แชร์

ตอนที่ 40 รอยจางรอบคอ

กลางคืนเงียบงันจนน่าขนลุก เงามืดจากซากอาคารที่พังทลายทอดยาวไปทุกทิศทาง ไอลีนพยายามกลั้นหายใจในขณะที่ลากเอรอสเข้าไปในมุมอับใต้คานไม้ที่ทรุดตัวลง เศษซากกำแพงที่แตกกระจายมีร่องรอยการปะทะอย่างรุนแรง บางส่วนยังเปื้อนเขม่าดำและกลิ่นไหม้อ่อนๆ ที่ลอยวนอยู่ในอากาศ

พื้นดินใต้เท้าเย็นชื้น ราวกับสะท้อนความหนาวเหน็บที่กัดกร่อนหัวใจของเธอ เธอพยายามหาที่กำบังที่ปลอดภัยที่สุดในบริเวณนั้น มือทั้งสองข้างที่จับแขนของเอรอสสั่นเทาด้วยแรงจากทั้งความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว

“พวกเราเข้ามาหลบ... ตรงนี้ก่อน” ไอลีนกระซิบ ขณะที่พวกเขาแทรกตัวเข้าไปใต้กองเศษซากไม้

เอรอสไม่ได้ตอบ เขานั่งนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าเรียบเฉย แต่ลมหายใจหนักหน่วงผิดปกติ และดวงตาสีแดงเรืองรองในความมืดนั้น กำลังสะท้อนถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติ

“เงียบไว้...” เธอกระซิบเสียงเบา ลมหายใจของเธอเร่งรัวจนแทบจะควบคุมไม่ได้

ดวงตาสีฟ้าของเธอจับจ้องไปยังรอยแตกเล็กๆในกำแพงที่เปิดออกสู่ด้านนอก ช่องเล็กพอที่จะมองเห็นเงาของกลุ่มคนที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าหนักๆ บนเศษหินดังก้องในความเงียบ

“พวกเขามาแล้ว” ไอลีนกระซิบแผ่ว ดวงตาเบิกกว้าง

เสียงสนทนาแผ่วเบาดังมาจากภายนอก กลุ่มนักเวทย์ห้าคนในชุดคลุมสีเข้มที่ประดับตราสัญลักษณ์แห่งหอคอยหยุดอยู่ใกล้ๆ เสียงพูดคุยของพวกเขาแว่วมาถึงไอลีน รอยยิ้มของพวกเขาเย็นเยียบราวกับไม่เห็นคุณค่าของชีวิตใดๆเลย

“เขตแดนแบบนี้...” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เสียงของเขาแหบต่ำ แต่แฝงความกดดัน

“ขาดความสมบูรณ์ มันใช้แค่วงแหวนสามวงเท่านั้น แต่กลับสร้างพลังได้ขนาดนี้... เหลือเชื่อ”

“ไม่ใช่แค่เหลือเชื่อหรอก” ชายอีกคนพูดแทรก เขาเป็นชายผมยาวสีเงิน ดวงตาสีฟ้าฉายแววระแวดระวัง“มันคือจอมเชือด... ไอ้สัตว์ประหลาดนั่น”

ไอลีนที่ซ่อนตัวอยู่หลังซากไม้เบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินชื่อ "จอมเชือด" เธอเคยได้ยินเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับบุคคลคนนี้ พวกเขาเล่าลือกันว่า มันคือสิ่งมีชีวิต ที่ถูกสร้างขึ้นมา จากมนุษย์ และ สัตว์ประหลาด เพื่อสร้างสุดยอดมือสังหารที่ไม่มีวันตายขึ้นมา แม้จะแลกกับการที่พวกมันจะไม่มีสติก็ตาม 

คำพูดนั้นสะท้อนอยู่ในหัวไอลีน เธอกลั้นหายใจ ใจเต้นระส่ำขณะเหลือบมองเอรอส แต่สิ่งที่เห็นทำให้ลำคอของเธอแห้งผาก

แขนข้างหนึ่งของเขาเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ จากเดิมที่แค่สีผิวเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้ผิวหนังกลับกลายเป็นสีดำคล้ำราวกลับกลืนแสง เส้นเลือดสีแดงสดเรืองแสงเหมือนมีชีวิต สั่นระริกราวกับจะปะทุ กล้ามเนื้อพองตัวผิดธรรมชาติ และนิ้วของเขากระตุกเบาๆ เหมือนกำลังต่อสู้กับบางสิ่งในใจ

