ดวงตาสีฟ้าอ่อนกำลังช้อนขึ้นเพื่อมองหน้าของบุรุษที่บุกเข้ามาในห้องนอนของเธอในยามวิกาล เขาอุ้มเธอขึ้นมากอดเอาไว้ แล้ววางเธอลงอย่างแผ่วเบาบนตักของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างมันราวกับมีเมฆหมอกมาบดบังเพราะว่าเธอมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ถนัดเท่าไหร่นัก มันเหมือนกับเธอกำลังง่วงนอนมากๆ ..
“ท่านกำลังใช้เวทมนตร์อะไรกับข้าคะ..แล้วท่านมาที่นี่ทำไม..” เขาเงียบไปพักหนึ่ง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าตั้งครรภ์” เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขารับรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เช่นนั้นเขาคงจะไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีใช่ไหมนะ..ฝ่ามือหนาของเขาเอื้อมมือมาปิดตาเธอเอาไว้ ก่อนที่ปลายจมูกจะกดแนบลงบนเรือนแก้มของเธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรกับเธอกันแน่ ร่างกายถึงได้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้าคือชายผู้นั้น..พ่อของเด็กน้อยที่อยู่ในนี้” เขาวางมือลงบนหน้าท้องของเธอ แล้วสัมผัสมันลงไปด้วยความนุ่มนวล แม่ของเขาย้ำหนักหนาถึงเรื่องที่ว่าห้ามเขาทำอะไรแมเดอลีน เพราะสตรีที่ตั้งครรภ์ในช่วงแรกๆ อาจมีภาวะเสี่ยงที่จะแท้งได้ ทางที่ดีหากว่าเขาอยากจะทำอะไร..ท่านแม่ให้เรารอคอยจนถึงช่วงเวลาห้าเดือนไปแล้ว และควรจะทำด้วยความอ่อนโยนด้วย เขามาที่นี่ก็ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอะไรเลย เขาแค่อยากมาหาเธอเท่านั้น “มะ..หมายความว่ายังไงกันคะ” เอสเตบันยกมือเขาออกมา เขามองเห็นเธอหลับตาอย่างว่าง่าย “ข้าคิดว่าเจ้าคงจะลำบากมาก เพราะแบบนั้นข้าจึงมาที่นี่ เพื่อมารับผิดชอบในสิ่งที่ข้าทำลงไป และ..ในคืนนั้นมันดีมากจนข้าลืมไม่ลงเลย” เธอขบกัดริมฝีปากล่างในทันที บอกตามตรงว่าแมเดอลีนกำลังลังเลในใจ เมื่อเขากล่าวออกมาว่าเขาคือบุรุษในคืนนั้นที่เราทั้งคู่มีค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนด้วยกัน อยู่ๆ เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที อาจจะเพราะว่ามีบุรุษแค่ 4 คนเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอตั้งครรภ์ได้ ตัดเคาน์แบล็คและเซอร์แลนดรีออกไป ก็จะเหลือแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือดยุควีไซร์และเซอร์อาดาล.. เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองหน้าเขา สิ่งที่ฉายชัดในดวงตาของแมเดอลีนคือเส้นผมสีเงินสว่างของเขาที่มันกำลังสะท้อนเข้ากับแสงของดวงจันทร์ ในคืนนั้นก็เป็นเช่นนี้ เธอหลงใหลไปกับภาพลักษณ์ที่สะกดสายตาและสะกดหัวใจของเขาไปอย่างนั้นสินะ ทั้งๆ ที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวละครของเนื้อเรื่องหลักเพราะว่าเธอไม่ต้องการให้ตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวาย แต่สุดท้ายทำไมกันนะ? ทำไมเธอถึงได้ตั้งครรภ์ลูกของตัวร้ายกันได้ล่ะเนี่ย ความอ่อนเพลียปรากฏให้เห็นผ่านแววตาของเธอ เพราะกำลังตั้งครรภ์สินะร่างกายของเธอถึงได้เปลี่ยนแปลงไป.. “หากคืนนี้เจ้าง่วงก็นอนก่อนเถอะ ข้าจะออกไปจากที่นี่หลังจากที่เจ้าหลับแล้ว..” เธอจะหลับตาลงได้ยังไงกัน ในเมื่อตัวเองทำเรื่องใหญ่โตเอาไว้ขนาดนั้น “อันที่จริงข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านมารับผิดชอบข้าหรอกนะคะ ในคืนนั้นเราทั้งคู่ต่างก็สมยอม และเป็นข้าเองที่ไม่ได้ดื่มยาห้ามตั้งครรภ์ ข้าไม่อยากจะดึงรั้งชีวิตของท่านให้ต้องมารับผิดชอบในเรื่องที่ท่านไม่ได้ผิดอะไรเลย” นั่นคือสิ่งที่เอสเตบันตกใจจนเขาแทบจะระเบิดอารมณ์โมโหออกมา เธอกล่าวออกมาด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า ในแบบที่เธอไม่รู้หรอกว่าเขาพยายามมากแค่ไหนที่จะมาที่นี่แล้วแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาจะรับผิดชอบเรื่องนี้! “เจ้าจะให้ข้าทำตัวเสื่อมเสียเกียรติเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อเด็กคลอดออกมานางจะมีเส้นผมสีเงินตามแบบฉบับของตระกูลวีไซร์..