เอสเตบันกำลังนั่งอยู่บนรถม้า เขายกมือขึ้นมากุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ด้วยฝ่ามือที่สั่นเทาเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรกันแน่ รู้เพียงแต่ว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิดเดียว กอนมองเห็นเจ้านายของเขาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เขาส่งแก้วน้ำชาสงบใจที่จัดเตรียมมาไว้ให้ท่านดยุคของเขาดื่ม “อย่ากังวลไปเลยครับท่านดยุค เรื่องที่เลดี้เรเซเดนตั้งครรภ์มันไม่เกี่ยวข้องกับนายท่านหรอกครับ..” ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเขา แล้วมันเกี่ยวกับใครล่ะ? เอสเตบันยื่นมือไปรับแก้วน้ำชาสงบใจของกอน ทหารคนสนิทมาดื่มเพื่อดับกระหาย เขากำลังภาวนาในใจขอให้ทุกอย่างมันเป็นไปด้วยดี หากว่าเลดี้เซเรเดนเป็นสตรีในคืนนั้นที่เขาใช้เวลาด้วยจริงๆ จะอย่างไรเขาก็จะต้องแต่งงานกับนางเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เขาจะปัดความรับผิดชอบนี้ไปให้คนอื่นไม่ได้ ส่วนเรื่องของเลล่าและลุควิค เขาคงจะต้องยอมลามือและยินยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เอาไว้อย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก “...พะ..พรวด!!” ทันทีที่เอสเตบันยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม เขาก็พ่นมันออกมาในทันทีพร้อมกับมองหน้าของกอนด้วยความโมโห “นี่มัน..น้ำชาอะไรของเจ้า!!” กอนรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้ท่านดยุค “นี่คือชาสงบใจที่ท่านดยุคทานเป็นประจำนะครับ ข้าไม่ได้เติมอะไรเข้าไปเลยสักนิดเดียว” “แล้วกลิ่นที่มันไม่ชอบมาพากลพวกนั้นมันมาจากไหนกัน!” กอนรินน้ำชาออกมาจากกาแล้วยกขึ้นมาดื่ม เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรสชาติและกลิ่นน้ำชานี่ก็เหมือนเดิมทุกประการ แล้วเหตุใดนายท่านของเขาถึงได้คิดว่ากลิ่นและรสชาติของชาสงบใจนี่เปลี่ยนไป “ไม่ต้องเอาน้ำชา รินสุราใส่แก้วมา” เขาต้องการให้ฤทธิ์ร้อนแรงของสุราทำให้เขามีความกล้าอีกหน่อยเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่กำลังจะตีแสกหน้าลงมา กอนรินสุราใส่แก้วแล้วส่งให้นายท่าน ของเขาอีกครั้ง “อย่าดื่มมากนะครับ ท่านหญิงคงจะไม่พอใจหากเห็นท่านดยุคเมา..” เอสเตบันถอนหายใจ เขายกแก้วสุราขึ้นมาดื่ม แต่ทว่าในทันทีที่เขากำลังจะกลืนสุราที่อยู่ในปากเขากลับกลืนมันไม่ลง ร่างกายรู้สึกปั่นป่วนอย่างไม่ทราบถึงสาเหตุ เอสเตบันบ้วนสุราในปากออกมาพร้อมกับอาเจียนออกมาในทันที กอนรีบลูบหลังของท่านดยุคพร้อมกับส่งให้รถม้าหยุดวิ่ง “ข้าคิดว่าข้าควรจะพาท่านดยุคไปหาหมอก่อนดีหรือไม่..” เอสเตบันส่ายหน้า “ข้าไม่อยากให้ท่านแม่โกรธ..ไปที่เรเซเดนเร็วๆ เถอะ ข้าไม่เป็นไร..อะ..อ้วกกก!!” กอนมองท่านดยุคด้วยความเห็นใจ เราเดินทางมาถึงคฤหาสน์เรเซเดนแทบจะเป็นตระกูลสุดท้าย มีรถม้าจากตระกูลแบล็ค กรีน และเกโลทีสจอดเทียบที่ด้านหน้าคฤหาสน์ เอสเตบันลงรถม้าด้วยสภาพที่สีหน้าที่สู้ดีเท่าไหร่นัก เขาเวียนหัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ และการก้าวเดินไปข้างหน้าทำได้ยากเย็นมาพอสมควร “มาแล้วอย่างนั้นหรือเอส..” ในห้องรับรองของคฤหาสน์เรเซเดนเต็มไปด้วยแขกจากตระกูลต่างๆ มากมาย เขานั่งลงข้างๆ ท่านแม่ที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความอารมณ์ดี “ในเมื่อมากันครบถ้วนแล้ว เช่นนั้นข้าจะกล่าว..