แชร์

ตอนที่ 43 ผู้รับรอง

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-23 06:58:42

เสียงกระซิบแห่งเวทมนตร์ แผ่วเบา แต่ทรงพลัง ดังก้องอยู่ในอากาศอันเย็นเยียบ ริบบิ้นสีดำ ที่ราวกับเงาแห่งความมืดจากอีกโลกหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า มันเคลื่อนไหวดั่งมีชีวิต เลื้อยวนรอบร่างของ เอรอส ซ้อนชั้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับงูพิษที่กำลังจู่โจมเหยื่อ ความแน่นหนาของริบบิ้นทำให้แม้แต่ลมหายใจยังรู้สึกตึงเครียด แขนขาถูกตรึงแน่น ริบบิ้นเลื้อยขึ้นสูง ปิดริมฝีปาก และบดบังดวงตาของเขาไว้อย่างมิดชิด ไม่ว่าจะดิ้นรนหรือใช้พลังทั้งหมดที่มี พันธนาการเหล่านั้นยังคงรัดแน่น น้ำหนักของเวทมนตร์ที่โอบล้อมร่างเขาเหมือนโซ่ตรวนหนักอึ้งที่ไม่มีวันปลดได้

จอมเวทย์ผู้ร่ายมนตรามองดูภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากของเขา แฝงความพอใจอย่างปิดไม่มิด ในขณะที่อีกคนหนึ่งในกลุ่มของเขาเดินเข้ามาใกล้ กระชากคอเสื้อของเอรอสอย่างรุนแรง พร้อมๆกับลากเขาไปกับพื้น ราวกับเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่า

ไม่ไกลออกไป ไอลีน ยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้ ก่อนที่วิ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่ แล้วตะโกนเสียงดังลั่น

"หยุดเดี๋ยวนี้! คุณตั้งใจจะพาเขาไปที่ไหน?"

น้ำเสียงของเธอหนักแน่นเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ดวงตาที่มุ่งมั่นของเธอ ตอกย้ำว่าเธอไม่ใช่เพียงเด็กสาวธรรมดา ทว่าคำพูดของเธอไม่ได้ทำให้จอมเวทย์เหล่านั้นสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด ชายผู้ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน

"เด็กน้อย เรากำลังทำหน้าที่ตามกฏหมาย เรื่องนี้เกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ อย่ามายุ่งให้เสียเวลาจะดีกว่า" เสียงของเขาเย็นชา ราวกับใบมีดน้ำแข็งที่แทงลงกลางใจ

ไอลีนสูดหายใจลึก เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

"คุณบอกว่ากำลังปฏิบัติตามกฎหมาย... แล้วการลักพาตัวเขาไปโดยไม่ให้สิทธิ์พูดอะไรเลย มันเข้าข่ายกฎหมายตรงไหน?"

คำถามนั้นทำให้จอมเวทย์บางคนหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่ชายอีกคนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาก้าวเข้ามาใกล้ สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน

"เด็กน้อย นี้มันเรื่องใหญ่กว่าที่เธอคิด... เราไม่อยากมาเสียเวลากับเธอหรอก ช่วยอย่ามายุ่งจะได้รึเปล่า?"

ไอลีนจ้องตาเขาแน่วนิ่ง แม้หัวใจของเธอจะเต้นระรัว แต่เธอไม่ยอมถอยแม้เพียงก้าวเดียว "ไม่ว่าคุณจะพูดอย่างไร แต่สิ่งที่คุณทำตอนนี้ผิดแน่นอน! ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้พวกคุณพาตัวเขาไป"

จอมเวทย์อีกคนแทรกขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม "เด็กคนนี้...คิดว่าตัวเองสำคัญ และ มีอำนาจมากนักหรือไง? เขาเป็นแค่หัวขโมย เราต้องการตัวเขาเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับที่ซ่อนของเงินที่ถูกขโมยมา ใครก็ขวางไม่ได้!"

ไอลีนชะงักไปเพียงครู่ แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าความลังเลนั้นอยู่ไม่นาน เธอยืดตัวขึ้นอย่างแน่วแน่อีกครั้ง

"ถ้าคุณต้องการสอบปากคำเขา คุณต้องทำตามกระบวนการ ไม่ใช่ใช้กำลังลักพาตัวไปแบบนี้!"

คำพูดหนักแน่นของไอลีน ทำให้จอมเวทย์ทั้งกลุ่มหันมองหน้ากัน บรรยากาศที่เคยดูสง่างามแต่หยิ่งผยอง เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความตึงเครียด ผู้นำกลุ่มจอมเวทย์ หันกลับมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา 

"เธอคิดจริงๆ หรือว่าเสียงเล็กๆของเด็กสาวอย่างเธอ จะมีน้ำหนักพอจะหยุดพวกเรา?"

