เธอหายใจถี่ขึ้น ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวลปะปนกันในใจเมื่อเขาแยกขาทั้งสองข้างของเธอออก และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอมองเห็นส่วนนั้นของเขาได้อย่างชัดเจน
ความเป็นชายของเขาแข็งแกร่งราวกับต้นไม้ที่ยืนหยัดท่ามกลางพายุ และขนาดของมันที่เธอจำได้ว่ามันมีขนาดที่ใหญ่โตและไม่สามารถนำเข้าปากของเธอได้ ในยามนี้ไม่ใช่แค่ใหญ่เท่านั้นแต่ความยาว.. เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยอาการประหม่าและหวาดกลัว “ไม่เป็นไรแมดดี้..มันเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งทำไมครั้งนี้มันจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ” ช่างเป็นการปลอบใจที่ชวนให้รู้สึกฮึกเหิมจริงๆ ....ที่ไหนกันล่ะโว้ย!! เขาหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนจะมองหน้าเธออย่างอ่อนโยน “มันจะไม่เป็นไร..” เขาค่อยๆ ประสานร่างกายกับเธอ ส่วนที่แข็งตึงนั่นกำลังถูกกดแทรกเข้าไปในร่างกายของเธอด้วยเรี่ยวแรงที่มหาศาลของเขา แต่ทว่าที่น่าแปลกคือครั้งนี้มันไม่ได้เจ็บเหมือนกันครั้งแรกอีกแล้ว อาจจะมีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่แต่ทว่าก็ไม่ได้ทรมานถึงขนาดครั้งที่แล้ว “อะ..อื้อ” “อีกนิดแมดดี้..มันจะเข้าไปหมดแล้ว..อดทนอีกนิด” เขากัดกรามแน่น ใบหน้าที่หล่อเหลาประดุจพระเจ้าทรงปั้นของเขาดูเหมือนว่าจะกำลังทรมานมากกว่าใบหน้าของเธอซะอีก ให้ตายสิความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน ร่างกายของเธอเหมือนกำลังถูกเติมเต็มอย่างช้าๆ จนความรู้สึกมันท่วมท้นออกมา “อา..เจ็บรึเปล่า” เธอส่ายหน้าเบาๆ เขาพรมจูบบนหน้าผากที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดซึม นี่คือเรื่องที่ยากมากในชีวิตของเอสเตบัน เขาอยากจะขยับร่างกายแทบบ้า อยากกระทั้นกายเข้าไปตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังลุกโชนและเผาไหม้ร่างกายของเขา แต่จิตสำนึกกลับบอกกล่าวให้เขานั้นอ่อนโยน นี่คือบาปที่กำลังคืนสนองให้เขาสินะ เพราะครั้งแรกเขาทรมานให้เธอเจ็บปวดกับครั้งแรกที่เธอส่งมอบให้เขา เพราะแบบนั้นครั้งนี้เขาจึงเป็นฝ่ายทรมานกับการต้องคอยพยายามหักห้ามใจในความรู้สึกที่ยากเย็นเช่นนี้ เอสเตบันขยับสะโพกด้วยความแผ่วเบา การกระทำที่กล้าๆ กลัวๆ ของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดู.. เขากำลังอ่อนโยนในแบบของเขาล่ะ เขากำลัง..ทะนุถนอมเธออย่างสุดกำลังเลยทีเดียว “เอสเตบัน..” ชื่อของเขาหลุดออกมาจากริมฝีปากของแมเดอลีน “ว่าไงแมดดี้ ไม่ชอบอย่างนั้นหรือ?” หากถามจริงๆ เธอชอบในช่วงเวลาที่เขากระทำรุนแรงมากกว่า แต่ทว่าแมดดี้ก็ไม่มีความกล้าที่จะบอกออกไปเช่นนั้น อีกทั้งในยามนี้เธอยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่ปกติอีกด้วย “ชอบสิคะ..ชอบ..อื้อ!..ชอบมากเลย” การตอบคำถามที่กำกวมเช่นนั้นทำให้เอสเตบันเอง ก็ไม่รู้ว่าคำว่าชอบของแมดดี้นั้นหมายความว่าเธอชอบเขาหรือว่าชอบลีลาของเขากันแน่ แต่ไม่ว่าจะชอบอย่างไหนก็ตามแต่ มันก็คงจะหมายความว่าเธอกำลังชอบเขาอย่างแน่นอน ใบหน้าที่แสนงดงามนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เพราะขนาดเธอตั้งครรภ์ ยังมีบุรุษจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะเข้าหาเธอ..แล้วในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าหัวใจของเธอจะสั่นไหวกับบุรุษหน้าไหนรึเปล่า เมื่อเอสเตบันมั่นใจว่าแมเดอลีนไม่ได้เจ็บปวดกับการกระทำของเขาแล้ว เช่นนั้นเขาจึงเริ่มขยับเร็วขึ้นเล็กน้อยจนได้ยินเสียงของเนื้อกระทบกัน การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่ได้เร่งรีบไปซะหมด มันเชื่องช้าลงและเมื่อผิวเปลือยเปล่าของเราเสียดสีกันมันทำให้แมเดอลีนรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด มือใหญ่รวบดันใต้ขา เท้าของเธอกำลังชี้ไปที่เพดาน ท่าทางน่าอายจนแมเดอลีนไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดี ทุกครั้งที่เขากระทั้น กายเข้ามามันรู้สึกดีจนเธอแทบจะร่ำไห้ “หากอยากได้มากกว่านี้ต้องยกสะโพกขึ้นมาหน่อยแล้วแมดดี้..” ฝ่ามือหยาบกร้านประคองเอว ลูบคลำช่วงเอวคอดและตำแหน่งสีข้างไปมา นั่นทำให้แก่นกายที่กระทุ้งอยู่ยิ่งแทงลึก “อ่า..