ข้าไม่ยินยอมให้ชื่อเสียงของข้า..” “ก็เพราะอย่างนั้นไงคะ เพราะว่าท่านไม่ได้คำนึงถึงเรื่องต่อจากนี้ของเราเลยด้วยซ้ำ ท่านคิดว่าการแต่งงานมันง่ายอย่างนั้นหรือคะ คิดว่าเมื่อเราแต่งงานกันแล้วทุกอย่างจะจบลง ท่านได้ผู้สืบตระกูล ส่วนข้าได้เรียกคืนชื่อเสียงของตัวเองกลับมาอย่างนั้นหรือ? ท่านดยุคคะ..ข้าจะไม่แต่งงานกับท่านเพราะท่านแสดงออกว่าต้องการรับผิดชอบหรอกนะคะ หากชีวิตการแต่งงานของเรามันไม่มีความสุข เช่นนั้นเราจะแต่งงานกันไปทำไม” เปลือกตาของแมเดอลีนเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ “เราทั้งคู่ควรจะเดินทางไปตามทางเดินของเรา..แบบนั้นถึงจะถูกต้องค่ะ อย่าเอาความสุขทั้งชีวิตของท่านและข้ามาทิ้งไปกับคำว่ารับผิดชอบเลย” นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาจะยินยอมทำให้เกียรติของวีไซร์เสื่อมเสียเช่นนี้ “เจ้าเลือกเองนะแมเดอลีน เพราะอย่างนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะไม่..คืนคำทีหลัง” เธอส่งยิ้มให้กับท่านดยุคแห่งวีไซร์ “ข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่นอนค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเดมเลลานี่นะคะ ข้าจะบอกกล่าวให้นางรับรู้ถึงเรื่องนี้เองว่าท่านดยุคไม่ได้ทำอะไรผิดเลย” เขาไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นสักหน่อย มันจะจบลงง่ายๆ แบบนี้เลยใช่ไหม.. แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อนางยืนกรานเอาไว้ว่านางไม่ต้องการความรับผิดชอบจากเขา ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองไปยังประตูไม้บานใหญ่ของห้องนอนแมเดอลีน บารอนโอทีสได้ยินในทุกคำกล่าวของบุรุษลึกลับที่เข้ามาในคฤหาสน์ของเขา และเขารู้ตั้งแต่แรกว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา เขารีบวิ่งมาหาแมดดี้ในทันทีเพราะเป็นห่วง และนั่นทำให้เขาได้ยินถ้อยคำทุกถ้อยคำที่หมอนั่นบอกกล่าวกับแมดดี้.. เขาเคารพและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของแมดดี้เสมอ ไม่ว่านางจะเลือกทางไหน เขายินดีและสนับสนุนการเลือกของแมดดี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และอย่างน้อยที่สุดวันนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าพ่อของหลานในท้องของแมดดี้คือใครกันแน่ ดยุควีไซร์อย่างนั้นหรือ เจ้าเด็กคนนี้สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อยแล้ว! ............... “ข้ากำลังเลือกอยู่โอทีส แต่เจ้าก็รู้ว่าการทำศึกกับชนเผ่าทะเลทรายมันไม่ใช่เรื่องง่าย คนพวกนั้นเป็นพวกป่าเถื่อน พวกเขาอยากได้ที่ดินติดทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของเรา..และข้ายกให้ไม่ได้อยู่แล้ว” บารอนโอทีสส่งยิ้มให้กับองค์จักรพรรดิ “เช่นนั้นกระหม่อมขอบังอาจกราบทูลรายชื่อของบุรุษผู้เก่งกาจที่จะนำชัยชนะครั้งนี้มาให้พระองค์ได้หรือไม่?” องค์จักรพรรดิหรี่ตามองหน้าสหายรัก “ว่ามาสิโอทีส เจ้ามองว่าใครกันที่จะเป็นแม่ทัพในการนำทหารของเราไปต่อสู้กับพวกชนเผ่าทะเลทราย” โอทีสมองหน้าขององค์จักรพรรดิด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ดยุควีไซร์พ่ะย่ะค่ะ เราควรจะส่งบุรุษที่แสนเก่งกาจผู้นั้นออกไปรบแนวหน้าของกองทัพเพื่อประกาศศักดิ์ดาของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์ให้เกรียงไกรไปทุกหนแห่ง” องค์จักรพรรดิหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่ต้องเดาเลย แสดงว่าพ่อของเด็กในท้องแมเดอลีนคือเอสเตบันอย่างนั้นสินะ"ประกาศราชโองการจากทางพระราชวัง เนื่องจากชนเผ่าทะเลทรายกระทำการรุกล้ำพื้นที่ทางตอนใต้ของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์ ทำให้องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้ท่านดยุคแห่งตระกูลวีไซร์ออกเดินทางไปจัดการประกาศศักดิ์ดาให้ชนเผ่าทะเลทรายล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์"ท่านหญิงไดอาน่าถึงกับเป็นลมในทันทีที่ข้าหลวงจากพระราชวังประกาศราชโองการออกมา เธอมีลูกชายแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงได้กระทำการเช่นนี้กันนะ ไม่เห็นแก่ความเป็นสายเลือดของเราแล้วหรืออย่างไรกัน!“รับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”“ฝ่าบาทฝากข้อความมาบอกท่านดยุคว่าขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพและนำชัยชนะกลับมาให้ชาวเมืองทุกคนของโอลีวีเย่ร์ด้วยนะครับ”เอสเตบันหยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือว่าไม่ชอบใจอะไรเลยที่ตัวเองถูกส่งไปออกรบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่เขาจับดาบออกรบ เขาคิดว่านี่คือหน้าที่ของขุนนางทุกคน ที่จะต้องปกป้องจักรวรรดิเอาไว้“ให้ตายสินี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าไปทำอะไรไม่ดีกับขุนนางคนไหนรึเปล่าเอส ทำไมชื่อของเจ้ามันถึงไปอยู่ในใบราชโองการได้!”ช่วงนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลย มีแค่บุกรุกไปที่เรเซเดนเมื่อคืนเท่านั้นเอง..แ
ดาเนียมองหน้าของแมดดี้แบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เพราะว่าเธอกำลังพร่ำพรรณนาถึงเรื่องที่เธอใฝ่ฝัน นั่นก็คือเรื่องของเจ้าชายขี่ม้าขาวที่จะเข้ามาหาในยามราตรี..แล้วแมดดี้หน้าเเดงทำไมกัน?“นี่เจ้า..ไม่สบายรึเปล่าแมดดี้”แมเดอลีนยกมือขึ้นมาพัดเบาๆ ที่ใบหน้า“..คงจะเป็นเพราะแดดที่ร้อนมากเกินไปละมั้ง ข้าคิดว่าเราย้ายเข้าไปในนั่งในเรือนรับรองกันเถอะ”สองแก้มแดงเห่อร้อน แมเดอลีนใช้เวลานานมากพอสมควรที่สีหน้าของเธอจะกลับมาเป็นปกติ และคืนนี้เธอนั่งลงที่ริมหน้าต่างในห้องนอน เธอกำลังกวาดสายตามองออกไปด้านนอก สิ่งที่เห็นชัดเจนในคืนนี้คือดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้าในยามราตรีนี่เธอเป็นบ้าอะไรกัน เมื่อวานยังปฏิเสธเขาออกไปเสียงแข็งเช่นนั้นแล้ววันนี้ความคาดหวังในใจของเธอมันคืออะไรกันแน่นะอาจจะเป็นเพราะว่าเธอล่วงรู้ว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะเดินทางออกไปจากเมืองหลวงเพื่อไปออกรบยังดินแดนทางใต้ของจักรวรรดิ นั่นทำให้เธอรู้สึกใจหายไม่น้อยที่จะไม่ได้พบเจอหน้าเขาแล้ว..ถึงแม้ว่าในยามปกติเราก็แทบไม่ได้พบเจอกันก็ตามทีเขาแตกต่างจากตัวร้ายในนิยายที่เธอรู้จักมากทีเดียว เขาเอ่ยปากออกมาว่าเขาจะรับผิดชอบ และ
แมเดอลีนรู้ดีว่านี่ไม่ถูกต้อง แต่ทว่าหากจะถามถึงเสียงความต้องการในใจของเธอแล้วละก็ ถึงแม้ว่านี่มันจะไม่ถูกต้องแต่ทว่ามันถูกใจเนี่ยนะสิเขาลูบไล้ปลายผมของเธออย่างช้าๆ นิ้วของเขาที่สัมผัสบนเส้นผมสีแดงนั้นราวกับกำลังถ่ายทอดความรู้สึกออกมาไม่มากก็น้อยอย่างที่บอกว่าเราต่างกำลังหลงใหลกันแทบบ้า..และในส่วนลึกของหัวใจเอสเตบันมั่นใจว่าความคิดของแมเดอลีนเองก็คงจะไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่นัก“หากว่าเจ้ายังไม่ผลักไสข้าออกไป ข้าจะคิดซะว่าเจ้ายินยอมนะแมดดี้”เขาก้มลงจูบที่เส้นผมของเธอเบาๆ ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่แสนอ่อนโยนนั่นขึ้นมาเธอยกมือขึ้นมาเพื่อทำท่าจะผลักไสเขาออกแต่ทว่าเอสเตบันกลับรวบข้อมือเล็กๆ ทั้งสองข้างของแมเดอลีนเอาไว้แน่น เขาขมวดคิ้วพร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจเมื่อเธอทำท่าเหมือนกำลังปฏิเสธเขา“ไหนโอกาสที่ท่านดยุคจะให้ข้าปฏิเสธหรือว่าผลักไสล่ะคะ ทันทีที่ท่านก้าวเท้าเข้ามาในห้องนี้ ท่านก็เชื่อมั่นในใจอย่างแรงกล้าไปแล้ว ว่าท่านจะต้อง..ได้ทำในสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่รึไง”เอสเตบันไม่เถียง เขาอุ้มแมเดอลีนขึ้นมาพร้อมกับพาเธอเดินไปที่เตียง ดวงหน้างามนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก“จะ