อย่างตรงไปและตรงมาเพื่อไม่ให้ทุกท่านเสียเวลา” ท่านบารอนโอทีสกล่าวออกมาเสียงเข้มพร้อมกับกางเอกสารที่มีตราประทับขององค์จักรพรรดิ “ข้าไม่คิดเหมือนกันว่าพวกท่านจะเดินทางมาที่นี่กันครบทุกตระกูลเช่นนี้ นับเป็นเกียรติของเรเซเดนยิ่งแล้วครับ” พวกผู้ใหญ่อยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนห้องข้างๆ มีแมเดอลีน ดาเนียและเลลานี่นั่งอยู่ด้วยกัน “อาการของเลดี้ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ” แมเดอลีนพยักหน้า “ขอบคุณเดมมากนะคะที่มาเยี่ยม ข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว” เลล่านี่ส่งยิ้มให้กับแมเดอลีนด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยน “ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ ข้าต้องขอบคุณเลดี้ซะอีกที่ทำให้ข้าไม่ต้องอยู่ที่วิหารนั่นอีกแล้ว เมื่อข่าวการตั้งครรภ์ของเลดี้ถูกประกาศออกไป ท่านพ่อของข้าก็รีบพาข้ามาที่นี่ในทันที..” ดวงตาของเลล่านี่เศร้าหมองเล็กน้อย ที่เธอมาที่นี่เพราะเจตนาของท่านพ่อคือการย้ำเตือนกับตระกูลสายเลือดอันศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือว่ายังมีสตรีอีกคนที่พร้อมจะแต่งงานกับพวกเขา และเพื่อมาดูให้แจ้งแก่ใจว่าบุรุษผู้ไหนกันที่ทำเรื่องน่าอับอายกับเลดี้เรเซเดนเช่นนี้ “ข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าข้าไม่ต้องการลูกเขยครับ หลานของข้าที่กำลังจะลืมตาขึ้นมานั้นข้าจะไม่มีวันยกเขาให้กับตระกูลไหนทั้งนั้น เขาจะใช้ชื่อของเรเซเดนเป็นชื่อตระกูลไม่ว่าเขาจะเกิดมามีเส้นผมสีอะไรก็ตามที” เสียงของบารอนโอทีสที่ประกาศออกมานั้นมันทั้งหนักแน่นและมั่นคงมากๆ เลล่านี่ยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอมองเห็นความรักของพ่อที่กำลังกางแขนออกเพื่อปกป้องบุตรีอันเป็นที่รัก พ่อของเธอคงจะไม่มีวันทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน “เรื่องนั้นข้าไม่เห็นด้วยนะคะท่านบารอน อันที่จริงข้าอยากพบเจอและพูดคุยกับเลดี้ เรเซเดนเป็นการส่วนตัวว่าพ่อของหลานท่านคือผู้ใดกัน” ท่านหญิงไดอาน่ากล่าวพร้อมกับมองหน้าของบารอนโอทีสอย่างไม่คิดเกรงกลัว “มันจะมีประโยชน์อันใดกันครับท่านหญิง หากงานแต่งของบุตรีสุดที่รักของข้ามันไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่มันกลับเป็นความรับผิดชอบ..ข้าไม่ต้องการให้ชีวิตที่เหลือของแมดดี้จะต้องมาจมอยู่กับบุรุษที่ไม่ได้รักนาง แบบนั้นสู้ให้นางอยู่ในอ้อมกอดของข้าผู้เป็นบิดาเสียยังดีกว่า ข้าจะปกป้องลูกสาวและหลานของข้าเองครับ” ความตั้งใจของบารอนนั้นหนักแน่นมากทีเดียว ซึ่งในส่วนนั้นท่านหญิงไดอาน่าก็ต้องยอมรับในใจถึงความรักที่บารอนมีต่อลูกสาว “ข้าเห็นด้วยกับท่านบารอนนะครับ เลดี้แมเดอลีนควรจะพบเจอบุรุษที่รักนางอย่างแท้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นมาแก้ไขสิ่งใดมิได้ เพราะแบบนั้นการกระทำเช่นนี้นับว่าถูกต้องยิ่งแล้วครับ” เซอร์อดัมกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มเพื่อสรรเสริญแก่ความตัดสินใจของท่านบารอน “ข้าเห็นด้วยค่ะ ขอแสดงความยินดีกับท่านบารอนที่จะมีหลานคนแรกเอาไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ เรื่องที่เซอร์กรีนกล่าวออกมานั้นถูกต้องยิ่งนัก ข้าไม่ต้องการให้การก้าวเท้าที่ผิดพลาดของเลดี้แมเดอลีนทำให้นางพลาดโอกาสอันดีที่นางจะพบเจอบุรุษที่นางรัก” มารดาของลุควิคกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม โอทีสกำมือแน่น เจ้าคนพวกนี้มองลูกสาวของเขาเป็นแม่วัวที่รอการผสมพันธุ์รึไงกัน ไม่มีใครเป็นห่วงจิตใจที่บอบช้ำของลูกสาวเขาเลย มีแต่คนที่ต้องการให้นางเปิดใจกับความรักครั้งใหม่โดยที่นางยังไม่ทันได้คลอดลูกออกมาเลยด้วยซ้ำ!! แล้วแบบนี้จะให้เขายินยอมปล่อยทั้งลูกและหลานของเขาให้คาดสายตาได้อย่างไรกัน!เมื่อทุกตระกูลได้ข้อสรุปกันแล้ว เราต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ ท่านหญิงไดอาน่ามองหน้าของลูกชายที่ดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นักวันนี้เอสเตบันไม่พูดคำใดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เธอเอื้อมมือไปแตะลงบนหน้าผากของเอสเตบันช้าๆ“เอส..ลูกเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายตรงไหนอย่างนั้นหรือ ที่วิหารมีอะไรที่ไม่สะดวกสบาย..”“ไม่ใช่แบบนั้นครับท่านแม่ ที่วิหารสะดวกสบายดีทีเดียว เพียงแต่ข้ารู้สึกเวียนหัวมากจนไม่อยากจะนั่งรถม้าเลยครับ มัน..เหมือนกับรถม้านี่กำลังหมุนและข้าอยากจะอาเจียนออกมาอย่างบอกไม่ถูก..”