มันดีมากเลย” เขาคำรามเสียงพร้อมขบกรามแน่น เอสเตบันแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนว่าเขาเคลิ้มมากแล้ว ไม่ว่าจะการเคลื่อนไหวที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะของการหายใจล้วนบ่งบอกเช่นนั้น ริมฝีปากของเขาพรมจูบไปตามข้อเท้าเล็ก ขบกัดมันเบาๆ ด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว “อื้อ!!” เขามองหน้าเธอที่กำลังรู้สึกดีจนทนไม่ไหว ร่างกายของแมเดอลีนกระตุกเกร็งอย่างเห็นได้ชัดครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอเสร็จสม ออกมาด้วยความรู้สึกท่วมท้นในใจ กำลังทำให้เธอรู้สึกกระดากอาย “มีแต่ข้าที่..รู้สึกดีอย่างนั้นหรือคะ” เอสเตบันแค่นหัวเราะ “ข้ากำลังอดทนอยู่ต่างหาก มันดีจนรู้สึกไม่อยากเอาออกมาเลย..ให้ตายสิ..เจ้ากำลังทำให้ข้ารู้สึกอยากจะโลภมากกว่านี้นะแมดดี้ ซึ่งนั่นมันไม่ดีเลย" เมื่อได้สัมผัสย่อมเป็นธรรมดาที่ไม่อยากจะแยกจาก แต่ทว่าวันพรุ่งนี้เขาต้องออกเดินทางไปแล้ว ความจริงที่ปวดร้าวกำลังตีแสกหน้าเขาจนเขาไม่อยากจะรับรู้เลย ร่างกายของเราขยับเข้าหากันด้วยจังหวะกลมกลืน ทุกจังหวะที่ถาโถมมันเต็มไปด้วยความหลงใหลที่ไม่สิ้นสุด ร่างกายของเอสเตบันกระตุกแรงเมื่อถึงจุดสุดยอด ลมหายใจหนักหน่วงที่ไม่อาจระงับได้ เขาก้มหน้าลงไปจุมพิตของเธอเบาๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงแล้วโอบกอดเธอจากด้านหลัง “ไม่อยากไปเลยให้ตายสิ” แมเดอลีนเหนื่อยล้าเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอคิดว่าตัวเองกำลังจะหลับ..แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของท่านดยุคที่เขากำลังใช้ผ้าเช็ดส่วนนั้นของเธอเบาๆ เขานอนลงที่ด้านหลังของเธอแล้วโอบกอดเธอแน่น “แมดดี้..อย่านอนเลย พรุ่งนี้ข้าต้องไปแล้วนะ” เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา “ท่านจะกลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกับชัยชนะอย่างแน่นอนค่ะ” เอสเตบันยกยิ้มขึ้นมา ฝ่ามืออุ่นสอดลึกเข้ามาในผ้าห่ม ลูบไล้ผ่านท้องน้อยก่อนที่เขาจะคลำหาตำแหน่งของยอดอก “..ท่านดยุค” “อยู่เฉยๆ แมดดี้” ท่อนเนื้อที่พึ่งปลดปล่อยไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย เขาขยับเอวเพื่อให้มันแนบชิดลงไปบนส่วนนั้น แก่นกายสอดลึกจากด้านหลังเพื่อให้มันเสียดกับส่วนนั้น หัวบานเปลือยโผล่ให้เห็นผ่านกลางหว่างขา เรียวคิ้วของแมเดอลีนขมวดเขาหากัน “ท่านดยุคคะ..” “ว่าไงแมดดี้?” เขาถามราวกับไม่สนใจน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของเธอเลยสักนิด เอสเตบันเสียดสีกับร่องเสียวพักหนึ่งก็ใช้หัวร้อนๆ ถูไถไปตามซอกเพื่อหาทางเข้าที่คุ้นเคยก่อนยกสะโพกเพื่อกดแทรกแท่งร้อนนั่นเข้าไปในร่างกายของเธออีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะคุ้นชินกับส่วนนั้นของเขาแล้วเพราะมันเข้ามาได้ง่ายๆ “อ๊ะ!” “แมดดี้..พออยู่ท่านี้แล้วรู้สึกว่ามันลึกมากกว่าท่าเมื่อครู่เยอะเลยเจ้าว่าไหม”เอสเตบันหอมหน้าผากเธอเบาๆ ก่อนที่เขาจะมองตาเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับทุกความรู้สึกถูกส่งผ่านทางสายตาแสงแรกของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาที่หน้าต่าง นั่นทำให้เขามองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรือนผมสีแดงที่สะท้อนกับแสงของดวงตะวันทำให้เธอเจิดจ้าและงดงามจะละสายตาไม่ได้หากว่าในยามราตรีเธอมองว่าเขานั้นโดดเด่น เช่นนั้นในยามที่ดวงตะวันสะท้อนเข้ากับใบหน้าของเธอ ก็คงไม่มีสตรีผู้ใด อาจหาญที่จะป่าวประกาศออกมาว่านางงดงามมากกว่าเลดี้แมเดอลีนอีกแล้วล่ะ“ข้าต้องไปแล้วแมดดี้..”เธอนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนอน เขาไม่อยากจะปลุกเธอขึ้นมาเพราะแมดดี้เองก็พึ่งจะได้นอนไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้นเองเอสเตบันจำใจเดินออกมาจากเตียงและในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดหน้าต่างเพื่อเดินออกไปด้านนอกห้องนอนของเธอ เพื่อใช้เครื่องมือเวทในการเดินทางกลับ ประตูห้องนอนของแมเดอลีนก็ถูกเปิดออกพร้อมกับบารอนโอทีสที่เดินเข้ามาแน่นอนว่าเอสเตบันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือว่าต้องการที่จะหลบหนี“แมวขโมยอย่างนั้นหรือ?”“สวัสดีครับท่านบารอน..ข้ามิใช่แมวขโมยอย่างที่ท่านพ่อตากล่าวหาหรอกนะครับ”พ่อตา? ไอ้เด็กเวรนี่..“บุตรสาวของข้ายังไม่ได้แต
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าหน่อยสิว่า..เจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไร?”แมดดี้เหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เธอไม่ได้ตอบรับหรือว่าปฏิเสธออกไป“ข้าอยากให้การแต่งงานมันเริ่มต้นด้วยความรัก เพราะแบบนั้นจึงยังไม่ได้รับปากว่าจะรอเขากลับมา..”ดาเนียลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งบนเตียงกับแมเดอลีน เธอจับมือของเพื่อนรักเอาไว้“นั่นคือการเลือกที่ถูกต้องแล้ว เวลาจะทำหน้าที่พิสูจน์ความรู้สึกของเจ้าและท่านดยุคเอง..วันนี้มีงานเทศกาลในเมืองนะแมดดี้เราออกไปเที่ยวด้วยกันเถอะ”ดาเนียสวมเสื้อคลุมให้เธอ พร้อมกับหมวกบอนเน็ตสีเดียวกันกับเสื้อคลุม เราทั้งคู่จับมือมาเที่ยวที่งานเทศกาลประจำปี งานนี้จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติของทหารกล้าและเหล่าขุนนางต่างๆ ที่ปกป้องจักรวรรดิเอาไว้เธอไม่ลืมสวมวิกผมสีดำออกมา แมเดอลีนไม่อยากเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ เธอคิดว่าเส้นผมสีแดงของตระกูลเรเซเดนมันโดดเด่นมากทีเดียว มันไม่เหมาะเลยที่จะออกมาจากคฤหาสน์ด้วยภาพลักษณ์ที่จะถูกเพ่งเล็งง่ายๆ เช่นนั้น“สุดยอดไปเลยนะว่าไหม ปีหน้าเราคงจะมาเที่ยวในงานเทศกาลด้วยกันสามคน รวมเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องเจ้าด้วย”แมเดอลีนยกยิ้มขึ้นมา เธอลูบท้องเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่อบอุ่
หลังจากเราพบเจอกับท่านคาดินันเอดิต ชีวิตการเดินเที่ยวงานของแมเดอลีนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหน ท่านคาดินันก็ล้วนแล้วแต่เดินตามเธอไปอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน“ข้าไม่ค่อยมีเพื่อนเลยครับ..”ดาเนียขมวดคิ้ว“หากชื่อเสียงเรื่องสตรีของท่านคาดินันดีมากกว่านี้ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องมีเพื่อนอย่างแน่นอนค่ะ เหล่าขุนนางต่างตบเท้าเข้าหาท่านคาดินันกันอย่างหนัก..แต่เพราะชื่อเสีย..เอ๊ย ชื่อเสียงของท่านมัน..”เอดิตไม่ได้โกรธเคืองเลดี้ดาเนียเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขาเป็นแบบที่เลดี้ดาเนียกล่าวออกมาจริงๆชีวิตที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของวิหาร เขาเฝ้ามองขุนนางคนแล้วคนเล่าที่เดินทางเข้ามาหาเขาพร้อมกับบุตรีของตัวเอง เพื่อกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนที่กำลังจะเกิดขึ้นมาในอนาคตเขาไม่ได้ถูกมองในฐานะของผู้รับใช้พระเจ้า แต่กลับถูกมองในฐานะของผู้ให้อำนาจ เพราะแบบนั้นเอดิตก็เลย..ทำชั่วไปซะเลย เขาไม่อยากมีพันธะกับสตรี แถมยังไม่อยากให้ชื่อเสียงของตัวเองอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วยด้วยเหตุผลนั้นเอง การเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้านมันจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกใช้ประโยชน์และในยามนี้เขามองเห็นแววตาสีฟ้าอ