“นาย...” เธอกระซิบ เรียกเขาเสียงแผ่ว ก่อนจะเอื้อมมือแตะที่ไหล่ของเขา

แต่ในชั่วพริบตา แขนที่เปลี่ยนไปนั้นพุ่งมาคว้าคอของเธออย่างรวดเร็ว แรงบีบนั้นไม่ถึงขั้นรุนแรงจนทำให้หายใจไม่ออก แต่แน่นพอที่จะบอกว่าเขากำลังควบคุมสถานการณ์ ดวงตาสีแดงเรืองรองจ้องมองเธออย่างเย็นชา

“อย่าขยับ...” เอรอสเอ่ยเสียงต่ำ น้ำเสียงเย็นเยียบ

ไอลีนจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ปลายนิ้วของเธอพยายามแกะมือของเขาออก แต่แรงของเขามากเกินไป ดวงตาสีแดงฉานของเขาจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา

เธอไม่ได้ขัดขืนอีก แต่พยายามนิ่งที่สุดเท่าที่ทำได้ หัวใจของเธอเต้นรัวจนเหมือนจะหลุดออกมา ไอลีนไม่กล้าขยับหรือพูดอะไร เธอรู้ดีว่าชีวิตของเธออยู่ในมือของเขา

เสียงฝีเท้าของกลุ่มนักเวทย์เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆทีล่ะนิด มุ่งหน้าไปจุดที่ถูกทำลายมากที่สุด แต่แรงกดที่คอของไอลีนยังคงอยู่ น้ำหนักนั้นไม่ได้บีบรัดจนถึงขั้นทำร้าย แต่ก็หนักแน่นพอที่จะทำให้เธอรู้ว่าชีวิตของเธอแขวนอยู่บนความตั้งใจเพียงเสี้ยววินาทีของชายตรงหน้า

ดวงตาสีแดงของเอรอสยังจับจ้องเธอราวกับสัตว์ป่าที่กำลังประเมินเหยื่อ เส้นเลือดสีแดงเรืองแสงบนแขนที่ผิดปกติเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นจังหวะเหมือนกำลังตอบสนองต่ออารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจของเขา

“ถ้าตุกติดล่ะก็... ฉันจะฆ่าเธอ” เสียงแหบพร่าของเขากระซิบแผ่ว แต่เต็มไปด้วยน้ำหนักที่ไม่อาจปฏิเสธ

ไอลีนกลั้นลมหายใจ ไม่แม้แต่จะพยายามตอบโต้ เธอจ้องมองเขาด้วยความระแวดระวัง แต่ในแววตานั้นก็มีคำถามที่เอรอสไม่กล้าเผชิญหน้า ก่อนที่กลุ่มนักเวทย์จะสังเกตุการณ์รอบๆ และ หันเข้ามาพูดคุยกันต่อ

“จะว่าไป รู้สึกแปลกๆน่ะเนี่ย คนตายมีแค่คนเดียว แถมเป็นปีศาจอีกเนี่ย” อีกคนพูดขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย

“จะไม่แปลกได้ยังไง? ถ้าเป็นเรย์นาร์คจริง มันไม่จบแค่ศพเดียวแน่ๆ”นักเวทย์อีกคนกล่าวแทรก น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับความทรงจำเก่าๆ กำลังย้อนกลับมา 

“ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นเมื่อก่อนเป็นแค่เครื่องจักรสังหารไร้สติ แต่พักหลังมัน…เปลี่ยนไป”

“เปลี่ยน?” ชายผมเงินหันมามองเพื่อนร่วมทางด้วยสายตาสงสัย

“ใช่ มีคนเห็นมันพูดจาราวกับคนทั่วไป” เขากล่าวต่อพลางถอนหายใจ

“มันเหมือน…สงบขึ้น ถ้าเป็นจริง ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ สัมร้าย มันจะน่ากลัวก็ตอนมันคิดได้นี้แหละ”

“งั้นใช้เวทย์ตรวจสอบอีกครั้งเถอะ! เพื่อจะเจออะไรบ้าง!”จอมเวทย์เริ่มร่ายเวทย์ แต่มานาที่บ้าคลั่งซึ่งแผ่กระจายอยู่รอบบริเวณ ทำให้พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้

"ไม่ได้ผล มานาโดยรอบโดนควบคุมหมดแล้ว ทุกอย่างที่เราสัมผัสเจอก็มีแต่มัน ไม่ว่าจะตรวจยังไงก็เหมือนกันหมด!"

"ช่างเถอะ ป่านนี้มันคงหนีไปไกลแล้วล่ะ พวกที่เห็นมันพูดได้…… คงแค่จิตหลอนไปเอง ไม่มีทางที่มันจะมีสติอยู่แล้ว"นักเวทย์คนนั้นทำท่าเฉยเมยกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนที่เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ เลยหันกลับไปหาพวกที่เหลือ แล้วเอ่ยขึ้น

“จะว่าไป... แกได้ยินเรื่องของเจ้าเด็กขุนนางตกอับคนนั้นบ้างไหม?”

