต่ถึงอย่างนั้น..ท่านก็ไม่ควรวางใจนี่ครับ ไม่มีสิ่งใดจะสามารถเอาชนะใจของสตรีได้ เท่ากับความรักหรอก” เอสเตบันนิ่วหน้า “ข้าไม่ขอรับคำแนะนำเรื่องสามีภรรยา กับคนที่ไม่เคยรักใครเช่นเจ้าหรอกนะอาดาล” อาดาลหัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่เคยรักใครก็จริง แต่เรื่องความอ่อนไหวของสตรีข้ารู้ดีนะครับท่านดยุค”สิ่งที่อาดาลกล่าวออกมานั้นมันไม่ใช่คำโอ้อวด เรื่องนั้นเอสเตบันรู้ดีอยู่แล้วว่าความช่ำชอง..ไม่ใช่สิ ความเข้าใจในตัวสตรีของอาดาลนั้นมีมากแค่ไหนฝาแฝดตระกูลกรีนที่มีใบหน้าเหมือนกันจบแทบแยกไม่ออก แต่นิสัยกลับแตกต่างกันราวกับฟ้าและเหว“ท่านควรเอาใจใส่เดมเลลานี่มากกว่านี้ ก่อนที่ท่านจะสูญเสียนางไปให้กับคนช่างเอาใจอย่างท่านเคาน์ลุควิค สตรีล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ให้กับการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ”เอสเตบันยักไหล่เบาๆ“ข้าไม่ต้องการให้นางพ่ายแพ้ให้ข้าอาดาล ข้าต้องการให้นางชนะข้าต่างหากล่ะ”อาดาลยกยิ้มทะเล้นขึ้นมา เขาจงใจกวนโมโหท่านดยุค“เช่นนั้น..ข้าจะรอดูวันที่นางจะไปจากท่านนะครับ”“ไม่มีวันนั้นอาดาล..ว่าแต่เจ้าเองเถอะ อาของเจ้าไม่สั่งให้เจ้าเข้าหาเลดี้เรเซเดนหรืออย่างไร”เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะยลโฉมว่าที่ภรรยาในอนาคตอยู่พอดี เลดี้ผู้นั้นช่างงดงาม ความงามที่ล้ำเลิศสมกับตระกูลเรเซเดน นางเหมาะสมกับการประดับเอาไว้บนวิหารหรือไม่ก็ยกนางขึ้นไปวางเอาไว้บนหิ้งมากกว่าที่จะจับจูงมือของนางเพื่อพานางไปไหนมาไหน เขาไม่ค่อยอยากจะมีภรรยาสวยๆ สักเท่าไหร่ ชีวิตคงจะวุ่นวายน่าดูหากได้สาวงามเช่นนั้น
“ดูสิ..เขาไม่ได้สนใจเจ้าเลยสักนิด..”ลุควิคกล่าวออกมาพร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับเลลานี่“แล้วทำไมข้าถึงจะต้องการให้เอสมาสนใจล่ะลุควิค ข้าคือเดมที่สามารถเอาชนะบุรุษได้อย่างสบายๆ ข้าไม่ได้ต้องการแต่งงานกับใครเลยด้วยซ้ำ”เธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเขาคิดสักหน่อย พวกเราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะว่ามารดาของเธอเสียทำให้ทั้งลุควิคและเอสเป็นห่วงเธอมากทีเดียวแต่พวกเขาทั้งสองคนคงลืมไปว่าความฝันของเธอคือการเป็นซอทมาสเตอร์ และเธอสามารถขึ้นเป็นเดมได้ตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ ทำไมสตรีจะต้องรอคอยให้บุรุษมาปกป้องด้วยก็ไม่รู้“แต่ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้านะ สิ่งใดก็ตามที่เจ้าชอบ..เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีวันห้ามไม่ให้เจ้าทำหรอก ในชีวิตของข้า เจ้าสำคัญมากนะเลล่า”เธอสำคัญอย่างนั้นหรือ? เธออาจจะเชื่ออย่างนั้นหากว่าเมื่อปีก่อนเธอไม่ได้ยินที่ท่านเคาน์เตสพูดคุยกับลุควิค หน้าที่ของเธอนั้นคือการให้กำเนิดทายาทของตระกูลแบล็คเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นเมื่อแต่งงานเข้าไปแล้ว การทำงานในฐานะเดมของเธอคงจะต้องถูกสั่งห้ามเธอชอบลุควิคมากพอสมควร เธอมองเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่งมาตลอด ไม่ได้มองแบบเพื่อน
แมเดอลีนหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินตามเขา เธอคิดว่านี่มัน..ไม่เหมาะสมเอามากๆ อีกทั้งตามเนื้อเรื่องแล้ว ตัวร้ายแบบเขาไม่น่าจะมายุ่งเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ใช่รึไง แล้วทำไมเขาถึงได้ลากเธอมาที่นี่ต่อหน้านางเอกอย่างเดมเกโลทีสกันนะนี่มันไม่ปกติแล้ว..“ท่านดยุคคะ..”เธอร้องเรียกเขาอีกครั้งเพื่อหวังให้เขาหยุดยั้งการกระทำที่มันผิดปกติทั้งหมดทั้งปวงพวกนี้ทว่าเสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความประหม่าพร้อมกับสายตาที่สั่นไหวของเธอไม่สามารถทำให้ความตั้งใจของเอสเตบันหยุดลงได้เลยเขาอุ้มเธอขึ้นมาในทันทีก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปยังสวนที่แสนสวยงามของวิหารศักดิ์สิทธิ์“อ๊ะ..”เธอร้องออกมาด้วยความตกใจที่อยู่ๆ เขาก็ตรงเข้ามาแล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าหญิง“ท่านดยุคคะ นี่มัน..”“หากไม่เงียบข้าจะจูบเจ้าซะ!”แมเดอลีนอ้าปากค้างกับคำขู่พวกนั้น เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ในทันทีด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจอะไรของเขากัน คำขู่เช่นนั้นมันสมควรที่จะพูดออกมางั้นเรอะ!เขาวางเธอลงบนม้านั่งในสวนด้านหลังที่ไม่มีใครเดินเข้ามา เพราะถัดจากสวนนี้ไปมันคือที่พักของเขา นี่คือเหตุผลที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมาในสวนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของท่า
ในใจของลุควิคนั้นรู้สึกโกรธเคืองมากทีเดียว เขาโมโหตัวเองที่ไปใส่อารมณ์กับเลล่า แล้วยังโกรธเอสที่หมอนั่นชอบทำให้เขาดูเหมือนคนขี้แพ้อยู่ตลอดหากว่าเขาไม่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการเลล่ามาเป็นภรรยา เขาเชื่อว่าเอสคงจะไม่อยากได้เธอไปเป็นดัชเชสมากขนาดนั้น หมอนั่นทำไปทั้งหมดเพื่อเอาชนะเขา!!หากเป็นเรื่องอื่น เป็นเรื่องของการแข่งขัน เขามั่นใจมากเหลือเกินว่าเขาอาจจะยอมให้เอสชนะอีกครั้งหนึ่ง แต่นี่คือเรื่องของหัวใจ มันคือเรื่องของความรักที่มากล้นของเขาเขารักเลล่า..รักนางมากและอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่หลังจากนี้กับนาง เพราะแบบนั้นลุควิคจึงเดินมาหาเอสด้วยหัวใจที่ทั้งทรมานและโกรธเคืองมากเหลือเกินฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็วของเขาพลันเดินช้าลง เมื่อเขามองเห็นบุรุษและสตรีผู้หนึ่งกำลังจุมพิตกันด้วยความแนบชิดที่ด้านหน้าสวนของห้องรับรองท่านดยุควีไซร์ และเมื่อมองดูดีๆ เขามองเห็นเส้นผมสีแดงสดของสตรีที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใครแต่ที่น่าตลกมากกว่านั้นคือมือของเอส มือของหมอนั่นโอบกอดแผ่นหลังของเลดี้เซเรเดนเอาไว้อย่างแนบชิดราวกับว่าเอสไม่ยินยอมให้นางหนีจากเขาไปไหนดูสิเลล่า บุรุษที่เจ้าต้องการแต่
บนใบหน้าของแมเดอลีนฉายชัดถึงความวิตกกังวล ริมปากของเธอนั้นเม้มๆคลายๆ ด้วยความชั่งใจ ทุกอย่างอลหม่านตีกันอยู่ในสมองหลังจากคืนนั้นก็ผ่านมาเดือนกว่าๆแล้วเธอเองก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวมาที่วิหารจนไม่ได้สนใจรอบเดือนที่ยังไม่มาเลย“เลดี้เรเซเดน..ท่านกำลังตั้งครรภ์ครับ”ความคลุมเครือเข้าปกคลุมบรรยากาศ แมเดอลีนเวียนหัวไปหมดกับความจริงที่ตีแสกหน้าว่าเธอท้อง!!ดาเนียยื่นถุงเงินให้กับหมอที่ประจำอยู่ที่วิหาร“ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะคะ”หมอผู้นั้นรับถุงเงินนั้นไปถือครองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงเพื่อทำความเคารพเลดี้ทั้งสองแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็วดาเนียเองก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจากแมดดี้เท่าไหร่นัก เพราะหากว่าแมดดี้กำลังตั้งครรภ์ นั่นหมายความว่าพ่อของเด็กที่จะอยู่ในท้องนั้นจะต้องเป็นบุรุษจากสามตระกูลอย่างแน่นอนท่านดยุควีไซร์ เคาน์แบล็ค และตระกูลกรีน“ใจเย็นๆ ก่อนแมดดี้ ข้าคิดว่าเราควรจะ..”“ข้าจะกลับบ้านดาเนีย ข้าอยากจะกลับไปสารภาพความผิดบาปในครั้งนี้กับท่านพ่อและท่านแม่ ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เพราะหากเรื่องมันโด่งดังขึ้นมาในภายหลังตระกูลเรเซเดนจะต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่าง