บนใบหน้าที่งดงามของแมเดอลีนกำลังหยักยิ้มขึ้นมาจางๆ เมื่อเธอมองเห็นดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นมา มันสวยงามและควรค่าต่อการมานั่งรอชมจริงๆเอดิตใช้เสื้อคลุมของเธอที่ในคราแรกเธอถอดมาคลุมให้เขา ในยามนี้เขากำลังใช้เสื้อคลุมตัวนั้นเพื่อคลุมไหล่ให้เธอ“อากาศเริ่มเย็นแล้วนะครับ..เดี๋ยวเลดี้จะไม่สบาย”แมเดอลีนส่งยิ้มเพื่อขอบคุณเขา“ขอบคุณนะคะ ข้าคิดว่าดาเนียหายไปนานมากพอสมควร ข้าจะไปตามนางหน่อย..”เอดิตรีบจับมือของแมเดอลีนเอาไว้“ให้ข้าไปเองครับ..เลดี้กำลัง..ตั้งครรภ์อยู่นี่”เธอหัวเราะออกมาเบาๆ“เช่นนั้นก็ฝากด้วยนะคะท่านเอดิต”เขามองหน้าเธออีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นบ้าไปแล้วรึไงเอดิต นี่เขากำลังปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความหวานล้ำนั้นอย่างช้าๆ โดยไม่คิดที่จะตอบโต้อะไรเลยงั้นเรอะ..“แมดดี้”เมื่อเอดิตเดินออกมาได้ไม่ไกล เขาก็พบเจอเลดี้ดาเนียและบุรุษผู้หนึ่งทีกำลังจูงมือกันมาแมเดอลีนมองหน้าเพื่อนรักของเธอและเซอร์กรีนสลับกันไปมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“คืนนี้เจ้ากลับกับท่านเอดิตนะ ข้าเชื่อว่าท่านคาดินันคงจะไม่แตะต้องเพื่อนที่กำลังตั้งครรภ์ของข้าหรอกใช่ไหมคะ”เอดิตส่งยิ้มให้กับดาเน
สี่ปีที่แสนยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อดยุคเอสเตบัน จัดการสังหารองค์ราชาของชนเผ่าทะเลทรายได้สำเร็จเสียงโห่ร้องยินดีของเหล่าทหารกล้าทำให้เอสเตบันรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังฝันไปเขาติดอยู่ที่นี่ยาวนานมากเหลือเกิน ในทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนอบอ้าวเลลานี่ผ่อนลมหายใจยาวผ่านทางจมูก บรรยากาศสดชื่นหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจสิ้นสุดแล้วสินะ สงครามที่ยาวนานแสนน่าเบื่อนี่ จบลงได้สักที!ทหารของจักรวรรดิเองก็บาดเจ็บไม่น้อย อีกทั้งเรายังไม่สามารถเดินทางกลับได้ในทันทีเพราะเมืองทางใต้เสียหายหนักมากพอสมควร อีกทั้งทหารในกองทัพของเราก็ไม่พร้อมที่จะเดินทางด้วย“เจ้าต้องเป็นคนส่งข่าวกลับไปลุควิค..ว่ากองทัพของเราชนะสงครามแล้ว และทหาร เหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ที่นี่จะเดินทางกลับในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี”ถึงแม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดแต่สิ่งที่เป็นปัญหายืดเยื้อมานานคือสุขภาพที่ย่ำแย่ของเขาและทุกคนที่อยู่ที่นี่ เอสเตบันบาดเจ็บร้ายแรงมากพอสมควร และเขาอาจจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นยาวนานหลายเดือน เขาอยากจะกลับไปที่จักรวรรดิใจจะขาด แต่ทว่าเขาไม่อยากกลับไปด้วยสภาพเช่นนี้ ไม่อยากจะให้ท่านแม่เป็นห่วงและ..ไม่อยากให้เธอคนนั้นมองเขาด้วยแว
“....แมดดี้ แม่เคารพในทุกการตัดสินใจของลูกนะ”เดวากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหล เธอเข้าใจลูกสาวมากทีเดียวที่แมดดี้ต้องการจะพามิก้าไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวัยที่มิก้าสามารถเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ถึงจะพากลับมา แน่นอนว่าในใจของเธอซึ่งเป็นยายนั้นย่อมมีความเป็นห่วงทั้งแมดดี้และมิก้าแต่ทว่าที่ผ่านมา เธอเลี้ยงลูกด้วยความผิดพลาดมาตลอด เพราะมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอและโอทีสหวงแหนแมดดี้ยิ่งว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้และการห่วงที่มากมายนั้นมันทำให้แมดดี้ไม่ได้มองเห็นโลกอีกมุมที่แสนโหดร้าย อันที่จริงหากย้อนเวลากลับไปได้ เดวาอยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องการเลี้ยงลูกของเธอ เธอควรจะให้อิสระกับแมดดี้มากกว่านี้ให้โอกาสในการตัดสินใจและให้โอกาสอีกหลายๆ อย่างที่แมดดี้ไม่ได้ทำมันเพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองเห็นหลานสาวตัวน้อยเติบโตก็ไม่เป็นไร เธออยากให้มิก้ามีอิสระที่แมดดี้ไม่มี และเดวาคิดว่ามแมดดี้เองก็คงอยากจะเลี้ยงลูกของนางด้วยการพาเด็กน้อยไปเปิดหูเปิดตาเพื่อเรียนรู้โลกภายนอก“แต่แมดดี้..”เดวายกมือขึ้นมาตีลงไปบนหลังของสามีที่กำลังทำท่าทางราวกับจะร้องไห้ออกมา
