หลังจากเราพบเจอกับท่านคาดินันเอดิต ชีวิตการเดินเที่ยวงานของแมเดอลีนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหน ท่านคาดินันก็ล้วนแล้วแต่เดินตามเธอไปอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน“ข้าไม่ค่อยมีเพื่อนเลยครับ..”ดาเนียขมวดคิ้ว“หากชื่อเสียงเรื่องสตรีของท่านคาดินันดีมากกว่านี้ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องมีเพื่อนอย่างแน่นอนค่ะ เหล่าขุนนางต่างตบเท้าเข้าหาท่านคาดินันกันอย่างหนัก..แต่เพราะชื่อเสีย..เอ๊ย ชื่อเสียงของท่านมัน..”เอดิตไม่ได้โกรธเคืองเลดี้ดาเนียเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขาเป็นแบบที่เลดี้ดาเนียกล่าวออกมาจริงๆชีวิตที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของวิหาร เขาเฝ้ามองขุนนางคนแล้วคนเล่าที่เดินทางเข้ามาหาเขาพร้อมกับบุตรีของตัวเอง เพื่อกล่าวถึงการแลกเปลี่ยนที่กำลังจะเกิดขึ้นมาในอนาคตเขาไม่ได้ถูกมองในฐานะของผู้รับใช้พระเจ้า แต่กลับถูกมองในฐานะของผู้ให้อำนาจ เพราะแบบนั้นเอดิตก็เลย..ทำชั่วไปซะเลย เขาไม่อยากมีพันธะกับสตรี แถมยังไม่อยากให้ชื่อเสียงของตัวเองอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วยด้วยเหตุผลนั้นเอง การเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้านมันจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกใช้ประโยชน์และในยามนี้เขามองเห็นแววตาสีฟ้าอ
บนใบหน้าที่งดงามของแมเดอลีนกำลังหยักยิ้มขึ้นมาจางๆ เมื่อเธอมองเห็นดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นมา มันสวยงามและควรค่าต่อการมานั่งรอชมจริงๆเอดิตใช้เสื้อคลุมของเธอที่ในคราแรกเธอถอดมาคลุมให้เขา ในยามนี้เขากำลังใช้เสื้อคลุมตัวนั้นเพื่อคลุมไหล่ให้เธอ“อากาศเริ่มเย็นแล้วนะครับ..เดี๋ยวเลดี้จะไม่สบาย”แมเดอลีนส่งยิ้มเพื่อขอบคุณเขา“ขอบคุณนะคะ ข้าคิดว่าดาเนียหายไปนานมากพอสมควร ข้าจะไปตามนางหน่อย..”เอดิตรีบจับมือของแมเดอลีนเอาไว้“ให้ข้าไปเองครับ..เลดี้กำลัง..ตั้งครรภ์อยู่นี่”เธอหัวเราะออกมาเบาๆ“เช่นนั้นก็ฝากด้วยนะคะท่านเอดิต”เขามองหน้าเธออีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นบ้าไปแล้วรึไงเอดิต นี่เขากำลังปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความหวานล้ำนั้นอย่างช้าๆ โดยไม่คิดที่จะตอบโต้อะไรเลยงั้นเรอะ..“แมดดี้”เมื่อเอดิตเดินออกมาได้ไม่ไกล เขาก็พบเจอเลดี้ดาเนียและบุรุษผู้หนึ่งทีกำลังจูงมือกันมาแมเดอลีนมองหน้าเพื่อนรักของเธอและเซอร์กรีนสลับกันไปมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม“คืนนี้เจ้ากลับกับท่านเอดิตนะ ข้าเชื่อว่าท่านคาดินันคงจะไม่แตะต้องเพื่อนที่กำลังตั้งครรภ์ของข้าหรอกใช่ไหมคะ”เอดิตส่งยิ้มให้กับดาเน