บารอนโอทีสยื่นเอกสารมากมายที่เขาเตรียมมาให้กับองค์จักรพรรดิ“ฝ่าบาทต้องเป็นพยานให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าหลานของกระหม่อมจะเกิดมามีเส้นผมสีอะไรก็ตาม เขาจะใช้ชื่อตระกูลของเรเซเดนตลอดไป..”องค์จักรพรรดิวางแก้วชาลงบนโต๊ะ พระองค์ยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ“โอทีส เรารู้ว่าเจ้ารักและหวงลูกสาวมากแค่ไหน แต่ว่านี่มันเรื่องของเด็กพวกนั้น ให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง..”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ต้องการให้มีปัญหาเรื่องการแย่งชิงหลานของกระหม่อมในภายหลัง ใครก็พาหลานของกระหม่อมไปจากเรเซเดนไม่ได้ทั้งนั้น!!”นั่นสินะ เขาลืมไปได้ยังไงว่าในช่วงเวลาที่สหายรักของเขาได้เป็นพ่อคนในครั้งแรกนั้น โอทีสดีใจและปลาบปลื้มมาแค่ไหนที่แมดดี้คลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย“ก็ได้โอทีส ข้าจะเป็นพยานให้ว่าไม่ว่าใครหน้าไหน ก็มาแย่งชิงหลานของเจ้าไปจากเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น”โอทีสก้มหน้าลงเพื่อขอบคุณองค์จักรพรรดิ“เช่นนั้นจะเอาอย่างไรกับชื่อเสียงของเรเซเดน”“เรื่องนั้นกระหม่อมไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว กระหม่อมจะประกาศอย่างเป็นทางการถึงเรื่องที่บุตรีของกระหม่อมตั้งครรภ์..กระหม่อมไม่คิดว่านี่คือเรื่องราวน่าเสื่อมเสีย มันคือเรื่องน่ายินดีพ่ะย่ะค่ะ
เอสเตบันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ก่อนที่เขาจะหลับตาลงนอน เขายังคิดว่าเมื่อตื่นมาเขาว่าจะไปหาแมเดอลีนอีกหน่อย แต่มันกลับกลายเป็นว่าในช่วงเวลาที่เขาหลับไปนั้นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นเธอตั้งครรภ์..กับลูกของใครกันนะ แถมเมื่อคืนจุมพิตที่เขาบังคับให้เธอส่งมอบให้เขาด้วยความไม่เต็มใจนั้นมันยัง..ดีมากๆ อีกด้วยเขาชอบที่จูบนั้นมากทีเดียว จนรู้สึกว่าตัวเองเสียการควบคุมไปชั่วขณะแต่ดูเหมือนว่าเขาจะต้องตัดใจสินะ..ว่าไปแล้ว เธอตั้งท้องลูกของใครกัน?อาดาล? ลุควิค? หรือแม้กระทั่งเจ้าคนบ้าการต่อสู้อย่างแลนดรีอย่างนั้นหรือ ชื่อที่เอ่ยมานั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำเช่นนั้นเธอตั้งครรภ์ลูกของเขาอย่างนั้นหรือ?เอสเตบันก้มศีรษะลงอย่างอับจนด้วยคำตอบ หัวใจของเขาเต้นในจังหวะที่มันไม่ปกติเอาซะเลย หลายๆอย่างรอบตัวของเขากำลังบอกว่า..เรื่องนั้นมันเป็นไปได้!!เขาคุ้นเคยกับริมฝีปากคู่นั้น คุ้นเคยกับกลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอในแบบที่เขาชอบมันมากทีเดียว ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นแบบนี้กับสตรีทุกคนที่เข้ามาใกล้ เขาไม่ได้มีหัวใจที่หวั่นไหวแบบนั้นเลย“ท่านหญิงรออยู่ที่คฤหาสน์เรเซเดนนะครับท่านดยุค”แล้วแม่เขา..ไปทำอะไรท