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของแมเดอลีนแล้ว ท่านหญิงไดอาน่าก็ยกยิ้มขึ้นมาเธอเคยลงสนามต่อสู้กับราชวงศ์มากมายที่พระราชวัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์หญิงปลายแถวแต่ทว่าไดอาน่าก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกลับคมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ความคิดของเธอเฉียบแหลมอยู่เสมอในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกสะใภ้ของเธอ นายหญิงและดัชเชสของวีไซร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแมเดอลีน“ข้าไม่มีสิทธิ์จะห้ามเจ้าอยู่แล้วแมเดอลีน ขอให้เจ้าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ และขอให้มิก้าเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข.."แมเดอลีนโล่งใจในทันที เธอคิดเอาไว้ว่าท่านหญิงอาจจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พอได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของท่านหญิงแล้ว..นั่นทำให้เธอวางใจอย่างแท้จริง“หวังว่าท่านหญิงจะสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขเช่นกันนะคะ”ไดอาน่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยเรื่องราวมากมายด้วยกัน จนมิก้าตื่นขึ้นมาแมเดอลีนก็บอกลาไดอาน่าพร้อมกับกล่องชูครีมที่ท่านหญิงทำเอง“จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือคะท่านหญิง โอกาสที่จะได้พบเจอและสานสัมพันธ์กับเลดี้แมเดอลีนและคุณหนูมิก้ากำลังหลุดลอยออกไปเรื่อยๆ ..”สาวใช้ข้างกายของไดอาน่ากล่าวออกมาด
ผ่านมาแล้วสามเดือนหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ลุควิคกำลังเดินตรวจตราบริเวณรอบๆ กองทัพ ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว และในยามนี้หลงเหลือทหารที่ค่ายชั่วคราวแห่งนี้ไม่ถึงสองร้อยด้วยซ้ำ อาการบาดเจ็บของทุกคนดีขึ้นรวมทั้งอาการบาดเจ็บของเอสด้วย“ขอบคุณนะคะ..ท่านลุง”ลุควิคมองเอสที่กำลังส่งขนมปังให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน5ขวบ นางคือลูกของชาวบ้านแถวนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม สภาพความเป็นอยู่เลยไม่ดีเท่าไหร่นัก“เอานี่ไปให้พ่อและแม่ของเจ้านะ..”เอสเตบันวางเหรียญทอง3เหรียญลงบนมือน้อยๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินของเด็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เด็กน้อยมองทหารที่กำลังเก็บกระโจมและรื้อรั้วของค่ายทหารเมื่อได้ยินคำถามที่แสนน่ารักน่าชังนั่น เอสเตบันก็ลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ“ใช้แล้ว ข้าจะต้องกลับแล้วล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีนะเด็กน้อย..”นางจะตัวเท่านี้รึเปล่านะ หรือว่าจะตัวเล็กมากกว่านี้ โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นสีฟ้าเหมือนกับแม่ เพราะนั่นคงจะทำให้นางดูน่ารักน่าชังในแบบที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน…ลูกสาวของเขาน่ะเมื่อเด็กผู้นั้นวิ่งออกไป ลุควิ
ในจักรวรรดิโอลิวีเย่ร์นั้นจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นมายาวนานหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่ท่านดยุควีไซร์ชนะสงคราม ประชาชนทุกคนของจักรวรรดิต่างสรรเสริญและยินดีกับชัยชนะของท่านดยุค จนที่ด้านหน้าคฤหาสน์วีไซร์มีผู้คนจำนวนมากหอบหิ้วดอกไม้ไปวางเอาไว้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับท่านดยุคผู้เก่งกาจและกล้าหาญ“นี่คือเรื่องที่น่ายินดีนะคะท่านพี่..”