คำพูดนั้นเหมือนมีดที่กรีดกลางใจ แต่ไอลีนไม่สะทกสะท้าน เธอยืนมั่นอย่างท้าทาย "ฉันอาจจะไม่มีพลังเท่าพวกคุณ แต่ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้มันผิด!" น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ยากจะปฏิเสธ

จอมเวทย์ผู้นำขมวดคิ้ว ท่าทีรำคาญปรากฏชัด เขาหันไปส่งสัญญาณให้พรรคพวกจัดการพาตัวเอรอสออกไปโดยไม่สนใจเธออีก

"คิดจะไปไหน!" ไอลีนตะโกนเสียงดัง ความดื้อรั้นของเธอเด่นชัดก่อนที่ม่านเวทย์โปร่งแสง จะถูกสร้างขึ้นกั้นกลางระหว่างเธอกับพวกเขาในทันที แสงบางเบาแต่ทรงพลัง เรืองรองตรงหน้าเธอ ราวกับจะประกาศว่าเธอไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง

ไอลีนยื่นมือออกไป ความพยายามที่จะสัมผัสหรือทำลายม่านนั้นมีแต่ความว่างเปล่าตอบกลับมา เธอพึมพำกับตัวเอง

"...ปืนของฉันกำลังซ่อมอยู่" น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเธอ แม้จะรู้ว่ามีพลังเวทย์เพียงเล็กน้อย แต่เธอยังคงพยายาม เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะยกมือขึ้นรวบรวมพลังที่เหลืออยู่ แสงจางๆ สั่นไหวจากฝ่ามือพุ่งเข้าหาม่านเวทย์เบื้องหน้า

เปรี๊ยะ! เสียงกระทบดังขึ้น แต่ม่านเวทย์นั้นไม่แม้แต่จะสะเทือน ไอลีนกัดฟันแน่น มือทั้งสองยังคงประสานพลังต่อไป แม้หัวใจจะรู้ดีว่าไม่มีทางชนะ

"ทำไม..." เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาและเจือความสิ้นหวัง "ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ตลอด..."

เธอยืนมองพวกเขาลากตัวเอรอสไป ตัวของเขาค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ น้ำตาคลอเบ้าของเธอ เธอคิดว่าแค่มีปืนตัวเองก็จะมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ความจริงกลับโหดร้ายเกินคาด

ท่ามกลางความเงียบและสิ้นหวัง เสียงหนึ่งที่แฝงความเยือกเย็นและทรงอำนาจพลันดังขึ้นจากด้านหลัง

"หยุดเดี๋ยวนี้ พวกท่านคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ?"

ทุกคนหยุดชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าในเสื้อคลุมยาวสีดำ สัญลักษณ์ของหอคอยเวทมนตร์ ปักอยู่บนอกซ้ายของเขาอย่างเด่นชัด เขาคือ เซนริก เวลด์ ผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์ จอมเวทย์อัจฉริยะระดับ 5 วงแหวนที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก

สายตาคมกริบของเขา กวาดมองจอมเวทย์ทั้งกลุ่มด้วยความสงสัยและตำหนิที่ชัดเจน "ข้าจะถามอีกครั้ง—พวกท่านกำลังทำอะไร? การพาตัวเขาไปเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิทางกฎหมายอย่างชัดเจน"

หนึ่งในจอมเวทย์กล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก "ท่านเซนริก... ข้า... ข้ามีเหตุผล เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เราจำเป็นต้องนำตัวเขาไปสอบสวน!"

"อาชญากรรม?" น้ำเสียงเยือกเย็นของเซนริก ขัดขึ้นในทันที "คำกล่าวหาที่ไร้หลักฐานก็ไม่ต่างจากลมปาก พวกท่านมีเอกสารยืนยันหรือ?"

คำถามนั้นทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้น เหล่าจอมเวทย์มองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน ผู้นำกลุ่มพยายามยืนหยัด

"เรา... เรามีสิทธิ์ที่จะทำตามหน้าที่ นี่คือเรื่องเร่งด่วน!"