เอสเตบันกำลังนั่งอยู่บนรถม้า เขายกมือขึ้นมากุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ด้วยฝ่ามือที่สั่นเทาเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรกันแน่ รู้เพียงแต่ว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิดเดียวกอนมองเห็นเจ้านายของเขาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เขาส่งแก้วน้ำชาสงบใจที่จัดเตรียมมาไว้ให้ท่านดยุคของเขาดื่ม“อย่ากังวลไปเลยครับท่านดยุค เรื่องที่เลดี้เรเซเดนตั้งครรภ์มันไม่เกี่ยวข้องกับนายท่านหรอกครับ..”ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเขา แล้วมันเกี่ยวกับใครล่ะ? เอสเตบันยื่นมือไปรับแก้วน้ำชาสงบใจของกอน ทหารคนสนิทมาดื่มเพื่อดับกระหาย เขากำลังภาวนาในใจขอให้ทุกอย่างมันเป็นไปด้วยดี หากว่าเลดี้เซเรเดนเป็นสตรีในคืนนั้นที่เขาใช้เวลาด้วยจริงๆ จะอย่างไรเขาก็จะต้องแต่งงานกับนางเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เขาจะปัดความรับผิดชอบนี้ไปให้คนอื่นไม่ได้ ส่วนเรื่องของเลล่าและลุควิค เขาคงจะต้องยอมลามือและยินยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เอาไว้อย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก“...พะ..พรวด!!”ทันทีที่เอสเตบันยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม เขาก็พ่นมันออกมาในทันทีพร้อมกับมองหน้าของกอนด้วยความโมโห“นี่มัน..น้ำชาอะไรของเจ้า!!”กอนรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้ท่านดยุค“น
การปฏิเสธเขาคงยากมากพอๆ กับที่ห้ามตัวเองไม่ให้หายใจ มือทั้งสองข้างของเธอจับเข้าที่เรือนผมสีเงินของเขาอย่างลืมตัวแมเดอลีนนั่งอยู่บนขอบอ่าง แผ่นหลังของเธอแนบชิดติดกับกำแพง เรียวขาขาวเนียนถูกจับแยกออก ก่อนที่เขาจะมุดใบหน้าเข้าไปในซอกขาที่กางออกและสั่นเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืน เธอขบกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับร้องครางออกมาเสียงดัง ลิ้นของเขาตวัดเลียอย่างชำนาญและหิวกระหายมองจากมุมนี้ เธอมองเห็นเพียงเส้นผมของเขาเท่านั้น และในความรู้สึกฉายชัดถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปลายลิ้นร้อนของเขาให้ความรู้สึกสุขสมที่แตกต่างจากนิ้วมือพอเขาละใบหน้าออกมาจากตรงนั้น มุมปากของเขาก็เลอะคราบน้ำหวาน เอสเตบันกำแก่นกายที่พร้อมนานแล้วดันเข้าไปอย่างไม่รอช้า การสอดแทรกรวดเร็วป่าเถื่อนเหมือนกับที่เขาละเลงลิ้นเมื่อครู่“อะ..อ่า..ช้า..ช้าลงหน่อยค่ะ!”หลังของเธอกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏให้เห็น มีแต่ความสุขสมที่แผ่ซ่านขึ้นมาในร่างกายเขาก้มหน้าลงแล้วงับยอดอกที่กำลังชูชันของเธอเบาๆ เสียงดูดดึงดังขึ้นมาจนแมเดอลีนรู้สึกเขินอายไม่น้อยเธอยกขาขึ้นมาเกี
ใบหน้าหวานของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อท่านดยุคถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก ตามมาด้วยเสื้อตัวในและกางเกงที่เขาสวมเธอจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ในอ่างเรียบร้อยแล้ว และแมเดอลีนกำลังก้มหน้าลงเพื่อรอคอยให้ท่านดยุคที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดินลงไปในอ่างน้ำที่ทำจากไม้ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเคยอยู่ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยคิดว่าเขาจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร“อายอะไรกัน มิใช่ว่าทุกส่วนบนร่างกายของข้านั้น เจ้าเคยเห็นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เธอเคยเห็นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามันเป็นในช่วงเวลายามราตรีที่ทั่วทั้งห้องไม่มีแสงไฟสักดวง ในคืนนั้นมีแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างและเป็นพยานให้เรา..เมื่อเอสเตบันเห็นว่าแมเดอลีนเงียบไป เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ บอกตามตรงว่าเขาชื่นชอบบ้านหลังนี้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย่อส่วนไปหมด ห้องอาบน้ำเล็กๆ อ่างน้ำเล็กๆ ที่เข้าไปนั่งสองคนคงจะอึดอัด..มือของเอสเตนบันเอื้อมไปที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะดึงรั้งผ้ากันเปื้อนออกจากเอวของแมดดี้“ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด..”เธอช้อนสายตามองหน้าเขา“ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่คำลวงแสนหวานที่