เดวากล่าวกับสามีของเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในขณะที่โอทีสอ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้อยู่“ข้าก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่น่ายินดีสักหน่อย”เดวาเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย“ท่านหญิงกล่าวว่าดยุคแห่งวีไซร์กำลังเดินทางไปที่แกรนด์ดัชชีการปกครองของ เซอร์เลเซิน และในยามนี้ข้าคิดว่าแมดดี้และเอสเตบันน่าจะพบเจอกันแล้ว”โอทีสลดหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนที่เขาจะมองหน้าภรรยา“แล้วอย่างไรกัน? แมดดี้ของข้าน่ะ ไม่มีทางใจอ่อนกับบุรุษที่ทอดทิ้งนางไปตั้งหลายปีหรอกนะ”เดวาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย“แล้วใครกันคะที่ทำให้ดยุคแห่งวีไซร์ต้องนำทัพไปออกรบ ไม่ใช้ท่านพี่อย่างนั้นหรือ? ท่านสั่งให้เขาไปออกรบเพราะว่าเขาบุกมาหาแมดดี้ในคืนนั้น โอทีสข้าจะไม่ทนแล้วนะคะกับความอคติของท่าน ข้าต้องการให้มิก้าอยู่ที่นี่อ
ดวงตาของเอสเตบันกำลังลุกโชนขึ้นมาราวกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ร่างกายของแมเดอลีนอย่างช้าๆ เธอช้อนสายตามองหน้าเขาก่อนจะลดสายตาลงแล้วมองไปยังส่วนกลางกายที่ตั้งตระหง่านขึ้นมาเมื่อคืนก็พึ่งจะทำไป เขาผละออกจากร่างกายของเธอในยามเช้าอย่างไม่รู้จักถึงความเหน็ดเหนื่อย และนี่..มันจะเริ่มต้นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ“แมดดี้..อ้าปากออกสิ ระวังฟันของเจ้าด้วยที่รัก”เธอใช้ริมฝีปากสัมผัสเบาๆ ที่ปลายยอดบวมแดง ทำให้เขารู้สึกถึงความสั่นไหวในทุกสัมผัส ริมฝีปากของเธอค่อยๆ ไล้ผ่านไปตามบนลำแท่งแข็งตึงราวกับเสาหิน ถึงแม้จะเห็นมาหลายครั้งแต่ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เห็นมันในระยะประชิดเช่นนี้ เธอไล้เลียไปตามเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาด้วยความแผ่วเบาราวกับว่ากำลังเลียอยู่บนลูกกวาด แมเดอลีนกดจูบอย่างนุ่มนวลสร้างความรู้สึกท่วมท้นในทุกสัมผัส“อ่า..แบบนั้น ลองเอามันเข้าไปในปากของเจ้าดูสิแมดดี้ อ้าปากออกกว้างๆ ..การเลียที่ด้านนอกทำให้ข้ารู้สึกดีก็จริงอยู่ แต่ข้าปรารถนาที่จะรู้สึกดีมากกว่านั้น..”ริมฝีปากเล็กๆ ของแมเดอลีนอ้าออกเพื่อรับส่วนนั้นของเขาเข้าไปด้านใน เธอค่อยๆ กลืนมันเข้ามาอย่างช้าๆ ในโพรงปาก เธอดูดดึงมันเบาๆ แล้วกดลึกเ
“เอส..”แมเดอลีนเรียกชื่อของเอสเตบันออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นักที่อยู่ๆ เขาก็เข้ามาโอบกอดที่ด้านหลังของเธออย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว“ลูกไปแล้วแมดดี้..”ปลายจมูกของเขาฝังลงไปที่ลำคอของแมเดอลีนเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะหว่านพรมรอบจูบไปทั่วทั้งลำคอ เขากระชับร่างเธอเข้ามาแนบชิด แผ่นอกของเขาแข็งแกร่งดังหินผา แต่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้ามาในทุกครั้งที่ฝ่ามือของเขาลูบไล้ที่ตามเอวและสะโพกของเธอ“เอส ข้าต้องจัดการทำงานบ้านก่อนค่ะ..”แมดดี้กล่าวเสียงแข็งพร้อมกับหันหน้ามามองใบหน้าของสามีเขาหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกมากมาย แมดดี้ของเขานั้นน่ารักมากกว่าใครทั้งนั้น ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ที่ถึงแม้ว่าความต้องการของเขานั้นจะพุ่งสูงขึ้นมาแต่ว่าแมดดี้ไม่ยินยอมทำตามใจเขาเอสเตบันคิดว่าในช่วงนี้คือช่วงเวลาสุดแสนจะพิเศษ ที่เราจะได้อยู่ตามลำพังและใช้ชีวิตเหมือนกับสามีภรรยาทั่วๆ ไป เพราะเมื่อเขาพาเธอเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงเมื่อไหร่ เราจะไม่ได้ใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายเช่นนี้อีกเธอจะเป็นดัชเชสและเขาคือท่านดยุค มิก้าคือว่าที่เลดี้ของวีไซร์..แต่หากท่านบารอนไม