สี่ปีที่แสนยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อดยุคเอสเตบัน จัดการสังหารองค์ราชาของชนเผ่าทะเลทรายได้สำเร็จเสียงโห่ร้องยินดีของเหล่าทหารกล้าทำให้เอสเตบันรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังฝันไปเขาติดอยู่ที่นี่ยาวนานมากเหลือเกิน ในทะเลทรายที่แห้งแล้งและร้อนอบอ้าวเลลานี่ผ่อนลมหายใจยาวผ่านทางจมูก บรรยากาศสดชื่นหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจสิ้นสุดแล้วสินะ สงครามที่ยาวนานแสนน่าเบื่อนี่ จบลงได้สักที!ทหารของจักรวรรดิเองก็บาดเจ็บไม่น้อย อีกทั้งเรายังไม่สามารถเดินทางกลับได้ในทันทีเพราะเมืองทางใต้เสียหายหนักมากพอสมควร อีกทั้งทหารในกองทัพของเราก็ไม่พร้อมที่จะเดินทางด้วย“เจ้าต้องเป็นคนส่งข่าวกลับไปลุควิค..ว่ากองทัพของเราชนะสงครามแล้ว และทหาร เหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ที่นี่จะเดินทางกลับในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี”ถึงแม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดแต่สิ่งที่เป็นปัญหายืดเยื้อมานานคือสุขภาพที่ย่ำแย่ของเขาและทุกคนที่อยู่ที่นี่ เอสเตบันบาดเจ็บร้ายแรงมากพอสมควร และเขาอาจจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นยาวนานหลายเดือน เขาอยากจะกลับไปที่จักรวรรดิใจจะขาด แต่ทว่าเขาไม่อยากกลับไปด้วยสภาพเช่นนี้ ไม่อยากจะให้ท่านแม่เป็นห่วงและ..ไม่อยากให้เธอคนนั้นมองเขาด้วยแว
“....แมดดี้ แม่เคารพในทุกการตัดสินใจของลูกนะ”เดวากล่าวออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหล เธอเข้าใจลูกสาวมากทีเดียวที่แมดดี้ต้องการจะพามิก้าไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวัยที่มิก้าสามารถเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ถึงจะพากลับมา แน่นอนว่าในใจของเธอซึ่งเป็นยายนั้นย่อมมีความเป็นห่วงทั้งแมดดี้และมิก้าแต่ทว่าที่ผ่านมา เธอเลี้ยงลูกด้วยความผิดพลาดมาตลอด เพราะมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอและโอทีสหวงแหนแมดดี้ยิ่งว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้และการห่วงที่มากมายนั้นมันทำให้แมดดี้ไม่ได้มองเห็นโลกอีกมุมที่แสนโหดร้าย อันที่จริงหากย้อนเวลากลับไปได้ เดวาอยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องการเลี้ยงลูกของเธอ เธอควรจะให้อิสระกับแมดดี้มากกว่านี้ให้โอกาสในการตัดสินใจและให้โอกาสอีกหลายๆ อย่างที่แมดดี้ไม่ได้ทำมันเพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองเห็นหลานสาวตัวน้อยเติบโตก็ไม่เป็นไร เธออยากให้มิก้ามีอิสระที่แมดดี้ไม่มี และเดวาคิดว่ามแมดดี้เองก็คงอยากจะเลี้ยงลูกของนางด้วยการพาเด็กน้อยไปเปิดหูเปิดตาเพื่อเรียนรู้โลกภายนอก“แต่แมดดี้..”เดวายกมือขึ้นมาตีลงไปบนหลังของสามีที่กำลังทำท่าทางราวกับจะร้องไห้ออกมา