ไดอาน่ามองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“เช่นนั้นพอถึงวีไซร์แล้วแม่จะรีบให้กอนตามหมอมาดูเจ้าหน่อยนะ..”เพราะเธอมีลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นลูกชายที่ถึงแม้ว่าเขาจะดื้อไปสักหน่อย แต่ทว่าเขาก็เป็นลูกชายที่แสนน่ารักในสายตาของเธออยู่ดีและเมื่อถึงคฤหาสน์ เธอก็รีบประคองเอสเตบันขึ้นไปพักที่ห้องนอน รอไม่นานหมอที่เก่งกาจที่สุดในจักรวรรดิก็เดินทางเข้ามาเพื่อมาดูแลอาการป่วยของท่านดยุค“อาการป่วยของท่านดยุคเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”หมอถามออกมาพร้อมกับจับชีพจร“ท่านดยุคปกติดีทุกอย่างจนถึงตอนที่ท่านนั่งรถม้า
ดวงตาสีฟ้าอ่อนกำลังช้อนขึ้นเพื่อมองหน้าของบุรุษที่บุกเข้ามาในห้องนอนของเธอในยามวิกาล เขาอุ้มเธอขึ้นมากอดเอาไว้ แล้ววางเธอลงอย่างแผ่วเบาบนตักของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างมันราวกับมีเมฆหมอกมาบดบังเพราะว่าเธอมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ถนัดเท่าไหร่นัก มันเหมือนกับเธอกำลังง่วงนอนมากๆ ..“ท่านกำลังใช้เวทมนตร์อะไรกับข้าคะ..แล้วท่านมาที่นี่ทำไม..”เขาเงียบไปพักหนึ่ง“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าตั้งครรภ์”เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขารับรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เช่นนั้นเขาคงจะไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีใช่ไหมนะ..ฝ่ามือหนาของเขาเอื้อมมือมาปิดตาเธอเอาไว้ ก่อนที่ปลายจมูกจะกดแนบลงบนเรือนแก้มของเธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรกับเธอกันแน่ ร่างกายถึงได้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ข้าคือชายผู้นั้น..พ่อของเด็กน้อยที่อยู่ในนี้”เขาวางมือลงบนหน้าท้องของเธอ แล้วสัมผัสมันลงไปด้วยความนุ่มนวล แม่ของเขาย้ำหนักหนาถึงเรื่องที่ว่าห้ามเขาทำอะไรแมเดอลีน เพราะสตรีที่ตั้งครรภ์ในช่วงแรกๆ อาจมีภาวะเสี่ยงที่จะแท้งได้ ทางที่ดีหากว่าเขาอยากจะทำอะไร..ท่านแม่ให้เรารอคอยจนถึงช่วงเวลาห้าเดือนไปแล้ว และควรจะทำด้วยความอ่อนโยนด้วยเขามาที่นี่
"ประกาศราชโองการจากทางพระราชวัง เนื่องจากชนเผ่าทะเลทรายกระทำการรุกล้ำพื้นที่ทางตอนใต้ของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์ ทำให้องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้ท่านดยุคแห่งตระกูลวีไซร์ออกเดินทางไปจัดการประกาศศักดิ์ดาให้ชนเผ่าทะเลทรายล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์"ท่านหญิงไดอาน่าถึงกับเป็นลมในทันทีที่ข้าหลวงจากพระราชวังประกาศราชโองการออกมา เธอมีลูกชายแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงได้กระทำการเช่นนี้กันนะ ไม่เห็นแก่ความเป็นสายเลือดของเราแล้วหรืออย่างไรกัน!“รับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”“ฝ่าบาทฝากข้อความมาบอกท่านดยุคว่าขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพและนำชัยชนะกลับมาให้ชาวเมืองทุกคนของโอลีวีเย่ร์ด้วยนะครับ”เอสเตบันหยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือว่าไม่ชอบใจอะไรเลยที่ตัวเองถูกส่งไปออกรบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่เขาจับดาบออกรบ เขาคิดว่านี่คือหน้าที่ของขุนนางทุกคน ที่จะต้องปกป้องจักรวรรดิเอาไว้“ให้ตายสินี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าไปทำอะไรไม่ดีกับขุนนางคนไหนรึเปล่าเอส ทำไมชื่อของเจ้ามันถึงไปอยู่ในใบราชโองการได้!”ช่วงนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลย มีแค่บุกรุกไปที่เรเซเดนเมื่อคืนเท่านั้นเอง..แ