เซนริกคลี่ยิ้มบางๆ แต่สายตากลับเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม

"สิทธิ์? การใช้เวทย์พันธนาการและพาตัวคนไปโดยพลการเช่นนี้ ข้าสงสัยนักว่าสิทธิ์นั้นได้มาอย่างไร"

บรรยากาศที่เงียบงัน กลับมาหลังคำพูดของเซนริก จอมเวทย์ผู้นำกลุ่ม แม้จะพยายามแสดงความกล้าหาญ แต่แววตาของเขากลับมีความลังเลชัดเจน เขากำมือแน่น สีหน้าบ่งบอกถึงความขัดแย้งในใจ

"เอรอสไม่มีผู้รับรองหรือผู้ปกครอง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง "ข้าบอกแล้วว่าเรามีสิทธิ์พาตัวเขาไป!"

เซนริกยังคงยืนนิ่ง สายตาคมกริบของเขาจับจ้องผู้นำจอมเวทย์อย่างไม่ละสายตา ราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของอีกฝ่าย ท่าทีของเขาทรงอำนาจจนไม่มีใครกล้าเอ่ยแย้ง

ขณะเดียวกัน เอรอส ที่ถูกพันธนาการไว้ เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งผิดปกติ ดวงตาของเขาเหลือบมองเซนริกผ่านริบบิ้นเวทมนตร์ที่หลุดออกไปจากดวงตาของเขาเล็กน้อยในตอนที่เขาปรากฏตัว "นี่มัน..." เขาคิดในใจ สัมผัสของเขาแจ่มชัดขึ้น ร่างของเซนริกไม่ใช่มนุษย์ แต่กลับเป็นกลุ่มก้อนพลังเวทมนตร์ที่ประณีตที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น

“ไม่ใช่ตัวจริง...” เอรอสพึมพำเบาๆ แต่ไม่มีใครได้ยิน

ในขณะนั้นเอง ไอลีน ที่ยืนอยู่ข้างหลังเซนริก สูดลมหายใจลึก เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

"ถ้าไม่มีใครรับรองเขา... ฉันจะเป็นผู้รับรองเอง"

คำพูดของเธอทำให้ทุกคนตกตะลึง เหล่าจอมเวทย์หันมองเธอพร้อมกัน สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจและสงสัย

ผู้นำกลุ่มจอมเวทย์แค่นเสียง "เธอ? จะรับรองเขา? เด็กอย่างเธอเข้าใจหรือเปล่าว่าการเป็นผู้รับรองหมายถึงอะไร?"

ไอลีนพยักหน้า เธอเงยหน้าขึ้น จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่ "ฉันรู้ และฉันพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง"

จอมเวทย์เหล่านั้นเริ่มกระซิบกระซาบกัน บ้างมองเธอด้วยความสงสัย บ้างแฝงความดูแคลน เซนริกเหลือบตามองไอลีน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เหมือนรับรู้บางสิ่ง

"ในเมื่อมีผู้รับรองอย่างเป็นทางการแล้ว..." เซนริกกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่กดดันจนทุกคนรู้สึกอึดอัด

"การพาตัวเขาไปโดยพลการเช่นนี้ ย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ดำเนินต่อ"

ผู้นำกลุ่มจอมเวทย์กัดฟันแน่น เขามองไอลีนด้วยสายตาแฝงความไม่พอใจอย่างชัดเจน "ก็ได้... แต่เรื่องนี้จะไม่จบแค่นี้แน่นอน"

เขาส่งสัญญาณให้พรรคพวกถอยกลับ เวทย์พันธนาการที่พันตัวเอรอสไว้ค่อยๆคลายออก ริบบิ้นสีดำเลือนหายไปในอากาศ ท่ามกลางแสงจางๆ ก่อนที่พวกนั้นจะรีบบินหายออกไปด้วยความหงุดหงิดอย่างรวดเร็ว

เมื่อกลุ่มจอมเวทย์จากไป บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ไอลีนหันไปหาเอรอสด้วยสายตาแฝงความกังวล "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?"

เอรอสที่ยังนั่งอยู่กับพื้น ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า สายตาของเขาเหลือบมองเซนริก ซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมา คือเซนริกหายไปจากที่ตรงนั้น ราวกับเป็นเงาลวงตา

"หายไปแล้ว..." เอรอสพึมพำกับตัวเอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม "เขา... คืออะไรกันแน่?"

ไอลีนเดินเข้ามาใกล้เขาอีกก้าว เธอยิ้มบางๆ ให้ รอยยิ้มนั้นดูสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เอรอสรู้ดีว่าเธอกำลังซ่อนบางสิ่งไว้

"เธอรู้จักเขาใช่ไหม?" เอรอสถามตรงๆ

ไอลีนชะงัก แต่เพียงครู่เดียว เธอก็หลบสายตาไปทางอื่น แสงแดดยามเช้าสาดผ่านต้นไม้ลงมาบนใบหน้าของเธอ เธอสูดลมหายใจลึกก่อนตอบ

“...นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายต้องกังวลตอนนี้” เธอพูดเบาๆ แต่แฝงความหนักแน่น

เอรอสยังคงจ้องเธอ "แล้วอะไรล่ะที่ฉันต้องกังวล?"