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของแมเดอลีนแล้ว ท่านหญิงไดอาน่าก็ยกยิ้มขึ้นมาเธอเคยลงสนามต่อสู้กับราชวงศ์มากมายที่พระราชวัง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงองค์หญิงปลายแถวแต่ทว่าไดอาน่าก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกลับคมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ความคิดของเธอเฉียบแหลมอยู่เสมอในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลูกสะใภ้ของเธอ นายหญิงและดัชเชสของวีไซร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแมเดอลีน“ข้าไม่มีสิทธิ์จะห้ามเจ้าอยู่แล้วแมเดอลีน ขอให้เจ้าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ และขอให้มิก้าเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข.."แมเดอลีนโล่งใจในทันที เธอคิดเอาไว้ว่าท่านหญิงอาจจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พอได้ยินคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของท่านหญิงแล้ว..นั่นทำให้เธอวางใจอย่างแท้จริง“หวังว่าท่านหญิงจะสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขเช่นกันนะคะ”ไดอาน่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นเราพูดคุยเรื่องราวมากมายด้วยกัน จนมิก้าตื่นขึ้นมาแมเดอลีนก็บอกลาไดอาน่าพร้อมกับกล่องชูครีมที่ท่านหญิงทำเอง“จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือคะท่านหญิง โอกาสที่จะได้พบเจอและสานสัมพันธ์กับเลดี้แมเดอลีนและคุณหนูมิก้ากำลังหลุดลอยออกไปเรื่อยๆ ..”สาวใช้ข้างกายของไดอาน่ากล่าวออกมาด
ผ่านมาแล้วสามเดือนหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง ลุควิคกำลังเดินตรวจตราบริเวณรอบๆ กองทัพ ทหารจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปแล้ว และในยามนี้หลงเหลือทหารที่ค่ายชั่วคราวแห่งนี้ไม่ถึงสองร้อยด้วยซ้ำ อาการบาดเจ็บของทุกคนดีขึ้นรวมทั้งอาการบาดเจ็บของเอสด้วย“ขอบคุณนะคะ..ท่านลุง”ลุควิคมองเอสที่กำลังส่งขนมปังให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน5ขวบ นางคือลูกของชาวบ้านแถวนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม สภาพความเป็นอยู่เลยไม่ดีเท่าไหร่นัก“เอานี่ไปให้พ่อและแม่ของเจ้านะ..”เอสเตบันวางเหรียญทอง3เหรียญลงบนมือน้อยๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินของเด็กน้อย“ขอบคุณนะคะ ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เด็กน้อยมองทหารที่กำลังเก็บกระโจมและรื้อรั้วของค่ายทหารเมื่อได้ยินคำถามที่แสนน่ารักน่าชังนั่น เอสเตบันก็ลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ“ใช้แล้ว ข้าจะต้องกลับแล้วล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีนะเด็กน้อย..”นางจะตัวเท่านี้รึเปล่านะ หรือว่าจะตัวเล็กมากกว่านี้ โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาคู่นั้นของนางเป็นสีฟ้าเหมือนกับแม่ เพราะนั่นคงจะทำให้นางดูน่ารักน่าชังในแบบที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน…ลูกสาวของเขาน่ะเมื่อเด็กผู้นั้นวิ่งออกไป ลุควิ