“อาดาล ไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะต้องไปตามหาแลนดรีให้พบเจอ น้องชายของเจ้าหายตัวไปร่วมสามเดือนแล้วจะไม่ให้อาเป็นห่วงได้อย่างไรกัน”อาดาลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อทันทีที่เขากลับมาถึงเมืองหลวงเขาก็พบเจอกับการถูกบ่นในทันทีเพราะแลนดรีเดินทางกลับมาก่อนเขา แต่หมอนั่นดันยังเดินทางไปไม่ถึงตระกูลกรีน..คนที่บ้าฟันดาบไปวันๆ อย่างแลนดรีหายหัวไปไหนกันนะ?“ท่านอา ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นพี่ชาย แต่ว่าข้าเกิดก่อนแลนดรีไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้น..ข้าไม่ว่างไปตามหาแลนดรีหรอกครับ เดี๋ยวพอหมอนั่นหาทางกลับบ้านเจอ ท่านก็จะเห็นเขาเองนั่นแหละ..”อดัมมองหน้าของอาดาลด้วยความรู้สึกที่หมดความอดทน เขาเหนื่อยล้ามากทีเดียวกับเจ้าหลานสองคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเช่นนี้ อาจจะเพราะในช่วงวัยเด็กเขาเลี้ยงหลานทั้งสองคนนี้ตามใจมากเกินไป พอพวกหลานทั้งสองโตขึ้นถึงไม่มีใครพอจะพึ่งพาได้สักคนเดียว“อาดาล..เจ้าไปตามหาแลนดรีเดี๋ยวนี้เลย หากว่าเจ้ายังไม่พบเจอแลนดรีแล้วละก็ ข้าจะจัดการระงับเงินรายเดือนของเจ้าซะ จะไม่ให้พ่อบ้านมอบเงินให้เจ้า ดูซิว่าเซอร์อาดาลเมื่อไม่มีเงินแล้ว จะยินยอมทำตามคำสั่งของอาหรือไม่”อาดาลกลอกตามองบนด้วยอาการหัวเสี
เมื่อแมเดอลีนตื่นมาก็ไม่เห็นเงาของเอสเตบันแล้ว เธอลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาก่อนจะเริ่มทำอาหารที่ด้านหน้าบ้านมีม้าตัวหนึ่งกำลังยืนกินหญ้าอยู่ บ่งบอกได้ว่าการมาของท่านยุคไม่ใช่เรื่องที่เธอเพ้อฝันไปคนเดียวอีกทั้ง..อาการเจ็บปวดตามร่างกายนั่นก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาโหยหาเธอมากแค่ไหน และหากว่าเธอเดาไม่ผิด ในยามนี้เขาคงจะกำลังไปหามิก้าที่คฤหาสน์เลเซินอย่างแน่นอน“ท่านแม่!”ยังไม่ทันที่แมเดอลีนจะทำอาหารเสร็จเสียงเรียกของมิก้าก็ดังขึ้นมาในทันที เมื่อเธอมองออกไปด้านนอกหน้าต่างก็พบว่าเอสเตบันกำลังอุ้มมิก้าเข้ามาในบ้าน“ไปไหนกันมาคะ”เธอเดินไปรับข้าวของในมือของเอสเตบัน มันมีทั้งเนื้อและขนมมากมาย“ไปที่ตลาดน่ะ..”เอสเตบันกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้กับมิก้า เขารับปากกับลูกสาวเอาไว้แล้วว่าเรื่องที่เขาพามิก้าไปจัดการเด็กที่ล้อเธอนั้นจะต้องเก็บเป็นความลับจากแมดดี้ เมื่อเห็นท่าทีที่ลูกสาวของเขาหวาดกลัวท่านแม่ของนางแล้วเขาก็อดจะรู้สึกเอ็นดูไม่ได้เลย“มิก้า...ลูกคงไม่ได้พาท่านดยุคไปทำอะไรแปลกๆ หรอกใช่ไหม..”“ท่านพ่อต่างหาก มาท่านดยุคอะไรกัน”เอสเตบันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาวางมิก้าลงบนเ
แลนดรีเบนสายตาไปมองหน้าของท่านดยุค แต่ไหนแต่ไรชายผู้นี้มิใช่คนใจเย็น แต่ทว่าในวันนี้ถึงแม้ว่าจะถูกพูดจาถากถางเช่นนั้นท่านดยุคแห่งวีไซร์กลับยืนนิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองหรือว่าโมโหอะไรเลย“ท่านอุง..วันนี้มิก้าจะไปกับท่านป้อนะคะ”มิก้ากล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้แก่เอดิตตามประสาเด็กๆเอดิตพยักหน้า“ได้สิมิก้า ลุงจะไปรอที่บ้านกับท่านแม่..”“เรื่องนั้นเห็นทีว่าจะไม่ได้เพราะว่าแมดดี้ยังไม่ตื่นน่ะ เมื่อคืนเราสองคนใช้ช่วงเวลารำลึกความหลังด้วยกันนานไปหน่อย และข้าก็ไม่สบายใจด้วยหากท่านจะไปรบกวนช่วงเวลาที่แสนมีค่าในการหลับของภรรยา..ข้าหวังอย่างยิ่งว่าคาดินันจะเข้าใจนะครับ”ใบหน้าของเอดิตสลดลงเล็กน้อย เขาพยักหน้าอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก“เข้าใจแล้วครับ”เอสเตบันมองหน้าของแลนดรีก่อนจะยักคิ้วให้“ฝากเจ้าดูแลคาดินันด้วยนะแลนดรี หวังอย่างยิ่งว่าเจ้าจะส่งคาดินันกลับไปที่โบสถ์ด้วยดี”ประโยคสุดท้ายที่ดยุคเน้นย้ำนั่นมันทำให้แลนดรีเข้าใจได้ในทันทีเลยว่า ท่านดยุคกำลังสั่งการให้เขาสั่งสอนคาดินันผู้นี้สักหน่อย“ได้ครับท่านดยุค”เอสเตบันหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี เขาเองก็แปลกใจเหมือนก