“ลูกขุนนาง?” เพื่อนร่วมกลุ่มขมวดคิ้วพลางหันมามอง

“ไม่ใช่ๆเป็นเด็กที่โดนเก็บมาเลี้ยง ไม่มีเชื้อสายขุนนางหรอก”

คำพูดนั้นเรียกความสนใจของชายอีกคนทันที เขาหยุดเดินแล้วเอ่ยเสียงขรึม

“งั้นก็เอรอส? ไอ้เด็กผมดำคนนั้นน่ะหรอ?... ได้ข่าวว่ามันโดนไล่ออกจากตระกูลไปพักใหญ่แล้วหนิ?”

ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของพวกมันทำให้ไอลีนเบิกตากว้าง เธอกลั้นหายใจ หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา เธอพยายามไม่หันไปมองเอรอส แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่เริ่มแผ่ออกมาจากตัวเขา

“ได้ข่าวว่ามันไล่ซ้อมพวกไถ่เงินที่อยู่แถวนี้ไปเยอะพอสมควร..… บางทีเราควรจะไปเยี่ยมมันสักหน่อยน่ะ”

“เห็นด้วย ยังไงก็เป็นแค่ขยะอยู่แล้ว ถึงเมื่อก่อนจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็แค่ขยะที่ไร้เงาของตระกูลคุ้มหัว จะไปทำอะไรได้?”

คำพูดของพวกมันเต็มไปด้วยการดูแคลนและเย้ยหยัน

“ดีเลย ถึงการหาตัวมันจะยากไปหน่อย เพราะไม่มีเส้นมานาอยู่ในตัวสักนิด แต่ถ้าพวกแกช่วยด้วย การตามหามันคงไม่ยากแน่ๆ”

กลุ่มนักเวทย์พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะร่ายคาถาเล็กๆที่เปล่งแสงจางๆ บนฝ่ามือของพวกมัน พื้นดินรอบตัวพวกมันเกิดแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ก่อนที่ลมแรงจะพัดขึ้น พวกมันลอยตัวขึ้นช้าๆ แล้วเร่งความเร็วบินจากไปในความมืด

ไอลีนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเธอยังคงมองไปที่จุดที่พวกมันหายลับไปในท้องฟ้ากลางคืน ก่อนที่จะหันไปมองที่มือของเอรอส ซึ่งตอนนี้กำลังจับคอของเธออยู่

เอรอสคิด เขาควรฆ่าเธอทันที  มันคือสิ่งที่สมควรทำในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ความลับ แต่บางอย่างในตัวเขากลับหยุดมือไว้

เอรอสกัดฟันแน่น ก่อนที่แรงบีบบนคอของเธอจะค่อยๆคลายลงอย่างช้าๆ เขาปล่อยมือจากลำคอของเธอแล้วถอยหลังออกมา ทิ้งเธอให้ทรุดตัวลงกับพื้น ขณะที่มือของเธอยกขึ้นมาสัมผัสรอยแดงจางๆบนคอ

“ทำไม...นายไม่ฆ่าฉัน?” ไอลีนพึมพำ เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

เอรอสไม่ตอบ เขาหันหลังให้เธอ มือข้างหนึ่งกดแน่นลงบนแขนที่เปลี่ยนสภาพผิดมนุษย์ราวกับพยายามควบคุมมัน เส้นเลือดสีแดงเรืองแสงยิ่งเต้นแรงขึ้นจนเหมือนจะระเบิดออก

“ฉัันไม่รู้..... ” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน

ไอลีนมองเขา เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่เธอเห็นได้ชัดคือความขัดแย้งในตัวเขา เขากำลังต่อสู้อย่างหนัก ทั้งกับบางสิ่งในตัวเอง และบางสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจของเธอ

“นายไม่เป็นไร...ใช่ไหม?” เธอถามเสียงเบา ทั้งที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงยังพูดคุยกับเขา

เอรอสหันมามองเธอเพียงแวบหนึ่ง ดวงตาสีแดงข้างนึงนั้น ยังคงเย็นชา แต่ลึกลงไปในแววตานั้นมีบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปอีกครั้ง

“หนีไปซะ...” เขาเอ่ยคำสั้นๆ น้ำเสียงหนักแน่น

ก่อนที่ไอลีนจะทันพูดอะไร เขาก็หมุนตัวเดินออกจากซากอาคารไป ทิ้งเธอไว้ท่ามกลางความเงียบงัน

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ หายไปในความมืด เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงปล่อยเธอ ทั้งที่ดูเหมือนเขาจะพร้อมฆ่าเธอในเสี้ยววินาทีนั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้แน่คือ ชายที่อยู่ตรงหน้า แตกต่างจากสัตว์ประหลาดที่เธอเคยได้ยินมาอย่างเห็นได้ชัด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status