เธอหายใจถี่ขึ้น ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวลปะปนกันในใจเมื่อเขาแยกขาทั้งสองข้างของเธอออก และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอมองเห็นส่วนนั้นของเขาได้อย่างชัดเจนความเป็นชายของเขาแข็งแกร่งราวกับต้นไม้ที่ยืนหยัดท่ามกลางพายุ และขนาดของมันที่เธอจำได้ว่ามันมีขนาดที่ใหญ่โตและไม่สามารถนำเข้าปากของเธอได้ ในยามนี้ไม่ใช่แค่ใหญ่เท่านั้นแต่ความยาว..เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยอาการประหม่าและหวาดกลัว“ไม่เป็นไรแมดดี้..มันเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งทำไมครั้งนี้มันจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ”ช่างเป็นการปลอบใจที่ชวนให้รู้สึกฮึกเหิมจริงๆ ....ที่ไหนกันล่ะโว้ย!!เขาหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนจะมองหน้าเธออย่างอ่อนโยน“มันจะไม่เป็นไร..”เขาค่อยๆ ประสานร่างกายกับเธอ ส่วนที่แข็งตึงนั่นกำลังถูกกดแทรกเข้าไปในร่างกายของเธอด้วยเรี่ยวแรงที่มหาศาลของเขา แต่ทว่าที่น่าแปลกคือครั้งนี้มันไม่ได้เจ็บเหมือนกันครั้งแรกอีกแล้ว อาจจะมีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่แต่ทว่าก็ไม่ได้ทรมานถึงขนาดครั้งที่แล้ว“อะ..อื้อ”“อีกนิดแมดดี้..มันจะเข้าไปหมดแล้ว..อดทนอีกนิด”เขากัดกรามแน่น ใบหน้าที่หล่อเหลาประดุจพระเจ้าทรงปั้นของเขาดูเหมือนว่าจ
เอสเตบันหอมหน้าผากเธอเบาๆ ก่อนที่เขาจะมองตาเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับทุกความรู้สึกถูกส่งผ่านทางสายตาแสงแรกของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาที่หน้าต่าง นั่นทำให้เขามองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรือนผมสีแดงที่สะท้อนกับแสงของดวงตะวันทำให้เธอเจิดจ้าและงดงามจะละสายตาไม่ได้หากว่าในยามราตรีเธอมองว่าเขานั้นโดดเด่น เช่นนั้นในยามที่ดวงตะวันสะท้อนเข้ากับใบหน้าของเธอ ก็คงไม่มีสตรีผู้ใด อาจหาญที่จะป่าวประกาศออกมาว่านางงดงามมากกว่าเลดี้แมเดอลีนอีกแล้วล่ะ“ข้าต้องไปแล้วแมดดี้..”เธอนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนอน เขาไม่อยากจะปลุกเธอขึ้นมาเพราะแมดดี้เองก็พึ่งจะได้นอนไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้นเองเอสเตบันจำใจเดินออกมาจากเตียงและในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดหน้าต่างเพื่อเดินออกไปด้านนอกห้องนอนของเธอ เพื่อใช้เครื่องมือเวทในการเดินทางกลับ ประตูห้องนอนของแมเดอลีนก็ถูกเปิดออกพร้อมกับบารอนโอทีสที่เดินเข้ามาแน่นอนว่าเอสเตบันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือว่าต้องการที่จะหลบหนี“แมวขโมยอย่างนั้นหรือ?”“สวัสดีครับท่านบารอน..ข้ามิใช่แมวขโมยอย่างที่ท่านพ่อตากล่าวหาหรอกนะครับ”พ่อตา? ไอ้เด็กเวรนี่..“บุตรสาวของข้ายังไม่ได้แต
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าหน่อยสิว่า..เจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไร?”แมดดี้เหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เธอไม่ได้ตอบรับหรือว่าปฏิเสธออกไป“ข้าอยากให้การแต่งงานมันเริ่มต้นด้วยความรัก เพราะแบบนั้นจึงยังไม่ได้รับปากว่าจะรอเขากลับมา..”ดาเนียลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งบนเตียงกับแมเดอลีน เธอจับมือของเพื่อนรักเอาไว้“นั่นคือการเลือกที่ถูกต้องแล้ว เวลาจะทำหน้าที่พิสูจน์ความรู้สึกของเจ้าและท่านดยุคเอง..วันนี้มีงานเทศกาลในเมืองนะแมดดี้เราออกไปเที่ยวด้วยกันเถอะ”ดาเนียสวมเสื้อคลุมให้เธอ พร้อมกับหมวกบอนเน็ตสีเดียวกันกับเสื้อคลุม เราทั้งคู่จับมือมาเที่ยวที่งานเทศกาลประจำปี งานนี้จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติของทหารกล้าและเหล่าขุนนางต่างๆ ที่ปกป้องจักรวรรดิเอาไว้เธอไม่ลืมสวมวิกผมสีดำออกมา แมเดอลีนไม่อยากเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ เธอคิดว่าเส้นผมสีแดงของตระกูลเรเซเดนมันโดดเด่นมากทีเดียว มันไม่เหมาะเลยที่จะออกมาจากคฤหาสน์ด้วยภาพลักษณ์ที่จะถูกเพ่งเล็งง่ายๆ เช่นนั้น“สุดยอดไปเลยนะว่าไหม ปีหน้าเราคงจะมาเที่ยวในงานเทศกาลด้วยกันสามคน รวมเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องเจ้าด้วย”แมเดอลีนยกยิ้มขึ้นมา เธอลูบท้องเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่อบอุ่