ไดอาน่าเบนสายตามองไปรอบๆ งานเลี้ยงน้ำชาของท่านหญิงแบล็ค ที่จัดขึ้นมาเป็นงานแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง เจตนาของท่านหญิงก็เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าภริยาของทหารกล้าในวันนี้ที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่แสนวุ่นวาย แต่เพราะว่าไดอาน่ามีจุดประสงค์ต่างหากเธอเดินเจ้าไปหาบารอนเนสที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับภริยาของชนชั้นสูงด้วยกัน“ท่านหญิง..ยินดีที่ได้พบค่ะ”เดวาย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านหญิงไดอาน่าแห่งตระกูลวีไซร์“เจ้าสบายดีใช่ไหมบารอนเนส งานเลี้ยงแรกหลังจากที่สงครามสิ้นสุดให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฤดูร้อนเวียนกลับมาอีกครั้ง งานเทศกาลมากมายที่กำลังจะจัดขึ้นและเสียงหัวเราะของผู้คน”เดวาพยักหน้า เธอเห็นด้วยกับความคิดของท่านหญิงมากทีเดียว“น่าเสียดายที่งานเลี้ยงเช่นนี้ทั้งแมเดอลีนและมิก้าไม่ได้มาด้วย ไม่อย่างนั้นมิก้าคงจะกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กพวกนั้น”สายตาของไดอาน่ามองไปที่กลุ่มเด็กเล็กๆ ที่เป็นบุตรและบุตรีของขุนนางกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงแห่งนี้คึกคักขึ้นมา“นั่นสินะคะ..”ไดอาน่ายื่นมือไปจับแขนของเดวาเอ
มิก้ากะพริบตาปริบๆ มองหน้าท่านลุงที่ดูน่ากลัว..“มัง..ฝยั่ง”“อ่า..เจ้ามาที่นี่เพื่อขายเจ้ามันหัวนี้อย่างนั้นหรือ?”มิก้าพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าขายมันราคาเท่าไหร่กันล่ะ”มิก้าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาสองนิ้วท่านลุงคนนั้นพยักหน้า“สองเหรียญสินะ นั่นเป็นราคาที่ค่อนข้างแพงมากไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าเจ้าให้ข้าอุ้ม ข้าจะซื้อมันฝรั่งหัวนั้นพร้อมกับพาเจ้ากลับบ้านด้วยดีไหม?”ท่านแม่เคยสอนว่าอย่างไว้ใจคนแปลกหน้า แต่ทว่าท่านลุงคนนั้นไม่ได้แค่ยื่นเงินให้มิก้าเพียงอย่างเดียว แต่ในมือของท่านลุงที่ไม่น่าไว้ใจมีลูกกวาดสีสวยอยู่ในนั้นด้วยมิก้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาก็พ่ายแพ้ให้กับขนมในมือของคุณลุงที่ไม่น่าไว้ใจมิก้าไม่ได้เห็นแก่กิน แต่มิก้าเหนื่อยเกินที่จะเดินกลับบ้านแล้วต่างหาก!!เอสเตบันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน เขาหลับตาลงก่อนจะโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนเอาไว้แน่น เขาซบใบหน้าลงไปบนไหล่เล็กนั่นด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจเขากำลังตามหาคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเลเซิน แต่ก็ต้องมาสะดุดตรงที่เขามองเห็นเด็กน้อยที่มีเส้นผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าอ่อน นางสวมชุดที