"มากับฉันก่อน เราต้องไปจัดการเอกสารรับรองตัวตนให้นาย" ไอลีนพูดตัดบท เสียงของเธอจริงจังขึ้น "ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ พวกนั้นอาจกลับมาหานายอีก"

สายลมอ่อนๆ ในยามเช้าพัดผ่านพวกเขา กลิ่นสดชื่นของธรรมชาติรอบตัวทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในความเงียบสงบนั้น เอรอสกลับรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ยังไม่ได้รับคำตอบ

เขาจ้องไอลีนด้วยสายตาครุ่นคิด "คุณกำลังปิดบังอะไรอยู่ใช่ไหม?"

ไอลีนหันมามองเขาอีกครั้ง แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เธอเพียงยื่นมือมาข้างหน้า "ไปกันเถอะ"

เอรอสลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับมือเธอไว้ แสงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องทำให้เงาของพวกเขาซ้อนทับกันขณะที่เธอเดินนำหน้า ส่วนเขายังคงเดินตามพร้อมกับความคิดที่หมุนวน

"ทำไมเธอถึงทำแบบนี้? แล้วเซนริก... พวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 เรียนรู้

    เอรอสค่อยๆตื่นขึ้นในห้องประชุมท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงแสงริบหรี่ที่ส่องลอดเข้ามาจากขอบประตู ร่องรอยของเวทมนตร์เก่าก่อนยังคงอบอวลอยู่ในอากาศจางๆ แม้แสงจากเทียนเวทมนตร์ที่เคยให้ความสว่างจะดับไปจากการตัดการเชื่อมต่อกับเวทมนตร์ทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกและว่างเปล่า แต่กลิ่นอายของพลังที่เหลืออยู่ยังคงสร้างแรงกดดันให้ผู้ที่อยู่ภายในเล็กน้อยเขาขยับตัวกึ่งลุกกึ่งนั่งจากเก้าอี้ที่ดูเหมือนจะทำให้เขาหลับไปลึกเกินคาด โต๊ะยาวตรงหน้าเขามีแฟ้มเอกสารเล็กๆวางไว้อยู่ ดูเหมือนจะเป็นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะรับปากจะจัดการให้เขาหยิบแฟ้มเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะมาตรวจสอบ ใช้มือสีคล้ำที่มีกล้ามเนื้อชัดเจนลูบเส้นผมสีเทาของตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกความกระปรี้กระเปร่า สายตาสีแดงฉานของเขากวาดมองไปทั่วห้องเล็กๆที่ยังคงอบอวลด้วยบรรากาศที่ชวนให้รู้สึกพิศวง พลางเหลือบมองเวลาที่บอกเขาว่านี้เป็นเวลาตี 1 ดูเหมือนเขาจะเผลอหลับไปแค่ชั่วโมงเดียว ยังดีที่เสียเวลาแค่นั้นหลังจากตรวจดูเอกสารครู่หนึ่งโดยที่ไม่มีใจความสำคัญอะไรที่ทำให้เขาต้องรีบร้อนเป็นพิเศษ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และก้าวออกจาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    คาร์ลีนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในดันเจี้ยนที่ผสานเขากับเขตแดนของเธอ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ความสัมพันธ์ลึกลับนี้ ทำให้คาร์ลีนรับรู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของชายที่มีฉายาว่า จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มาเนิ่นนาน แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากของเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับคำพูดนั้นหนักเกินกว่าจะเปล่งออกมาดวงตาสีม่วงเข้มของเธอสะท้อนแสงจากโคมไฟ เธอนั่งนิ่งราวกับขบคิด แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ ความหนักใจเหมือนสายลมหนาวที่แผ่วผ่านกลับถูกเติมเต็มด้วยความหวังอันเปราะบาง เธออยากให้เขามาหา อยากได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 46 ทายาทแห่งดาบ