การปฏิเสธเขาคงยากมากพอๆ กับที่ห้ามตัวเองไม่ให้หายใจ มือทั้งสองข้างของเธอจับเข้าที่เรือนผมสีเงินของเขาอย่างลืมตัวแมเดอลีนนั่งอยู่บนขอบอ่าง แผ่นหลังของเธอแนบชิดติดกับกำแพง เรียวขาขาวเนียนถูกจับแยกออก ก่อนที่เขาจะมุดใบหน้าเข้าไปในซอกขาที่กางออกและสั่นเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืน เธอขบกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับร้องครางออกมาเสียงดัง ลิ้นของเขาตวัดเลียอย่างชำนาญและหิวกระหายมองจากมุมนี้ เธอมองเห็นเพียงเส้นผมของเขาเท่านั้น และในความรู้สึกฉายชัดถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปลายลิ้นร้อนของเขาให้ความรู้สึกสุขสมที่แตกต่างจากนิ้วมือพอเขาละใบหน้าออกมาจากตรงนั้น มุมปากของเขาก็เลอะคราบน้ำหวาน เอสเตบันกำแก่นกายที่พร้อมนานแล้วดันเข้าไปอย่างไม่รอช้า การสอดแทรกรวดเร็วป่าเถื่อนเหมือนกับที่เขาละเลงลิ้นเมื่อครู่“อะ..อ่า..ช้า..ช้าลงหน่อยค่ะ!”หลังของเธอกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏให้เห็น มีแต่ความสุขสมที่แผ่ซ่านขึ้นมาในร่างกายเขาก้มหน้าลงแล้วงับยอดอกที่กำลังชูชันของเธอเบาๆ เสียงดูดดึงดังขึ้นมาจนแมเดอลีนรู้สึกเขินอายไม่น้อยเธอยกขาขึ้นมาเกี
ใบหน้าหวานของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อท่านดยุคถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก ตามมาด้วยเสื้อตัวในและกางเกงที่เขาสวมเธอจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ในอ่างเรียบร้อยแล้ว และแมเดอลีนกำลังก้มหน้าลงเพื่อรอคอยให้ท่านดยุคที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดินลงไปในอ่างน้ำที่ทำจากไม้ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเคยอยู่ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยคิดว่าเขาจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร“อายอะไรกัน มิใช่ว่าทุกส่วนบนร่างกายของข้านั้น เจ้าเคยเห็นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เธอเคยเห็นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามันเป็นในช่วงเวลายามราตรีที่ทั่วทั้งห้องไม่มีแสงไฟสักดวง ในคืนนั้นมีแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างและเป็นพยานให้เรา..เมื่อเอสเตบันเห็นว่าแมเดอลีนเงียบไป เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ บอกตามตรงว่าเขาชื่นชอบบ้านหลังนี้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย่อส่วนไปหมด ห้องอาบน้ำเล็กๆ อ่างน้ำเล็กๆ ที่เข้าไปนั่งสองคนคงจะอึดอัด..มือของเอสเตนบันเอื้อมไปที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะดึงรั้งผ้ากันเปื้อนออกจากเอวของแมดดี้“ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด..”เธอช้อนสายตามองหน้าเขา“ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่คำลวงแสนหวานที่
ดาเนียอุ้มมิก้าในอ้อมแขน เธอหอมแก้มสลับกับจุมพิตลงไปบนเส้นผมของหลานสาวตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา“ท่านน้า..ทำไมท่านป้อของมิก้าถึงมาช้าจัง”คำถามที่เต็มไปด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับเด็กๆ นั้นทำให้ดาเนียอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้“มิก้า..เพราะว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ท่านพ่อของมิก้าไม่ได้อยู่กับมิก้าก็จริงแต่ว่าท่านพ่อของมิก้าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนอื่นที่กำลังทุกข์ยากจากสภาวะของสงคราม.."มิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย“สงคราม คืออะไยคะท่านน้า”นั่นสินะ คงยังเร็วไปที่จะบอกกล่าวทุกอย่างกับเด็กน้อยในวัยสามขวบเช่นนี้“เอาเป็นว่าในยามนี้พ่อของหลานกลับมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่รึไง มิก้าเองก็..ควรจะดีใจกับการกลับมาของท่านพ่อนะ”มิก้าหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก“มิก้ามีท่านป้อเหมือนเพื่อนคนอื่นแล้ว..คอยดูเถอะในวันพรุ่งนี้ มิก้าจะพาท่านป้อไปอวดเพื่อน!”ดาเนียพยักหน้า“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ ใครที่เคยล้อมิก้าของน้าต้องสมควรที่จะถูกจัดการ วันพรุ่งนี้หลานพาท่านพ่อของหลานไปจัดการสั่งสอนเด็กคนนั้นเลยเข้าใจไหม”มิก้าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ“ได้เยย