สวัสดีค่ะ มิก้าเองค้า..วันนี้มิก้าอายุ 7 ขวบแล้ว ท่านพ่อได้จัดงานวันเกิดให้มิก้าทุกปี แต่ว่าปีนี้จะยิ่งใหญ่มากกว่าปีที่ผ่านมาหน่อย เพราะท่านพ่อจะประกาศชื่อกลางของมิก้า และชื่อจริงออกมาด้วยค่ะมิก้าใช้เวลาส่วนใหญ่ที่คฤหาสน์เรเซเดนก็จริงแต่ทว่าก็ยังมีไปนอนกับท่านพ่อและท่านแม่ที่คฤหาสน์วีไซร์อยู่บ้างเมื่อ2ปีที่แล้วท่านแม่คลอดน้องชายมาให้มิก้าสองคนค่ะ ทุกคนต่างตกตะลึงไปตามๆ กันที่ท่านแม่คลอดน้องชายฝาแฝดออกมา แต่ทว่าที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือคนหนึ่งมีเส้นผมสีเงินเหมือนกับมิก้าแต่อีกคนกลับที่เส้นผมสีแดงเหมือนกับท่านแม่ท่านตาเชื่อว่านั่นคือปาฏิหาริย์ล่ะ มิก้ามาเล่นกับน้องบ่อยมากทีเดียว แต่เพราะว่าน้องพึ่งจะสองขวบก็เลยยังเล่นกับมิก้าได้ไม่มากนัก“มิก้า..นี่คือของขวัญของมิคนเก่งครับ”ท่านลุงเอดิตส่งมอบคทาของคาดินันที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ให้แก่มิก้า ซึ่งมิก้าเองก็ไม่เข้าใจว่าท่านลุงให้สิ่งนี้กับมิก้าทำไมกัน?“เมื่อมิก้าโตขึ้น หลานจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งคาดินันของลุง..หลานจะเป็น..นักบุญหญิงคนแรกของจักรวรรดิแห่งนี้ เป็นเช่นนั้นดีหรือไม่?”มิก้าไม่เข้าใจว่าอะไรดีหรือว่าไม่ดีกันแน่ มิก้าชอบขี่ม้าและ
ผมยาวสีแดงของแมเดอลีนนั้นถูกรวบขึ้นไปไว้ที่ด้านบน สาวใช้สองคนกำลังวุ่นอยู่กับการแต่งหน้า ส่วนอีกคนกำลังปักเครื่องประดับรูปดอกไม้ลงไปบนมวยผม“ท่านดัชเชสช่างงดงามมากเลยค่ะ”ไม่ต้องแต่งแต้มเครื่องสำอางมากมายบนใบหน้าก็ฉายชัดถึงความงดงามที่ไร้ผู้เปรียบเทียบ“ข้าไม่ชินกับ..ใบหน้าของตัวเองในยามนี้เลย”แมดดี้ประหม่ามากพอสมควร เธอกำลังนั่งอยู่ที่ห้องแต่งตัวของเจ้าสาวในวิหาร และเมื่อจัดการแต่งหน้าและทำผมเสร็จเรียบร้อย ชุดแต่งงานที่ถักด้วยลูกไม้สีขาวก็ถูกสวมลงมาบนร่างกายของเธอ กระโปรงนั้นมีน้ำหนักมากพอสมควร และชุดนี้ก็สง่างามมากทีเดียว ขั้นตอนสุดท้ายคือการสวมผ้าคลุมหน้าลูกไม้ลงมาบนศีรษะของเธอแมเดอลีนมารู้ทีหลังว่าทั้งชุดแต่งงานและผ้าคลุมหน้านี้ท่านหญิงไดอาน่าเป็นผู้ถักมันด้วยตัวเอง ท่านเริ่มต้นถักมันตั้งแต่เอสเตบันไปออกรบ ท่านถักเอาไว้เพื่อรอคอยให้เธอมาสวมใส่สักวันหนึ่งเมื่อได้คิดถึงที่มาของชุดแต่งงานนี้แมเดอลีนก็น้ำตาคลออย่างห้ามไม่อยู่ เธอว่าครอบครัวของตัวเองนั้นดีแล้ว มันโชคดียิ่งกว่านั้นเมื่อมาพบเจอครอบครัวของสามีที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก ท่านแม่ของเธอและท่านแม่ของเอสเตบันสนิทสนมกันมากพอสมควรใ
“คงจะดีหากว่าท่านคาดินันไม่หลบหนีออกไปอีก..แบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า..”นักบุญผู้หนึ่งกล่าวออกมาพร้อมกับวางเอกสารมากมายลงเบื้องหน้าของเอดิต“แล้วก็ทางคฤหาสน์วีไซร์ประกาศเรื่องงานแต่งงานของท่านดยุคและท่านดัชเชส มาแล้วนะครับ ท่านดยุคแห่งวีไซร์ต้องการให้ท่านคาดินันเป็นผู้จัดงานแต่งให้ทั้งสองท่านด้วยตัวเอง..เรื่องการจัดเตรียมความพร้อมของวิหาร ทางคฤหาสน์วีไซร์ได้ส่งทหารมาจัดเตรียมสถานที่แล้ว..”เอดิตแค่นหัวเราะออกมา เขาเบนสายตาออกไปมองที่ด้านนอกหน้าต่างของห้องทำงานสายลมพัดมาเบาๆ และนั่นทำให้เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ นี่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้วในอีกไม่กี่เดือน ทุกอย่างกำลังเดินทางไปด้านหน้าเรื่อยๆ และตัวเขาเองก็เช่นกัน จะมัวมานั่งเสียใจกับเรื่องความรักที่ไม่สมหวังไม่ได้เพราะฉะนั้น..