ดาเนียอุ้มมิก้าในอ้อมแขน เธอหอมแก้มสลับกับจุมพิตลงไปบนเส้นผมของหลานสาวตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา“ท่านน้า..ทำไมท่านป้อของมิก้าถึงมาช้าจัง”คำถามที่เต็มไปด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับเด็กๆ นั้นทำให้ดาเนียอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้“มิก้า..เพราะว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ท่านพ่อของมิก้าไม่ได้อยู่กับมิก้าก็จริงแต่ว่าท่านพ่อของมิก้าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนอื่นที่กำลังทุกข์ยากจากสภาวะของสงคราม.."มิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย“สงคราม คืออะไยคะท่านน้า”นั่นสินะ คงยังเร็วไปที่จะบอกกล่าวทุกอย่างกับเด็กน้อยในวัยสามขวบเช่นนี้“เอาเป็นว่าในยามนี้พ่อของหลานกลับมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่รึไง มิก้าเองก็..ควรจะดีใจกับการกลับมาของท่านพ่อนะ”มิก้าหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก“มิก้ามีท่านป้อเหมือนเพื่อนคนอื่นแล้ว..คอยดูเถอะในวันพรุ่งนี้ มิก้าจะพาท่านป้อไปอวดเพื่อน!”ดาเนียพยักหน้า“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ ใครที่เคยล้อมิก้าของน้าต้องสมควรที่จะถูกจัดการ วันพรุ่งนี้หลานพาท่านพ่อของหลานไปจัดการสั่งสอนเด็กคนนั้นเลยเข้าใจไหม”มิก้าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ“ได้เยย
แมดเดอลีนมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอเดินนำเอสเตบันเข้ามาด้านในบ้านหลังน้อยที่ปกติแล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับลูกสาวเท่านั้น ของเล่นที่ทำจากไม้วางเกลื่อนอยู่บนพื้น พร้อมกับภาพวาดที่เด็กสาวตัวน้อยคงจะสร้างสรรค์มันขึ้นมาจากมือเล็กๆที่ไร้เดียงสา ในภาพวาดนั้นมีผู้หญิงที่มีเส้นผมสามเส้น และเด็กน้อยกำลังยืนจับมือกันเอสเตบันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกมากมายในใจ มีกระดาษหลายแผ่นทีเดียวที่วาดภาพเดิมซ้ำๆ ที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นสีของชุดบ้างล่ะ ทรงผมบ้างล่ะ แต่ทว่าในทุกรูปจะมีแค่มิก้าและท่านแม่เท่านั้น..ไม่มีรูปไหนเลยที่มีท่านพ่อหรือว่าผู้ชายสักคนอยู่ในภาพวาดของมิก้าเขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาในใจ เขาไม่โทษทั้งมิก้าและแมดดี้ ที่ในระหว่างเส้นทางที่แสนสวยงามในการเติบโตของลูกสาว มันไม่มีเขาอยู่ในนั้นในมุมมองของเอสเตบัน บางทีแมดดี้อาจจะกลัว มีหลายอย่างที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา หลายอย่างมากทีเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว..ทั้งระยะทาง เวลาที่เราห่างกันมากมายขนาดนั้นเขาไม่ได้ส่งจดหมายไปหาเธอเลยแม้แต่ฉบับเดียว ส่วนเธอเองก็ไม่ได้ส่งจดหมายมา