ดาเนียมองหน้าของแมดดี้แบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เพราะว่าเธอกำลังพร่ำพรรณนาถึงเรื่องที่เธอใฝ่ฝัน นั่นก็คือเรื่องของเจ้าชายขี่ม้าขาวที่จะเข้ามาหาในยามราตรี..แล้วแมดดี้หน้าเเดงทำไมกัน?“นี่เจ้า..ไม่สบายรึเปล่าแมดดี้”แมเดอลีนยกมือขึ้นมาพัดเบาๆ ที่ใบหน้า“..คงจะเป็นเพราะแดดที่ร้อนมากเกินไปละมั้ง ข้าคิดว่าเราย้ายเข้าไปในนั่งในเรือนรับรองกันเถอะ”สองแก้มแดงเห่อร้อน แมเดอลีนใช้เวลานานมากพอสมควรที่สีหน้าของเธอจะกลับมาเป็นปกติ และคืนนี้เธอนั่งลงที่ริมหน้าต่างในห้องนอน เธอกำลังกวาดสายตามองออกไปด้านนอก สิ่งที่เห็นชัดเจนในคืนนี้คือดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้าในยามราตรีนี่เธอเป็นบ้าอะไรกัน เมื่อวานยังปฏิเสธเขาออกไปเสียงแข็งเช่นนั้นแล้ววันนี้ความคาดหวังในใจของเธอมันคืออะไรกันแน่นะอาจจะเป็นเพราะว่าเธอล่วงรู้ว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะเดินทางออกไปจากเมืองหลวงเพื่อไปออกรบยังดินแดนทางใต้ของจักรวรรดิ นั่นทำให้เธอรู้สึกใจหายไม่น้อยที่จะไม่ได้พบเจอหน้าเขาแล้ว..ถึงแม้ว่าในยามปกติเราก็แทบไม่ได้พบเจอกันก็ตามทีเขาแตกต่างจากตัวร้ายในนิยายที่เธอรู้จักมากทีเดียว เขาเอ่ยปากออกมาว่าเขาจะรับผิดชอบ และ
แมเดอลีนรู้ดีว่านี่ไม่ถูกต้อง แต่ทว่าหากจะถามถึงเสียงความต้องการในใจของเธอแล้วละก็ ถึงแม้ว่านี่มันจะไม่ถูกต้องแต่ทว่ามันถูกใจเนี่ยนะสิเขาลูบไล้ปลายผมของเธออย่างช้าๆ นิ้วของเขาที่สัมผัสบนเส้นผมสีแดงนั้นราวกับกำลังถ่ายทอดความรู้สึกออกมาไม่มากก็น้อยอย่างที่บอกว่าเราต่างกำลังหลงใหลกันแทบบ้า..และในส่วนลึกของหัวใจเอสเตบันมั่นใจว่าความคิดของแมเดอลีนเองก็คงจะไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่นัก“หากว่าเจ้ายังไม่ผลักไสข้าออกไป ข้าจะคิดซะว่าเจ้ายินยอมนะแมดดี้”เขาก้มลงจูบที่เส้นผมของเธอเบาๆ ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่แสนอ่อนโยนนั่นขึ้นมาเธอยกมือขึ้นมาเพื่อทำท่าจะผลักไสเขาออกแต่ทว่าเอสเตบันกลับรวบข้อมือเล็กๆ ทั้งสองข้างของแมเดอลีนเอาไว้แน่น เขาขมวดคิ้วพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจเมื่อเธอทำท่าเหมือนกำลังปฏิเสธเขา“ไหนโอกาสที่ท่านดยุคจะให้ข้าปฏิเสธหรือว่าผลักไสล่ะคะ ทันทีที่ท่านก้าวเท้าเข้ามาในห้องนี้ ท่านก็เชื่อมั่นในใจอย่างแรงกล้าไปแล้ว ว่าท่านจะต้อง..ได้ทำในสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่รึไง”เอสเตบันไม่เถียง เขาอุ้มแมเดอลีนขึ้นมาพร้อมกับพาเธอเดินไปที่เตียง ดวงหน้างามนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก“จะ
เธอหายใจถี่ขึ้น ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวลปะปนกันในใจเมื่อเขาแยกขาทั้งสองข้างของเธอออก และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอมองเห็นส่วนนั้นของเขาได้อย่างชัดเจนความเป็นชายของเขาแข็งแกร่งราวกับต้นไม้ที่ยืนหยัดท่ามกลางพายุ และขนาดของมันที่เธอจำได้ว่ามันมีขนาดที่ใหญ่โตและไม่สามารถนำเข้าปากของเธอได้ ในยามนี้ไม่ใช่แค่ใหญ่เท่านั้นแต่ความยาว..เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยอาการประหม่าและหวาดกลัว“ไม่เป็นไรแมดดี้..มันเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งทำไมครั้งนี้มันจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ”ช่างเป็นการปลอบใจที่ชวนให้รู้สึกฮึกเหิมจริงๆ ....ที่ไหนกันล่ะโว้ย!!เขาหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนจะมองหน้าเธออย่างอ่อนโยน“มันจะไม่เป็นไร..”เขาค่อยๆ ประสานร่างกายกับเธอ ส่วนที่แข็งตึงนั่นกำลังถูกกดแทรกเข้าไปในร่างกายของเธอด้วยเรี่ยวแรงที่มหาศาลของเขา แต่ทว่าที่น่าแปลกคือครั้งนี้มันไม่ได้เจ็บเหมือนกันครั้งแรกอีกแล้ว อาจจะมีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่แต่ทว่าก็ไม่ได้ทรมานถึงขนาดครั้งที่แล้ว“อะ..อื้อ”“อีกนิดแมดดี้..มันจะเข้าไปหมดแล้ว..อดทนอีกนิด”เขากัดกรามแน่น ใบหน้าที่หล่อเหลาประดุจพระเจ้าทรงปั้นของเขาดูเหมือนว่าจ