    คลินิกของโจชัว ตั้งอยู่ในเขตสามัญชน ตัวอาคารหินสีซีดดูเรียบง่ายแฝงความล้าสมัย ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว คลินิกนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนโรงพยาบาล แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยประมาณสิบคน เหมาะสำหรับการดูแลแบบส่วนตัวยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น เอรอสยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามคลินิก แม้ลมหนาวจะพัดแรง แต่ร่างกายของเอรอสกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อความเย็น ราวกับความหนาวนั้นไม่อาจแตะต้องเขาได้ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท นั่นเป็นห้องทำงานของโจชัว ซึ่งเขาใช้สำหรับจัดการเอกสารในช่วงกลางวัน แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 47 ในความสงบของรุ่งสาง

    เอรอสก้าวออกจากป่าทึบในรูปลักษณ์ของอาร์วิน สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตัวเขาอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์ยังคงสลัวทำให้เห็นเงาของคฤหาสน์ตระกูลวัลธอเรนลางๆ อยู่ไม่ไกล จุดที่เขามุ่งหน้าไปคือบริเวณใต้หน้าต่างห้องพักของเขาเองก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายแปลกหน้าที่เอรอสช่วยเหลือไว้ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาวราวกับหยิบยกมาจากยุคโบราณ ชายคนนี้ดูเหมือนนักเดินทางที่หลงยุค เขาอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เอรอสจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยมาให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

    แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมันเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 1 เดิมพันสามวัน

    ภายในห้องทำงานแผนกสืบสวนของกิลด์นักผจญภัย ความเงียบอันแผ่ปกคลุมบรรยากาศทั่วทั้งห้อง แม้แสงอาทิตย์จะส่องลอดหน้าต่างบานใหญ่เข้ามา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ห้องนี้รู้สึกอบอุ่นแม้แต่น้อย เงาไม้ สลับกับ แสงสลัวของห้อง สร้างความรู้สึกกดดันและขัดแย้งกับความสงบที่ควรมี เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นจากมุมห้อง ขุนนางร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีดุดันราวกับจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า น้ำเสียงดุดันของเขาก้องกังวาน ดั่งพายุที่พร้อมจะถาโถมลงมา“นี่พวกแกทำอะไรกันอยู่!!” เสียงเขาดังลั่นเหมือนฟ้าผ่ากลางห้อง ดวงตาแดงก่ำจากความโกรธจับจ้องไปยังชายวัยกลางคนผู้จัดการแผนกสืบสวน ซึ่งยืนก้มหน้าอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าของผู้จัดการแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย มือกำหมัดแน่นเพื่อระงับความหวาดกลัวที่ตีตื้นขึ้นมา“ขออภัยจริงๆ ครับท่าน เรากำลังพยายามเต็มที่ในการตามหาตัวลูกชายของท่าน เราจะเร่งหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด…” เขาพูดเสียงแผ่ว แต่ยังคงพยายามรักษาท่าทีสุภาพ ในแววตาของเขามีแต่ความวิตกกังวลขุนนางชายหันขวับมามองด้วยแววตาเย็นชา ร่างของเขาสูงใหญ่ และ ทรงอำนาจราวกับจะบดขยี้ชายเบื้องหน้าด้วยสายตาเพี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 2 ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

    เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจนตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชายและหญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัยและเจ้าหน้าที่ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็กและไร้เสียงในท่ามกลางความโกลาหลนี้ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขา ราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้น เสียงเบาๆ ของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขา ทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ"นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชายเด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขียวมรก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 49 หน้ากากแห่งคำลวง

    เอเลน่านั่งอยู่บนเตียง จ้องมองอาร์วินที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย ดวงตาสีเทาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความลึกที่อธิบายไม่ได้ มีบางสิ่งในแววตานั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว แต่เธออ่านมันไม่ออกบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เสียงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ดังก้องในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นของผ้าปูที่นอนใต้ฝ่ามือ พยายามดึงสติกลับมา แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกตรึงด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นอาร์วินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"เอเลน่า... ฉันไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน แต่ฉันจะพยายามเล่าให้เธอฟัง"เสียงของเขานุ่มลึก แต่สั่นเครือเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างที่หนักหนา ทว่าในใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ เอเลน่านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาพูดต่อ แม้ในใจจะปั่นป่วนจนแทบระเบิดอาร์วินถอนหายใจยาว เสียงนั้นเหมือนลมหายใจที่พยายามปลดปล่อยความกดดันบางอย่าง"ตอนที่ฉันถูกจับอยู่ในคุก... ฉ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 48 ชื่อที่ไม่ควรถูกเอ่ย