เขาจะต้องก้าวไปข้างหน้าเสียที“เจ้าช่วยตรวจสอบเรื่องการจัดงานด้วยนะ อย่างให้มีอะไรผิดพลาด..ข้าอยากให้ในวันงานวันนั้นทุกอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด”เจ้าคงจะงดงามมากทีเดียวแมดดี้ ในชุดแต่งงานสีขาวนั้นเจ้าคงจะทั้งงดงามและโดดเด่นจนข้าละสายตาไปจากเจ้าไม่ได้ ในวันที่เจ้ามีความสุขที่สุด ข้าได้ยื
ครั้งที่แล้วเขาพลาดในช่วงเวลาที่แสนสำคัญบางช่วงเวลาที่จะได้ดูแลแมดดี้ในตอนที่นางตั้งครรภ์และช่วงเวลาที่เขาจะได้เห็นหน้าลูกในตอนที่คลอดออกมา ไม่มีโอกาสได้เห็นช่วงเวลาที่ค่อยๆเติบโตของมิก้า ไม่มีโอกาสได้อุ้มนางในตอนที่นางยังเป็นทารก เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ยอมห่างจากภรรยาของเขาอย่างเด็ดขาดไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร“เช่นนั้นเราเดินทางกลับวีไซร์กันเถิด..”แมเดอลีนพยักหน้า เธอเคยไปที่นั่นก็จริงอยู่แต่ทว่าการไปอยู่ที่นั่นในฐานะดัชเชส นั้นยังไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว“ข้าจะพาแมดดี้กลับก่อนนะครับ ข้าไม่อยากจะพานางเดินทางในช่วงเย็นเดี๋ยวนางจะไม่สบาย”โอทีสพยักหน้า“เรื่องมิก้า..”“ข้ารู้ครับว่าท่านพ่อตาอยากจะอยู่กับหลานสาวก่อน ช่วงนี้คงจะต้องฝากท่านพ่อตาเลี้ยงดูมิก้าไปก่อน เพราะแมดดี้พึ่งจะตั้งครรภ์..ข้าอยากทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้แมดดี้”เดวาส่งยิ้มให้กับเอสเตบัน“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลย เจ้าทั้งสองคนพึ่งได้ใช้ชีวิตตามลำพังด้วยกันแค่ไม่นาน..ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องหลานเดี๋ยวเราจะเลี้ยงดูให้เจ้าเอง”เอสเตบันก้มหน้าลงเพื่อขอบคุณท่านแม่ยาย“ท่านแม่ครับเช่นนั้นเรากลับกัน..”
ดาเนียมองหน้าของแมเดอลีน ราวกับว่าเธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากสหาย และแมดดี้ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาท่านเซอร์อดัมในทันที“ขออภัยที่ข้ามาขัดจังหวะนะคะท่านเซอร์ ดาเนียเติบโตมาในคฤหาสน์เรเซเดนซะส่วนใหญ่ ในความคิดของข้านั้นนางไม่ใช่แค่สหายรักของข้าแต่นางยังเป็นเหมือนกับน้องสาวของข้าอีกด้วย เรื่องที่จะให้ดาเนียไปเป็นผู้นำตระกูล ข้ามองว่ามันอาจจะข้ามขั้นไปหน่อยค่ะ นางไม่มีประสบการณ์ในเรื่องเช่นนี้เลย..”เซอร์อดัมส่งยิ้มให้แมเดอลีน“นั่นสินะครับ อาจจะเป็นข้าที่ทำข้ามขั้นตอนไปหน่อย เช่นนั้นในช่วงเวลานี้ข้าอยากจะให้ดาเนียเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์กรีนเพื่อศึกษาและจัดการเกี่ยวกับงานมากมายในตระกูลกรีน..พ่อบ้านของเราจะสอนเลดี้ดาเนียเองครับ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นกังวล..”แมดดี้จับมือของดาเนียเอาไว้“ดาเนีย..นั่นใช่ความต้องการของเจ้าจริงๆรึเปล่า เจ้าอยากจะอยู่กับอาดาลและแลนดรีจริงไหม นี่มันไม่ใช่เรื่องของความรักที่เกิดขึ้นในนิยายหรอกนะแมดดี้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลกรีนเจ้าจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด เจ้ายินดีที่จะแบกรับความรับผิดชอบพวกนั้นรึเปล่า”แมเดอลีนเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงดาเนียเผ
เมื่อโอทีสกลับมาถึงคฤหาสน์เขาก็ได้รับรู้ว่าแมดดี้ของเขาตั้งครรภ์ลูกคนที่สองแล้วดยุคเอสเตบันนั่งยิ้มราวกับคนเสียสติส่วนแมดดี้กำลังตกใจมากกว่าที่จะดีใจชิ..เจ้าเด็กนั่นทรมานลูกสาวของเขาจนนางตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วอย่างนั้นสินะ แต่ทว่าในใจของโอทีสจะโกรธก็โกรธไม่ลง เมื่อเขาเห็นท่าทีตกใจของเอสเตบันในตอนที่ได้รับทราบข่าวว่าแมดดี้ไม่สบายจนต้องไปตามหมอ..ในบางทีไอ้เด็กมั่นหน้าคนนั้นอาจจะรักลูกสาวของเขาจริงๆ ก็เป็นได้“นี่คือใบถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินค่ะ แล้วก็เงินทองอีกจำนวนหนึ่ง”อันที่จริงในการแต่งงาน สตรีต่างหากที่จะต้องจัดเตรียมสินเดิมติดตัวเมื่อแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายชาย แต่ทว่าท่านหญิงอาน่าได้ส่งมอบเงินจำนวนหนึ่งและใบถือกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ท่านบารอนโอทีส“ข้าไม่ต้องการของพวกนี้หรอกครับท่านหญิง..ในเมื่อ..เมื่อเด็กทั้งสองคน..ทั้งสองคนนั้นรักกัน..ข้าก็ไม่อาจขัดขวาง”เดวาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเธอเห็นสามีพูดไปกัดฟันไป“ข้าไม่คิดจะให้มิก้าเปลี่ยนชื่อตระกูลเป็นวีไซร์ ท่านบารอนมีบุตรีเพียงผู้เดียวก็คือแมดดี้เพราะแบบนั้นข้ายินดีที่จะให้มิก้าใช้ชื่อตระกูลว่าเรเซเดนต่อไปค่ะ”โอทีสก้มหน้าลงเล็กน้
เดวารินน้ำชาใส่แก้วให้ท่านหญิงไดอาน่าที่เดินทางมาที่คฤหาสน์เรเซเดนพร้อมกับขบวนรถม้ามากมายที่จอดเทียบอยู่ด้านหน้า“ข้าได้ยินมาว่าท่านดยุคเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้วอย่างนั้นหรือคะท่านหญิง”ไดอาน่าพยักหน้า“ตอนนี้เอสคงจะอยู่ในพระราชวัง และอีกไม่นานเขาน่าจะมาที่นี่เพื่อทำให้เรื่องราวมากมายระหว่างทั้งสองตระกูลเรียบร้อย..”เดวาผ่อนลมหายใจยาวผ่านทางจมูก เธอดีใจที่เรื่องราวต่างๆ กำลังคลี่คลายไปได้ด้วยดี เพราะแบบนั้นแมดดี้ลูกสาวของเธอจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีรถม้าจอดเทียบที่ด้านหน้าคฤหาสน์เรเซเดนพร้อมกับแมเดอลีนและดาเนียที่กำลังเดินเข้ามา“ท่านป้าคะ ข้าคิดว่าอาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ท่านช่วยรีบตามหมอ..”ดาเนียที่ตะโกนเสียงดังพร้อมกับพยุงแมเดอลีนเข้ามาถึงกับชะงักในทันทีเมื่อเธอมองเห็นท่านหญิงไดอาน่า มารดาของท่าน ดยุคกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่เดวาลุกขึ้นไปหาแมดดี้ในทันที“เกิดอะไรขึ้นดาเนีย แมดดี้ไม่สบายอย่างนั้นหรือ?”ดาเนียกลืนน้ำลายลงคอ“ยังไม่แน่ชัดว่าแมดดี้เป็นอะไรกันแน่ แต่นางมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้และอาเจียนค่ะ”เดวาอ้าปากค้างในทันที นางหันไปมองหน้าของท่านหญิงไดอาน่าที่ก