เอสเตบันหอมหน้าผากเธอเบาๆ ก่อนที่เขาจะมองตาเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับทุกความรู้สึกถูกส่งผ่านทางสายตาแสงแรกของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาที่หน้าต่าง นั่นทำให้เขามองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรือนผมสีแดงที่สะท้อนกับแสงของดวงตะวันทำให้เธอเจิดจ้าและงดงามจะละสายตาไม่ได้หากว่าในยามราตรีเธอมองว่าเขานั้นโดดเด่น เช่นนั้นในยามที่ดวงตะวันสะท้อนเข้ากับใบหน้าของเธอ ก็คงไม่มีสตรีผู้ใด อาจหาญที่จะป่าวประกาศออกมาว่านางงดงามมากกว่าเลดี้แมเดอลีนอีกแล้วล่ะ“ข้าต้องไปแล้วแมดดี้..”เธอนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนอน เขาไม่อยากจะปลุกเธอขึ้นมาเพราะแมดดี้เองก็พึ่งจะได้นอนไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้นเองเอสเตบันจำใจเดินออกมาจากเตียงและในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดหน้าต่างเพื่อเดินออกไปด้านนอกห้องนอนของเธอ เพื่อใช้เครื่องมือเวทในการเดินทางกลับ ประตูห้องนอนของแมเดอลีนก็ถูกเปิดออกพร้อมกับบารอนโอทีสที่เดินเข้ามาแน่นอนว่าเอสเตบันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือว่าต้องการที่จะหลบหนี“แมวขโมยอย่างนั้นหรือ?”“สวัสดีครับท่านบารอน..ข้ามิใช่แมวขโมยอย่างที่ท่านพ่อตากล่าวหาหรอกนะครับ”พ่อตา? ไอ้เด็กเวรนี่..“บุตรสาวของข้ายังไม่ได้แต
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าหน่อยสิว่า..เจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไร?”แมดดี้เหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เธอไม่ได้ตอบรับหรือว่าปฏิเสธออกไป“ข้าอยากให้การแต่งงานมันเริ่มต้นด้วยความรัก เพราะแบบนั้นจึงยังไม่ได้รับปากว่าจะรอเขากลับมา..”ดาเนียลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งบนเตียงกับแมเดอลีน เธอจับมือของเพื่อนรักเอาไว้“นั่นคือการเลือกที่ถูกต้องแล้ว เวลาจะทำหน้าที่พิสูจน์ความรู้สึกของเจ้าและท่านดยุคเอง..วันนี้มีงานเทศกาลในเมืองนะแมดดี้เราออกไปเที่ยวด้วยกันเถอะ”ดาเนียสวมเสื้อคลุมให้เธอ พร้อมกับหมวกบอนเน็ตสีเดียวกันกับเสื้อคลุม เราทั้งคู่จับมือมาเที่ยวที่งานเทศกาลประจำปี งานนี้จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติของทหารกล้าและเหล่าขุนนางต่างๆ ที่ปกป้องจักรวรรดิเอาไว้เธอไม่ลืมสวมวิกผมสีดำออกมา แมเดอลีนไม่อยากเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ เธอคิดว่าเส้นผมสีแดงของตระกูลเรเซเดนมันโดดเด่นมากทีเดียว มันไม่เหมาะเลยที่จะออกมาจากคฤหาสน์ด้วยภาพลักษณ์ที่จะถูกเพ่งเล็งง่ายๆ เช่นนั้น“สุดยอดไปเลยนะว่าไหม ปีหน้าเราคงจะมาเที่ยวในงานเทศกาลด้วยกันสามคน รวมเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องเจ้าด้วย”แมเดอลีนยกยิ้มขึ้นมา เธอลูบท้องเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่อบอุ่
การปฏิเสธเขาคงยากมากพอๆ กับที่ห้ามตัวเองไม่ให้หายใจ มือทั้งสองข้างของเธอจับเข้าที่เรือนผมสีเงินของเขาอย่างลืมตัวแมเดอลีนนั่งอยู่บนขอบอ่าง แผ่นหลังของเธอแนบชิดติดกับกำแพง เรียวขาขาวเนียนถูกจับแยกออก ก่อนที่เขาจะมุดใบหน้าเข้าไปในซอกขาที่กางออกและสั่นเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืน เธอขบกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับร้องครางออกมาเสียงดัง ลิ้นของเขาตวัดเลียอย่างชำนาญและหิวกระหายมองจากมุมนี้ เธอมองเห็นเพียงเส้นผมของเขาเท่านั้น และในความรู้สึกฉายชัดถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปลายลิ้นร้อนของเขาให้ความรู้สึกสุขสมที่แตกต่างจากนิ้วมือพอเขาละใบหน้าออกมาจากตรงนั้น มุมปากของเขาก็เลอะคราบน้ำหวาน เอสเตบันกำแก่นกายที่พร้อมนานแล้วดันเข้าไปอย่างไม่รอช้า การสอดแทรกรวดเร็วป่าเถื่อนเหมือนกับที่เขาละเลงลิ้นเมื่อครู่“อะ..อ่า..ช้า..ช้าลงหน่อยค่ะ!”หลังของเธอกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏให้เห็น มีแต่ความสุขสมที่แผ่ซ่านขึ้นมาในร่างกายเขาก้มหน้าลงแล้วงับยอดอกที่กำลังชูชันของเธอเบาๆ เสียงดูดดึงดังขึ้นมาจนแมเดอลีนรู้สึกเขินอายไม่น้อยเธอยกขาขึ้นมาเกี