    แสงแดดอ่อนในยามสายลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีขาว ลำแสงบางตกกระทบบนเตียงนุ่ม ส่งไออุ่นที่สัมผัสได้ เอเลน่าค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงนกร้องจากต้นไม้ไกลๆ กลืนไปกับบรรยากาศเงียบสงบในห้อง เธอพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความอบอุ่นของผ้าห่มราวกับกักเก็บเธอไว้ในห้วงความฝันที่ไม่อยากตื่นจากมันเธอค่อยๆยืดเส้นยืดสายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ เมื่อสายตาเธอกวาดมองไปรอบห้องและสะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มนั่งหลับพิงเก้าอี้อยู่ ใบหน้าสงบนิ่งในเงามืด เส้นผมสีทองของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อต้องแสงที่ลอดเข้ามา เอเลน่าจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ช่วงเวลานี้เผยให้เห็นอีกด้านของเขา—ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเหมือนจะซ่อนเร้นก่อนหน้า ทำให้เธอโล่งใจเล็กน้อย ดวงตาของเธอสบเข้ากับใบหน้าอ่อนล้าของเขา ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความสับสนและความอบอุ่นไหลเวียนในอก“อาร์วิน...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนจะยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก่อนที่แก้มของเธอจะร้อนวูบวาบเมื่อเหลือบมองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ แต่เป็นของเขา“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงข

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 47 ในความสงบของรุ่งสาง

    เอรอสก้าวออกจากป่าทึบในรูปลักษณ์ของอาร์วิน สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านตัวเขาอย่างแผ่วเบา แสงจันทร์ยังคงสลัวทำให้เห็นเงาของคฤหาสน์ตระกูลวัลธอเรนลางๆ อยู่ไม่ไกล จุดที่เขามุ่งหน้าไปคือบริเวณใต้หน้าต่างห้องพักของเขาเองก่อนหน้านี้ ในจุดลึกที่สุดของป่า เขาได้ซ่อนสิ่งของเอาไว้ใต้รากไม้เก่าแก่ บริเวณนั้นมีการวางอาคมพิเศษที่เรียนรู้จากชายคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนชายแปลกหน้าที่เอรอสช่วยเหลือไว้ปรากฏตัวในชุดยาวสีฟ้าอมเทา ตกแต่งด้วยลวดลายเมฆและคลื่นน้ำปักด้วยด้ายเงิน เสื้อตัวนั้นพาดสาบทับกันอย่างประณีต แขนเสื้อกว้างและชายผ้าปล่อยยาวราวกับหยิบยกมาจากยุคโบราณ ชายคนนี้ดูเหมือนนักเดินทางที่หลงยุค เขาอ้างว่ากำลังเดินทางรอบโลกแต่กลับถูกปล้นระหว่างทาง สูญเสียเงินทองและข้าวของมีค่าทั้งหมด แม้เอรอสจะช่วยจับตัวคนร้ายไว้ได้ แต่เนื่องจากสิ่งของที่ถูกขโมยมามีเยอะ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบและคืนทรัพย์สินยังคงใช้เวลาหลายวันแทนการตอบแทนด้วยทรัพย์สินที่เขาไม่มี ชายคนนั้นกลับยื่นหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกขโมยมาให้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยตัวอักษรและภาพสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นศาสตร์โบราณ ซึ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 46 ทายาทแห่งดาบ

    คลินิกของโจชัว ตั้งอยู่ในเขตสามัญชน ตัวอาคารหินสีซีดดูเรียบง่ายแฝงความล้าสมัย ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามดึก หน้าต่างกระจกสีชั้นล่างสะท้อนแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป ลวดลายบนกระจกดูเหมือนจะพร่ามัวในแสงสลัว คลินิกนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนโรงพยาบาล แต่เพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยประมาณสิบคน เหมาะสำหรับการดูแลแบบส่วนตัวยามตีสี่ ลมหนาวพัดโชยไปทั่วบริเวณ ความเงียบรอบตัวแทบจะทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้น เอรอสยืนพิงกำแพงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ตรงข้ามคลินิก แม้ลมหนาวจะพัดแรง แต่ร่างกายของเอรอสกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาต่อความเย็น ราวกับความหนาวนั้นไม่อาจแตะต้องเขาได้ ดวงตาสีแดงจับจ้องไปยังหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท นั่นเป็นห้องทำงานของโจชัว ซึ่งเขาใช้สำหรับจัดการเอกสารในช่วงกลางวัน แต่ในยามนี้ ไม่มีแสงไฟส่องลอดออกมา“ไม่ใช่เวลามาลังเลแล้ว ตัดสินใจไปแล้วนี่…” เขาพึมพำเสียงเบา ความเงียบรอบตัวทำให้เสียงนั้นแทบชัดเจนในสายลม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้สุ้มเสียง กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างชั้นสอง เสียงลมแผ่วเบาและใบไม้ไหวกลบการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาสีแดงสังเกตการณ์ในห้องอีกครั้งเพื่อยืนยันว่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 หัวใจที่ไม่อาจไขว่คว้า