“เจ้าทำคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่มากให้จักรวรรดิของเรา มีอะไรอยากจะขอไหมดยุค อย่างเช่นเรื่องการแต่งงานหรือว่าเรื่องความรักอะไรพวกนั้น”องค์จักรพรรดิเอ่ยถามในทันทีที่เอสเตบันเดินเข้าไปในพระราชวัง มีขุนนางมากมายนั่งอยู่รอบๆ และหนึ่งในนั้นคือบารอนเรเซเดนที่กำลังมองหน้าองค์จักรพรรดิตาเขียวปั๊ดจำเป็นที่ต้องถามคำถามที่เป็นการชี้นำเช่นนั้นเลยอย่างนั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะโอทีสได้แต่กล้ำกลืนความไม่พอใจนั้นเอาไว้ในอก เขาส่งยิ้มให้มิก้าหลานสาวตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเอสเตบัน มันปฏิเสธได้ยากเย็นมากพอสมควรเมื่อเขามองเห็นดยุคอุ้มมิก้าเดินเข้ามา ทั้งสองคนมีความคล้ายที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามิก้าที่แสนน่ารักของเขาคือลูกสาวของใครเอสเตบันมองไปที่บารอนโอทีส ท่านพ่อของแมดดี้ เขาวางมิก้าลงก่อนจะขยิบตาให้ลูกสาว“ทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้เลยลูกรัก”มิก้าพยักหน้าก่อนที่เธอจะวิ่งไปหาท่านตา“ท่านตา!!”แน่นอนว่าเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนเช่นนี้ เหล่าขุนนางก็ไม่ต้องคาดเดาไปต่างๆนาๆ อีกว่าหลานสาวของท่านบารอนเรเซเดนคือบุตรสาวของใครกันแน่“มิก้าหลานรัก..”มิก้าโผกอดท่านตาเอาไว้แน่น“มิก้ามีท่านป้อแล้วค่ะท่านตา ท่านป้อรักมิก้าแ
การเดินทางล่าช้าลงเล็กน้อยเพราะเม็ดฝนที่ตกลงมา เอสเตบันสั่งให้ขบวนรถม้าของเขาหยุดพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งก่อนถึงเมืองหลวงไม่ไกลมากนัก เขาอุ้มภรรยาลงจากรถม้าในสภาพที่แมเดอลีนกำลังหลับอย่างสบายในอ้อมแขนของท่านดยุคแห่งวีไซร์ และก็แน่นอนว่าไม่มีใครที่อาจหาญกล้าวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของท่านดยุคและว่าที่ดัชเชสหรอกหลังจากที่ส่งภรรยาเข้านอนเรียบร้อย เอสเตบันก็มารับลูกสาวที่ฝากเอาไว้กับดาเนีย เขาพอจะเดาได้ว่าดาเนียและเจ้าแฝดนรกทั้งสองคงจะอยากมีช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวมากเหมือนกัน“จริงๆ ให้มิก้านอนกับข้าก็ได้นะคะท่านดยุค”ดาเนียกล่าวก่อนจะอุ้มมิก้าที่กำลังหลับส่งให้เอสเตบัน เขาส่งยิ้มเพื่อเป็นการขอบคุณให้กับดาเนีย“ไม่เป็นไร แมดดี้หลับไปแล้วข้าแค่จะพามิก้าไปนอนพักกับแม่ของนางเท่านั้นเอง เจ้าก็รีบพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า”โรงแรมนี้เป็นโรงแรมขนาดเล็กมากพอสมควร มีห้องพักเพียงสามห้องเท่านั้น แต่เพราะว่าเราไม่ได้มีทางเลือกมากมายเท่าไหร่นัก เอสเตบันจึงจำยอมให้ภรรยาและลูกสาวของเขาพักที่โรงแรมแห่งนี้ชั่วคราวไปก่อนเขาไม่ได้นอน เมื่อกล่อมมิก้าให้หลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอสเตบันก็ถือดา