ใบหน้าหวานของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อท่านดยุคถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก ตามมาด้วยเสื้อตัวในและกางเกงที่เขาสวมเธอจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ในอ่างเรียบร้อยแล้ว และแมเดอลีนกำลังก้มหน้าลงเพื่อรอคอยให้ท่านดยุคที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดินลงไปในอ่างน้ำที่ทำจากไม้ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเคยอยู่ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยคิดว่าเขาจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร“อายอะไรกัน มิใช่ว่าทุกส่วนบนร่างกายของข้านั้น เจ้าเคยเห็นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เธอเคยเห็นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามันเป็นในช่วงเวลายามราตรีที่ทั่วทั้งห้องไม่มีแสงไฟสักดวง ในคืนนั้นมีแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างและเป็นพยานให้เรา..เมื่อเอสเตบันเห็นว่าแมเดอลีนเงียบไป เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ บอกตามตรงว่าเขาชื่นชอบบ้านหลังนี้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย่อส่วนไปหมด ห้องอาบน้ำเล็กๆ อ่างน้ำเล็กๆ ที่เข้าไปนั่งสองคนคงจะอึดอัด..มือของเอสเตนบันเอื้อมไปที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะดึงรั้งผ้ากันเปื้อนออกจากเอวของแมดดี้“ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด..”เธอช้อนสายตามองหน้าเขา“ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่คำลวงแสนหวานที่
ดาเนียอุ้มมิก้าในอ้อมแขน เธอหอมแก้มสลับกับจุมพิตลงไปบนเส้นผมของหลานสาวตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา“ท่านน้า..ทำไมท่านป้อของมิก้าถึงมาช้าจัง”คำถามที่เต็มไปด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับเด็กๆ นั้นทำให้ดาเนียอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้“มิก้า..เพราะว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ท่านพ่อของมิก้าไม่ได้อยู่กับมิก้าก็จริงแต่ว่าท่านพ่อของมิก้าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนอื่นที่กำลังทุกข์ยากจากสภาวะของสงคราม.."มิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย“สงคราม คืออะไยคะท่านน้า”นั่นสินะ คงยังเร็วไปที่จะบอกกล่าวทุกอย่างกับเด็กน้อยในวัยสามขวบเช่นนี้“เอาเป็นว่าในยามนี้พ่อของหลานกลับมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่รึไง มิก้าเองก็..ควรจะดีใจกับการกลับมาของท่านพ่อนะ”มิก้าหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก“มิก้ามีท่านป้อเหมือนเพื่อนคนอื่นแล้ว..คอยดูเถอะในวันพรุ่งนี้ มิก้าจะพาท่านป้อไปอวดเพื่อน!”ดาเนียพยักหน้า“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ ใครที่เคยล้อมิก้าของน้าต้องสมควรที่จะถูกจัดการ วันพรุ่งนี้หลานพาท่านพ่อของหลานไปจัดการสั่งสอนเด็กคนนั้นเลยเข้าใจไหม”มิก้าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ“ได้เยย
แมดเดอลีนมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอเดินนำเอสเตบันเข้ามาด้านในบ้านหลังน้อยที่ปกติแล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับลูกสาวเท่านั้น ของเล่นที่ทำจากไม้วางเกลื่อนอยู่บนพื้น พร้อมกับภาพวาดที่เด็กสาวตัวน้อยคงจะสร้างสรรค์มันขึ้นมาจากมือเล็กๆที่ไร้เดียงสา ในภาพวาดนั้นมีผู้หญิงที่มีเส้นผมสามเส้น และเด็กน้อยกำลังยืนจับมือกันเอสเตบันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกมากมายในใจ มีกระดาษหลายแผ่นทีเดียวที่วาดภาพเดิมซ้ำๆ ที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นสีของชุดบ้างล่ะ ทรงผมบ้างล่ะ แต่ทว่าในทุกรูปจะมีแค่มิก้าและท่านแม่เท่านั้น..ไม่มีรูปไหนเลยที่มีท่านพ่อหรือว่าผู้ชายสักคนอยู่ในภาพวาดของมิก้าเขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาในใจ เขาไม่โทษทั้งมิก้าและแมดดี้ ที่ในระหว่างเส้นทางที่แสนสวยงามในการเติบโตของลูกสาว มันไม่มีเขาอยู่ในนั้นในมุมมองของเอสเตบัน บางทีแมดดี้อาจจะกลัว มีหลายอย่างที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา หลายอย่างมากทีเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว..ทั้งระยะทาง เวลาที่เราห่างกันมากมายขนาดนั้นเขาไม่ได้ส่งจดหมายไปหาเธอเลยแม้แต่ฉบับเดียว ส่วนเธอเองก็ไม่ได้ส่งจดหมายมา