มิก้ากะพริบตาปริบๆ มองหน้าท่านลุงที่ดูน่ากลัว..“มัง..ฝยั่ง”“อ่า..เจ้ามาที่นี่เพื่อขายเจ้ามันหัวนี้อย่างนั้นหรือ?”มิก้าพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าขายมันราคาเท่าไหร่กันล่ะ”มิก้าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาสองนิ้วท่านลุงคนนั้นพยักหน้า“สองเหรียญสินะ นั่นเป็นราคาที่ค่อนข้างแพงมากไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าเจ้าให้ข้าอุ้ม ข้าจะซื้อมันฝรั่งหัวนั้นพร้อมกับพาเจ้ากลับบ้านด้วยดีไหม?”ท่านแม่เคยสอนว่าอย่างไว้ใจคนแปลกหน้า แต่ทว่าท่านลุงคนนั้นไม่ได้แค่ยื่นเงินให้มิก้าเพียงอย่างเดียว แต่ในมือของท่านลุงที่ไม่น่าไว้ใจมีลูกกวาดสีสวยอยู่ในนั้นด้วยมิก้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาก็พ่ายแพ้ให้กับขนมในมือของคุณลุงที่ไม่น่าไว้ใจมิก้าไม่ได้เห็นแก่กิน แต่มิก้าเหนื่อยเกินที่จะเดินกลับบ้านแล้วต่างหาก!!เอสเตบันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน เขาหลับตาลงก่อนจะโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนเอาไว้แน่น เขาซบใบหน้าลงไปบนไหล่เล็กนั่นด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจเขากำลังตามหาคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเลเซิน แต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่เขามองเห็นเด็กน้อยที่มีเส้นผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าอ่อน นางสวมชุดที
ไดอาน่าเบนสายตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงน้ำชาของท่านหญิงแบล็ค ที่จัดขึ้นมาเป็นงานแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง เจตนาของท่านหญิงก็เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าภริยาของทหารกล้าในวันนี้ที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่แสนวุ่นวาย แต่เพราะว่าไดอาน่ามีจุดประสงค์ต่างหากเธอเดินเจ้าไปหาบารอนเนสที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับภริยาของชนชั้นสูงด้วยกัน“ท่านหญิง..ยินดีที่ได้พบค่ะ”เดวาย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงไดอาน่าแห่งตระกูลวีไซร์“เจ้าสบายดีใช่ไหมบารอนเนส งานเลี้ยงแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฤดูร้อนเวียนกลับมาอีกครั้ง งานเทศกาลมากมายที่กำลังจะจัดขึ้นและเสียงหัวเราะของผู้คน”เดวาพยักหน้า เธอเห็นด้วยกับความคิดของท่านหญิงมากทีเดียว“น่าเสียดายที่งานเลี้ยงเช่นนี้ทั้งแมเดอลีนและมิก้าไม่ได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นมิก้าคงจะกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กพวกนั้น”สายตาของไดอาน่ามองไปที่กลุ่มเด็กเล็กๆ ที่เป็นบุตรและบุตรีของขุนนางกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงแห่งนี้คึกคักขึ้นมา“นั่นสินะคะ..”ไดอาน่ายื่นมือไปจับแขนของเดวาเอ
ผ่านมาแล้วสามเดือนหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ลุควิคกำลังเดินตรวจตราบริเวณรอบๆ กองทัพ ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว และในยามนี้หลงเหลือทหารที่ค่ายชั่วคราวแห่งนี้ไม่ถึงสองร้อยด้วยซ้ำ อาการบาดเจ็บของทุกคนดีขึ้นรวมทั้งอาการบาดเจ็บของเอสด้วย“ขอบคุณนะคะ..ท่านลุง”ลุควิคมองเอสที่กำลังส่งขนมปังให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน5ขวบ นางคือลูกของชาวบ้านแถวนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม สภาพความเป็นอยู่เลยไม่ดีเท่าไหร่นัก“เอานี่ไปให้พ่อและแม่ของเจ้านะ..”เอสเตบันวางเหรียญทอง3เหรียญลงบนมือน้อยๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินของเด็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เด็กน้อยมองทหารที่กำลังเก็บกระโจมและรื้อรั้วของค่ายทหารเมื่อได้ยินคำถามที่แสนน่ารักน่าชังนั่น เอสเตบันก็ลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ“ใช้แล้ว ข้าจะต้องกลับแล้วล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีนะเด็กน้อย..”