หลังจากเราพบเจอกับท่านคาดินันเอดิต ชีวิตการเดินเที่ยวงานของแมเดอลีนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหน ท่านคาดินันก็ล้วนแล้วแต่เดินตามเธอไปอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน“ข้าไม่ค่อยมีเพื่อนเลยครับ..”ดาเนียขมวดคิ้ว“หากชื่อเสียงเรื่องสตรีของท่านคาดินันดีมากกว่านี้ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องมีเพื่อนอย่างแน่นอนค่ะ เหล่าขุนนางต่างตบเท้าเข้าหาท่านคาดินันกันอย่างหนัก..แต่เพราะชื่อเสีย..เอ๊ย ชื่อเสียงของท่านมัน..”เอดิตไม่ได้โกรธเคืองเลดี้ดาเนียเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขาเป็นแบบที่เลดี้ดาเนียกล่าวออกมาจริงๆชีวิตที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของวิหาร เขาเฝ้ามองขุนนางคนแล้วคนเล่าที่เดินทางเข้ามาหาเขาพร้อมกับบุตรีของตัวเอง เพื่อกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนที่กำลังจะเกิดขึ้นมาในอนาคตเขาไม่ได้ถูกมองในฐานะของผู้รับใช้พระเจ้า แต่กลับถูกมองในฐานะของผู้ให้อำนาจ เพราะแบบนั้นเอดิตก็เลย..ทำชั่วไปซะเลย เขาไม่อยากมีพันธะกับสตรี แถมยังไม่อยากให้ชื่อเสียงของตัวเองอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วยด้วยเหตุผลนั้นเอง การเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้านมันจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกใช้ประโยชน์และในยามนี้เขามองเห็นแววตาสีฟ้าอ
บนใบหน้าที่งดงามของแมเดอลีนกำลังหยักยิ้มขึ้นมาจางๆ เมื่อเธอมองเห็นดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นมา มันสวยงามและควรค่าต่อการมานั่งรอชมจริงๆเอดิตใช้เสื้อคลุมของเธอที่ในคราแรกเธอถอดมาคลุมให้เขา ในยามนี้เขากำลังใช้เสื้อคลุมตัวนั้นเพื่อคลุมไหล่ให้เธอ“อากาศเริ่มเย็นแล้วนะครับ..เดี๋ยวเลดี้จะไม่สบาย”แมเดอลีนส่งยิ้มเพื่อขอบคุณเขา“ขอบคุณนะคะ ข้าคิดว่าดาเนียหายไปนานมากพอสมควร ข้าจะไปตามนางหน่อย..”เอดิตรีบจับมือของแมเดอลีนเอาไว้“ให้ข้าไปเองครับ..เลดี้กำลัง..ตั้งครรภ์อยู่นี่”เธอหัวเราะออกมาเบาๆ“เช่นนั้นก็ฝากด้วยนะคะท่านเอดิต”เขามองหน้าเธออีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นบ้าไปแล้วรึไงเอดิต นี่เขากำลังปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความหวานล้ำนั้นอย่างช้าๆ โดยไม่คิดที่จะตอบโต้อะไรเลยงั้นเรอะ..“แมดดี้”เมื่อเอดิตเดินออกมาได้ไม่ไกล เขาก็พบเจอเลดี้ดาเนียและบุรุษผู้หนึ่งทีกำลังจูงมือกันมาแมเดอลีนมองหน้าเพื่อนรักของเธอและเซอร์กรีนสลับกันไปมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“คืนนี้เจ้ากลับกับท่านเอดิตนะ ข้าเชื่อว่าท่านคาดินันคงจะไม่แตะต้องเพื่อนที่กำลังตั้งครรภ์ของข้าหรอกใช่ไหมคะ”เอดิตส่งยิ้มให้กับดาเน
การปฏิเสธเขาคงยากมากพอๆ กับที่ห้ามตัวเองไม่ให้หายใจ มือทั้งสองข้างของเธอจับเข้าที่เรือนผมสีเงินของเขาอย่างลืมตัวแมเดอลีนนั่งอยู่บนขอบอ่าง แผ่นหลังของเธอแนบชิดติดกับกำแพง เรียวขาขาวเนียนถูกจับแยกออก ก่อนที่เขาจะมุดใบหน้าเข้าไปในซอกขาที่กางออกและสั่นเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืน เธอขบกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับร้องครางออกมาเสียงดัง ลิ้นของเขาตวัดเลียอย่างชำนาญและหิวกระหายมองจากมุมนี้ เธอมองเห็นเพียงเส้นผมของเขาเท่านั้น และในความรู้สึกฉายชัดถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปลายลิ้นร้อนของเขาให้ความรู้สึกสุขสมที่แตกต่างจากนิ้วมือพอเขาละใบหน้าออกมาจากตรงนั้น มุมปากของเขาก็เลอะคราบน้ำหวาน เอสเตบันกำแก่นกายที่พร้อมนานแล้วดันเข้าไปอย่างไม่รอช้า การสอดแทรกรวดเร็วป่าเถื่อนเหมือนกับที่เขาละเลงลิ้นเมื่อครู่“อะ..อ่า..ช้า..ช้าลงหน่อยค่ะ!”หลังของเธอกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏให้เห็น มีแต่ความสุขสมที่แผ่ซ่านขึ้นมาในร่างกายเขาก้มหน้าลงแล้วงับยอดอกที่กำลังชูชันของเธอเบาๆ เสียงดูดดึงดังขึ้นมาจนแมเดอลีนรู้สึกเขินอายไม่น้อยเธอยกขาขึ้นมาเกี