มิก้ากะพริบตาปริบๆ มองหน้าท่านลุงที่ดูน่ากลัว..“มัง..ฝยั่ง”“อ่า..เจ้ามาที่นี่เพื่อขายเจ้ามันหัวนี้อย่างนั้นหรือ?”มิก้าพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าขายมันราคาเท่าไหร่กันล่ะ”มิก้าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาสองนิ้วท่านลุงคนนั้นพยักหน้า“สองเหรียญสินะ นั่นเป็นราคาที่ค่อนข้างแพงมากไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าเจ้าให้ข้าอุ้ม ข้าจะซื้อมันฝรั่งหัวนั้นพร้อมกับพาเจ้ากลับบ้านด้วยดีไหม?”ท่านแม่เคยสอนว่าอย่างไว้ใจคนแปลกหน้า แต่ทว่าท่านลุงคนนั้นไม่ได้แค่ยื่นเงินให้มิก้าเพียงอย่างเดียว แต่ในมือของท่านลุงที่ไม่น่าไว้ใจมีลูกกวาดสีสวยอยู่ในนั้นด้วยมิก้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาก็พ่ายแพ้ให้กับขนมในมือของคุณลุงที่ไม่น่าไว้ใจมิก้าไม่ได้เห็นแก่กิน แต่มิก้าเหนื่อยเกินที่จะเดินกลับบ้านแล้วต่างหาก!!เอสเตบันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน เขาหลับตาลงก่อนจะโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนเอาไว้แน่น เขาซบใบหน้าลงไปบนไหล่เล็กนั่นด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจเขากำลังตามหาคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเลเซิน แต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่เขามองเห็นเด็กน้อยที่มีเส้นผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าอ่อน นางสวมชุดที
ไดอาน่าเบนสายตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงน้ำชาของท่านหญิงแบล็ค ที่จัดขึ้นมาเป็นงานแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง เจตนาของท่านหญิงก็เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าภริยาของทหารกล้าในวันนี้ที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่แสนวุ่นวาย แต่เพราะว่าไดอาน่ามีจุดประสงค์ต่างหากเธอเดินเจ้าไปหาบารอนเนสที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับภริยาของชนชั้นสูงด้วยกัน“ท่านหญิง..ยินดีที่ได้พบค่ะ”เดวาย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงไดอาน่าแห่งตระกูลวีไซร์“เจ้าสบายดีใช่ไหมบารอนเนส งานเลี้ยงแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฤดูร้อนเวียนกลับมาอีกครั้ง งานเทศกาลมากมายที่กำลังจะจัดขึ้นและเสียงหัวเราะของผู้คน”เดวาพยักหน้า เธอเห็นด้วยกับความคิดของท่านหญิงมากทีเดียว“น่าเสียดายที่งานเลี้ยงเช่นนี้ทั้งแมเดอลีนและมิก้าไม่ได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นมิก้าคงจะกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กพวกนั้น”สายตาของไดอาน่ามองไปที่กลุ่มเด็กเล็กๆ ที่เป็นบุตรและบุตรีของขุนนางกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงแห่งนี้คึกคักขึ้นมา“นั่นสินะคะ..”ไดอาน่ายื่นมือไปจับแขนของเดวาเอ