    คาร์ลีนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจยาว เส้นผมดำขลับทิ้งตัวแนบกับไหล่ราวเงามืดที่เกาะกุมตัวเธอ ผิวขาวซีดราวหินอ่อนสะท้อนแสงอ่อนจากโคมไฟบนโต๊ะ ขับเน้นชุดยาวสีดำที่พลิ้วไหวดุจเงามืดในสถานที่แห่งนี้ในดันเจี้ยนที่ผสานเขากับเขตแดนของเธอ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกับเธอ ความสัมพันธ์ลึกลับนี้ ทำให้คาร์ลีนรับรู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่จุดใดในสถานที่แห่งนี้ เธอก็สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เสมอเรย์นาร์ค—หรือเอรอสในร่างของชายที่มีฉายาว่า จอมเชือด เรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขานั้นเป็นสิ่งที่เธอรับรู้มาเนิ่นนาน แต่สิ่งที่เธอปรารถนากลับไม่ใช่การค้นพบด้วยตัวเอง หากแต่เป็นการได้ยินคำตอบจากปากของเขาโดยตรงเธอเฝ้ารอให้เขาเปิดเผยความลับนี้กับเธอ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเก็บมันไว้ ไม่มีท่าทีที่จะบอกเธอ ราวกับคำพูดนั้นหนักเกินกว่าจะเปล่งออกมาดวงตาสีม่วงเข้มของเธอสะท้อนแสงจากโคมไฟ เธอนั่งนิ่งราวกับขบคิด แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกในใจ ความหนักใจเหมือนสายลมหนาวที่แผ่วผ่านกลับถูกเติมเต็มด้วยความหวังอันเปราะบาง เธออยากให้เขามาหา อยากได

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 เรียนรู้

    เอรอสค่อยๆตื่นขึ้นในห้องประชุมท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงแสงริบหรี่ที่ส่องลอดเข้ามาจากขอบประตู ร่องรอยของเวทมนตร์เก่าก่อนยังคงอบอวลอยู่ในอากาศจางๆ แม้แสงจากเทียนเวทมนตร์ที่เคยให้ความสว่างจะดับไปจากการตัดการเชื่อมต่อกับเวทมนตร์ทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกและว่างเปล่า แต่กลิ่นอายของพลังที่เหลืออยู่ยังคงสร้างแรงกดดันให้ผู้ที่อยู่ภายในเล็กน้อยเขาขยับตัวกึ่งลุกกึ่งนั่งจากเก้าอี้ที่ดูเหมือนจะทำให้เขาหลับไปลึกเกินคาด โต๊ะยาวตรงหน้าเขามีแฟ้มเอกสารเล็กๆวางไว้อยู่ ดูเหมือนจะเป็นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะรับปากจะจัดการให้เขาหยิบแฟ้มเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะมาตรวจสอบ ใช้มือสีคล้ำที่มีกล้ามเนื้อชัดเจนลูบเส้นผมสีเทาของตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกความกระปรี้กระเปร่า สายตาสีแดงฉานของเขากวาดมองไปทั่วห้องเล็กๆที่ยังคงอบอวลด้วยบรรากาศที่ชวนให้รู้สึกพิศวง พลางเหลือบมองเวลาที่บอกเขาว่านี้เป็นเวลาตี 1 ดูเหมือนเขาจะเผลอหลับไปแค่ชั่วโมงเดียว ยังดีที่เสียเวลาแค่นั้นหลังจากตรวจดูเอกสารครู่หนึ่งโดยที่ไม่มีใจความสำคัญอะไรที่ทำให้เขาต้องรีบร้อนเป็นพิเศษ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และก้าวออกจาก