ใบหน้าหวานของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อท่านดยุคถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก ตามมาด้วยเสื้อตัวในและกางเกงที่เขาสวมเธอจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ในอ่างเรียบร้อยแล้ว และแมเดอลีนกำลังก้มหน้าลงเพื่อรอคอยให้ท่านดยุคที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดินลงไปในอ่างน้ำที่ทำจากไม้ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเคยอยู่ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยคิดว่าเขาจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร“อายอะไรกัน มิใช่ว่าทุกส่วนบนร่างกายของข้านั้น เจ้าเคยเห็นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เธอเคยเห็นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามันเป็นในช่วงเวลายามราตรีที่ทั่วทั้งห้องไม่มีแสงไฟสักดวง ในคืนนั้นมีแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างและเป็นพยานให้เรา..เมื่อเอสเตบันเห็นว่าแมเดอลีนเงียบไป เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ บอกตามตรงว่าเขาชื่นชอบบ้านหลังนี้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย่อส่วนไปหมด ห้องอาบน้ำเล็กๆ อ่างน้ำเล็กๆ ที่เข้าไปนั่งสองคนคงจะอึดอัด..มือของเอสเตนบันเอื้อมไปที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะดึงรั้งผ้ากันเปื้อนออกจากเอวของแมดดี้“ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด..”เธอช้อนสายตามองหน้าเขา“ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่คำลวงแสนหวานที่
ดาเนียอุ้มมิก้าในอ้อมแขน เธอหอมแก้มสลับกับจุมพิตลงไปบนเส้นผมของหลานสาวตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา“ท่านน้า..ทำไมท่านป้อของมิก้าถึงมาช้าจัง”คำถามที่เต็มไปด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับเด็กๆ นั้นทำให้ดาเนียอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้“มิก้า..เพราะว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ท่านพ่อของมิก้าไม่ได้อยู่กับมิก้าก็จริงแต่ว่าท่านพ่อของมิก้าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนอื่นที่กำลังทุกข์ยากจากสภาวะของสงคราม.."มิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย“สงคราม คืออะไยคะท่านน้า”นั่นสินะ คงยังเร็วไปที่จะบอกกล่าวทุกอย่างกับเด็กน้อยในวัยสามขวบเช่นนี้“เอาเป็นว่าในยามนี้พ่อของหลานกลับมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่รึไง มิก้าเองก็..ควรจะดีใจกับการกลับมาของท่านพ่อนะ”มิก้าหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก“มิก้ามีท่านป้อเหมือนเพื่อนคนอื่นแล้ว..คอยดูเถอะในวันพรุ่งนี้ มิก้าจะพาท่านป้อไปอวดเพื่อน!”ดาเนียพยักหน้า“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ ใครที่เคยล้อมิก้าของน้าต้องสมควรที่จะถูกจัดการ วันพรุ่งนี้หลานพาท่านพ่อของหลานไปจัดการสั่งสอนเด็กคนนั้นเลยเข้าใจไหม”มิก้าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ“ได้เยย
แมดเดอลีนมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอเดินนำเอสเตบันเข้ามาด้านในบ้านหลังน้อยที่ปกติแล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับลูกสาวเท่านั้น ของเล่นที่ทำจากไม้วางเกลื่อนอยู่บนพื้น พร้อมกับภาพวาดที่เด็กสาวตัวน้อยคงจะสร้างสรรค์มันขึ้นมาจากมือเล็กๆที่ไร้เดียงสา ในภาพวาดนั้นมีผู้หญิงที่มีเส้นผมสามเส้น และเด็กน้อยกำลังยืนจับมือกันเอสเตบันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกมากมายในใจ มีกระดาษหลายแผ่นทีเดียวที่วาดภาพเดิมซ้ำๆ ที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นสีของชุดบ้างล่ะ ทรงผมบ้างล่ะ แต่ทว่าในทุกรูปจะมีแค่มิก้าและท่านแม่เท่านั้น..