นางจะตัวเท่านี้รึเปล่านะ หรือว่าจะตัวเล็กมากกว่านี้ โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นสีฟ้าเหมือนกับแม่ เพราะนั่นคงจะทำให้นางดูน่ารักน่าชังในแบบที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน…ลูกสาวของเขาน่ะเมื่อเด็กผู้นั้นวิ่งออกไป ลุควิ
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของแมเดอลีนแล้ว ท่านหญิงไดอาน่าก็ยกยิ้มขึ้นมาเธอเคยลงสนามต่อสู้กับราชวงศ์มากมายที่พระราชวัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์หญิงปลายแถวแต่ทว่าไดอาน่าก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกลับคมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ความคิดของเธอเฉียบแหลมอยู่เสมอในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกสะใภ้ของเธอ นายหญิงและดัชเชสของวีไซร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแมเดอลีน“ข้าไม่มีสิทธิ์จะห้ามเจ้าอยู่แล้วแมเดอลีน ขอให้เจ้าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ และขอให้มิก้าเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข.."แมเดอลีนโล่งใจในทันที เธอคิดเอาไว้ว่าท่านหญิงอาจจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พอได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของท่านหญิงแล้ว..นั่นทำให้เธอวางใจอย่างแท้จริง“หวังว่าท่านหญิงจะสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขเช่นกันนะคะ”ไดอาน่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยเรื่องราวมากมายด้วยกัน จนมิก้าตื่นขึ้นมาแมเดอลีนก็บอกลาไดอาน่าพร้อมกับกล่องชูครีมที่ท่านหญิงทำเอง“จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือคะท่านหญิง โอกาสที่จะได้พบเจอและสานสัมพันธ์กับเลดี้แมเดอลีนและคุณหนูมิก้ากำลังหลุดลอยออกไปเรื่อยๆ ..”สาวใช้ข้างกายของไดอาน่ากล่าวออกมาด
“....แมดดี้ แม่เคารพในทุกการตัดสินใจของลูกนะ”เดวากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหล เธอเข้าใจลูกสาวมากทีเดียวที่แมดดี้ต้องการจะพามิก้าไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวัยที่มิก้าสามารถเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ถึงจะพากลับมา แน่นอนว่าในใจของเธอซึ่งเป็นยายนั้นย่อมมีความเป็นห่วงทั้งแมดดี้และมิก้าแต่ทว่าที่ผ่านมา เธอเลี้ยงลูกด้วยความผิดพลาดมาตลอด เพราะมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอและโอทีสหวงแหนแมดดี้ยิ่งว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้และการห่วงที่มากมายนั้นมันทำให้แมดดี้ไม่ได้มองเห็นโลกอีกมุมที่แสนโหดร้าย อันที่จริงหากย้อนเวลากลับไปได้ เดวาอยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องการเลี้ยงลูกของเธอ เธอควรจะให้อิสระกับแมดดี้มากกว่านี้ให้โอกาสในการตัดสินใจและให้โอกาสอีกหลายๆ อย่างที่แมดดี้ไม่ได้ทำมันเพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองเห็นหลานสาวตัวน้อยเติบโตก็ไม่เป็นไร เธออยากให้มิก้ามีอิสระที่แมดดี้ไม่มี และเดวาคิดว่ามแมดดี้เองก็คงอยากจะเลี้ยงลูกของนางด้วยการพาเด็กน้อยไปเปิดหูเปิดตาเพื่อเรียนรู้โลกภายนอก“แต่แมดดี้..”เดวายกมือขึ้นมาตีลงไปบนหลังของสามีที่กำลังทำท่าทางราวกับจะร้องไห้ออกมา