ผ่านมาแล้วสามเดือนหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ลุควิคกำลังเดินตรวจตราบริเวณรอบๆ กองทัพ ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว และในยามนี้หลงเหลือทหารที่ค่ายชั่วคราวแห่งนี้ไม่ถึงสองร้อยด้วยซ้ำ อาการบาดเจ็บของทุกคนดีขึ้นรวมทั้งอาการบาดเจ็บของเอสด้วย“ขอบคุณนะคะ..ท่านลุง”ลุควิคมองเอสที่กำลังส่งขนมปังให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน5ขวบ นางคือลูกของชาวบ้านแถวนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม สภาพความเป็นอยู่เลยไม่ดีเท่าไหร่นัก“เอานี่ไปให้พ่อและแม่ของเจ้านะ..”เอสเตบันวางเหรียญทอง3เหรียญลงบนมือน้อยๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินของเด็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เด็กน้อยมองทหารที่กำลังเก็บกระโจมและรื้อรั้วของค่ายทหารเมื่อได้ยินคำถามที่แสนน่ารักน่าชังนั่น เอสเตบันก็ลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ“ใช้แล้ว ข้าจะต้องกลับแล้วล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีนะเด็กน้อย..”นางจะตัวเท่านี้รึเปล่านะ หรือว่าจะตัวเล็กมากกว่านี้ โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นสีฟ้าเหมือนกับแม่ เพราะนั่นคงจะทำให้นางดูน่ารักน่าชังในแบบที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน…ลูกสาวของเขาน่ะเมื่อเด็กผู้นั้นวิ่งออกไป ลุควิ
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของแมเดอลีนแล้ว ท่านหญิงไดอาน่าก็ยกยิ้มขึ้นมาเธอเคยลงสนามต่อสู้กับราชวงศ์มากมายที่พระราชวัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์หญิงปลายแถวแต่ทว่าไดอาน่าก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกลับคมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ความคิดของเธอเฉียบแหลมอยู่เสมอในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกสะใภ้ของเธอ นายหญิงและดัชเชสของวีไซร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแมเดอลีน“ข้าไม่มีสิทธิ์จะห้ามเจ้าอยู่แล้วแมเดอลีน ขอให้เจ้าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ และขอให้มิก้าเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข.."แมเดอลีนโล่งใจในทันที เธอคิดเอาไว้ว่าท่านหญิงอาจจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พอได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของท่านหญิงแล้ว..นั่นทำให้เธอวางใจอย่างแท้จริง“หวังว่าท่านหญิงจะสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขเช่นกันนะคะ”ไดอาน่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยเรื่องราวมากมายด้วยกัน จนมิก้าตื่นขึ้นมาแมเดอลีนก็บอกลาไดอาน่าพร้อมกับกล่องชูครีมที่ท่านหญิงทำเอง“จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือคะท่านหญิง โอกาสที่จะได้พบเจอและสานสัมพันธ์กับเลดี้แมเดอลีนและคุณหนูมิก้ากำลังหลุดลอยออกไปเรื่อยๆ ..”สาวใช้ข้างกายของไดอาน่ากล่าวออกมาด
“....แมดดี้ แม่เคารพในทุกการตัดสินใจของลูกนะ”เดวากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหล เธอเข้าใจลูกสาวมากทีเดียวที่แมดดี้ต้องการจะพามิก้าไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวัยที่มิก้าสามารถเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ถึงจะพากลับมา แน่นอนว่าในใจของเธอซึ่งเป็นยายนั้นย่อมมีความเป็นห่วงทั้งแมดดี้และมิก้าแต่ทว่าที่ผ่านมา เธอเลี้ยงลูกด้วยความผิดพลาดมาตลอด เพราะมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอและโอทีสหวงแหนแมดดี้ยิ่งว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้และการห่วงที่มากมายนั้นมันทำให้แมดดี้ไม่ได้มองเห็นโลกอีกมุมที่แสนโหดร้าย อันที่จริงหากย้อนเวลากลับไปได้ เดวาอยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องการเลี้ยงลูกของเธอ เธอควรจะให้อิสระกับแมดดี้มากกว่านี้ให้โอกาสในการตัดสินใจและให้โอกาสอีกหลายๆ อย่างที่แมดดี้ไม่ได้ทำมันเพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองเห็นหลานสาวตัวน้อยเติบโตก็ไม่เป็นไร เธออยากให้มิก้ามีอิสระที่แมดดี้ไม่มี และเดวาคิดว่ามแมดดี้เองก็คงอยากจะเลี้ยงลูกของนางด้วยการพาเด็กน้อยไปเปิดหูเปิดตาเพื่อเรียนรู้โลกภายนอก“แต่แมดดี้..”เดวายกมือขึ้นมาตีลงไปบนหลังของสามีที่กำลังทำท่าทางราวกับจะร้องไห้ออกมา