ไม่มีรูปไหนเลยที่มีท่านพ่อหรือว่าผู้ชายสักคนอยู่ในภาพวาดของมิก้าเขาตระหนักได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาในใจ เขาไม่โทษทั้งมิก้าและแมดดี้ ที่ในระหว่างเส้นทางที่แสนสวยงามในการเติบโตของลูกสาว มันไม่มีเขาอยู่ในนั้นในมุมมองของเอสเตบัน บางทีแมดดี้อาจจะกลัว มีหลายอย่างที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา หลายอย่างมากทีเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว..ทั้งระยะทาง เวลาที่เราห่างกันมากมายขนาดนั้นเขาไม่ได้ส่งจดหมายไปหาเธอเลยแม้แต่ฉบับเดียว ส่วนเธอเองก็ไม่ได้ส่งจดหมายมา
มิก้ากะพริบตาปริบๆ มองหน้าท่านลุงที่ดูน่ากลัว..“มัง..ฝยั่ง”“อ่า..เจ้ามาที่นี่เพื่อขายเจ้ามันหัวนี้อย่างนั้นหรือ?”มิก้าพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าขายมันราคาเท่าไหร่กันล่ะ”มิก้าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาสองนิ้วท่านลุงคนนั้นพยักหน้า“สองเหรียญสินะ นั่นเป็นราคาที่ค่อนข้างแพงมากไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าเจ้าให้ข้าอุ้ม ข้าจะซื้อมันฝรั่งหัวนั้นพร้อมกับพาเจ้ากลับบ้านด้วยดีไหม?”ท่านแม่เคยสอนว่าอย่างไว้ใจคนแปลกหน้า แต่ทว่าท่านลุงคนนั้นไม่ได้แค่ยื่นเงินให้มิก้าเพียงอย่างเดียว แต่ในมือของท่านลุงที่ไม่น่าไว้ใจมีลูกกวาดสีสวยอยู่ในนั้นด้วยมิก้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาก็พ่ายแพ้ให้กับขนมในมือของคุณลุงที่ไม่น่าไว้ใจมิก้าไม่ได้เห็นแก่กิน แต่มิก้าเหนื่อยเกินที่จะเดินกลับบ้านแล้วต่างหาก!!เอสเตบันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน เขาหลับตาลงก่อนจะโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนเอาไว้แน่น เขาซบใบหน้าลงไปบนไหล่เล็กนั่นด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจเขากำลังตามหาคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเลเซิน แต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่เขามองเห็นเด็กน้อยที่มีเส้นผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าอ่อน นางสวมชุดที
ไดอาน่าเบนสายตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงน้ำชาของท่านหญิงแบล็ค ที่จัดขึ้นมาเป็นงานแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง เจตนาของท่านหญิงก็เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าภริยาของทหารกล้าในวันนี้ที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่แสนวุ่นวาย แต่เพราะว่าไดอาน่ามีจุดประสงค์ต่างหากเธอเดินเจ้าไปหาบารอนเนสที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับภริยาของชนชั้นสูงด้วยกัน“ท่านหญิง..ยินดีที่ได้พบค่ะ”เดวาย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงไดอาน่าแห่งตระกูลวีไซร์“เจ้าสบายดีใช่ไหมบารอนเนส งานเลี้ยงแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฤดูร้อนเวียนกลับมาอีกครั้ง งานเทศกาลมากมายที่กำลังจะจัดขึ้นและเสียงหัวเราะของผู้คน”เดวาพยักหน้า เธอเห็นด้วยกับความคิดของท่านหญิงมากทีเดียว“น่าเสียดายที่งานเลี้ยงเช่นนี้ทั้งแมเดอลีนและมิก้าไม่ได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นมิก้าคงจะกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กพวกนั้น”สายตาของไดอาน่ามองไปที่กลุ่มเด็กเล็กๆ ที่เป็นบุตรและบุตรีของขุนนางกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงแห่งนี้คึกคักขึ้นมา“นั่นสินะคะ..”ไดอาน่ายื่นมือไปจับแขนของเดวาเอ