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 ผู้รับรอง

    เสียงกระซิบแห่งเวทมนตร์ แผ่วเบา แต่ทรงพลัง ดังก้องอยู่ในอากาศอันเย็นเยียบ ริบบิ้นสีดำ ที่ราวกับเงาแห่งความมืดจากอีกโลกหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า มันเคลื่อนไหวดั่งมีชีวิต เลื้อยวนรอบร่างของ เอรอส ซ้อนชั้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับงูพิษที่กำลังจู่โจมเหยื่อ ความแน่นหนาของริบบิ้นทำให้แม้แต่ลมหายใจยังรู้สึกตึงเครียด แขนขาถูกตรึงแน่น ริบบิ้นเลื้อยขึ้นสูง ปิดริมฝีปาก และบดบังดวงตาของเขาไว้อย่างมิดชิด ไม่ว่าจะดิ้นรนหรือใช้พลังทั้งหมดที่มี พันธนาการเหล่านั้นยังคงรัดแน่น น้ำหนักของเวทมนตร์ที่โอบล้อมร่างเขาเหมือนโซ่ตรวนหนักอึ้งที่ไม่มีวันปลดได้จอมเวทย์ผู้ร่ายมนตรามองดูภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากของเขา แฝงความพอใจอย่างปิดไม่มิด ในขณะที่อีกคนหนึ่งในกลุ่มของเขาเดินเข้ามาใกล้ กระชากคอเสื้อของเอรอสอย่างรุนแรง พร้อมๆกับลากเขาไปกับพื้น ราวกับเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่าไม่ไกลออกไป ไอลีน ยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้ ก่อนที่วิ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่ แล้วตะโกนเสียงดังลั่น"หยุดเดี๋ยวนี้! คุณตั้งใจจะพาเขาไปที่ไหน?"น้ำเสียง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง

    เมื่อเอรอสเฝ้ามองไอลีนอยู่นาน สีหน้าเย็นชาของเขาเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ"ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ช่วยหลบไปหน่อย"เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้าง เตรียมเดินผ่าน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป ไอลีนก็ยื่นมือออกมาคว้าข้อมือเขาไว้ ดวงตาของเธอที่เคยลังเลกลับแน่วแน่ขึ้น"ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว" ไอลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บความกังวลเอรอสหยุดชะงัก แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นไม่พอใจชัดเจนยิ่งขึ้น เขาหันไปมองรอบๆ เห็นสายตาของเด็กบางคนที่อาจกำลังแอบมองอยู่จากหน้าต่าง และหญิงชราที่ครัวกำลังหันมามองเช่นกันหลังจากที่ประเมินสถานการณ์ เขาเลื่อนสายตาไปยังมุมโล่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก"ตามมา" เขาเอ่ยสั้นๆก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของเธอ และเดินนำไปยังที่ที่เขาเลือกไว้ไอลีนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินตามเขาไป ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ สายลมอ่อนๆพัดผ่านเบาๆ ท่ามกลางความเงียบที่อึดอัด ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน เอรอสกอดอกและเอนตัวพิงต้นไม้ สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา"พูดมา จะพูดอะไรก็รีบพูด" เขาเร่งด้วยน้ำเสียงที่ราวกับไม่สนใจ แต่ก

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ปลายทางของเหรียญทอง

    บรรยากาศในห้องทำงานของผู้อำนวยการบ้านเด็กกำพร้าช่างอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กลิ่นอับของเอกสารเก่าผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ โอบล้อมพื้นที่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารและบัญชีการเงิน ผู้อำนวยการนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้หนังเก่าซึ่งดูเหมือนพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชวนให้รู้สึกระแวงมากกว่าสบายใจ"คุณเอรอสใช่ไหม? ฉันได้รับการแจ้งมาว่าคุณต้องการบริจาคเงินให้เหล่าเด็กๆที่คุณหนูไอลีนพามา" เสียงของเขาเนิบนาบ ท่าทางเหมือนพยายามจับจุดอีกฝ่ายเอรอสนั่งนิ่งอยู่ตรงข้าม เขาสูงโปร่งสำหรับเด็กหนุ่มวัย 16 ปี สายตาสีเทาของเขาเย็นชาและไม่เปิดเผยความรู้สึกใดๆ“ใช่ ผมมาที่นี่ บริจาคเงิน ให้เด็กๆที่เพิ่งเข้ามา" เขาเอ่ยเสียงเรียบผู้อำนวยการชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ"อืม น่าชื่นชมจริงๆนะครับ แต่การรับผิดชอบเงินจำนวนมากขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอมาจากครอบครัวไหนหรือ ถึงได้ใจกว้างขนาดนี้?"คำถามนั้นเหมือนมีความนัย แต่เอรอสไม่แสดงอาการใดๆ เขาเพียงหยิบถุงเงินออกมาจากกระเป๋าแล้ววางมันลงบนโต๊ะ เสียงเหรียญกระทบกันดังชัดเจน"ไม่จำเป็นต้องถาม" เขาตอบสั้นๆน้ำเสียงราบเรียบ แต่หนักแน่น

DMCA.com Protection Status