ผ่านมาแล้วสามเดือนหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ลุควิคกำลังเดินตรวจตราบริเวณรอบๆ กองทัพ ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว และในยามนี้หลงเหลือทหารที่ค่ายชั่วคราวแห่งนี้ไม่ถึงสองร้อยด้วยซ้ำ อาการบาดเจ็บของทุกคนดีขึ้นรวมทั้งอาการบาดเจ็บของเอสด้วย“ขอบคุณนะคะ..ท่านลุง”ลุควิคมองเอสที่กำลังส่งขนมปังให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน5ขวบ นางคือลูกของชาวบ้านแถวนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม สภาพความเป็นอยู่เลยไม่ดีเท่าไหร่นัก“เอานี่ไปให้พ่อและแม่ของเจ้านะ..”เอสเตบันวางเหรียญทอง3เหรียญลงบนมือน้อยๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินของเด็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เด็กน้อยมองทหารที่กำลังเก็บกระโจมและรื้อรั้วของค่ายทหารเมื่อได้ยินคำถามที่แสนน่ารักน่าชังนั่น เอสเตบันก็ลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ“ใช้แล้ว ข้าจะต้องกลับแล้วล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีนะเด็กน้อย..”นางจะตัวเท่านี้รึเปล่านะ หรือว่าจะตัวเล็กมากกว่านี้ โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นสีฟ้าเหมือนกับแม่ เพราะนั่นคงจะทำให้นางดูน่ารักน่าชังในแบบที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน…ลูกสาวของเขาน่ะเมื่อเด็กผู้นั้นวิ่งออกไป ลุควิ
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของแมเดอลีนแล้ว ท่านหญิงไดอาน่าก็ยกยิ้มขึ้นมาเธอเคยลงสนามต่อสู้กับราชวงศ์มากมายที่พระราชวัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์หญิงปลายแถวแต่ทว่าไดอาน่าก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกลับคมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ความคิดของเธอเฉียบแหลมอยู่เสมอในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกสะใภ้ของเธอ นายหญิงและดัชเชสของวีไซร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแมเดอลีน“ข้าไม่มีสิทธิ์จะห้ามเจ้าอยู่แล้วแมเดอลีน ขอให้เจ้าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ และขอให้มิก้าเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข.."แมเดอลีนโล่งใจในทันที เธอคิดเอาไว้ว่าท่านหญิงอาจจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พอได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของท่านหญิงแล้ว..นั่นทำให้เธอวางใจอย่างแท้จริง“หวังว่าท่านหญิงจะสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขเช่นกันนะคะ”ไดอาน่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยเรื่องราวมากมายด้วยกัน จนมิก้าตื่นขึ้นมาแมเดอลีนก็บอกลาไดอาน่าพร้อมกับกล่องชูครีมที่ท่านหญิงทำเอง“จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือคะท่านหญิง โอกาสที่จะได้พบเจอและสานสัมพันธ์กับเลดี้แมเดอลีนและคุณหนูมิก้ากำลังหลุดลอยออกไปเรื่อยๆ ..”สาวใช้ข้างกายของไดอาน่ากล่าวออกมาด
“....แมดดี้ แม่เคารพในทุกการตัดสินใจของลูกนะ”เดวากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหล เธอเข้าใจลูกสาวมากทีเดียวที่แมดดี้ต้องการจะพามิก้าไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวัยที่มิก้าสามารถเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ถึงจะพากลับมา แน่นอนว่าในใจของเธอซึ่งเป็นยายนั้นย่อมมีความเป็นห่วงทั้งแมดดี้และมิก้าแต่ทว่าที่ผ่านมา เธอเลี้ยงลูกด้วยความผิดพลาดมาตลอด เพราะมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอและโอทีสหวงแหนแมดดี้ยิ่งว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้และการห่วงที่มากมายนั้นมันทำให้แมดดี้ไม่ได้มองเห็นโลกอีกมุมที่แสนโหดร้าย อันที่จริงหากย้อนเวลากลับไปได้ เดวาอยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องการเลี้ยงลูกของเธอ เธอควรจะให้อิสระกับแมดดี้มากกว่านี้ให้โอกาสในการตัดสินใจและให้โอกาสอีกหลายๆ อย่างที่แมดดี้ไม่ได้ทำมันเพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองเห็นหลานสาวตัวน้อยเติบโตก็ไม่เป็นไร เธออยากให้มิก้ามีอิสระที่แมดดี้ไม่มี และเดวาคิดว่ามแมดดี้เองก็คงอยากจะเลี้ยงลูกของนางด้วยการพาเด็กน้อยไปเปิดหูเปิดตาเพื่อเรียนรู้โลกภายนอก“แต่แมดดี้..”เดวายกมือขึ้นมาตีลงไปบนหลังของสามีที่กำลังทำท่าทางราวกับจะร้องไห้ออกมา